คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : c h a p t e r ; 1 - 9 9 P r o b l e m s -
99 Problems
ร่างสูงเดินเข้ามาในบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่มากนัก แว่นกันแดดที่สวมมาทำให้ผิวขาวๆของเขาดูโดดเด่นขึ้น สายตาสะดุดปลายตามองร่างบางที่เปิดประตูออกมาต้อนรับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแอบเหลือบมองชายผู้สูงอายุที่กำลังก้าวลงจากรถตามลงมา
“หนูชางมินใช่ไม”
ชายผู้สูงอายุที่พึ่งก้าวลงมาจากรถถาม ร่างบางที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน ร่างบางผงกหน้าขึ้นลง แล้วเอ่ยแนะนำตัวเอง ร่างบางรีบเดินนำคนทั้งสองเขาไปในบ้านคำพูดสั้นๆว่าพ่อของตัวเองกำลังรออยู่ในห้องรับแขก
“คุณคิม สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อน นั้นลูกชายผม คุณคงรู้จักแล้ว”
“อย่าพูดเหมือนห่างเหินกันเลย เรามันก็คนกันเองทั้งนั้น เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยไหนแล้ว นั่งคุยกันเถอะ นี้เราก็ไม่ได้เจอมาตั้งนานแล้ว”
คำทักทายตามภาษาเพื่อนเก่าแก่ ร่างบางแอบปรายตามองร่างสูงที่นั่งลงข้างๆคุณคิม แล้วรีบย้ายตัวเองออกไปที่ห้องครัว ยกน้ำและขนมนิดหน่อยมาให้คนที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องรับแขก
“ไม่ทราบว่าจะรับอะไรเพิ่มไมครับ?”
“ไม่ต้องหรอกหนูชางมิน แค่นี้ลุงก็ขอบคุณมากแล้ว นั่งลงเถอะ เราจะได้มาคุยกันเรื่องแต่งงาน”
ชางมินนั่งลงตามที่คุณคิมกล่าว ตอนนี้ร่างสูงถอดแว่นกันแดดออกแล้ว ทำให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นได้ชัดเจนกว่าครั้งไหน มันทั้งแข็งกร้าว และแสดงถึงความไม่พอใจได้อย่างชัดเจน
นั้นอาจจะเป็นข้อดีอีกข้อของชางมิน ที่สามารถดูคนออกมาทางแววตา ดวงตากลมโตหันไปสนใจกับบทสนธนาตรงหน้าแทน การพูดคุยเริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อตกลงมากมายเริ่มที่จะลงตัว คุณคิมหันไปมาถามผมว่าต้องการอะไรรึเปล่า
“ผมขอให้พวกคุณ..รู้เอาไว้ว่าการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากความรัก ฉะนั้นเมื่อเราทั้งสองคนหมดความอดทน เราจะหย่ากันทันที ตกลงไมครับ?”
ร่างบางเอ่ยพูดออกไป ก่อนจะจ้องมองแววตาของร่างสูงที่เริ่มแสดงความพอใจออกมานิดหน่อยกับคำพูดของผม ผมรู้…ว่าเขาก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน
“ตกลง…”
.
.
.
การแต่งงานเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่อาทิตย์ต่อมา มันเรียบง่าย และไร้ซึ่งแขก ญาติพี่น้องก็มีแต่คนสนิทเท่านั้น ร่างบางที่อยู่ชุดสูทสีขาวกำลังจ้องหน้าตัวเองอยู่ที่บานกระจก สายตากวาดทั่วไปร่างกายของตนเอง
“ไม่ต้องอะไรมากมายหรอกมั้ง คิม ชางมิน”
“ผมก็แค่ตรวจดูความเรียบร้อย”
ร่างบางปรายตามองร่างสูงที่เดินเข้ามาผ่านทางกระจกที่ยืนกอดอกตรงประตู สายตาของร่างสูงจ้องมองที่แผ่นหลังบางของคนที่ตัวเองต้องแต่งงานด้วย แจจุงสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างบอบบาง มือหนาเกาะกุมและโอบเข้าที่เอวบางๆนั้น มือหนาจับคางมนให้หันเอนมาด้านหลัง ริมฝีปากหนาประกบกับริมฝีปากบางเพียงแผ่นเบา
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองดวงตาสีนิลของคนตรงหน้า
“แข็งกระด้างจังนะ”
“ผมขอให้คุณรู้ไว้…ถึงผมจะแต่งงานกับคุณแต่ผมไม่ก็ไม่ใช่ของตายที่คุณอยากเมื่อไรก็มาได้”
ชางมินรีบเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ทิ้งให้ร่างสูงได้แต่กัดฟันกับคำพูดที่พึ่งได้ฟังมา ชางมิน! นายจะต้องมาขอร้องแทบเท้าฉัน…สักวัน แล้วนายนั้นละจะเป็นคนที่ขอหย่าฉัน
“พ่อขอให้ลูกทั้งสองจูบกันได้”
ริมฝีปากหนายกยิ้มกับเพียงชั่วครู่ แล้วรีบก้มลงชกชิมความหวานจากริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ลิ้นร้อนละเลงทั่วริมฝีปากบาง มือหนาโอบกระคองใบหน้าหวานไม่ให้หลบหนี ก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปาก ร่างบางตกใจตั้งท่าจะผลักร่างสูงออก แต่ก็กวาดสายตามองไปรอบงานที่เห็นรอยยิ้มของแขกเรือน…
เขาลืมไปว่านี้เป็นงานแต่งงานของตนเอง ริมฝีปากบางและลิ้นเล็กจูบตอบ ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหนาให้คนตรงหน้าตกใจ ดวงตากลมโตหลับพริ้มแสดงละครเหมือนตัวเองพอใจกับจูบนี้เต็มที่ ร่างบางผลักร่างสูงออกเพียงแผ่นเบาเพื่อบอกให้พอได้แล้ว แล้วหันไปยิ้มอ่อนๆให้แขกในงาน
แต่ความคิดของชางมินกับต่างกันสิ้นเชิง มีแต่ความไม่พอใจกับการกระทำของแจจุง
มือหนากอบกุมมือบาง แล้วหันไปยิ้มให้ รอยยิ้มที่เปรียมไปด้วยความยินดี แต่ในดวงตาที่ชางมินมองออกมีแต่ความไม่พอใจ ปนสะใจนิดๆที่ได้แกล้งตนเอง
ร่างบางยิ้มอ่อนๆให้เช่นเดิม
คุณทำได้ ผมก็ทำได้ คิม แจจุง…
พอจบงาน ชางมินถูกย้ายไปอยู่กับแจจุงที่คอนโดแถวกลางเมือง ใกล้โรงเรียนของพวกเขา มันเป็นห้องที่ใหญ่มากสำหรับการอยู่แค่ 2 คน ร่างบางเดินสำรวจการตกแต่งภายใน ทุกๆอย่างยังคงว่างเปล่า มีแต่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆเท่านั้น ในห้องแห่งนี้มีห้องนอนสองห้อง ชางมินเลือกที่จะนอนอีกห้อง แทนที่จะนอนกับแจจุง
“ทำไม กลัวผมจะข่มขืนคุณรึไง?”
“ไม่มีทางหรอก…ผมก็เป็นผู้ชายอย่างคุณจะเอาที่ไหนไปข่มขืน?”
“อยากรู้ไมละ ?”
ปัง!
ร่างสูงยันมือกับตู้เสื้อผ้าที่ร่างบางกำลังจัดของเข้าตู้ ร่างบางปรายตามองมือแกร่งทั้งสองข้างที่กักขังตัวเองไว้กับตู้เสื้อผ้านี้ ชางมินหันหน้ามาเผชิญกับแจจุง
“ผมจะจัดเสื้อเข้าตู้”
“ก็จัดไปสิ”
“คุณนี้พูดอะไรโง่ๆนะ คุณขว้างไว้อย่างงี้แล้วจะจัดได้ยังไง”
ร่างสูงทำท่าทางไม่พอใจ แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ร่างบางถอนหายใจแล้ว พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมองดูนาฬิกาก็ปรากฏว่าเป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว มันได้เวลากินอาหารแล้ว
“ผมจะไปข้างนอก คุณจะทานอะไร ?”
“งั้นฉันไปด้วยแล้วกัน”
ร่างทั้งสองตัดสินใจออกจากห้องไปพร้อมกัน ร่างบางเป็นคนบอกว่าจะขับรถเอง ระหว่างทางสายตาก็จดจ้องอยู่กับเส้นทาง ไม่รู้ว่ามันจะตัดติดอะไรกันหนักหนา
ร่างบางเท้าคางกับพวงมาลัย แล้วถอนหายใจออกมาอีกเฮือก
“ทำไมเราต้องมาแต่งงานกันในม.ปลายปีสุดท้ายด้วยนะ” เป็นแจจุงที่เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
“…ผมกับคุณก็มีลูกด้วยกันไม่ได้สักหน่อยนะ”
ชางมินพูดขึ้นมาลอยๆแล้วเหยียบคันเร่งเบาๆให้รถเร่งไปข้างหน้าต่อไป
“ดีนะที่มันปิดเทอม”
“อาทิตย์หน้าเราต้องไปหัวหินใช่ไม ?” ร่างบางหันไปถามร่างสูงตอนที่รถกำลังติดไฟแดง การไปหัวหินที่ไทยครั้งนี้ก็เหมือนการไปฮันนีมูน ที่พวกเขาทั้งสองไม่เต็มใจ
“ชิม ชางมินฉันขอพูดไว้ก่อนเลยนะ ว่าฉันจะไม่มีทางรักนาย แล้วถ้านายจะขอหย่าเลยก็ได้นะ”
“จะหย่าหรือไม่หย่า มันก็ขึ้นอยู่กับคุณนั้นละ”
“เชื่อไมชางมิน สักวันนายก็จะหมดความอดทนกับฉันเองละ”
นี้อาจจะไม่ใช่เรื่องสมควรสำหรับคู่แต่งงานที่พึ่งแต่งกันมาหมาดๆ ชางมินคิดวนเวียนกับตัวเอง รถขันสีดำสนิทหักเลี้ยวเข้าไปในที่จิดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
ร่างบางรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในตัวห้าง ร่างบางกับร่างสูงเลือกเดินไปเรื่อยๆอยากกินอะไรก็หยิบใส่รถเข็น
แต่ในรถเข็นกับถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน เป็นฝีมือของแจจุงอีกนั้นละ
“ชอบกินของพวกนี้หรอ ?”
ร่างบางเหลือบเห็นของที่อยู่อีกฝั่งของรถเข็นเต็มไปด้วยของกินที่ไร้ประโยชน์ จะมีอย่างเดียวที่พอจะมีประโยชน์ก็คือเนื้อ… สงสัยจะชอบกินเนื้อ
“ไม่ใช่เรื่องของนายน่ะ”
“แต่กินแบบนี้มันไม่ได้สารอาหารครบนะ”
“ทำไม นายจะสนใจอะไรฉันละ?”
เฮ้อ สงสัยเย็นนี้คงต้องหาอะไรที่มีผักเยอะๆทานแล้วละ
ร่างสูงยืนกอดอกเดินตามร่างบางไป ก่อนจะนึกอะไรออกมาได้
“หรือนายจะเริ่มสนใจฉันแล้วละ ชางมิน”
“…..” ร่างบางไม่ตอบอะไน
“ถ้าแค่นายบอกว่าสนใจฉัน ฉันจะให้ความสนใจนายมากกว่านี้นะ”
“แจจุง…ถึงผมจะสนใจคุณไป คุณก็คงจะมองผมเป็นของตายไม่ใช่รึไง แล้วก็อย่างที่พูดต้องแต่แรก เราไม่ได้รักกัน ผมไม่ได้รักคุณเหมือนกับคุณที่ไม่รักผม แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดคุณ ฉะนั้นเรื่องที่ผมจะขอหย่ามันเป็นไปไม่ได้”
“หึ…พ่อนายก็เข้าใจคิดนะ เอาลูกชายมาแลกกับหน้าที่การงาน แล้วแม่นายที่ตายจะไปคิดยังไงละเนี้ย”
“อย่าเอ่ยถึงคนที่ตายไปแล้วเลยแจจุง”
ชางมินหันมาสบตากับแจจุง เมื่อเอ่ยถึงคนที่ไม่ควรเอ่ย
การตักเตือนครั้งแรกเกิดขึ้น
“ก็ได้ๆ ไม่พูดก็ได้”
ร่างบางหันหลังกลับไปตามเดิม แล้วลงมือซื้อของที่คิดว่าจะมาเป็นอาหารเย็นวันนี้ และสำหรับอาทิตย์กว่าก่อนที่จะไปหัวหิน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างก็ครบแล้ว แต่จะมีบ้างก็ตรงที่แจจุงจะเถียงตอนที่ชางมินเลือกข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน บอกว่าสีมันไม่สวยบ้าง ทรงมันแย่บ้าง
ร่างบางได้แต่คิดในใจ…ช่างเถอะ จะทำอะไรก็ทำ อยากแกล้งนักก็แกล้งไป
ร่างบางเดินตรงไปบอกพนักงานให้ช่วยถือของไปที่รถของตนเอง แจจุงก็เดินเข้ามาจับเอวแสดงความเป็นเข้าของ
ชางมินมองหน้าแจจุงด้วยความสงสัย แล้วรู้ว่าที่จริงแล้วก็แค่ต้องการแกล้งตนเองให้ขายหน้า
“ทำแบบนี้ไม่ได้เป็นผลดีทั้งคุณและผม แล้วเวลาออกมาของนอกคุณเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉะนั้นปล่อยมือเถอะ”
แจจุงยิ้มเบาๆให้ชางมิน ก่อนจะกระชับมือที่กอดตรงเอวมากขึ้น
“งั้นผมก็แล้วแต่นายแล้วกัน แจจุง”
สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไป ชางมินเริ่มจะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะดับอารมณ์ได้ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แจจุงที่เห็นว่ากำลังจะยุขึ้นก็หมดอารมณ์แกล้งทันที
----------------------------------------------
talk ; รู้สึกว่าอารมณ์ปะทะอารมณ์ล้วนๆ นี้มันสงครามจิตชัดๆเลยนี้หว่า!
ไรเตอร์ละชอบเขียนแนวนี้จริงๆ ขอบอกรีดเดอร์มันยังมีแบบนี้อีกหลายตอน
ไรเตอร์ไปเรื่อยๆ ไรเตอร์ไม่รีบ ^^
ปล.ยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างของตัวละครเลยเนอะ -0-
ความคิดเห็น