คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : c h a p t e r ; 2 - U k u l e l e -
Ukulele
หันหิน….
เวลาการเดินทางมากมาย ทำให้ร่างกายเมื่อยล้า รวมถึงตัวร่างบางเอง พอลงจากเครื่องได้ก็ลุกไปบิดขี้เกียจข้างนอก โดยทำตัวเองเหมือนมาคนเดียว ร่างสูงเดินออกมาอย่างห่างๆร่างบาง ระหว่างรอกระเป๋า
“นี้…ต่างคนต่างไปไม ?”
ร่างสูงเอ่ยถามร่างบางทั้งๆที่ยังรักษาระยะเดิม แถมยังไม่มองหน้าอีกต่างหาก แต่ร่างบางเองก็ไม่ต่างกัน ร่างบางหยิบกระเป๋าเดินทางใบขนาดหย่อม แล้วเดินผ่านร่างสูงไป
“ก็ดีนะ แจจุง แล้วเจอกันตอนขากลับ”
.
.
.
.
.
.
คุณเชื่อไมละ? ว่าประเทศไทยมันกลม…
ผ่านไปสองวัน แจจุงเที่ยวไม่หยุดพอกลางวันนอน กลางคืนก็ออกเที่ยว ส่วนชางมินก็ออกเที่ยวอย่างไร้หลักแหล่งในตอนกลางวันตามหนังสือไกด์นำเที่ยวที่พกติดตัวมา
ไม่มีการติดต่อสือสารใดๆทั้งสิ้นจากทั้งสองฝ่าย
แต่เช้าวันนั้นอยู่ดีๆแจจุงก็อยากจะไปเดินเล่นตามชายหาด ให้หายจากอาการแฮงค์เมื่อคืน สายตาเหลือบเห็นคนคุ้นตา กำลังนั่งลงที่ชายหาด ขาเรียวยาวที่ใส่กางเกงสามส่วนสีดำเปียกน้ำเพราะท่านั่งยืดขา
แจจุงเลือกที่จะหาร้านอาหาร แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ผ้าใบ และจับจองร่างบางแบบนั้น
ร่างกายที่เปียกไปกว่าขึ้นท่อน ร่างบางลุกขึ้นแล้วเดินลงทะเลไปอย่างไม่รีบร้อน พอไปได้ลึกพอที่จะลอยตัวแล้วก็ปล่อยตัวเองลอยไปกับคลื่นทะเล พร้อมรับตาพริ้มรับแสงอาทิตย์อ่อนๆในตอนเช้า
แจจุงมองภาพนั้นอย่างเพลินๆ ในหัวก็คิดวิธีแกล้งร่างบางที่กำลังลอยคอในทะเล…
แต่ก็ต้องเป็นอันล้มเลิกความคิดแบบนั้น วันนี้จะปล่อยไปก่อน…
เป็นเวลานานพอควรจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาได้ครึ่งดวง ร่างบางที่กำลังลอยอยู่ตรงกลางทะเลก็ตัดสินใจขึ้นจากน้ำ แล้วไปนั่งแถวร้านอาหาร หยิบอูคูเลเล่ที่แบกขึ้นเครื่องมา ร่างสูงยังไม่รู้ด้วยซ้ำมาร่างบางเอามันมาตอนไหน
นิ้วเรียวยาวดีดไปตามคอร์ดเพลงที่ตัวเองจำได้ ฮัมเพลงในลำคอแผ่วเบาก่อนจะหันไปยิ้มกว้างในกับคุณป้าเจ้าของร้านที่ยกน้ำเปล่ามาให้ แจจุงไม่คิดว่าชางมินจะเล่นกีต้าร์เป็น แจจุงหลับตาพริ้มจนกระทั่งเสียงเพลงเบาๆนั้นหยุดลง
เปลือกตาถูกยกขึ้นพบก็ร่างที่กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมฝั่งตรงข้าม ร่างบางนั้นหายลับไปกับโรงแรมพร้อมกับ
อูคูเลเล่สีน้ำตาลไหม้ในมือ
คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเค้าจะได้อยู่ที่หัวหิน พรุ่งนี้พวกเราทั้งคู่ก็ต้องกลับโซลแล้ว
แจจุงตัดสินใจว่าวันนี้เค้าจะไปเที่ยวตลาดนัดตอนกลางคืนที่เคยเห็นตอนขึ้นแท็กซี่ผ่านเข้าโรงแรม
.
.
.
.
.
.
โอ๊ะ… ร่างสูงอุทานในความคิด ประเทศไทยมันจะกลมไปแล้วนะ…
ร่างบางตรงหน้ากำลังนั่งมองดูกำไลข้อมือแฮนเมด สายตาประสานกันเพียงชั่วครู่ ร่างบางลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้าเผชิญกับคนตรงหน้า แจจุงซึ่งกำลังไร้สติกำลังเอ่ยคำบางคำออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
“ชางมิน…ไปเดินเล่นกันไม ?”
ร่างบางรับคำของร่างสูงแล้วทั้งคู่ก็เดินไปด้วยกัน พวกเราตัดสินใจเลือกเข้าร้านอาหาร เราสั่งตามนักท่องเที่ยวอื่นๆที่มาก่อนหน้านี้แล้วเลือกโต๊ะที่จะนั่ง
แหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายทำให้ร่างสูงนึกที่จะพูดอะไรบางอย่าง
“ชางมิน ตอนแรกฉันก็ไม่ได้เกลียดนายหรอกนะ….แต่เพราะการแต่งงานของนายกับฉันมันทำให้ฉันต้องเลิกกับคนรักของฉัน…ไหนจะเหตุผลบ้าๆของการแต่งงานอีก”
“……” ชางมินจ้องหน้าแจจุง
“เพราะนายชางมิน ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคนแบบนายที่เป็นท่อนไม้ชัดๆ”
ชางมินไม่ได้เอ่ยพูดอะไรสักอย่าง อาหารที่พวกเราสั่งมาส่ง พวกเราก็เริ่มลงมือทานกัน…
ร่างสูงเดินคู่กับร่างบางไปเรื่อยๆ เอาตามจริง…การมาเที่ยวคนเดียวมันก็เหงาแหละ…
“นายเล่นอูคูเลเล่เป็นด้วยหรอ?”
“…ก็มีคนเคยสอน”
“โห มีเพื่อนคบกับเค้าด้วยหรอ?”
ร่างบางไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย ร่างสูงที่แอบกัดร่างบางก็ได้แต่เก้อ ดวงตาสีนิลมองพื้น แอบเหลือบอูคูเลเลที่ร่างบางสะพายอยู่บนหลัง
“ไปนั่งที่ชายหาดไมละ แล้วจะเล่นให้ฟัง”
ไร้เสียงตอบรับ ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ชางมินและแจจุงตัดสินใจเดินไปตามถนน จนถึงริมหาด ร่างบางเป็นคนนั่งลงกับโขดหินแถวๆนั้น ฉวยหยิบอูคูเลเล่ขึ้นมาเล่นให้คนข้างๆฟัง
ผิดไมถ้าผมจะนอนลงกับโขดหิน
ร่างสูงล้มตัวลงกับโขดหิน ฟังเพลงอูคูเลเล่ เสียงฮัมเพลงและเสียงคลื่นลมของที่นี้…มันทำให้จิตใจของร่างสูง
สงบอย่างไม่เคยเป็น เสียงร้องที่ไม่ใช่เสียงฮัมเพลงดังขึ้น ชางมินร้องเพลงออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
แจจุงมองแผ่นหลังของชางมิน แล้วหลับตาลง กลิ่นเค็มของทะเลและกลิ่นตัวหอมๆของคนข้างๆทำให้แจจุงเริ่มคิดวกวนถึงชีวิตตนเองก่อนจะเจอชางมิน…
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตตัวเองต้องมาถูกจับแต่งงาน ตั้งที่ก่อนหน้านี้เค้าก็มีความสุข…ความสุขงั้นหรอ?
ที่ผ่านมามันจะใช้ความสุขหรอ? แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้มันใช่ความสุขรึเปล่า?
“ชางมิน…นายมีความสุขรึเปล่า?”
“…ตอนไหน? ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ หรือตอนข้างหน้า?”
“ตอนนี้”
“ก็…อาจจะนะ ถ้านายไม่หาเรื่องสะก่อน”
“หึ! ฉันเองก็เหมือนกัน…”
“The Pleasures of the Mighty Are The Tears of the Poor ”
เสียงของชางมินที่เอ่ยอะไรออกมาเป็นเหมือนข้อความบางอย่างที่ผมเคยเห็นในหนังสือ…
‘ความพึ่งพอใจของผู้ยิ่งใหญ่คือหยาดน้ำตาแห่งผู้ไร้วาสนา’ อย่างงั้นหรอ…
ชางมินลุกขึ้น มองทะเลอันแสนกว้างใหญ่อีกครั้ง ทะเลมันก็เหมือนจิตใจของคนนั้นละ…
ทั้งลึก และกว้างใหญ่ มีทั้งเย็นจนทำให้เจ็บแสบไปทั้งร่าง และร้อนจนทำให้กระวนกระวาย ไม่มีใครรู้…ว่าทะเลจะโหมกระหน่ำ และหยุดลงเมื่อไร
“กลับละ”
ร่างบางที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บอูคูเลเลาลงกับกระเป๋าใส่เครื่องดนตรี ขณะที่กำลังลุกขึ้นก็รู้สึกถึงแรงกระชากที่ไม่แรงมากนัก แต่พอทำให้ร่างของตนเองต้องล้มลงไปอีกรอบ ริมฝีปากร้อนประกบเพียงแผ่วเบาแล้วถอนออก
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองดวงตาของคนตรงหน้านิ่ง…มันไม่พบอะไรเลยในดวงตาคู่นั้น
“จะแกล้งรึไง แจจุง?”
“เปล่า…นี้มันจูบขอบคุณ”
“สำหรับอะไร ?”
“ที่เล่นอูคูเลเล่ให้ฟังไงละ”
ร่างบางที่เดินจากไปแล้ว หลงเหลือเพียงร่างสูงที่กำลังสับสนกับการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ มันก็แค่ความคิดชั่ววูบละมั้ง
.
.
.
.
.
กรุงโซล
“ไปเที่ยวเป็นยังไงกันบ้างละลูก?”
“สนุกดีครับ”
เป็นแจจุงที่ตอบคำถามจากบิดาของตนเองพร้อมกับรอยยิ้มกว้างให้เห็นถึงความสุขจริงๆ เหมือนกับร่างบางที่ยิ้มอ่อนให้ในแบบของตน หยิบของฝากเป็นสร้อยข้อมือแฮนเมดให้คุณคิม ชางมินขอตัวกลับคอนโดไปอาบน้ำพักผ่อนเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง
แจจุงบอกลาคุณพ่อ แล้วเดินตามชางมินไปขึ้นรถที่ลูกจ้างนำมาจอดไว้ให้ ชางมินรีบเดินไปเปิดประตูคนขับ
ทิ้งกระเป๋าเดินทางไปไว้ข้างหลังรถ รอให้ร่างสูงเข้ามานั่งแล้วสตาร์ทรถกลับห้องทันที
“บอกว่าสนุกแต่ในใจคิดว่าได้หญิงสักคนดีกว่าสินะ” ชางมินเปิดปากขึ้นหลังจากนั่งเงียบมานานปล่อยให้เสียงเพลงจากวิทยุกลบความเงียบ
“รู้ด้วยหรอไง?”
ก็ดวงตามันฟ้องนะ….
_______________________________________
talk ; ขอบคุณกำลังใจทุกคอมเม้น -/\-
มันเริ่มเห็นบุคลิคที่แตกต่างแล้ว เย้!
ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก ทำใจสบายๆ
ปล.ชางมินเป็นคนเฉยชาจริงๆ ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่พยายามต่อล้อต่อเถียง
ในขณะที่แจจุงจิกเอาๆ -_-;;
ความคิดเห็น