ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC SEVENTEEN "Story Of 17"

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Hoshi x Woozi : Best Friend

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 60


                                                                              Best Friend

     

    Pairing : Hoshi (Kwon Soonyoung) x Woozi (Lee Jihoon)

    Note : Rewriteใหม่ ไฉไลกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยฉากจบที่กร๊าวใจมากขึ้น


     

     

     

    And I don't wanna ruin what we have

    Love is so unpredictable.
    But it's the risk that I'm taking, hoping, praying

    You'd fall in love with your best friend

     

    ฉันไม่อยากทำลายความเป็นเพื่อนของเรานะ

    แต่ว่าความรักมันก็คาดเดาอะไรไม่ได้

    ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่ฉันก็จะยังหวังและอธิษฐาน

    ให้เธอหันมามองเพื่อนสนิทอย่างฉันบ้าง

     

     

     

              ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะขลุกตัวอยู่ในห้องแอร์หรือไปเล่นน้ำกันที่สระว่ายน้ำเพื่อคลายความร้อน ยังมีเด็กชายตาตี่วัย 10 ขวบอยู่คนหนึ่งที่ไม่คิดจะไปไหนตามที่คนอื่นเขาทำ

              ร่างของเด็กน้อยเดินเตาะเเตะมาอย่างทุลักทุเลเพราะของเล่นในมือ ขาสั้นๆเดินมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากบ้านตัวเองไปไม่กี่หลัง มือเล็กหยิบของเล่นไปรวบไว้ที่เเขนข้างเดียวก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างกดกริ่งที่หน้าประตู

             

    ~ติ๊งต่อง~

     

     

    จีฮุนนาออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่นกันเถอะ~~~ซูนยองเอามือป้องปากตะโกนเรียกเพื่อนสนิทตัวน้อยของตัวเองที่อยู่ในบ้าน

    ไม่ถึงเสี้ยววินาที เด็กน้อยนามจีฮุนก็แหวกผ้าม่านออกเพื่อส่องดูก่อนจะยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นเด็กชายวัยไล่เลี่ยกับตนยืนอยู่หน้าบ้าน มือเล็กค่อยๆเเง้มหน้าต่างให้เปิดก่อนจะเอามือป้องปากตะโกนตอบกลับมา

    ซูนยองอา! รอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวเราลงปายยยย"

    ขาสั้นๆรีบวิ่งกลับไปหาแม่ของตนเพื่อขออนุญาตก่อนจะรีบวิ่งออกมาหน้าบ้านพร้อมกับของเล่นเต็มมือ ส่วนมืออีกข้างก็ถูกจูงโดยหญิงสาววัยทำงานคนหนึ่งที่เดินออกมาพร้อมกัน

    เด็กๆ จำไว้ว่าอย่าคุยกับคนแปลกหน้า แล้วก็อย่ากลับบ้านกันค่ำนักนะจ๊ะ

    ค้าบบบบบ คุณแม่ / คุณน้า

    เด็กชายทั้งสองขานรับก่อนคุณแม่จะส่งมือของจีฮุนให้ซูนยองจับ เด็กชายทั้งสองจับมือกันก่อนจะหันมาโบกมือบ๊ายบายให้กับผู้ปกครองแล้วจูงมือกันเดินออกจากรั้วบ้านไป

    เมื่อมาถึงก็พบว่าสนามเด็กเล่นว่างเปล่า คงเพราะเป็นหน้าร้อนทำให้ไม่มีใครอยากจะออกมาจากบ้านนัก สนามเด็กเล่นจึงเงียบเหงาไร้ผู้คน แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเด็กน้อยทั้งสอง เด็กน้อยทั้งสองคนยิ้มร่าก่อนซูนยองจะจูงมือจีฮุนไปที่บ่อทราย

    เล่นทรายกันนะจีฮุน

    ได้สิ ซูนยองอยากเล่นอะไร จีฮุนก็เล่นได้หมดแหละ

    เด็กน้อยยิ้มให้กันก่อนจะหยิบของเล่นของตัวเองออกมา ความสนุกตามประสาวัยเด็กเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของเด็กทั้งสอง ดูเป็นภาพที่น่ารักเหมาะกับช่วงหน้าร้อนจริงๆ

    อ๊ะ!

    จู่ๆจีฮุนก็ร้องออกมาเมื่อลมที่พัดมาพัดเอาเศษทรายไปเข้าตาของเขา มือป้อมๆถูกยกขึ้นมาขยี้ตาทันทีตามนิสัย

    จีฮุน อย่าขยี้ตาสิ ไหนขอดูหน่อย เป็นอะไรเหรอ

    ฝุ่นเข้าตาง่าาาา แสบตาจังเลยยยยย

    ปากเล็กๆพูดไปก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้ ซูนยองจึงค่อยๆดึงมือป้อมๆของเพื่อนสนิทออก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อดู ริมฝีปากบางค่อยๆเป่าลมเบาๆเพื่อให้ฝุ่นที่ตาออก ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้กว่าเดิมเพื่อดูความเรียบร้อย โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าเพื่อนตัวเล็กของเขากำลังมีริ้วสีแดงอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวๆนั้นอย่างน่ารัก

    ไม่ร้องน้าาา ฉันเอาฝุ่นออกให้แล้ว จีฮุนหายเจ็บรึยัง

    อะ..อื้ม ไม่เจ็บแล้วล่ะ ซูนยองเก่งจังเลย ขอบคุณนะ^^

    ร่างของคนตัวเล็กกว่ายิ้มจนตาหยีให้อีกคน ซูนยองก็ยิ้มตามก่อนจะเอามือขึ้นมาประคองใบหน้าของจีฮุนไว้เเล้วยื่นหน้าผากไปเเตะกับอวัยวะเดียวกันของคนตัวเล็ก พร้อมกับเอ่ยคำสัญญาตามประสาเด็กๆออกมา

    งั้นจากนี้ไป ซูนยองจะอยู่ดูแลจีฮุนตลอดไปเลยนะ

    อื้อ! สัญญาแล้วนะ"

     

     

     

     

    Do you remember when I said I'd always be there.

    Ever since we were ten, baby.

    When we were out on the playground playing pretend.

    I Didn't know it back then.

     

    เธอยังจำได้มั้ยตอนเด็กๆที่ฉันบอกกับเธอว่า ไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ

    ตอนที่เราสองคนอายุสิบขวบน่ะ เธอยังจำได้รึเปล่า

    เมื่อตอนที่เราเล่นด้วยกัน

    ฉันไม่เคยรู้สึกตัวเลย

     

     

     

     

     

    7 ปีต่อมา

     

    อีรึน อาชิมบูทอ เนเกน นอมูนา ออแซกฮัน Umm ~

     

    งืออ ฮัลโหล...

    เตี้ย มึงตื่นรึยังงง

    อือออ ซูนยองเหรอ ตื่นทำไม ไม่เอาาา ไม่ตื่นนนนน

    ไม่ตื่นไม่ได้นะมึง เจ็ดโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก

    “...”

    .....

    “.....ห๊ะ!! อะไรนะ”

    เออ จะเจ็ดโมงครึ่งแล้วเนี่ย ฉันรออยู่หน้าบ้านแล้วนะ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวก็ไปสายหรอก

    โอเคๆ ลุกแล้วๆ มึงเข้ามารอกูในบ้านก่อนนะ

    อีจีฮุนรีบกดตัดสายเพื่อนสนิทตัวเองก่อนจะลุกพรวดขึ้นมามองนาฬิกาที่อยู่บนผนังห้อง ดวงตาเล็กเบิกกว้างทันทีเมื่อพบว่าเข็มยาวกำลังจะชี้เลขหก ขาสั้นๆจึงรีบก้าวลงจากเตียงเเล้วก้าวให้ยาวที่สุดเพื่อให้ไปถึงห้องน้ำเร็วๆ

    ฝ่ายคนที่ถูกเพื่อนตัดสายก็ได้แต่ยิ้มขำๆพร้อมกับมองไปที่หน้าต่างของห้องห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของจีฮุน ขาเรียวก้าวเข้าไปในตัวบ้านเพื่อรอตามที่อีกคนบอก

    ประมาณ 10 นาทีกว่า อีจีฮุนก็รีบวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยอาการเหนื่อยหอบพร้อมกับชุดนักเรียนที่ไม่ค่อยเรียบร้อยและเนคไทที่พันกันจนยุ่งเหยิง

    ขอโทษที่ให้รอนะซูนยอง เมื่อคืนกูนอนดึกอ่ะ แถมยังไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลยปากพูดไปมือก็พยายามจะผูกเนคไทให้เข้าที่เข้าทาง ดูทุลักทุเลจนซูนยองได้แต่ส่ายหัวอย่างขำๆเเล้วเดินมาช่วย

    ก็บอกแล้วไงว่าอย่านอนดึก นึมึงเล่นเกมจนดึกอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย แล้วนาฬิกาอ่ะ กูว่ามึงกดปิดมันมากกว่านะ ไม่ใช่ไม่ได้ยินหรอก

    ง่าาาา มึงง่ะ

    ไม่ต้องมาง่าเลยปากก็พูดไปมือก็ผูกเนคไทให้คนตัวเล็กกว่าไปด้วยอย่างคล่องมือ อ่ะ เสร็จแล้วซูนยองจับๆที่เนคไทอีกทีเพื่อดูความเรียบร้อยก่อนจะถอยหลังออกมาแล้วยิ้มให้กับผลงานของตัวเอง

    เดี๋ยวเถอะจีฮุน ให้ซูนยองเขามารอแบบนี้ได้ยังไงลูก

    เสียงคุณแม่ของจีฮุนดังมาจากในครัว ก่อนที่ร่างเพรียวที่ถึงจะมีริ้วรอยตามอายุแต่ก็ยังคงดูสวยสง่าจะเดินออกมาหาเด็กม.ปลายทั้งสอง

    5555 ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เรื่องเล็กน้อยน่ะครับ

              “ได้ยังไงกัน ซูนยองจ๊ะ ไปตามใจมากๆ เดี๋ยวจีฮุนก็เคยตัวหรอก”

              “โธ่ แม่อ่ะ พูดซะผมเป็นเด็กน้อยเลย เชอะ ผมไปโรงเรียนแล้ว

              “เอ้า ลูกคนนี้นิ

              “งั้นผมขอตัวนะครับ สวัสดีครับคุณแม่ซูนยองหันมาลาคุณแม่ของจีฮุนก่อนจะตามคนตัวเล็กออกไป

              “จ้ะๆ เดินทางดีๆนะลูก

                หญิงวัยกลางคนมองตามภาพที่เธอเห็นมันมาเกือบจะสิบปีแล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปทำงานบ้านต่อ

     

     

     

     

              เมื่อมาถึงโรงเรียน ทั้งสองคนก็ต้องรีบวิ่งกระหืดกระหอบเพื่อไปให้ทันกริ่งเข้าเรียนวิชาแรก เมื่อมาถึงห้องซูนยองก็รีบเปิดประตูทันทีซึ่งโชคก็เหมือนจะเข้าข้างที่อาจารย์วิชาแรกยังไม่มา

              “เหยด มาโรงเรียนด้วยกันอีกแล้ว แต่มาเกือบสายเลยนะพวกมึง ทำไมจ๊ะ เมื่อคืนทำอะไรกันอยู่ ไม่ค่อยได้นอนเหรอ 555555

              เสียงทักอย่างสดใส(?)ดังมาจากที่นั่งข้างหน้าต่าง ควอนซูนยองหันขวับไปมองยังต้นเสียง ก่อนจะพบกับเพื่อนอีกคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าหันมาทางพวกเขา

              “สัสวอนอู เดี๋ยวกูเหนี่ยวเลย ไม่ได้ทำอะไรเว้ย จีฮุนเล่นเกมดึกเลยตื่นสายเฉยๆ”       

              “อ้าว กูก็ยังไม่ได้เจาะจงเลยว่าทำอะไร กูอาจจะหมายถึงอ่านหนังสือกันก็ด๊ายยยย คิดอะไรจ๊ะ คิดอะไร”

              “พ่องงงง อย่างมึงอ่ะ ไม่ใช่คนใสๆที่จะคิดอะไรแบบนั้นหรอก

              “คุยอะไรกันเนี่ยพวกมึง นั่งที่ก่อนเร็ว อาจารย์มาแล้ว

     

     

     

               

    เหยดเข้ คือคนเยอะมากราวกับว่าไม่เคยมาโรงอาหารกัน

    จะนั่งไหนดีวะ

    ภายในโรงอาหารกำลังอัดเเน่นไปด้วยเด็กนักเรียนมากมายซึ่งเป็นเรื่องปกติในตอนพักเที่ยง เด็กหนุ่มสามคนที่เพิ่งมาถึงได้เเต่หันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาที่ว่าง เเล้วซูนยองก็เป็นคนหาเจอก่อนจึงหันไปสะกิดเพื่อนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มให้ไปจองที่นั่ง

    เตี้ย มึงไปจองที่ตรงนั้นไว้ก่อนนะ เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวให้

              “อ่อ ได้ๆ

              จีฮุนเดินไปอย่างว่าง่ายก่อนจะไปนั่งรอที่โต๊ะที่เพื่อนสนิทบอกเมื่อเห็นว่ามีที่นั่งแล้วซูนยองกับวอนอูก็เดินไปซื้อข้าว ในระหว่างที่ต่อแถวรอ สายตาเจ้ากรรมของซูนยองก็เหลือบไปเห็นรุ่นน้องคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทตัวน้อยของตัวเอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันโดยที่ไม่รู้ตัว

              “แล้วตอนนั้นนะเว้ย กูก็เลยแบบ...  เห้ยซูน.....

      “....”

      “...ไอ้ซูน ....ไอ้ตีบ!!

              “ห๊ะ!“ อะไรๆ มีอะไรไอ้มึน มึงจะตะโกนเพื่อ"

              “มึงอ่ะแหละ ฟังกูอยู่รึเปล่า แล้ว...มึงมองอะไรอยู่วะ"

              วอนอูทอดสายตามองไปทางทิศเดียวกับที่ซูนยองมองอยู่เมื่อกี๊ ก่อนจะไปพบเข้าร่างสูงของเด็กปีหนึ่งคนหนึ่งกำลังยืนคุยกับเพื่อนตัวเล็กในกลุ่มของเขาอย่างสนุกสนาน

              “มันเป็นใครวะ

              “หืม

              เสียงของซูนยองที่เปลี่ยนไปเรียบนิ่งอย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น เรียกความสงสัยจากวอนอูได้เป็นอย่างดี ร่างโปร่งหันกลับมามองหน้าของเพื่อนตัวเองที่นิ่งราวกับกำลังอยากฆ่าใครสักคนก่อนจะเบนสายตากลับไปที่จีฮุนอีกครั้ง ริมฝีปากบางผุดรอยยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย

    ไม่นานนักทั้งสองคนก็เดินกลับมาที่โต๊ะซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กปีหนึ่งคนนั้นเดินจากไป ซูนยองวางจานข้าวจานหนึ่งลงตรงหน้าจีฮุนก่อนจะทรุดตัวลงข้างๆคนตัวเล็ก

    เมื่อกี๊ใคร"

    หืม คนไหนเหรอ"

    เด็กตัวสูงคนเมื่อกี๊น่ะ

    “...อ๋ออออจีฮุนร้องขึ้นอย่างเข้าใจก่อนจะเหลือบมองทางวอนอูนิดหน่อยแล้วหันกลับมาตอบซูนยอง ก็เป็นรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ ชื่อคิมมินกยู น้องเขา...อ่า เข้ามาทักกูเฉยๆ

    พวกมึงรู้จักกันมาก่อนเหรอ

    อ่า ก็ไม่เชิง เขา... น้องเขาเอ่อ... มาถามชื่อกูแล้วก็ชวนคุยน่ะ

    “.... / ห๊ะ

    คราวนี้ซูนยองเป็นฝ่ายเงียบแต่กลับเป็นวอนอูที่เปล่งเสียงอย่างสงสัยออกมาแทน

              “เขามาจีบมึงรึเปล่าจีฮุน"

              “หา ไม่มีทางอ่ะ กูไม่ได้หน้าตาน่ารักอะไรขนาดนั้นนะเว้ย ใครจะมาแอบชอบคนอย่างกูวะ

              “ก็ไม่แน่นาาา จริงๆมึงก็น่ารักนะจีฮุน เขาอาจจะชอบมึงก็ได้

              “โหย เป็นไปไม่ได้หรอก เนอะ มึงเนอะ

                จีฮุนส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะหันไปขอความเห็นคนข้างๆอย่างซูนยอง แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นความเงียบ

              “.....”

              “ซูนยอง

              “...ห๊ะ อ่อ อืม

              “มึงเป็นอะไรรึเปล่า"

              “อ่า ไม่มีอะไรๆ มึงรีบกินข้าวเถอะจีฮุน เดี๋ยวจะหมดพักเที่ยงซะก่อน

              “อ่า โอเคๆ

              แล้วทั้งสองก็หันกลับไปสนใจจานข้าวของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วอนอูเหลือบตามองซูนยองกับจีฮุนสลับกัน ก่อนริมฝีปากบางจะผุดรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นมาอีกรอบ

              ....ชักสนุกซะแล้วสิ....

     


     

     

     

              ในห้องนอนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ร่างโปร่งของควอนซูนยองกำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างกระสับกระส่าย การบ้านวิชาฟิสิกส์ที่กองอยู่บนโต๊ะไม่สามารถเรียกความสนใจของเขาได้แม้แต่น้อย

     

     ใครกันวะ เด็กปีหนึ่งคนนั้น ’

             

    ฉับพลันในหัวก็มีภาพรอยยิ้มของเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดีราวกับว่าเรื่องที่คุยอยู่กับรุ่นน้องคนนั้นเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ฝ่ามือของร่างสูงกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว

             

    ‘ แล้วนี่กู....ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ ไอ้เตี้ยมันจะคุยกับใครก็เป็นสิทธิ์ของมันไม่ใช่เหรอ ’

             

    ควอนซูนยองยังคงคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน เป็นเรื่องแปลกที่เขาหงุดหงิดทันทีอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเขากำลังไปสนิทกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา โมโหราวกับเด็กน้อยที่กำลังจะถูกแย่งของเล่นชิ้นสำคัญไป

             

     ก็แค่...หวงเพื่อนล่ะมั้ง ’

             

    คิดไปคิดมา คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่ได้คำตอบจากตัวเองจนกระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากแอพสีเขียวในโทรศัพท์เรียกความสนใจของซูนยองให้หันไปตอบข้อความของเพื่อนอีกคนของเขา

    Jeon_WW : มึงๆ

    KSY96 : ไร

    Jeon_WW : จวิ้นฮุยจะกลับเกาหลีพรุ่งนี้เย็นอ่ะ มันบอกให้พวกเราไปรับมันหน่อย

    KSY96 : ห๊ะ? อ่อ ได้ดิ กี่โมงอ่ะ

    Jeon_WW ก็เลิกเรียนอ่ะ บอกจีฮุนด้วยนะ รับไอ้จวิ้นเสร็จจะได้พาไปกินข้าวฉลองรับมันกลับด้วย 555555555

    KSY96 : ฉลองเหี้ยไร มึงหาคนเลี้ยงข้าวเฉยๆมากกว่า 55555

    Jeon_WW สาสสสส กูเกลียดมึงไอ้ตีบบบ รู้ทันกู 555555

    KSY96 : ไม่งั้นกูจะเป็นเพื่อนมึงได้อ่อ 5555555 พอๆ กูจะไปบอกจีฮุนแล้วกูจะไปนอนล่ะ

    Jeon_WW : 

    KSY96 : 

    Jeon_WW : 

    KSY96 : ไอ้สัส ขนลุก 55555555555555555555

     

    เมื่อพบกับสติ๊กเกอร์สุดหวานแหววของเพื่อนตัวเองซูนยองก็ขำพรืดพร้อมกดออกจากหน้าจอแชทของอีกฝ่ายทันทีก่อนจะกดเข้าไปยังแชทของเพื่อนสนิทตัวเล็กที่ตัวเองเพิ่งโกรธไปเมื่อตอนกลางวัน

    ดวงตาเรียวเล็กมองหน้าจอเเชทอยู่นานอย่างชั่งใจ จนสุดท้ายนิ้วเรียวก็พิมพ์ข้อความทักอีกฝ่ายไป

    KSY96 : เตี้ย

    Hoonnie96 : ว่า?

    KSY96 : พรุ่งนี้เลิกเรียนไปรับจวิ้นฮุยที่สนามบินกันนะ

    Hoonnie96 : อ้าว จวิ้นฮุยมันกลับมาแล้วเหรอ? ได้ๆ กูว่างอยู่แล้ว

    Hoonnie96 : โคตรคิดถึงมัน ไม่ได้เจอกันมาชาติเศษแล้วมั้งเนี่ย 5555555

    Hoonnie96 : 

     

    “.....” มือที่กำลังจะพิมพ์ตอบกลับหยุดนิ่งเมื่อเห็นข้อความของอีกฝ่าย ณ วินาทีนั้นราวกับว่าสายตามองไม่เห็นข้อความไหนเลยนอกจากคำว่า ‘คิดถึงมัน

    อารมณ์หงุดหงิดที่เหมือนกับตอนพักเที่ยงหวนกลับมาอีกครั้ง ในอกข้างซ้ายรู้สึกหน่วงและบีบรัดแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็น ควอนซูนยองมองมือถือของตัวเองด้วยสายตาเรียบนิ่งอยู่นานโดยที่ไม่ตอบอะไรอีกฝ่าย

    Hoonnie96 : ซูนยองอ มึงเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเงียบไป?

    Hoonnie96 : หรือว่านอนแล้ว?

    แล้วร่างสูงก็หลุดจากภวังค์เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เขากดเข้าไปอ่านข้อความจากเพื่อนสนิทก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

    KSY96 : อืม กำลังจะนอนน่ะ 

    KSY96 : ฝันดีนะ

    Hoonnie96 : อ่า โอเค งั้นฝันดี

    Hoonnie96 : เจอกันพรุ่งนี้ๆ

    Hoonnie96 : 

    KSY96 : *Read*

    ร่างสูงอ่านข้อความของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะปิดเครื่องมือสื่อสารของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนด้วยอารมณ์ขุ่นมัวโดยที่ไม่สนใจทั้งเพื่อนตัวเล็กของตัวเองและการบ้านวิชาฟิสิกส์ที่ยังคงกองอยู่บนโต๊ะอีกเลย

     

     


    ร่างเล็กของอีจีฮุนยังคงนั่งมองหน้าจอแชทของเพื่อนสนิทตัวเองด้วยสายตาที่มีแต่ความสงสัย แขนเล็กกอดหมอนตัวเองเเน่นขึ้นอีกเมื่อรู้สึกว่าท่าทีของอีกฝ่ายเหมือนกำลังโกรธตัวเอง

     

    ‘ นี่กู...ทำอะไรผิดรึเปล่าวะ? ’

     

    ในหัวของจีฮุนสับสนไปหมดเพราะท่าทีของซูนยองที่จู่ๆก็หนีไปนอนเหมือนกับว่าไม่อยากคุยกับเขา ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆราวกับจะระบายความอึดอัดในใจที่จู่ๆก็โดนเพื่อนสนิทเมิน แต่แล้วริมฝีปากบางก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องของเด็กปีหนึ่งเมื่อตอนกลางวัน เขา...ยังมีความลับที่ยังไม่ได้บอกเพื่อนในกลุ่มของตัวเองอยู่เรื่องนึงนี่นะ

     

     

     

     

              ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังคับคั่งอยู่ในสนามบิน ต่างคนต่างก็มารอคนสำคัญของตัวเอง ประชาชนชาวเกาหลีเดินกันขวักไขว่อย่างวุ่นวายหน้าเกทเพราะเครื่องบินของสายการบินชื่อดังจากจีนเพิ่งจะแลนดิ้ง

              เด็กหนุ่มม.ปลายสามคนชะเง้อมองหาเพื่อนชาวจีนของตัวเองอย่างตื่นเต้นเนื่องจากไม่ได้เจอกันมาเกือบหนึ่งปี ซูนยองยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาก่อนจะหันหน้าไปถามเพื่อนอีกคนที่ตัวสูงพอๆกัน

              “มึง ไอ้จวิ้นมันขึ้นไฟลท์นี้ใช่มั้ย"

              “หืม น่าจะใช่นะ มันบอกว่าเวลาประมาณนี้อ่ะ

              “มึงๆ คนนั้นรึเปล่า"

              เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มสะกิดเพื่อนทั้งสองคนก่อนจะชี้ไปยังกลางกลุ่มคนที่กำลังเดินออกมาจากประตู

              “คนไหน

              “คนนั้นน่ะ คนที่ใส่แจ็คเก็ตหนังสีดำอ่ะ

              ซูนยองและวอนอูมองตามมือของจีฮุนก่อนจะพบเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินมาทางพวกเขา เส้นผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้น ใบหน้าคมคายที่สวมทับด้วยแว่นกันแดดสีชา เสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงหนังสีดำพร้อมรองเท้าหุ้มข้อ ทำให้ร่างตรงหน้าดูราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารวัยรุ่น

              “โห มากันหมดสามคนเลยเหรอเนี่ย"

              สำเนียงภาษาเกาหลีที่ดูแปลกๆถูกเปล่งออกมาจากผู้มาใหม่ ก่อนเจ้าตัวจะถอดแว่นกันแดดสีชาพร้อมสะบัดผมสองสามทีพอเป็นพิธีแบบหนังวัยรุ่น

              “เหยดดด ไอ้จวิ้นมึงตัดผมใหม่เหรอ"

              “เออ ใช่ๆ มันโอเคมั้ยป่ะ"

              “ยิ่งกว่าโอเคอ่ะ ปังมากอ่ะมึง กลับมาคราวนี้สาวตรึมแน่ๆ เชื่อกู”

    ตรึมขนาดไหนก็ไม่เยอะเท่ามึงอ่ะวอนอู 55555 ว่าแต่ นี่มันจีฮุนนี่น้อยของเราใช่มั้ยเนี่ย

    จู่ๆคู่สนทนาก็ถูกเปลี่ยนจากวอนอูมาเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มแทน จวิ้นฮุยยกมือขึ้นโยกหัวเพื่อนตัวเล็กของตัวเองอย่างที่เคยทำตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาอย่างเอ็นดู

    ยังตัวเล็กเหมือนเดิมเลยน้าา 555555

    ไอ้จวิ้นฮุย อย่างกูไม่ได้เรียกตัวเล็กว้อยยย มึงสูงเกินไปต่างหาก

    จีฮุนบ่นกระเง้ากระงอนกับเพื่อนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มก่อนตัวจะถูกกระชากไปทางด้านหลังด้วยมือของเพื่อนอีกคนที่ตัวสูงกว่าตัวเอง

    “....”

    “....”

    สองคนที่กำลังเล่นกันอย่างมุ้งมิ้ง(?)หยุดชะงักก่อนจะหันไปมองซูนยองที่จู่ๆก็ดึงตัวของจีฮุนให้ออกห่างจากเพื่อนชาวจีนอย่างไม่มีสาเหตุ

    ส่วนคนที่เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็รีบปล่อยมือก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่นแบบไม่รู้ไม่ชี้ วอนอูมองปฏิกิริยาของเพื่อนตัวเองก่อนจะหันมามองหน้าจวิ้นฮุยซึ่งอีกฝ่ายเองก็มองมาเหมือนกัน จู่ๆรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

    มึงเป็นไรอ่ะซูนยอง

    หืม กูเหรอ กูเปล่า

    กูก็ลูบหัวจีฮุนออกจะบ่อยนาาา จู่ๆ มึงดึงแขนจีฮุนออกทำไมอ่ะ

    ห๊ะ ก็... เอ่อ... ไม่รู้

    อ้าว ไอ้นี่

    เออน่าาา ไม่มีไรหรอก กูหิวแล้ว ไปกินข้าวกัน

    ว่าแล้วร่างโปร่งก็เดินหนีออกมาจากกลุ่มเพื่อนทันทีเพื่อซ่อนใบหน้าที่มีริ้วสีแดงแต้มอยู่ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะโกรธหรือเพราะอายกันแน่

     

     


     

     

    หลังจากไปกินข้าวเย็นและแยกย้ายกันกลับบ้าน ควอนซูนยองก็รีบถอดเสื้อผ้าแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำแล้วเปิดน้ำเย็นๆใส่หัวของตัวเองทันที อารมณ์ขุ่นมัวที่มีอยู่ตั้งแต่ที่สนามบินและไม่ได้หายไปไหนเลยจนกลับมาถึงบ้าน เพราะตั้งแต่ออกจากสนามบิน เหวินจวิ้นฮุยก็เอาแต่จับลูบคลำเพื่อนตัวเล็กของเขาไม่หยุด ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ทำมาตลอดตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาหลายปีและเขาก็เองไม่เคยจะหงุดหงิดขนาดนี้ แต่ตอนนี้คืออะไร ทำไมเขาถึงโมโหจนอยากจะเดินไปกระชากแขนมันออกซะอย่างงั้น

    ก็เข้าใจแหละว่าคงเอ็นดู เพราะอีจีฮุนน่ะตัวเล็กไม่เหมือนเด็กม.ปลาย และก็ยังน่ารัก....

    ...น่ารัก...

    ...

    ..

    .

     

     

     เชี่ยยยยย อะไรของกูวะเนี่ยยยยย?  

    ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ร่างสูงยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆออกไปทันที ก่อนจะหลับตาให้น้ำเย็นๆไหลผ่านหัวเพื่อให้ตัวเองเย็นลง

    ‘ นี่กู...คงไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เตี้ยหรอกนะ ’

     

     

     

    ในบ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกัน เด็กม.ปลายที่รูปร่างไม่เหมือนเด็กม.ปลายยังคงนั่งกอดตุ๊กตาหมีสีขาวอยู่บนเตียงอย่างเหม่อลอย ในหัวเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นที่จู่ๆตัวเองก็ถูกเพื่อนสนิทตัวเองดึงแขน

    ฉับพลันใบหน้าขาวก็ซับสีแดงอ่อนขึ้นมาทันที ในตอนที่ถูกดึงแขนแผ่นหลังของเขาก็เซไปชนเข้ากับอกของร่างสูง แล้วใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ

    ทั้งๆที่แต่ก่อนไม่เคยเป็นแท้ๆ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้ เขาชักจะรู้สึกว่าซูนยองดูดีมากๆจนบางทีก็เผลอไปมองหน้าแล้วก็เขินขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับตอนนี้ที่เขาเองก็เขินมากจนถึงกับมุดหน้าซุกลงกับหัวของตุ๊กตาหมี

     ทำไงดีวะเนี่ยยย นี่กูคงไม่ได้ชอบมันหรอกใช่มั้ย ’

     

     

     

     

            เช้าวันต่อมาซูนยองกับจีฮุนก็ยังคงเดินมาโรงเรียนด้วยกันเหมือนเดิม แต่กลับมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป ท่าทางอึดอัดที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ปฏิกิริยาที่ต่างคนต่างสะดุ้งเมื่อร่างกายสัมผัสโดนกัน หรือบางครั้งก็เผลอมองหน้ากัน แล้วก็หลบตาทันที ท่าทีแปลกๆที่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มสองคนที่ปกติแล้วเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากจนไม่น่าจะมีท่าทีแบบนี้ทำให้คนที่มองมารู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

              ในขณะที่กำลังนั่งกินข้าวกันเหมือนทุกๆวันที่โรงอาหาร ดูรวมๆก็เหมือนไม่มีความผิดปกติอะไร แต่คนที่ประสาทสัมผัสไวอย่างจอนวอนอู ไม่มีทางที่จะมองข้ามเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไปได้หรอก

              “ซูนยอง จีฮุน มึงสองคนไม่ได้โกรธอะไรกันใช่ป่ะ

              “ห๊ะ“ / เอ๋

              “พวกมึงดูแปลกๆนะ เหมือนทะเลาะอะไรกันมาอ่ะ

            ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันอัตโนมัติก่อนจะหันหน้าหนีทันที เรียกเสียงหัวเราะอย่างชอบใจจากวอนอูได้เป็นอย่างดี

              “วอนอูมึงขำอะไร

              “เปล่าๆ กูแค่หัวเราะคนทึ่มที่ไม่รู้ใจตัวเองน่ะ

              “มึงว่าใครไอ้มึน

              “กูยังไม่ได้พูดเลยว่าใคร ร้อนตัวนะไอ้ตีบ

              “ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จริงๆเหรอ มึงซื่อหรือมึงบื้อวะซูนยอง”

              “ไอ้จวิ้น มึงก็อีกคนเหรอ พูดถึงอะไร กูไม่รู้อะไรห๊ะ

              “โหยก็มึงอ่ะ---

              “พี่จีฮุนครับ

              ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่ จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา ทั้งสี่คนหันไปมองคนพูดก่อนจะพบกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องหน้าหล่อที่จำได้ว่าเป็นที่มาทักจีฮุนเมื่อวันก่อน จู่ๆอารมณ์ของซูนยองก็ขุ่นลงทันที

              “อ่า มินกยูอา มีอะไรเหรอ

              “ผมขอเวลาแป๊ปนึงได้มั้ยครับ?

              จีฮุนหันมามองหน้าเพื่อนในกลุ่มแว๊บนึงก่อนจะตอบตกลงให้รุ่นน้องแล้วลุกตามออกไป ทางด้านซูนยองที่เงียบลงไปทันทีหลังจากเจอมินกยูก็ยังคงแผ่บรรยากาศมาคุออกมารอบตัวจนเพื่อนอีกสองคนรู้สึกได้

              วอนอูกับจวิ้นฮุยหันมามองหน้ากันก่อนจะเป็นวอนอูที่เอ่ยคำถามที่ทำให้ซูนยองถึงกับสำลักน้ำ

            “ซูนยอง มึงอ่ะ ชอบจีฮุนใช่มั้ย?

            พรวดดด!!!

              “แค่กๆ ถามเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!?

              “เอ้า กูถามจริงๆนะ มึงชอบจีฮุนใช่มั้ย?

              “ชะ...ชอบ ชอบก็เหี้ยล่ะ กู..ไม่ได้ชอบเว้ย

              “แน่ใจ๊?

              “...แน่ใจ..ดิ กูไม่ได้ชอบจีฮุน

              “เหรอออ พูดติดอ่างนะมึงอ่ะ

              “ใครติดอ่าง ไม่มี๊

              “เสียงสูงเชียว

              “ไอ้จวิ้นมึงไม่ต้องมาร่วมมือกับมันแกล้งกูเลย

              “ใครแกล้งมึงงง กูก็แค่ถามเรื่องที่กูสงสัยเฉยๆ :P 

              “ไอ้---

              “นี่พวกมึง

              ยังไม่ทันที่ซูนยองจะอ้าปากด่าวอนอู จีฮุนที่หายไปกับรุ่นน้องก็วิ่งกลับมาด้วยท่าทีตื่นเต้นก่อนจะพูดแทรกกลางวง

              “เย็นนี้ไปดูแข่งบาสกัน

              “หา

              “วันนี้ตอนเย็นที่โรงยิมจะมีแข่งบาสระหว่างโรงเรียนเรากับโรงเรียนกวังฮันอ่ะ มินกยูชวนไปดู

             

    ตึง  !!

             

    สิ้นคำว่ามินกยูชวนไปดู ซูนยองก็ลุกพรวดขึ้นทันทีพร้อมกับคว้าจานข้าวของตัวเองแล้วกระแทกเสียงพูดใส่

              “ใครจะไปก็ไป แต่กูไม่ไป!

    จากนั้นก็เดินหนีไปทันทีท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเพื่อนสองคนและสายตาที่มีเเต่ความตกใจของจีฮุน

    กู...พูดอะไรผิดไปเหรอ?

    คนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มหันไปถามเพื่อนคนที่เหลือด้วยเสียงที่สั่นราวกับกำลังจะร้องไห้ ผิดกับสีหน้าของอีกสองคนที่ยิ้มราวกับกำลังเจอเรื่องสนุก

    ...คนอะไรปากแข็งซะไม่มีอ่ะ

     

             

     

     

    Now I realize you were the only one

    It's never too late to show it.

    Grow old together,
    Have feelings we had before

    Back when we were so innocent

     

    ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่าเธอน่ะคือคนที่ใช่

    มันยังไม่สายเกินไปใช่มั้ยที่จะบอกไป

    พวกเราที่โตมาด้วยกัน ทำให้มีความรู้สึกแบบเดียวกันโดยที่ไม่รู้ตัว

    คงเพราะตอนนั้นเรายังไร้เดียงสาเกินไปล่ะมั้ง

     

     

     


              “ไหนว่าจะไม่มาไง

              วอนอูหันไปทักซูนยองด้วยน้ำเสียงยียวนล่อฝ่าเท้าจากคนถูกถามมาก ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างสนุกสนานกับเพื่อนต่างชาติที่ยืนอยู่ด้วยกัน

              “ก็ไม่ได้อยากมาาา ก็แค่ไม่อยากเดินกลับบ้านคนเดียววว ก็แค่นั้นนน ไม่มีอะไร๊

              “เสียงสูงอีกแล้ว

              “สัสจวิ้น มึงเป็นอะไรกับเสียงกูมากมั้ยห๊ะ

              คนโดนทักหันมาโวยวายอย่างไม่จริงจังเรียกเสียงหัวเราะจากคนโดนด่าได้เป็นอย่างดี

              “วอนอู จวิ้นฮุย กูจองที่ไว้ให้แล้วนะ ไปกัน--- อ้าว?

              จีฮุนร้องออกมาอย่างงงๆเมื่อเห็นคนที่บอกว่าจะไม่มากำลังยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ร่างเล็กเดินไปจูงแขนเพื่อนสองคนยกเว้นจากซูนยองเข้าไปในโรงยิม

     

     

     

     

              เมื่อทั้งสี่คนเข้ามาในโรงยิมปรากฏว่าเกมได้เริ่มไปนิดหน่อยแล้ว จีฮุนจึงรีบดึงมือเพื่อนๆไปยังที่นั่ง โดยที่มีวอนอูกับจวิ้นฮุยนั่งคั่นกลางระหว่างจีฮุนกับซูนยอง

              เมื่อทั้งสี่คนนั่งลง เป็นจังหวะเดียวกับที่มินกยูชู้ตเข้าพอดี เสียงกรี๊ดจากสาวๆแฟนคลับดังกระหึ่มไปทั่วทั้งโรงยิมก่อนมินกยูจะวิ่งมาทางหน้าอัฒจันทร์ที่พวกเขานั่งอยู่แล้วโบกมือขึ้นมาทางจีฮุน เรียกเสียงกรี๊ดให้ดังยิ่งกว่าเดิม

              “แกรรรรรร เขาโบกมือให้ชั้นนนนนน!!!”

              “ให้ชั้นย่ะ!!!!! น้องเขาโบกมือให้ชั้นต่างหากกกก!!!

              “ฮือออแกรรรร กินเด็กจะเป็นอมตะใช่มั้ยยย ชั้นอยากได้น้องเขาาาา

              เสียงสาวเล็กสาวใหญ่เก้งกวางบ่างชะนีดังขึ้นรอบๆตัวไม่สามารถเข้าไปในโสตประสาทของซูนยองได้เท่ากับภาพที่รุ่นน้องโบกมือให้กับเพื่อนสนิทตัวเอง นิ้วเรียวจิกเข้าหาฝ่ามือแน่น ในอกข้างซ้ายก็หน่วงจนรู้สึกเจ็บ

             

     

              รู้แล้ว

              ตอนนี้เขารู้แล้ว

              รู้แล้วว่าทำไมถึงหงุดหงิดตอนที่เห็นมินกยูคุยกับจีฮุน

              รู้แล้วว่าทำไมถึงไม่ชอบที่จวิ้นฮุยจับตัวจีฮุน

              รู้แล้วว่าทำไมถึงต้องโมโหขนาดนั้นตอนที่รู้ว่าจีฮุนจะมาดูแข่งบาสเพราะมินกยูชวน

     

              เขาหวง

              เขาไม่อยากให้จีฮุนไปสนิทกับใคร

              เขาอยากให้จีฮุนเป็นของเขาคนเดียว

              ใช่ เขาชอบจีฮุน

     

     

     

     I pray for all your love

    Girl our love is so unreal

    I just wanna reach and touch you, squeeze you, somebody pinch me

    This is something like a movie

    And I dont know how it ends girl

    But I fell in love with my Best Friend

     

    ฉันก็ได้แต่ขอพรให้เธอหันมามองฉันบ้าง

    แต่ทุกอย่างมันเหมือนเป็นไปไม่ได้เลย

    เราแค่อยากอยู่ใกล้ๆเธอ สัมผัสเธอ กอดเธอ ใครก็ได้ปลุกฉันที

    มันเป็นอะไรที่เหมือนนิยายน้ำเน่าเลย

    ฉันก็ไม่รู้ว่านิยายเรื่องนี้จะจบยังไง

    แต่ว่าจะทำยังไงได้ ก็ฉันแอบรักเพื่อนสนิทไปแล้วนี่

     

     

     

             

    พรึ่บ!

     

              จู่ๆซูนยองก็ลุกพรวดขึ้นในระหว่างที่กำลังทำการแข่งขันก่อนทำท่าจะเดินออกไป จวิ้นฮุยที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองด้วยความสงสัยก่อนจะเรียกเพื่อนไว้

              “ซูน มึงจะไปไหนอ่ะ

              “มึง  กูว่า....

              “...

              “...กู...คงชอบไอ้เตี้ยอย่างที่พวกมึงพูดจริงๆว่ะ

              ตอบเพื่อนไว้แค่นั้นก่อนจะรีบก้าวลงจากอัฒจันทร์แล้วเดินออกจากโรงยิมไป ฝ่ายจวิ้นฮุยที่ได้ยินคำตอบนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาบางๆก่อนจะสะกิดวอนอู วอนอูจึงหันมามองที่ที่นั่งของซูนยองแว๊บนึงก่อนจะหันไปสะกิดจีฮุน

              “มึง

              “หือ มีไร?

              “กูว่ามีบางอย่างที่มึงต้องรู้นะ

              “...

              วอนอูไม่ตอบอะไรก็จะเอียงตัวนิดหน่อยเพื่อให้เพื่อนตัวเล็กเห็นว่ามีคนนึงในกลุ่มหายไป

              “ตามมันไปดิ ดูเหมือนพวกมึงก็อยากจะเคลียร์กันนะ

              จีฮุนหันมามองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างชั่งใจก่อนจะพยักหน้าน้อยๆแล้วลุกตามออกไป

     

     

     

     

              ขาสั้นๆพยายามก้าวให้ไวที่สุด ศีรษะเล็กหันซ้ายหันขวาเพื่อนมองหาเพื่อนสนิทของตนเองก่อนจะเจออีกฝ่ายยืนพิงต้นไม้อยู่ด้านข้างโรงยิม

              “ซูนยอง!!

              ร่างสูงที่ยืนคิดอะไรเงียบๆหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้เสียงของจีฮุน ซูนยองหันมาทางต้นเสียงก่อนจะรีบหลบตาทันที

             

    เขารู้ตัวแล้วว่าเขาคิดอะไรกับเพื่อนสนิทคนนี้ และเขาเอง...ก็ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์นี้เหมือนกัน

     

    มึง...เอ่อ ไม่ดูการแข่งต่อเหรอ

    ร่างเล็กสายหัวทันที ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้ามาให้ใกล้กับอีกฝ่ายมากขึ้น

    ซูนยอง มึงโกรธอะไรกูเหรอ

    “....”

    กูรู้สึกว่ามึงดูแปลกไป เหมือนมึงหงุดหงิดบ่อยขึ้นแล้วก็คุยกับกูน้อยลงด้วย มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า

    “...กูเปล่า

    ถ้างั้นทำไม---

              “มินกยูน่ะ....

              “““

    ชอบมันใช่มั้ย

              “หือ

              “มึงชอบมันใช่มั้ย!?

              “.....”

              “เด็กนั่น ทั้งหล่อ เรียนเก่ง แล้วก็เป็นนักกีฬาด้วย

              “....ไม่

              “แล้วดันมาจีบมึงอีก มึงคงชอบมันไปแล้วล่ะสิ

              “...ไม่ใช่นะ!!

              .....

              ซูนยองเงียบไปเพราะตกใจที่จู่ๆจีฮุนก็ตะโกน ร่างโปร่งหันไปมองเพื่อนสนิทตัวเองที่ตอนนี้กำลังกัดริมฝีปากพร้อมกับน้ำตาคลอราวกับคนใกล้จะร้องไห้เต็มที ใบหน้าขาวเสมองไปทางอื่น

              “...กูน่ะ ไม่ได้ชอบมินกยู

              “....”

              “กู... มีคนที่ชอบ..อยู่แล้วล่ะ

              “...”

              บรรยากาศรอบๆตัวค่อยๆตึงเครียดมากขึ้นไปอีกเพราะคำตอบของจีฮุน สีหน้าของซูนยองค่อยๆเรียบนิ่งมากขึ้นก่อนเขาจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

              “ใครเหรอ

              “....”

              “คนที่มึงชอบน่ะ...กูถามได้มั้ยว่าใคร?

              “คือกู...

              “....”

              “กูน่ะ....

    “....ว่าไงล่ะ!?

    คะ..คือว่า...

    มึงตอบกูสิจีฮุน!

    ก็มึงไง!!

    “....”

    “....”

              “....ว่าไงนะ?

              “มึงไง กูชอบมึงไงซูนยอง”

              “....”

              ความเงียบค่อยๆโรยตัวเข้าปกคลุมทั้งสองคน ร่างสูงเงียบทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ ส่วนร่างเล็กก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่สบตากับอีกฝ่าย อกข้างซ้ายค่อยๆบีบรัดมากขึ้นจนรู้สึกปวด ยิ่งซูนยองเงียบ จีฮุนก็ยิ่งใจไม่ดี ของเหลวที่อยู่ในตาค่อยๆเอ่อล้นขึ้นมาจากความรู้สึกใจเสียที่อีกคนไม่พูดอะไรเลย

              “...”

              “...คือกู...ขอโทษนะ

              “.....”

              “กูรู้ว่ามันไม่ควรจะเกิดขึ้น....ฮึก... กูไม่ควรจะชอบมึง ก็พวกเราน่ะ....อึก..เป็นเพื่อนกันแท้ๆ

    ดั่งว่ากำแพงที่เพียรสร้างขึ้นมาตลอดได้พังทลายลง น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ค่อยๆไหลออกมา ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายช้าๆ นัยน์ตาที่เคยสงสัยค่อยๆแดงมากขึ้นจาการกลั้นน้ำตา ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ที่ลำคอทำให้ร่างเล็กตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร เสียงที่เปล่งออกมาก็ยิ่งติดขัดมากขึ้น

    แต่ว่า...ฮึก...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่กู...อึก เริ่มรู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้มึง ฮึก... เวลาที่มีคนมาชอบมึง กูก็หงุดหงิด ฮึก...แต่กูทำอะไรไม่ได้

    “.....”

    กู..ไม่กล้าพูดออกไป... ถ้าเกิด..ฮึก...ถ้าเกิดกูพูดออกไป กูกลัว.. กลัวว่ามึงจะเกลียดกู

    “.....”

    กูกลัว...กลัวว่ามึงจะทิ้งกู...ฮึก...กลัวมึง...จะตัดเพื่อนกับกู

    “….”

    ขอโทษจริงๆนะ... แต่ว่า กูจะพยายาม...อึก...จะพยายามกลับมาเป็นเหมือนเดิม...

    “.....”

    เพราะฉะนั้น...ขอร้องล่ะ...ฮึก...อย่าเกลียดกูเลยนะ ซูนยอง

              สุดท้ายซูนยองก็ทนฟังไม่ไหว ขาเรียวก้าวฉับๆเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วก่อนแขนแกร่งจะโอบคนที่ตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมแขน จีฮุนปล่อยโฮออกมาทันทีที่เพื่อนสนิทตัวเองสัมผัสตัว ความรู้สึกอึดอัดทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาเพียงเพราะอ้อมกอดเดียว

              ซูนยองปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กของเขาร้องไห้ไปเรื่อยๆ ฝ่ามืออุ่นก็ค่อยๆบรรจงลูบเรือนผมนิ่มของอีกฝ่ายก่อนจะขยี้เบาๆ ซึ่งมันยิ่งทำให้จีฮุนร้องไห้หนักกว่าเดิม

                วงแขนแกร่งกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นอีกราวกับว่ากลัวคนในอ้อมกอดจะหายไป มือเล็กของจีฮุนพยายามดันร่างของเพื่อสนิทออก แต่ซูนยองกลับไม่สนใจ กลับกดศีรษะเล็กนั้นเข้ากับอกของตนมากกว่าเดิมโดยไม่สนใจว่าน้ำตาของอีกฝ่ายจะทำเสื้อนักเรียนตนเองเปียกหรือไม่

              กอดกันอยู่สักพักเสียงสะอื้นก็ค่อยๆเบาลง ซูนยองค่อยๆดึงจีฮุนออกมาจากอกตัวเองก่อนจะค่อยๆใช้นิ้วปาดน้ำตาบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

              “ร้องไห้ทำไม“ กูยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย”

              “...ฮึก..ก็กู...กูกลัว..มึงจะเกลียดกู..ฮึก

              ซูนยองเพิ่งจะอ้าปากพูดได้คำเดียว จีฮุนก็สะอื้นทำท่าจะร้องไห้อีกรอบจนเขาต้องรีบลูบหัวปลอบ

              “เห้ยๆ อย่าเพิ่งร้องดิ กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

              “....ฮึก...ซูนยอง

              “ว่า

              “มึง...ไม่เกลียดกูใช่มั้ย

              “ไม่เกลียดหรอกน่า

              “จริงเหรอ

              “จริงสิ

              “จริงๆนะ

              “จริงๆ แต่......

              “....”

              “…กูคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วล่ะ

              สิ้นเสียงของซูนยองน้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหลก็ไหลออกมาทันที ร่างเล็กปล่อยโฮออกมาอีกครั้งก่อนจะค่อยๆขืนตัวออกจากอ้อมแขนของคนสูงกว่า

              “เพราะกูน่ะ...

              “ฮึก... ไม่เอาแล้ว... กูไม่ฟัง...

              “ก็ไม่ได้คิดกับมึงแค่เพื่อนแล้วเหมือนกัน”

            มึงจะเกลียดกูใช่.... เอ๋

              จากที่พยายามจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนอีกคนกลายเป็นติดสตั้นท์จนหยุดนิ่ง ศีรษะเล็กค่อยๆหันขึ้นไปมองหน้าคนพูดอย่างอึ้งๆก่อนจะกะพริบตาปริบๆ

              “หมายความ...ว่าไง?

              พอถูกถามย้ำคนที่เพิ่งพูดสารภาพรักไปถึงกับหน้าซับสีแดง ร่างสูงค่อยๆหลบตาอีกฝ่ายแล้วมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อน

              “กะ...ก็ หมายความตามที่พูดอ่ะแหละ

              “แล้วที่พูดนี่คือ...

              “ก็กู...ไม่ได้คิดกับมึงแค่เพื่อนแล้วไง ก็แบบ...คิดเกินนั้นไปแล้วอ่ะ เข้าใจยัง เข้าใจเหอะ กูเขินนะเว้ย

              “....”

              ซูนยองปล่อยแขนออกจากร่างเล็กก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ ส่วนจีฮุนก็ก้มหน้าลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท

              “งั้นมึง...ก็ไม่ได้เกลียดกูใช่มั้ย

              “ห๊ะ“ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เกลียดน่ะ”

              “งั้นเราจะกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมใช่มั้ย

              เมื่อได้ยินคำว่าเพื่อนสนิทคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันทันที นี่อีจีฮุนของเขาจะใสซื่อเกินไปรึเปล่าเนี่ย

              “ไม่ เราจะไม่มีทางกลับไปเป็นเพื่อนกัน

              “เอ๊าาา ทำไมล่ะ ไหนมึงบอกว่าไม่ได้เกลียดกูไง”

    พูดไปเสียงก็เริ่มสั่นเตรียมจะปล่อยโฮอีกรอบ ซูนยองที่ยังพูดไม่จบก็หลุดขำกับท่าทีของร่างเล็กก่อนจะพูดต่อ

              “กูน่ะ จะไม่เป็นเพื่อนกับมึงอีกแล้ว เพราะว่ากู...ร่างโปร่งพูดไว้แค่นั้นก่อนจะก้าวเท้าทีเดียวเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย ซูนยองยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กจนแทบจะไม่เหลือระยะห่าง

              “เพราะกู....จะขอเลื่อนเป็นแฟนมึง ตั้งแต่ตอนนี้เลย”

              คำขอเป็นแฟนกลายๆถูกเอ่ยขึ้นเรียกสีหน้าอึ้งๆของคนตัวเล็กกว่าได้เป็นอย่างดี ใบหน้าน่ารักค่อยๆซับสีแดงมากขึ้นเรื่องจนลามไปถึงใบหู อีจีฮุนรีบก้มหน้าหลบสายตาเจ้าเล่ห์จากคนตัวสูงทันที

              “ว่าไง ได้รึเปล่า?

              ควอนซูนยองยังคงไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมก่อนจะจงใจใช้ปลายจมูกไล้ตามแก้มของอีกฝ่าย ร่างเล็กที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอามือยึดหน้าอีกฝ่ายไว้แต่กลับกลายเป็นว่าเปิดทางให้ซูนยองแทน

              มือเรียวข้างหนึ่งคว้ามือเล็กเอาไว้ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปที่หลังมือของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ส่วนมืออีกข้างก็โอบเอวเล็กของจีฮุนเข้ามาใกล้ตนเอง

              “มึง ปล่อย เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

              “มึงก็ตอบกูก่อนดิ ไม่ตกลงกูไม่ปล่อย”

              “นี่มึงมัดมือชกกูนี่”

              “ก็ใช่ไง เร็ว ไม่ตอบกูไม่ปล่อยนะ”

              ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อก็พยายามโน้มลงมาฉกเอาความหอมที่แก้มของคนตัวเล็กไปอีกข้างละฟอดใหญ่ๆ

              “ไอ้ซูนยอง มึง!

              “เออ กูทำไม ตอบเร็วดิเตี้ย ไม่ตอบกูหอมอีกนะ”

              “เห้ยๆๆ อย่าๆๆ ตอบก็ได้”

              “...”

              “..กูตอบก็ได้”

              “....”

              “กู...ปฏิเสธมึงได้ที่ไหนเล่า

              คำตอบแสนน่ารักที่เหมือนคำตกลงกลายๆเรียกรอยยิ้มกว้างจากซูนยองได้เป็นอย่างดี ดวงตาสองคู่สอดประสานกันก่อนที่ร่างสูงจะเป็นฝ่ายเอ่ยคำพูดออกมา

              “งั้นกูกับมึง...”

              “...”

              “เป็นแฟนกันแล้วนะ”

              ปลายนิ้วเรียวถูกยกขึ้นมาเกลี่ยเบาๆบริเวณหางตาที่บวมจากการร้องไห้ของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของทั้งคู่

    ความสุขและความโล่งใจที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน ด้วยความรู้สึกเดียวกัน

                       

           

     

     

     

    I know it sounds crazy

    That you'd be my baby.

    Girl you mean that much to me.
    And nothing compares when

    We're lighter than air and

    We don't wanna come back down.

     

    มันอาจจะฟังดูบ้านะ

    แต่เธอคือคนที่ฉันรัก

    เธอน่ะมีความหมายกับฉันมากๆนะ

    มากเกินกว่าที่จะหาอะไรมาเปรียบได้

    ฉันรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ

    และจะไม่มีทางตกลงมาอยู่ที่เดิมอีก

      

    I remember when I said I'd always be there

    Ever since we were ten baby.

     

    ฉันยังจำได้นะที่ฉันเคยสัญญาว่า ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ

    ตั้งแต่ตอนที่เราอายุสิบขวบน่ะ

     

     

     

     

    E N D (?)

     

             

     

     

    แถม :

              หลังจากที่ตกลงในความสัมพันธ์กันเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็กำลังจะกลับเข้าไปที่โรงยิมพอดีกับที่วอนอูและจวิ้นฮุยกำลังเดินออกมาเนื่องจากการแข่งขันจบไปแล้วโดยที่โรงเรียนฝ่ายตรงข้ามแพ้ และยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร วอนอูก็พุ่งเข้ามาคาดคั้นให้ทั้งสองคนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังและในตอนสุดท้ายทั้งซูนยองและจีฮุนก็ได้รับอาการเบะปากด้วยความหมั่นไส้ของวอนอูเป็นการปิดท้ายเรื่องก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน

    ในระหว่างที่กำลังเดินกลับบ้านมือของคนสองคนที่เพิ่งเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นคนรู้ใจก็จับประสานกันมาตลอดทาง ทั้งสองมองมือของตัวเองที่กำลังประสานกับมือของอีกคน ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของมือแล้วยิ้มออกมาพร้อมกัน

              เมื่อใกล้จะถึงบ้านของจีฮุน ซูนยองก็โพล่งถามเรื่องที่ยังคาใจตัวเองอยู่ตั้งแต่เมื่อตอนเย็นขึ้นมา

              แล้วคิมมินกยูน่ะ มาจีบมึงใช่มั้ย?

              เห? ไม่ใช่นะ

              “ห๊ะ

              “มินกยูน่ะไม่ได้มาจีบกู น้องเขาจะจีบวอนอูต่างหาก

              “...ห๊าาา!!!!!

              “น้องแค่มาขอคำปรึกษาจากกูน่ะ ที่ไปดูบาสวันนี้เพราะน้องเขาขอให้พาวอนอูไปเชียร์ต่างหาก ไม่ใช่เพราะอยากให้กูไปหรอก

                “...เชี่ย ช็อคโลก”

              “แล้วที่หันขึ้นมาโบกมือให้กูตอนแข่งอ่ะ น้องเขาโบกให้วอนอู ไม่ได้โบกให้กู”

              “แล้วทำไมมันถึงต้องเข้ามาคุยกับมึงด้วยอ่ะ!?

              “มึงก็รู้ว่าวอนอูเป็นคนยังไง ถ้าเป็นคนแปลกหน้ามันจะเย็นชาใส่ตลอดเลยนี่ ถ้าไม่ขอให้กูช่วย มึงคิดเหรอว่าน้องเขาจะได้เฉียดใกล้ไอ้วอนอูมัน

              “แล้วทำไมเด็กนั่นถึงไม่มาบอกกูล่ะ!? กูก็ช่วยได้นะ

              “มินกยูบอกว่ามึงน่ากลัวมากๆ ก็เลยไม่กล้าเข้ามาคุยเหมือนกันน่ะ

              “...ไอ้เด็กนี่ กูจะคอยกันไม่ให้มึงจีบวอนอูติดเลยคอยดู!!

             

    ในความคิดของซูนยอง ความจริงข้อนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าเรื่องทั้งหมดเสียอีก.....

     

     

     


     

     

    -          END      -

             

             

     

    ______________________________________________________________________________________ 


    ...TALK...

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ในที่สุดก็จบเเล้วค่ะ5555(หมายถึงการรีไรท์)

    เป็นซูนฮุนเรื่องเเรกในชีวิตเลย ตื่นเต้นมาก5555555

    คือดองพล็อตเอาไว้ในหัวตั้งนานเเล้ว ก็เพิ่งจะได้มีเวลามาเเต่งจริงๆจังๆนี่ล่ะค่ะ

    ไม่รู้ทำไมเเต่เรื่องนี้เขียนย๊ากยาก555555

    ถ้าหากว่าภาษาตรงไหนติดขัด ไรท์ก็ต้องของอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คือไม่ได้เเต่งนานเเล้วภาษามันเเข็งๆยังไงไม่รู้5555

     

    เเละก็ขอขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่ยังตามอ่านนิยายของไรท์นะคะ*กราบงามๆ* 

    (ถึงเเม้ว่าไรท์จะอัพยากอัพเย็นเหลือเกินก็ตาม55555)

    ทุกคนสามารถคอมเมนท์หรือเม้าท์มอยความฟินร่วมกันได้ที่เเท็ก #FicStory17 นะคะ

    ไรท์เข้าไปส่องทุกวันเลย ถึงเเม้จะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยก็ตาม555555(บางทีก็ลงเองติดเเท็กเอง55555)

    พล่ามมาซะยาวเเล้ว ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ ไรท์จะพยายามเขียนเรื่องต่อๆไปให้ออกมาดียิ่งขึ้น 

    ช่วยติดตามด้วยนะคะ >>3<<

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×