คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Mingyu x Wonwoo : A Man In Dream
ชื่อเรื่อง
: A Man in dream
Pairing
: Mingyu x Wonwoo
“อะ...อึก”
ริมฝีปากบางค่อยๆขบลงบนกลีบปากล่างอย่างสะกดกั้นอารมณ์
ในขณะที่มือสากเริ่มลากผ่านไหล่มน แล้วไล้ลงมาจนถึงอกบาง
โดยริมฝีปากก็ยังคลอเคลียอยู่ข้างใบหูไม่ห่าง
“อย่ากัดปากสิครับ ผมอยากได้ยินเสียงพี่นะ”
เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูของร่างโปร่งและค่อยๆใช้ปลายลิ้นโลมเลียที่ใบหูอย่างอ้อยอิ่งพร้อมกับใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างช้าๆก่อนจะสอดไปหยอกล้อกับลิ้นเล็ก
“อื้อ....”
ปลายลิ้นเล็กเริ่มตอบสนองโดยการไล่เลียที่ปลายนิ้วของร่างสูง
ร่างโปร่งปรือตาขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายช้าๆ นัยน์ตาแฝงไปด้วยอารมณ์
ซึ่งสำหรับอีกฝ่ายแล้วกลับเป็นภาพที่ดูน่ารักเสียจนอยากจะแกล้ง
“หึๆ พี่วอนอูน่ารักมากเลยนะครับ รู้ตัวรึเปล่า”
เสียงทุ้มยังคงกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนจะค่อยๆเคลื่อนริมฝีปากไล้มาตามโครงหน้าของร่างโปร่ง
จากใบหูเล็กเลื่อนไปที่หน้าผากมน จรดลงเบาๆ จากนั้นก็เลื่อนลงมายังเปลือกตาบางที่ตอนนี้ค่อยๆหลับลงเมื่อเขาจรดลงที่หางตาที่มีหยาดน้ำคลอหน่วงอยู่
แล้วเลื่อนมาที่สันจมูกไล่ลงมาที่ส่วนปลายแล้วขบเบาๆราวกับจะหยอกล้อ จนลงมาถึงส่วนสุดท้าย
กลีบปากหนาค่อยๆบดเบียดลงบนริมฝีปากบางของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม
ฟันคมงับลงบนกลีบปากล่างอย่างเอาใจก่อนจะเริ่มบดเบียดที่กลีบปากบางอีกรอบ
สัมผัสเชื่องช้าแต่กลับร้อนแรงในเวลาเดียวกันถูกถ่ายถอดให้อีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง ลิ้นร้อนของร่างสูงค่อยๆเล็มไปในโพรงปากของวอนอูอย่างอ่อนหวาน
ก่อนจะค่อยๆผละออกมา
“ฮะ...แฮ่ก..”
อกบางกระเพื่อมขึ้นลงเพราะขาดอากาศหายใจจากจูบอันแสนวาบหวามที่อีกคนมอบให้
ร่างสูงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระอยู่นาน
เขาก้มลงตักตวงความหวานจากร่างโปร่งอีกครั้ง...และอีกครั้ง...
มือหนาค่อยๆลูบมาที่ไหล่เล็กอีกครั้งก่อนจะไล้ไปที่แขนจนถึงมือเรียวที่กำลังจิกหมอนด้วยแรงอารมณ์
ร่างสูงค่อยๆทาบมือลงไปก่อนจะสอดนิ้วเพื่อประสานกับอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ร่างเขาตอนนี้
ก่อนจะละริมฝีปากเพื่อกระซิบถ้อยคำหวานให้ก้องอยู่ในหัวของวอนอู
“ผมรักพี่วอนอูนะ”
.....
...
..
.
กริ๊งงงงงงงงงงง!!
เฮือก !!
วอนอูสะดุ้งตื่นหลังจากได้ยินนาฬิกาปลุกของตัวเองแผดเสียง
มือเรียวรีบเอื้อมไปคว้านาฬิกาเจ้าปัญหามาปิดก่อนจะหันกลับมานั่งนิ่งๆบนเตียง
อกบางกระเพื่อมหอบหายใจรุนแรงเหมือนเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมา
ศีรษะเล็กหันมองซ้ายทีขวาทีอย่างช้าๆราวกับคนยังตั้งสติไม่ได้
‘เมื่อกี๊....อีกแล้วเหรอ?’
ความฝันแบบเดิมที่ย้อนมาหาเขาเกือบทุกคืน สามครั้ง
สี่ครั้ง ห้า หรือหก ไม่สิ คงมากกว่านั้น มันถี่มาก จนเจ้าตัวเองก็เริ่มรู้สึกกลัว
ในความฝันที่มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำเรื่องอย่างว่ากับร่างกายของเขาราวกับว่าเป็นคนรักกัน
ทั้งๆที่เขามองไม่เห็นหน้าของชายคนนั้น ไม่เห็นเลยว่าเป็นใคร
แต่อีกฝ่ายกลับเรียกชื่อของเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน
มิหนำซ้ำเขายังไม่มีท่าทีขัดขืนเลยด้วย
สัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับในทุกๆคืนถึงแม้จะยังสงสัยแต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ดีอย่างน่าประหลาด
แล้วยังไม่มีความรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
และถ้าวันไหนที่ไม่ได้ฝันถึงก็จะโหยหา เหมือนกับว่าเขาเริ่มจะผูกพันธ์กับอีกฝ่ายเข้าแล้ว
...นี่เขาไม่ได้กำลังรู้สึกอะไรกับคนที่เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีตัวตนอยู่บนโลกนี้จริงหรือเปล่าหรอกนะ...
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกกับตัวเอง
แต่พอนึกถึงฉากสุดท้ายก่อนที่ตัวเองจะสะดุ้งตื่นมันก็อดชวนให้น่าแดงไม่ได้จริงๆ
ทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายแท้ๆ
‘เป็นใครกันนะ?’
คิดไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรขึ้นมา ถ้าจะรู้ ก็คงรู้ไปนานแล้ว
สุดท้ายวอนอูก็ตัดสินใจลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการตนเอง
ใช้เวลาไม่นานประมาณยี่สิบนาทีร่างโปร่งก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนหัว
เขาค่อยๆเช็ดตัวอย่างไม่เร่งรีบ เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์
แต่.. เหมือนเขาจะลืมอะไรบางอย่างนะ…
~
ชัมกัน, โซนยอยา ชอลแด นอน ทารึน ซาราเมเก นกจีมา ~
เมื่อได้ยินเสียงริงโทนดัง
ขาเรียวก็ก้าวฉับๆเพื่อไปรับสาย หน้าจอโทรศัพท์กำลังโชว์เบอร์ของเพื่อนสนิทของเขา
“มีไรวะซูน โทรมาแต่เช้าเลย”
“วอนอูมึงอยู่ไหนเนี่ย?”
“กูก็อยู่บ้านดิ วันนี้วันเสาร์ไม่ใช่เหรอ?”
“มึงงง วันนี้มีรับน้องนะเว้ยย
ที่พี่ปี3นัดให้ปี1กับปี2มารวมกันอ่ะ”
“ห๊ะ!! ชิบหายล่ะ
พี่เขานัดแปดโมงครึ่งใช่มั้ย!?” ถามย้ำกับเพื่อนพร้อมเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่แขวนบนผนังห้อง
....8.07...
“ซวยล่ะมึงกูเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เดี๋ยวกูรีบแต่งตัวเดี๋ยวนี้ล่ะ”
วอนอูพูดไปด้วยมือก็จัดการเช็ดตัวพร้อมกับใส่เสื้อผ้าไปด้วยโดยใช้ไหล่หนีบมือถือของตัวเองไว้ข้างหู
“เออๆ เร็วๆนะมึง เดี๋ยวโดนพี่ซึงชอลกินหัวเอา”
“พี่ซึงชอลเขาไม่ทำอะไรกูหรอกน่า”
“ยังจะพูดมากอีก รีบไปแต่งตัวสิว้อยยย”
“เออๆ ไปล่ะๆ”
วอนอูกดตัดสายซูนยองก่อนจะโยนมือถือไว้บนเตียงแล้วหันกลับมาตั้งใจแต่งตัวต่อ
เมื่อจัดการชุดของตนเองเรียบร้อย
ร่างโปร่งอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว สวมทับด้วยเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูปักชื่อมหาลัยและภาคของเขา
ท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์สีซีดๆกับรองเท้าผ้าใบสีขาว
เพราะว่าต้องมาเรียนมหาลัย วอนอูจึงเลือกที่จะอยู่หอแทนที่จะอยู่บ้าน
แม้ว่าบ้านของเขาก็อยู่ในโซลก็ตาม แต่เพราะต้องการประหยัดเวลา
และที่มหาลัยเองก็มีกิจกรรมอยู่ตลอด เขาจึงไม่อยากรบกวนที่บ้าน
เมื่อมาถึงมหาลัย วอนอูก็รีบต่อสายหาเพื่อนสนิททันที
ขาเรียวก้าวเร็วจนแทบจะวิ่งเพื่อจะไปให้ทันเวลา ถึงแม้จะสายอยู่เสียหน่อยก็เถอะ
ปั้ก!!
ด้วยความที่รีบและสมาธิก็ไปอยู่ที่การติดต่อซูนยองทำให้ร่างโปร่งเดินไปชนเข้ากับใครบางคนที่ตัวสูงกว่าเขาค่อนข้างเยอะ
และด้วยขนาดตัวที่ต่างกันทำให้คนที่เซเลยเป็นเขาแทน แต่ก็ได้คู่กรณีนี่แหละที่ช่วยไม่ให้เขาล้ม
แขนแกร่งข้างหนึ่งคว้าเข้าที่แขนส่วนอีกข้างก็เกี่ยวเอวของร่างโปร่งไว้ และด้วยระยะที่ค่อนข้างประชิดทำให้เขาเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน
สิ่งแรกที่เห็นคือแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมสีดำที่วางอยู่บนหน้าอีกฝ่าย
แต่กลับไม่ได้ทำให้ร่างสูงดูเนิร์ดหรือดูดีน้อยลงได้เลย
โครงหน้าคมคายสมบูรณ์แบบที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็คงไร้ที่ติ ดวงตาคมกริบกำลังจ้องเขาอย่างไม่วางตาแต่กลับแฝงความหมายบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรอยู่ข้างในนั้น
“....”
“รุ่นพี่ ไม่เป็นอะไรนะครับ?”
“!!”
เสียงของชายตรงหน้าที่กำลังโอบเขานั้น
ถึงไม่อยากจะคิดแต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่ามันช่าง...
....คล้ายกับผู้ชายที่อยู่ในความฝันของเขา
“รุ่นพี่ครับ?”
“ห๊ะ อะ..อือ ไม่เป็นไร”
วอนอูค่อยๆรั้งตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนจะถอยออกมาตั้งหลัก
ก่อนจะได้ยินเสียงใครสักคนตะโกนเรียกชื่อตัวเอง
“วอนอูย่า!!!!!”
เป็นควอนซูนยองเพื่อนสนิทของเขาที่ตะโกนเรียกเขาจากฝั่งข้างหลังของผู้ชายตรงหน้าเขา
ร่างสูงโปร่งที่ตัวพอๆกับเขาขยี้หัวทองๆของตนเองสองสามครั้งก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหาจุดที่พวกเขายืนอยู่
“วอนอู มึงทำอะไรอยู่เนี่ย? เขาเรียกรวมแล้วนะ”
“ห๊ะ เอ่อคือ..”
“แล้วนี่..?” ซูนยองหันไปมองหนุ่มหล่อที่ถูกลืม
ก่อนจะหันมามองวอนอูด้วยสายตาซึ่งตีความหมายได้ว่า ‘หมอนี่ใคร??’
“ผมชื่อคิมมินกยู ปี1 วิศวะเครื่องกลครับ”
ร่างสูงเป็นฝ่ายตอบความสงสัยของซูนยอง
“อ้าว รุ่นน้องพวกพี่นี่ งั้นก็พอดีเลย
มากับพวกพี่เลยแล้วกัน ไหนๆก็จะไปที่ลานอเนกฯอยู่แล้ว”
ไม่พูดเปล่าซูนยองก็จัดการลากข้อมือของทั้งสองมาคนละข้างก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงมาจนถึงจุดรวมพล
โดยในขณะที่เดิน วอนอูไม่สังเกตเห็นถึงสายตาของรุ่นน้องที่เดินอยู่ข้างๆตนเองเลย
“เฮียยยยย ผมเอาไอ้มึนมาส่งแล้วค้าบบบ”
หลังจากเอามินกยูไปหย่อนไว้ที่เตนท์ของเด็กปี1
ซูนยองก็ลากเพื่อนสนิทตัวเองมาที่เตนท์พี่ว้าก
“อ้าววว ว่าไงงงงไอ้มึน มาซะสายนะมึงอ่ะ”
หนึ่งในผู้ชาย6-7คนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ในเตนท์หันหน้าขึ้นมาทักวอนอู
ก่อนจะลุกขึ้นมากอดคอน้องรหัสตัวเองอย่างสนิทสนม
“นิดเดียวเหอะพี่ซึงชอล นี่ยังไม่เริ่มกันอีกเหรอ?”
“ก็กำลังจะเริ่มนี่ล่ะ รอมึงอยู่อ่ะ”
“ห๊ะ รอเพื่อ??”
“ก็กูจะให้มึงเป็นเฮดว้ากต่อจากกู กูเลยจะให้มึงดูการว้ากเป็นตัวอย่างไง”
“ห๊า!! ตลกล่ะเฮีย
ไม่เอาด้วยหรอก”
“ซึงชอล มึงอย่าลากน้องมึงมาเป็นทายาทอสูรของมึงสิวะ”
“เออใช่ วอนอูน่ะเรียบร้อยจะตาย กูว่าไม่มีใครทั้งเถื่อนทั้งโหดทั้งเลวได้เท่ามึงอีกล่ะ5555555”
“เออๆกูเห็นด้วย55555555”
สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าพวกพี่ๆในทีมพี่ว้ากพากันรุมพี่ซึงชอลกันหมด
แหม่ ช่วยไม่ได้นะพี่
“พอเลยพวกมึงอ่ะ ไอ้เตี้ยจีฮุน
มึงไม่ต้องมาว่าน้องกูเรียบร้อยเลย ดูหน้ามึงก่อน หน้ามึงอ่ะเหมาะกับการเป็นพี่ว้ากที่ไหนล่ะวะ”
เมื่อรู้ตัวว่าถูกรุม
ซึงชอลจึงหันไปโจมตีใส่คนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มนั้น ซึ่งเป็นพี่รหัสของซูนยอง
“หน้ากูจะเหมาะหรือไม่เหมาะ กูก็ผ่านการฝึกเป็นพี่ว้ากได้คนแรกล่ะวะ”
คนโดนด่าว่าไอ้เตี้ยหันกลับไปตอบโต้คนด่าก่อนจะแลบลิ้นใส่เป็นเหตุให้ซึงชอลเริ่มวิ่งไล่จีฮุนเพราะมั่นใจเลยว่าคนตัวเล็กจะแซะตนเองซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ผ่านการฝึก
“ถึงกูจะผ่านเป็นคนสุดท้ายกูก็ได้เป็นเฮดว้ากนะเว้ย!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะความสูงของกู
กูก็คงได้เป็นแทนมึงแล้ว!”
“พอๆๆ พวกนายนี่จริงๆเลย ไล่กันเป็นเด็กๆไปได้ รีบไปได้แล้วจะเก้าโมงแล้วนะ
นัดน้องมาตอนแปดโมงครึ่ง เริ่มงานสายเดี๋ยวน้องก็เอามาแซะหรอก”
สุดท้ายคนที่มาช่วยยุติการทะเลาะกันอันสุดแสนปัญญาอ่อนของกลุ่มพี่ว้าก
ก็คือเฮดฝ่ายพยาบาลอย่างยุนจองฮัน นางฟ้าแสนสวยของภาค
ร่างบางเดินไปลากทีมพี่ว้ากออกไปนอกเตนท์ทีละคนสองคนจนหมด
แล้วจึงเดินกลับมาหาซูนยองและวอนอูที่ถูกลืมไปตั้งแต่ซึงชอลและจีฮุนทะเลาะกัน
“ทั้งสองคนอยู่ฝ่ายสันทนาการสินะ
ถ้ายังไงวันนี้ก็ฝากด้วยนะ ท่าทางพวกนั้นตั้งใจจะว้ากน้องแรงอยู่น่ะ”
จองฮันหันมาพูดยิ้มๆให้กับรุ่นน้องทั้งสองคนก่อนจะเดินกลับเข้าไปเตรียมตัวในเตนท์ฝ่ายพยาบาล
และแล้วการรับน้องก็เริ่มขึ้น แต่บรรยากาศกลับเป็นไปอย่างน่าอึดอัดเพราะเหล่าพี่ว้ากคอยสร้างบรรยากาศกดดันให้แก่เหล่านักศึกษาปีที่ 1 เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงที่น้องๆต้องยืนตรงตากแดดให้พวกพี่ว้ากตรวจระเบียบและชี้แจงอะไรมากมายที่บางครั้งก็ได้รับสายตาต่อต้านจากปี1
แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ก้มหน้าลงไป เพราะอีกฝ่ายเป็นพี่ปี3 ซึ่งเป็นรุ่นพี่
ถ้าหากไม่ทำตามระเบียบก็จะไม่มีสิทธิ์ได้รับการยอมรับจากอีกฝ่ายแน่นอน
จนเลยเวลาเที่ยงมาได้สักหน่อย
เหล่าพี่ว้ากก็ปล่อยให้น้องๆเป็นอิสระ ไปกินข้าวเที่ยงแล้วกลับมาเจอกันที่เดิมในเวลาบ่ายโมงครึ่ง
เพื่อจะให้น้องๆปี1 ร่วมกิจกรรมการตามหาพี่รหัสที่อยู่ปี2ของตนเอง
โดยกิจกรรมนี้จะดำเนินการโดยฝ่ายสันทนาการ
เมื่อนักศึกษาทั้งปี1และปี2มารวมกันที่ลานกว้างจนครบแล้ว
พี่ๆในฝ่ายสันทนาการก็พากันขนกลอง
ขนอุปกรณ์มากมายมาช่วยกันคลายบรรยากาศตึงเครียดให้น้องๆ
ก่อนหนึ่งในนั้นที่ดูจะเป็นเฮดฝ่ายสันทนาการจะก้าวขึ้นมาบนแท่นยืนพร้อมกับโทรโข่ง
“ฮัลโหลๆ เอาล่ะ สวัสดีครับน้องๆเฟรชชี่แห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ พี่ชื่อควอนซูนยอง อยู่ปี2 เป็นเฮดฝ่ายสันทนาการนะครับ
วันนี้ พี่จะมาอธิบายกติกาในการร่วมกิจกรรมการตามหาพี่รหัสในวันนี้นะ
น้องๆได้รับการ์ดแผ่นเล็กที่มีคำใบ้กับลูกกุญแจแล้วใช่มั้ยครับ คำใบ้พวกนั้นจะเป็นสิ่งที่บอกถึงลักษณะ
ท่าทาง รูปร่าง หรืออาจจะเป็นพฤติกรรมหรือนิสัยของพี่รหัสของน้อง
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่พี่เขาจะสรรหามาเขียนลง ในรุ่นนี้มีทั้งหมด 518 คน
เกือบทุกคนจะมีพี่รหัสอยู่ที่นี่นะครับ
ส่วนน้องคนไหนที่ในคำใบ้มันไปตรงกับพี่ปีอื่นก็ไม่ต้องงงนะครับ พี่เขาก็เป็นสายรหัสของน้องแต่ปีถัดขึ้นไปเท่านั้นเอง
เนื่องจากมีปี2บางคนซิ่ว น้องก็ไม่ต้องเสียใจนะครับ
กติกาคือ
ให้น้องๆเดินไปหาพี่คนที่น้องคิดว่าตรงกับคำใบ้ที่สุดจากนั้นก็อ่านคำใบ้ให้พี่เขาฟังแล้วพี่เขาก็อาจจะให้น้องทำอะไรสักอย่าง
เช่น แหกปาก เต้น หรืออาจจะเป็นอะไรที่น้องๆคาดไม่ถึง แต่มั่นใจว่าน้องๆได้สนุกแน่นอนครับ
ถ้าน้องผ่านบททดสอบของพี่เขา พี่เขาก็จะเอาแม่กุญแจของพี่เขาให้น้องๆไขนะครับ
ถ้าไขไม่ได้ก็คือไม่ใช่พี่รหัสของน้อง น้องก็ต้องตามหาคนต่อไปนะครับ
ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะหาพี่รหัสตัวเองเจอนั่นแหละ แต่ถ้าคนไหนหาพี่รหัสตัวเองเจอแล้วก็เอาหลักฐานแม่กุญแจกับลูกกุญแจมาโชว์ที่เตนท์นี้แล้วก็ตามสบายเลยนะครับ
จะแลกเบอร์ แลกเฟส แลกไลน์หรือจะไปไหนกันต่อก็ตามสบายเลยนะครับ
วันนี้จะไม่มีอะไรมาก แค่อยากให้รู้จักพี่ๆของตัวเองนะครับ
เอาล่ะ พี่จะให้เวลาน้อง 3 ชั่วโมงจนถึงสี่โมงครึ่งนะครับ
ถ้าน้องคนไหนยังหาพี่รหัสไม่เจอจะมีบทลงโทษสุดแสนพิเศษและน่าจดจำให้นะครับ”
หลังจากร่ายยาวมาเกือบ 10 นาที
ซูนยองก็ทิ้งท้ายด้วยร้อยยิ้มอันแสนสดใสแต่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ให้เหล่าเฟรชชี่ได้เสียวสันหลังเล่น
ก่อนเจ้าตัวจะหยิบนกหวีดขึ้นมาเตรียมเป่าเป็นสัญญาณให้น้องๆ
ปี๊ดดดดดด!!!!!
สิ้นเสียงนกหวีดเหล่าเฟรชชี่นับร้อยกว่าชีวิตก็รีบเข้าตะครุบรุ่นพี่ที่อยู่แถวนั้นจนชุลมุนวุ่นวาย
แต่กลับมีอยู่คนหนึ่งที่โดดเด่นกว่าคนอื่น
ร่างสูงร้อยแปดสิบกว่ายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ก้มหน้าอ่านคำใบ้ในมือตนเองก่อนมุมปากจะยกยิ้มขึ้นนิดนึง
‘สวย หยิ่ง มึน อึน’
คำสี่คำที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นเล็กดูจะเป็นคำใบ้ที่ไม่ค่อยเอื้อประโยชน์ต่อมินกยูเท่าไหร่นัก
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีดำกวาดสายตาหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะตรงกับคำใบ้ที่สุดก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพี่ปี2เจ้าของคำใบ้ทันที
สวย หยิ่ง คนที่มีคำใบ้แบบนี้
ใครๆก็คงคิดว่าคงเป็นสาวสวยสุดหยิ่งมาดราชินีแน่ๆ แต่พอเจอคำว่ามึนกับอึนเข้าไป
คงไปต่อไม่ถูกเหมือนกันเพราะมันไม่น่าใช่บุคลิกที่จะไปรวมอยู่ในคนคนเดียวกันได้ แต่เขาก็มั่นใจว่าคนแบบนี้น่ะมีอยู่จริง
และไม่ใช่ผู้หญิงซะด้วย
“รุ่นพี่ครับ”
ร่างโปรงที่กำลังยืนคุยอยู่กับซูนยองหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะผงะไปนิดนึงเมื่อพบว่าเป็นรุ่นน้องคนที่เดินชนกับเขาเมื่อเช้า
วอนอูหันหน้าไปมองอีกฝ่ายก่นจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“สวย หยิ่ง มึน อึน ใช่พี่รึเปล่าครับ?”
วอนอูอึ้งไปนิดหน่อยกับคำใบ้ คำใบ้พวกนี้น่ะจริงๆแล้วคนพี่ก็ต้องเป็นคนเขียนให้น้องนั่นแหละ
แต่ของวอนอูคนเขียนดันไม่ใช่เขาน่ะสิ ร่างโปร่งสะบัดหน้าไปมองอย่างคาดโทษให้เพื่อนสนิทตนเองที่ยืนกลั้นขำอยู่ข้างๆก่อนจะหันกลับมามองรุ่นน้องที่ยืนนอยู่ตรงหน้าตนเอง
ถ้าเขายื่นแม่กุญแจให้โดยไม่ให้ทำอะไรเลยก็จะผิดกติกาสินะ
จะว่าไป...ก็มีเรื่องที่สงสัยอยู่นี่นา
“มึง กูขอกระดาษกับปากกาหน่อยดิ”
เมื่อได้คำตอบจากความคิดตัวเองแล้ววอนอูก็หันไปขออุปกรณ์จากเพื่อนตัวเอง
ซูนยองทำหน้างงนิดหน่อยแต่ก็เดินไปหยิบกระดาษกับปากกาที่อยู่ในเตนท์มาให้
“ถ้านายยอมพูดคำนี้ให้ฉันฟัง ฉันจะให้แม่กุญแจของฉันนะ”
พูดจบก็ส่งกระดาษที่เขียนข้อความบางอย่างให้คนเป็นรุ่นน้องอ่าน
‘ผมรักพี่วอนอูนะ’
“เหยดเข้ วอนอู มึงชอบน้องเขาเหรอ!?”
“ก็เหี้ยล่ะไอ้ตีบ!? มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้เป็นอะไรที่น้องคาดไม่ถึงอ่ะ”
ปากก็เถียงเพื่อนไปแต่ใบหน้าขาวๆก็เริ่มมีริ้วสีแดงไล่ขึ้นมาที่ข้างแก้มอย่างควบคุมไม่ได้
“อะหูย ก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้มั้งตัวเธออออ”
เมื่อเพื่อนสนิทตัวเองยังไม่หยุดชงก็ปล่อยให้มันชงต่อไป
วอนอูละความสนใจจากเพื่อนกลับมาที่รุ่นน้องหน้าหล่ออีกครั้ง
“ได้สิครับ ถ้าพี่อยากให้ทำ จะเป็นอะไรผมก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ”
ร่างสูงพูดประโยคชวนให้คิด
ก่อนจะก้มหน้าอ่านข้อความในกระดาษอีกรอบแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับวอนอูด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
โน้มหน้าลงไปให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยประโยคที่อีกคนต้องการฟัง
“ผมรักพี่วอนอูนะ”
“.....”
เมื่อจบประโยคก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก มินกยูถอยหน้าออกมาแล้วเงียบเพราะพูดสิ่งที่ต้องพูดแล้ว
ส่วนอีกคนเงียบเพราะพูดไม่ออก
ส่วนคนรอบข้างก็เงียบเมื่อได้ยินประโยคสารภาพรักจากปากของเด็กปี1ก่อนจะค่อยๆกลับมาเสียงดังอีกครั้งเมื่อนึกได้ว่าอาจจะเป็นคำสั่งของปี2ก็ได้
เหมือนมาก
เหมือนกันมากๆ
กับเสียงของผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในความฝันของเขา
ใบหน้าขาวที่มีสีแดงอ่อนๆจากตอนที่เพื่อนแซวยิ่งแดงขึ้นไปอีกเมื่อเสียงของคนตรงหน้า
เพราะมันทำให้นึกถึงความฝันและสิ่งที่เกิดขึ้นในฝัน
“รุ่นพี่ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“หะ..อ่า..”
“หน้าแดงมากเลยนะครับ ไม่สบายหรือเปล่า”
ไม่พูดเปล่า
มือหนายังค่อยๆปัดผมหน้าม้าที่บังตาอีกคนก่อนจะค่อยๆทาบมือลงบนหน้าผากเพื่อวัดไข้
“มะ..ไม่ๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไร อ่ะนี่ ของนาย”
เมื่อถูกสัมผัสตัววอนอูก็เหมือนจะได้สติ
มือเรียวคว้ามือของอีกฝ่ายออกก่อนจะเอาแม่กุญแจยัดใส่มือมินกยู
ร่างสูงได้แต่ยิ้มขำกับอาการกลบเกลื่อนความเขินของคนตรงหน้า
ก่อนจะค่อยๆเอากุญแจสอดเข้าไปในแม่กุญแจแล้วไข
กริ๊ก
เสียงแม่กุญแจสีพิงค์โกลด์ถูกไขออกดังขึ้นเบาๆ
เป็นคำตอบว่ามินกยูเจอกับพี่รหัสของตัวเองเเล้ว
“โอ๊ะ สุดยอดเลยนะนาย
ไขครั้งเดียวก็เป็นพี่รหัสของตัวเองเลย”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมแค่รู้สึกว่า..”
มินกยูพูดไปพร้อมปรายตามองวอนอู “ต้องเป็นเขาแน่ๆน่ะครับ”
พูดแล้วก็ตบท้ายด้วยการยิ้มเล็กๆให้กับร่างโปร่งที่สีแดงบนใบหน้าค่อยๆจางลงแล้ว
“แบบนี้เขาเรียกว่าพรหมลิขิตรึเปล่าน้าาาา”
จู่ๆจองฮันที่น่าจะอยู่เตนท์พยาบาลก็โผล่เข้ามาแทรกกลางวงก่อนจะแสดงความคิดเห็นที่ชวนจิ้นให้กับเหล่ารุ่นน้อง
“จะเป็นไปได้ไงล่ะครับ / ก็คงใช่นะครับ”
คนหนึ่งปฏิเสธแต่อีกคนกลับตอบรับหน้าตาเฉยทั้งสองคนหันมามองหน้ากันอย่างงงๆก่อนจะเป็นวอนอูที่เป็นฝ่ายหันหน้าหนีก่อน
ทั้งจองฮันและซูนยองที่เป็นฝ่ายยืนมองปฏิกิริยาเหล่านั้นหันกลับมามองหน้ากันแว๊บหนึ่ง
ก่อนจะยิ้มอย่างมีความหมายที่รู้กันแค่ 2 คน
“อะไรน่ะทั้งสองคน ยิ้มอะไรกัน”
“หืม เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก”
ซูนยองรีบปฏิเสธเพื่อนสนิทตัวเอง “ว่าแต่วอนอู มึงจะไปป่ะคืนนี้”
“ห๊ะ ไปไหน?”
“ก็งานรวมรุ่นไง คืนนี้พวกปี4ก็จะมาด้วย
รู้สึกภาคเราไปเหมาร้านของพี่เรนะไว้เลยนะ”
“...กูต้องไปป่ะ?”
“มึงจะไม่ไปก็ได้ แต่พี่มินฮยอนบอกกูไว้ว่าอยากเจอน้องในสายให้ครบ
แต่ก็ แล้วแต่มึงนะ ถ้ามึงไม่ไป สายมึงก็ไม่ครบแค่นั้นเอง แล้วแต่มึงเลย จริงๆ”
พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มผิดกับประโยคแกมบังคับกับสายตาขู่แบบสุดๆว่า ‘ถ้ามึงไม่ไปมึงโดนโกรธแน่นอน’
“อืมมมมมมมมมม แล้วแต่กูจริงๆ ไอ้สัส”
“แล้วก็นาย มินกยูใช่ป่ะ? นายก็ต้องไปด้วยนะ เพราะเขาเลี้ยงทั้งสายเลย” คนถูกพูดถึงทำหน้างงนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“งั้นพวกกูขอตัวก่อนนะ
ไหนๆมึงก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วเป็นพยานให้ด้วยละกัน กูขี้เกียจเดินไปเตนท์”
“ง่อววววววว จะรีบไปไหนอ่าาา”
“ก็มึงบอกว่าถ้าเจอกันแล้วก็ตามสบายไม่ใช่รึไง”
“5555555 งั้นเชิญเลย กูแซ็วเล่นเฉยๆ”
วอนอูหันไปจิกเพื่อนด้วยอย่างไม่จริงจังก่อนจะลากแขนมินกยูออกมาจากตรงนั้น มิวายได้ยินเสียงเพื่อนตัวดีตะโกนไล่ไหลังมาอีก
“ยังไงก็อย่ารุนแรงกับวอนอูมากนะมินกยู
เดี๋ยวคืนนี้ไปไม่ไหววว!!”
“พ่อมึงสิไอ้ตีบ!!!”
หนุ่มวิศวะ 2 คนเดินเรียบไปตามทางเดินข้างตึกคณะไปเรื่อยๆ
พออยู่กันสองคนก็ไม่มีใครพูดอะไรจนทำให้บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
คนหนึ่งก็เงียบอยู่แล้วส่วนอีกคนก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะยังไม่สนิท
“นี่ มินกยู”
จนวอนอูเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
เด็กปี1หันมามองคนที่เพิ่งเป็นพี่รหัสของตัวเองหมาดๆก่อนจะถาม
“ครับ พี่วอนอู”
“นายน่ะ...เคยเจอฉันมาก่อนรึเปล่า?”
“....”
“ไม่สิ แบบ...เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า?”
“.....”
มินกยูไม่ตอบคำถามของรุ่นพี่แต่เป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย
วอนอูเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องผงะไปนิดนึงเพราะใบหน้าของรุ่นน้องที่ก้มลงมา มันอยู่ห่างจากหน้าเขาไปไม่ถึงคืบ
“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ แต่...”
“....”
“ผมเองก็รู้สึกเหมือนเคยเจอพี่...”
“......ที่ไหน?”
“...ในฝันล่ะมั้งครับ”
“!!”
วอนอูพูดไม่ออกกับคำตอบที่ได้จากน้องรหัสของตัวเอง
สายตาทั้งสองคู่ประสานกันนิ่งและไม่มีทีท่าจะว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหลบตาก่อน
จากแววตาที่มีความสงสัยค่อยแปรเปลี่ยนเป็นอีกความรู้สึก
ความรู้สึกบางอย่างที่เหมือนกับ...กำลังโหยหาอีกฝ่าย
ระยะห่างของใบหน้าค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
ทุกสรรพเสียงรอบกายดูจะไร้ตัวตน ในตอนนี้ในแววตาของทั้งคู่มีเพียงแค่ใบหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น
~
ชัมกัน, โซนยอยา ชอลแด นอน ทารึน ซาราเมเก นกจีมา ~
โดยทั่วไปแล้วฉากแบบนี้มักจะมีมารผจญ
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองคนจะแตะกันเสียงริงโทนมือถือของวอนอูก็ดังขึ้น
ทั้งสองคนรีบผละออกจากกันราวกับโดนไฟฟ้าช๊อตก่อนที่วอนอูจะกดรับสาย
“ครับเฮีย”
‘ไอ้มึน มึงอยู่ไหนอ่ะ?’
“อยู่...”
ร่างโปร่งหันมองซ้ายขวาเหมือนจะสำรวจสถานที่ก่อนจะกรอกเสียงตอบปลายสาย “ตรงร้านเค้กที่พี่จองฮันมาบ่อยๆ
ที่อยู่แถวด้านหลังม.อ่ะพี่”
‘อ่อออ แล้วมึงเจอน้องรหัสยัง?’
เมื่อโดนพี่รหัสถามถึงน้องรหัสตัวเอง
ก็พลันทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ แก้มขาวๆก็เริ่มแดงน้อยๆเมื่อคิดไปถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพี่รหัสตัวเองไม่โทรมา
“เจอแล้วพี่ ตอนนี้อยู่ด้วยกัน”
‘เอ้าเหรอ ดีแล้วๆ แล้วคืนนี้มึงจะไปป่ะ?’
“ขืนผมไม่ไป พี่มินฮยอนได้ตามไปหาผมถึงคอนโดอ่ะดิ”
‘อ้าว ก็รู้นี่ งั้นวันนี้ก็แต่งตัวหล่อๆไว้รอเจอพี่เขาด้วยล่ะ 55555 เออๆ
ฝากบอกเด็กปี1ด้วยล่ะ เรื่องงานรวมรุ่นอ่ะ’
“ครับๆ แล้วพี่จะกลับตอนไหนน่ะ?”
‘ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ รอจองฮันอยู่ ฝ่ายพยาบาลต้องอยู่จนงานเสร็จอ่ะ
เผื่อฉุกเฉิน’
“อ่อออ งั้นก็ดูแลพี่เขาดีๆล่ะพี่”
‘ไม่ต้องบอก กูก็ทำอยู่แล้ว เออแค่นี้นะ จองฮันมาเรียกล่ะ ไว้เจอกันคืนนี้’
“ครับบบ ไว้เจอกันพี่”
วอนอูบอกลาพี่รหัสตัวเองก่อนจะกดตัดสาย
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาสงสัยที่ส่งมาจากรุ่นน้องตัวเอง
“อ่า... อะไรเหรอ?”
“เมื่อกี๊นี้ ใครเหรอครับ?”
“พี่ปี3ในสายรหัสเราน่ะ”
“แล้วเขาสนิทกับพี่วอนอูเหรอครับ" มินกยูยิงคำถามก่อนยื่นหน้าเขาไปใกล้รุ่นพี่ของตัวเองมากขึ้นอีก
“กะ...ก็...สนิทนะ”
วอนอูก้าวเท้าถอยไปข้างหลังเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้ตนเองมากเกินไป แต่คนเป็นรุ่นน้องก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย
กลับก้าวเท้าตามอีกฝ่ายเพื่อเข้าใกล้ให้มากขึ้นอีก
“แล้วพี่...จะสนิทกับผมได้แบบนั้นมั้ย?”
“!?”
“ว่าไงครับพี่วอนอู”
ยิ่งคนเป็นพี่ไม่ตอบคนเป็นน้องยิ่งอยากรู้
ยิ่งสีแดงระเรื่อบนใบหน้าค่อยๆลามไปที่ใบหูเล็กนั้นเรื่อยๆยิ่งรู้สึกอยากแกล้งคนตัวเล็กมากขึ้นไปอีก
ร่างโปร่งถอยจนแผ่นหลังบางของตัวเองชนกับกระจกร้านเค้ก
โดยมีคนตัวสูงกว่าเท้าแขนคร่อมกับกระจกกักเขาไว้ในอ้อมแขน
“ก็...”
“ก็?”
“อะ..เอาหน้าออกไปก่อนได้มั้ยล่ะ? ทำไมต้องยื่นมาใกล้ขนาดนี้ด้วยเล่า”
วอนอูตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับเอามือดันอกอีกคนออก
ก่อนจะหันหนีแล้วบ่นงุบงิบเพื่อไม่ให้มินกยูได้ยิน
แต่...ก็ได้ยินอยู่ดีแหละ
“หึๆ”
ร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนจะค่อยถอยออกมาจากอีกฝ่าย
เมื่อเป็นอิสระแล้ววอนอูก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะค้อนสายตามองเด็กปี1ที่ยืนอยู่หัวเราะในลำคออยู่ตรงหน้าเขา
“หัวเราะอะไรเล่าเดี๋ยวเหอะ”
วอนอูเงื้อมมือขึ้นเตรียมจะฟาดแขนอีกคนแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อนึกได้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรที่ไม่เหมาะสมสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแบบพวกเขา
“อ้าว ไม่ตีล่ะครับ?”
“ฮึ้ยยยย”
เมื่อทำอะไรมินกยูไม่ได้ วอนอูก็ได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียว
จนสุดท้ายเลยต้องเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
“แล้วนายน่ะ เป็นเด็กต่างจังหวัดหรืออยู่ในโซล?”
“ผม? อยู่ในโซลครับ”
“รู้จักร้าน Ms.Raina รึเปล่า? ไปถูกมั้ย?”
“ก็...น่าจะไปถูกครับ”
“งั้นก็ดี คืนนี้จะมีงานรวมรุ่นของภาคเราที่ร้านนั้น
นายก็ต้องมานะ”
“พี่วอนอูก็จะไปเหรอครับ?”
“ก็ต้องไปสิ นายก็แต่งตัวดีๆนะ
เห็นอย่างงี้พวกรุ่นพี่ก็อวยรุ่นน้องกันไม่เบาเลยล่ะ”
“...ก็ได้ครับ”
“งั้นฉันกลับล่ะ”
พูดลาสั้นๆ ก่อนจะเดินหนีอีกฝ่าย
ยิ่งอยู่ใกล้เด็กคนนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เพราะเสียงของมินกยูกำลังทำให้เขานึกถึงผู้ชายที่อยู่ในความฝัน
“เดี๋ยวก่อนสิครับ”
ไม่ปล่อยให้พี่รหัสตัวเองเดินหนีไปไกล
ขายาวๆก็รีบเดินตามก่อนจะคว้าข้อมือบางของอีกคนไว้
“?”
“คือ..พี่วอนอู พอจะมีเวลาสักเดี๋ยวมั้ยครับ?”
“ทำไมเหรอ?”
“พี่...ช่วยไปเลือกชุดเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ? คือผมไม่รู้จะใส่ชุดอะไร”
คำขอพร้อมกับสายตากึ่งขอร้องถูกส่งมาจากรุ่นน้องตัวสูง
วอนอูเม้มปากอย่างชั่งใจ ทั้งๆที่คิดว่าจะอยู่ห่างๆแล้วแท้ๆ
แต่ปากเจ้ากรรมก็ดันตอบตกลงไปซะนี่
“....ก็ได้”
สุดท้ายเขาก็มาอยู่ที่ห้างชื่อดัง ณ
ใจกลางกรุงโซลกับคนที่เพิ่งเป็นน้องรหัสตัวเองไปหมาดๆ เขาควรจะกลับคอนโดสิ
นี่เขากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
ในระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆในห้างอย่างคนไม่รู้ว่าจะแวะร้านไหนก่อน
มินกยูก็เป็นฝ่ายยิงคำถามขึ้นมา
“งานรวมรุ่นต้องแต่งตัวแบบไหนเหรอครับ?”
“หืม?”
วอนอูเลิกคิ้วนิดๆกับคำถาม เด็กคนนี้จริงจังเกินไปรึเปล่าเนี่ย
“จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นทางการอะไรขนาดนั้นนะ
ไม่ใช่งานพิธีการสักหน่อยไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ใส่อะไรที่คิดว่าตัวเองจะดูดีที่สุดก็พอ”
แล้วร่างโปร่งก็หันมาเผชิญหน้ากับร่างสูงของรุ่นน้อง
ไล่สายตามองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“แต่...นายน่ะตัวสูงแล้วก็หุ่นดีด้วย ใส่อะไรก็ดูดีแหละนะ”
พูดพร้อมยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายก่อนจะหันหน้ากลับมาเพื่อเดินต่อโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าที่ใบหน้าคมมีริ้วแดงๆแต้มขึ้นมาบางๆ
“เร็วสิมินกยู เดี๋ยวก็ค่ำก่อนหรอก”
“ครับๆ”
หนุ่มมหาลัย 2
คนใช้เวลาเกือบ3ชม.ในการเลือกชุดไปงานจนสุดท้ายก็ได้ของตามที่ต้องการเรียบร้อย ทั้งคู่จึงมาจบอยู่ที่ร้านไอศกรีมเล็กๆภายในห้าง
“นายเนี่ยนะ
ทำไมไม่ใส่ชุดเมื่อกี้ออกมาให้พี่ดูก่อนล่ะ”
“เดี๋ยวยังไงคืนนี้ก็ต้องเห็นอยู่ดีนี่ครับ”
“แต่ชุดนั้นพี่เป็นคนเลือกนะ พี่อยากเห็นก่อนนี่นา
จะได้รู้ว่านายใส่แล้วเป็นไง”
“ก็พี่บอกเองไม่ใช่เหรอว่าผมใส่อะไรก็ดูดี”
“...เออ ก็ด๊ายยยย”
เมื่อพบว่าตนเองเถียงยังไงก็ไม่ชนะ
วอนอูจึงคว้าถ้วยไอศกรีมที่ตกแต่งอย่างน่ารักมาตักเข้าปากตัวเองแล้วทำเป็นไม่สนใจอีกคน
ส่วนฝ่ายคนน้องกลับเอาแต่นั่งมองคนพี่แล้วก็ยิ้ม ไม่สนใจถ้วยไอศกรีมของตัวเองที่วางอยู่ตรงหน้าเลย
จนสุดท้ายวอนอูก็ตวัดสายตากลับมามองอย่างหงุดหงิด
“มองอะไรเล่า ไม่เคยเห็นคนกินไอติมรึไง?”
“เคยครับ”
“แล้วมองอะไรล่ะ พี่เกร็งนะ
กินๆอยู่แล้วโดนจ้องเนี่ย”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ดีใจน่ะ”
“เรื่อง?”
“พี่วอนอูแทนตัวว่า ‘พี่’ กับผมด้วยนะ รู้ตัวรึเปล่าครับ?”
“...”
“ผมก็แค่รู้สึกว่าได้สนิทกับพี่ขึ้นมาอีกนิดแล้วน่ะครับ”
“...”
วอนอูเงียบก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงราวกับลูกมะเขือเทศของตัวเองไว้
มือเล็กๆก็จับช้อนเขี่ยไอศกรีมในถ้วยไปมาอย่างไม่รู้จะระบายความเขินยังไงดี
“รีบทานสิครับ เดี๋ยวก็ละลายหรอก”
“บอกตัวเองเหอะเด็กบ้า”
หลังจากทานไอศกรีมเสร็จทั้งสองคนก็แลกเบอร์กันไว้เผื่อว่ามินกยูจะมาที่ผับไม่ถูกก่อนจะแยกกันกลับคอนโดของตัวเองเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานรวมรุ่นในคืนนี้
~
ชัมกัน, โซนยอยา ชอลแด นอน ทารึน ซาราเมเก นกจีมา ~
“ว่าไงซูน”
“วอนอูมึงจะไปไงอ่ะ ไปพร้อมกูป่ะ เดี๋ยวเข้าไปรับ”
“แล้วไม่ไปรับพี่จีฮุนเหรอ?”
“รับมาแล้ว นั่งอยู่ข้างกูเนี่ย”
“อ้าวเหรอ เออ งั้นมารับหน่อย กูขี้เกียจเอารถไป”
“เคๆ งั้นอีกสัก10นาทีลงมารอหน้าคอนโดเลย”
“ได้ๆ เจอกันๆ”
เมื่อวางสายจากเพื่อนรักวอนอูก็หันกลับมาเช็คตัวเองในกระจกอีกครั้งหนึ่ง
เสื้อกล้ามสีดำสวมทับด้วยเสื้อตาข่ายสีดำอีกทีเผยให้เห็นไหปลาร้าสวยดูเซ็กซี่นิดๆ
ท่อนล่างเป็นกางเกงสีดำมีรอยขาดเล็กๆตามขาดูเซอร์ๆ สวมรองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำ
องค์ประกอบของชุดที่เน้นไปทางสีดำช่วยขับให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วดูสว่างมากขึ้นไปอีก
ร่างโปร่งหันซ้ายหันขวามองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ
ก่อนจะเอามูสมาเซ็ทผมตัวเองให้ฟูนิดๆ เช็คของที่จำเป็นก่อนปิดสวิตช์ทุกย่างภายในห้องและลงไปข้างล่างเพื่อรอซูนยองมารับ
แล้วก็อดคิดถึงน้องรหัสตัวเองไม่ได้
ชุดที่เขาเลือกให้ วอนอูมั่นใจว่าอีกคนใส่แล้วต้องดูดีแน่ๆ ใจหนึ่งก็อยากเห็น แต่อีกใจหนึ่ง...
....กลับรู้สึกว่าไม่อยากให้เด็กคนนั้นใส่มาให้ใครเห็นเลยแฮะ
แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปห้ามมินกยูนี่นะ
จะรอดูละกันว่าใส่ออกมาแล้วจะเป็นยังไง
เมื่อมาถึงสถานที่จัดงาน
ร่างโปร่งก็มองหาโต๊ะของสายรหัสตัวเองทันที แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่รหัสตัวเองโบกมือหยอยๆมาจากโต๊ะหนึ่งที่ถูกจัดเป็นโซนไว้ทางขวาของเวที
“พี่มินฮยอนหวัดดีครับ”
วอนอูเข้าไปทักทายพี่ปี4ในสายรหัสตัวเองโดยเมินพี่รหัสไปก่อนจะโดนซึงชอลคว้าคอเหวี่ยงลงมาที่โซฟาข้างตัวเอง
“เดี๋ยวเหอะไอ้มึน”
“โอ้ยพี่!!”
“เหยินมึงปล่อยน้องก่อน มันหายใจไม่ออกแล้วน่ะ 555555”
“แค่กๆ... โหยไอ้คุณพี่มึงครับ ล็อกซะกะให้น้องขาดอากาศหายใจตายเลยใช่มั้ยอ่ะ!?”
“ก็มึงเมินกูอ่ะ”
“โอ๋เอ๋ ไม่น้อยใจนะพี่ 555555”
“แล้วซูนยองกับจีฮุนอ่ะวอนอู”
มินฮยอนถามพลางมองหาเหล่าน้องในสายรหัสของแฟนตัวเอง
“ไปจอดรถครับพี่เดี๋ยวก็มา พี่จงฮยอนล่ะครับ?”
“ไปเข้าห้องน้ำน่ะ อ๊ะนั่นไง มาแล้ว เจอาร์
น้องถามหาน่ะ”
มินฮยอนตอบน้องในสายรหัสตัวเอง แล้วหันไปเรียกคนรักด้วยชื่อเล่นที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เรียกก่อนจะคว้าเอวบางๆมานั่งตัก
“มิน ปล่อยเราลงนะ อายน้องมั้ยเนี่ยห๊ะ”
จงฮยอนหันมาโวยวายใส่แฟนตัวที่ทำอะไรไม่สมกับเป็นพี่ใหญ่
“ไม่อาย”
ตอบคนตัวเล็กชัดถ้อยชัดคำก่อนจะก้มลงหอมแก้มคนในอ้อมแขนไปอีกฟอดใหญ่
เป็นจังหวะเดียวกับที่ซูนยองและจีฮุนเดินมาถึงโต๊ะพอดี
เสียงโห่แซวของเหล่าน้องๆในสายรหัสถึง2สายดังพอจะทำให้โต๊ะข้างๆหันมามอง
จงฮยอนได้แต่ดิ้นจนตัวเองลงมานั่งที่โซฟาข้างๆคนฉวยโอกาสก่อนจะรัวมือฟาดไม่ยั้งใส่คนที่ทำอะไรไม่อายน้อง
“พี่จองฮันล่ะพี่”
หลังจากดูฉากกุ๊กกิ๊กของผู้อาวุโสในสายโค
วอนอูก็หันมาถามถึงแฟนของพี่รหัสตัวเองบ้าง
“อ๋อ เขาไปนั่งกับสายเขาอ่ะ”
ซึงชอลตอบน้องรหัสตัวเองอย่างเซ็งนิดๆเพราะใจจริงก็อยากให้นางฟ้าของเขามาอยู่ใกล้ๆ
งานนี้ยิ่งมีคนเมาเยอะอยู่ด้วย ขืนโดนลวนลามขึ้นมาเขาคงอยู่เฉยไม่ได้แน่
“เออไอ้มึน แล้วปี1สายเราอ่ะ?”
“อ้าว ยังไม่มาเหรอครับ?”
“พวกกูไม่เคยเห็นหน้ามัน แล้วจะรู้มั้ยล่ะว่าคนไหน”
“เออก็จริง”
เมื่อพบว่าน้องรหัสตัวเองยังไม่มา
ร่างโปร่งก็รีบควักโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาเพื่อจะต่อสายหามินกยูทันที
แต่เมื่อกำลังจะปลดล็อกโทรศัพท์ก็มีสายจากรุ่นน้องโทรเข้ามาพอดี
วอนอูจึงกดรับสายทันที
เมื่อกดรับสายเสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงดังหึ่มๆของเครื่องเสียง
ก่อนที่เขาจะกรอกเสียงลงโทรศัพท์ถามอีกฝ่าย
“มินกยู อยู่ไหนแล้วเนี่ย?”
‘อยู่ใน้ร้านนี่แหละครับ ว่าจะถามว่าพี่นั่งอยู่ไหน’
“อ๋อ อยู่ฝั่งขวาของเวทีอ่ะ จำพี่ซึงชอลได้มั้ย
เฮดว้ากน่ะ พี่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันนี่แหละ เดินมาเลย”
“อ่า.. ครับๆ เหมือนจะเห็นแล้ว”
วอนอูกดตัดสายรุ่นน้องหลังจากอีกฝ่ายบอกว่าเห็นแล้ว
เขาสังเกตเห็นพวกผู้หญิงโต๊ะรอบๆหันไปมองแถวกลางฟลอร์แล้วซุบซิบก่อนจะหัวเราะคิกคักกัน
บางคนก็เขินอาย บางคนก็รีบเติมเครื่องสำอางตัวเอง
ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดจากเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างตัวเอง
“มึง... นั่นมินกยูใช่มั้ยน่ะ?”
“ห๊ะ ไหน”
วอนอูรีบหันไปมองตามมือของซูนยองที่ชี้ไปทางกลางฟลอร์ก่อนจะพบกับร่างสูงของชายคนหนึ่งเดินแทรกเหล่ามนุษย์วิศวะที่กำลังดีดดิ้นกำลังเดินมาทางพวกเขา
น้องรหัสของเขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดบนเปิดลงมาถึงไหปลาร้า
สวมทับด้วยเสื้อสูทแฟชั่นสีดำ ท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์สีเข้มออกเทาๆกับรองเท้าน้ำตาลคาราเมลเข้มๆ
ผมสีเทาควันบุหรี่ถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและสันกรามคมๆนั้นอย่างชัดเจน
วอนอูได้แต่นิ่งอึ้ง เขาก็คิดอยู่แล้วว่ามินกยูจะต้องดูดีมาก
แต่ไม่คิดว่าจะดูดีขนาดนี้
...อา ทั้งๆที่เสื้อผ้าก็บาง
แต่ทำไมรู้สึกร้อนขนาดนั้นนี้นะ
“..นอู วอนอู”
“....”
“จอนวอนอู!!”
“เห้ย! ครับพี่มินฮยอน!?”
“เหม่ออะไรน่ะเรา แล้วมองอะไรอยู่?”
“อ่าคือ....”
“พี่วอนอูครับ”
ยังไม่ทันจะได้ตอบพี่ปี4
เสียงของมินกยูที่เดินมาถึงตัวเขาก็แทรกขึ้นมา ทุกสายตายกเว้นซูนยองล้วนแต่มีเครื่องหมายอยู่เต็มไปหมด
“เอ่อ ขอแนะนำให้รู้จักนะครับ พี่มินฮยอน
พี่ซึงชอล คนนี้คือคิมมินกยู เป็นน้องปี1ในสายรหัสของเราครับ”
“ว๊าววว / ห๊า!?”
สองเสียงของรุ่นพี่ดังประสานขึ้นพร้อมกันด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง
คนหนึ่งชื่นชมส่วนอีกคนก็อึ้ง
“สวัสดีครับรุ่นพี่”
ร่างสูงของผู้มาใหม่โค้งลงอย่างนอบน้อมผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแบดอย่างสิ้นเชิง
ทุกคนยังดูพูดไม่ออก
วอนอูจึงดึงคนที่เด็กที่สุดในตอนนี้นั่งลงก่อนจะแนะนำทุกๆคนให้จัก
ใช้เวลาไม่นานมินกยูก็ปรับตัวให้เข้ากับรุ่นพี่ได้
ทั้งโต๊ะก็เริ่มมีเสียงครึกครื้นขึ้น จู่ๆซูนยองก็ขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ก่อนจะเดินกลับเข้ามาด้วยหน้าตาบูดๆก่อนจะมาโวยวายใส่พี่ๆในสายเดียวกันอย่างจีฮุนและจงฮยอนว่าน้องปี1ในสายตัวเองดันท้องเสียมาไม่ได้
สุดท้ายก็เลยโดนจีฮุนเขกหัวเข้าให้เพราะทำตัวเป็นเด็ก
เขาว่ายิ่งดึกก็ยิ่งคึก
คนที่เริ่มมีแอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือดก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้หรือที่เขาเรียกกันว่า
‘เมา’
“เห้ยยยยย ทำไมจองฮันคนสวยของกูววว
ถึงไม่มานั่งกับกูว้าาา”
“ช่อน มึงเมาแล้วนะเว้ย”
มินฮยอนหันไปปรามน้องรหัสตัวเองด้วยสีหน้าขำๆ ซึงชอลเมาทีไรไม่มีเรื่องหรอก
มีแต่ฮา
“แง้~~~ พี่ค้าบบบบบ
เค้าเกลียดผมอ๋ออออออ”
“เออ เขาเกลียดมึง”
“ฮือออออ ม่ายยยยย ฮันนี่รักค้าววววว พี่อ่ามั่ววววว 55555555555”
“เอ้าไอ้นี่นิ”
คนอื่นๆที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันได้แต่หัวเราะกับท่าทางที่ไม่สมเป็นเฮดว้ากของซึงชอล
แต่ทั้งโต๊ะก็ไม่ได้มีคนเดียวนะที่เมา...
“พี่ช่อนค้าบบบบ สาวโต๊ะนู้นอ่าาา น่ารักมั่กๆเลยนะเพ่ สักคนมะๆ”
“ความคิดดีเว้ยซูนนนนน ไปๆๆๆ
ไปสอยมาสักคนดิ๊”
“ด้ายพี่ด้ายยยย เดี๋ยวผมไปสอยมาห้ายยย ทั้งโต๊ะเลยยยยย”
“มึงพูดอีกทีดิ๊ไอ้ตีบ มึงจะสอยใครนะ!?”
“โง้ยยยย ไม่มีค้าบบบ หมูน้อยของก๊าวววว
ไม่มีจริงจริ๊งงงงง”
ซูนยองหันกอดเอวจีฮุนที่หันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อออดอ้อน
เขาว่าคนเมาถ้าไม่หาเรื่องก็คือติงต๊องไปเลย ดูเหมือนสองคนนี้ น่าจะเป็นอย่างหลังนี่ยแหละ
แต่...
...ยังมีอยู่คนนึงนะ ที่เมาแล้วไม่หาเรื่อง และไม่ติงต๊องเลย
“อ้าววอนอู จะไปไหนอ่ะ”
จงฮยอนหันมาถามน้องคนสนิทของตัวเองที่จู่ๆก็ลุกพรวดขึ้น
ดวงตาคมที่เริ่มฉ่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หันมามองคนถามก่อนริมฝีปากบางจะขยับตอบ
“ไปเต้นครับพี่ นั่งนานแล้วอ่ะ ผมเมื่อย”
“หืม งั้นพี่ไปด้วยสิ”
“ถ้าเจอาร์ไป พี่ไปด้วยละกัน มินกยูก็มาด้วยกันสิ”
“เอ่อ.. ถ้าผมไปแล้วพี่ๆเขา...”
มินกยูหันไปมองข้างหลังตัวเองอย่างๆหวาดเพราะดูจากสภาพของซูนยองและซึงชอลแล้ว
ดูไม่น่าจะปล่อยไว้ด้วยกันจริงๆ
“พวกนี้ฉันเอาอยู่น่า นายไปเถอะ”
เมื่อเห็นสายตาของเด็กปี1 จีฮุนเลยเอ่ยเพื่อน้องสบายใจก่อนจะพยักเพยิดไปทางมินฮยอนที่ยืนรออยู่(ส่วนวอนอูกับจงฮยอนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว)
“...ก็ได้ครับ”
มินกยูหันไปตอบร่างเล็กที่กำลังโดนซูนยองซุกหน้าอยู่กับท้องก่อนจะลุกตามพี่รหัสปี4ของเค้าออกไป
*** มาถึงฉากนี้กดฟังเพลงด้วยนะคะ ช่วยบิ้วท์อารมณ์ได้ดีมาก555555555
เมื่อเดินมาถึงเกือบๆกลางฟลอร์ภาพที่มินกยูเห็นแทบทำให้เจ้าตัวหยุดหายใจ...
ร่างโปร่งบางของพี่รหัสของเขากำลังเต้นอยู่ที่กลางฟลอร์
แสงสีจากสปอร์ตไลท์ที่แขวนอยู่ข้างบนฟลอร์ถูกฉายเหวี่ยงไปมาเป็นสีสัน
เอวบางๆกำลังโยกไปมาตามจังหวะเพลง
ใบหน้าหล่อติดสวยแหงนขึ้นยิ่งเผยให้เห็นช่วงลำคอขาวไปจนถึงไหปลาร้าได้รูป
ดวงตาหลับพริ้มเหมือนกับกำลังซึมซับอารมณ์ ริมฝีปากล่างถูกกัดโดยเจ้าของของมัน
วอนอูในตอนนี้ผิดกับวอนอูในยามปกติลิบลับราวกับคนละคน
ร่างโปร่งที่ตอนนี้ปล่อยให้สติอยู่เหนือการควบคุมไม่สนใจสิ่งรอบกายใดๆทั้งสิ้น
ทำให้ไม่สังเกตเห็นถึงสายตาของหนุ่มวิศวะกลุ่มหนึ่งที่กำลังจ้องเขาด้วยแววตาที่แสดงถึงความต้องการอย่างไม่คิดจะปิดบัง
แขนบางๆของวอนอูถูกยกขึ้นมาเหนือศีรษะ ทำให้ชายเสื้อทั้งสองตัวเลิกขึ้นจน เอวบางลอยเด่นขึ้นมา
เรียกเสียงแซวจากกลุ่มที่กำลังหมายตาเขาได้เป็นอย่างดี วอนอูยกยิ้มอย่างพอใจ
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าหงุดหงิดเมื่อเอวบางๆของตัวเองถูกคว้าโดยผู้ชายคนหนึ่ง
มินกยูดึงร่างโปร่งของพี่รหัสให้หันเข้าหาตัวเองโดยให้หันหลังให้กับรุ่นพี่วิศวะกลุ่มนั้น
วอนอูเงยหน้ามองคนที่มาขัดจังหวะความสนุกของเขาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“พี่วอนอู ไม่ระวังตัวเลยนะครับ”
“อะไรล่ะมินกยู พี่กำลังสนุกเลยนะ”
มินกยูมองคนในอ้อมแขนตัวเองแล้วก็ได้แต่ยกยิ้ม
เป็นเรื่องดีที่รุ่นพี่กลุ่มนั้นแซวแบบไม่ได้จริงจังอะไรเพราะถ้าเกิดจริงจังขึ้นมาเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เพลงที่เปิดเริ่มเปลี่ยนจังหวะเมื่อดีเจเปลี่ยนเพลงให้จังหวะยิ่งรู้สึกเซ็กซี่ขึ้นไปอีก
วอนอูก็เริ่มเปลี่ยนจากการโยกเฉยๆคนเดียวมาเต้นกับน้องรหัสตัวเอง
แขนบางยกขึ้นโอบรอบคออีกคนก่อนจะเบียดตัวเองเข้าหาอย่างแนบชิด ร่างกายของทั้งสองคนเริ่มเสียดสีกัน
วอนอูช้อนสายตาขึ้นมองร่างสูงก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองช้าๆพร้อมกับมือบางที่ค่อยๆเลื่อนลงมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายเพิ่มอีกเม็ดแล้วปัดเสื้อเชิ้ตออก
นิ้วๆเย็นลากผ่านสันกรามของรุ่นน้อง ลงมาที่ไหปลาร้า ก่อนจะไล้ลงมาถึงอกแกร่ง
....โดยในระหว่างที่ทำแบบนั้น
สายตาทั้งสองคู่ก็ไม่ได้ละออกจากกันเลย
แล้วร่างโปร่งก็เป็นฝ่ายละสายตาออกก่อน
วอนอูพลิกตัวหันหลังให้ร่างสูงโดยให้หลังแนบชิดกับอีกฝ่ายส่วนมือก็ยังเอื้อมไปด้านหลังเพื่อคล้องคออีกคนไว้ก่อนจะโยกตามเพลงโดยจงใจให้ร่างกายส่วนล่างเสียดสีกับอีกฝ่ายมากขึ้น
มือแกร่งของเด็กปีหนึ่งค่อยๆสอดเข้าไปในเสื้อกล้ามของคนเป็นรุ่นพี่
มือเย็นไล้ที่เอวคอดของอีกฝ่ายช้าๆก่อนจะพลิกตัวอีกคนให้หันหน้ากลับมาหาตัวเอง
แล้วเลื่อนมือให้ต่ำลงมาที่สะโพกมนก่อนจะบีบเบาๆ วอนอูไม่มีท่าทีขัดขืนอย่างที่ควรจะเป็น
กลับยิ้มอย่างถูกใจแล้วทำสิ่งที่น่าตกใจกว่า
มือเรียวโอบรอบต้นคอของน้องรหัสก่อนจะดึงลงมาแล้วประกบริมฝีปากของตัวเองเข้าไป
ร่างสูงชะงักกับการกระทำของอีกคนแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
มินกยูไม่ปล่อยให้คนเป็นพี่คุมเกมส์อยู่นาน แขนแกร่งรั้งเอาเอวของวอนอูเขามาแนบชิดตัวเองมากขึ้นก่อนจะใช้มืออีกข้างสัมผัสที่ต้นคอเรียวปรับองศาใบหน้าให้สัมผัสกันได้มากกว่าเดิม
มินกยูกดย้ำริมฝีปากซ้ำๆก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดมีเพียงมือเรียวที่เปลี่ยนจากจับต้นคอเขามาเป็นประคองใบหน้าแทน
เรียวลิ้นเล็กก็ค่อยๆตอบโต้ร่างสูงอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน
ราวกับว่ามีเพียงพวกเขาอยู่บนโลก ทั้งเสียงเพลง
เสียงคนมากมายรอบกายดูจะไม่มีผลใดๆ ในหูไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ตอนนี้มีเพียงแค่คนตรงหน้าของกันและกันที่สามารถดึงความสนใจจากอีกฝ่ายได้
ทั้งสองคนยังแลกสัมผัสให้แก่กันอย่างลึกซึ้งก่อนจะเป็นวอนอูที่เป็นฝ่ายขืนตัวออกมาก่อน
เขาหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่ายอีกครั้ง
“นี่เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?”
“...”
“นาย...มีตัวตนอยู่จริงใช่มั้ย?”
“...”
ร่างโปร่งเอ่ยออกมาราวกับกำลังเพ้อถึงอะไรสักอย่าง
มือเรียวค่อยๆไล้ไปบนใบหน้าของอีกฝ่ายช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้อีกครั้ง
ร่างสองร่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนเตียงกว้างอย่างร้อนแรงด้วยแรงอารมณ์
ต่างคนถ่ายทอดความรู้สึกให้แก่กัน ดวงตาของคนด้านล่างปรือขึ้นมองคนที่กำลังขยับอยู่เหนือร่างของตน
มือเรียวค่อยๆยกขึ้นมาประคองที่ใบหน้าของอีกฝ่ายช้าๆ
“นี่น่ะ..”
“…”
“ไม่ใช่..อื้อ.. ความฝันใช่มั้ย?”
“....”
“นาย...อ๊ะ...มีตัวตนอยู่...ตรงนี้ใช่มั้ย?”
ร่างสูงไม่ตอบอะไร มือใหญ่ยกขึ้นมาจับเอามือเล็กที่กำลังประคองหน้าเขากดลงกับเตียงเหนือศีรษะของร่างโปร่งก่อนจะค่อยๆประสานนิ้วลงไปอย่างช้าๆแล้วบีบเบาๆราวกับจะย้ำด้วยสัมผัสทั้งหมดว่าสิ่งที่เกิดอยู่นี้...
....เป็นเรื่องจริง
“...เรียกชื่อผมสิครับ”
“...อึก”
“เรียกผมสิ พี่วอนอู”
“มิน...อ๊ะ..มินกยู”
คนเด็กกว่าไม่ตอบอะไร
เพียงแค่ยกยิ้มแล้วก้มลงบดเบียดริมฝีปากอย่างลึกซึ้งเป็นรางวัลให้กับคนว่าง่าย โดยที่ส่วนล่างก็ยังคงทำหน้าที่ของมันไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“อ๊ะ...ลึก..อื้อ..ลึกไปแล้วมินกยู..”
“อึก..พี่วอนอู...”
"ฮื่ออ... เเรง..อ๊ะ.. เเรงอีก..."
สิ้นคำขอของคนข้างล่าง ร่างสูงก็เร่งจังหวะขึ้นอีกจนอีกคนร้องครางไม่เป็นศัพท์ ความรู้สึกมากมายตีกันไปหมด ในหัวสมองขาวโพลน
จนสุดท้ายก็ปลดปล่อยความรู้สึกที่พุ่งทะยานอยู่สูงสุดออกมา ร่างโปร่งหายใจหอบจากการสูญเสียพลังงานไปเมื่อกี้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา
“มินกยู..”
“...ครับ?”
“รัก...”
“....”
“...รักนะ”
เขารู้ว่ามันฟังดูบ้ามากที่มาบอกรักคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวอย่างเด็กคนนี้ แต่ว่า ความรู้สึกที่เขามีให้คนในความฝันมันกำลังบอกให้เขาทำแบบนี้ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่แน่ใจว่าเขาคนนั้นใช่คนเดียวกันกับคนที่กำลังครอบครองร่างกายของเขาอยู่หรือไม่ เขาก็ไม่สนใจแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของพี่รหัสตัวเอง
ร่างสูงก็นิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะออกมา
เขาเองก็ฝัน
ฝันถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เขามองไม่เห็นหน้า แต่กลับรู้สึกผูกพันธ์และโหยหาเขาคนนั้น โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
ความฝันเหล่านั้นย้อนกลับมาหาครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางทีก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเป็นบ้าที่หมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้
จนได้มาเจอกับคนคนนี้
คนที่เพียงแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้นึกถึงคนในความฝัน
เขาต้องหักห้ามใจตัวเองหลายต่อหลายครั้งเพื่อไม่ให้เอ่ยปากถามอะไรแปลกๆออกไปและต้องบังคับตัวเองแทบจะตลอดเวลาไม่ให้นึกภาพของพี่รหัสซ้อนทับกับคนในฝัน
ยิ่งได้ยินก็ยิ่งนึกถึง
ยิ่งได้สัมผัสยิ่งรู้สึกว่าเหมือน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
แขนบางๆกับเอวเล็กๆที่รู้สึกคุ้นเคยยิ่งทำให้เขาอยากเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้นอีก
และในที่สุดก็...
“..ผมก็”
“...”
“รักพี่วอนอู..”
“...”
“...เหมือนกันครับ”
สายตาทั้งสองสบมองกันเพียงชั่วครู่แล้วก็ยกยิ้มให้กันและกัน ก่อนที่ริมฝีปากจะโผเข้าหากันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เมื่อความต้องการในครั้งแรกสิ้นสุดก็ใช่ว่าจะหมดไปเพียงเท่านั้น เมื่อมีครั้งแรก ก็ย่อมมีครั้งที่สอง และครั้งต่อๆไปตามมา จนกว่าท้องฟ้าจะเปลี่ยนจากมืดเป็นสว่าง ไฟแห่งความต้องการเหล่านั้นก็คงไม่มอดดับลงง่ายๆอย่างแน่นอน
-
END
-
*********************************************************************************************************
...TALK...
อย่าด่าเรานะ555555555
เป็นฉากจบที่แบบป่วงมาก555555
ขอบคุณทุกท่านนะคะที่อ่านมาจนจบ
บอกตามตรงเรื่องนี้รู้สึกแต่งได้ไม่ดีเท่าเรื่องที่แล้ว
แต่เราก็พยายามรักษามาตรฐานแล้วนะคะ
ถึงแม้มันจะรักษาได้แค่นี้ก็เถอะ555555
คือเรื่องนี้เเต่งยากมากกก
เราไม่ได้เรียนมหาลัยและไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมรับน้องกับกิจกรรมในคณะวิศวะด้วย
ถ้าหากว่าข้อมูลตรงไหนผิดพลาดก็แจ้งได้นะคะและขอโทษด้วยค่ะ
คือไม่เคยแต่งฉากหวือหวาแบบนี้ ถ้าทำออกมาได้ไม่ค่อยดีก็กราบขอประทานโทษนะคะ*กราบ*
และเหมือนเดิมนะคะ
สามารถคอมเมนท์แสดงความคิดเห็นได้ตลอดค่ะ
จะติ จะด่า จะชม
หรืออะไรก็ตามสบายเลยค่า รับฟังเสมอ^^
สามารถติดตามฟิคและร่วมพูดคุยกันได้โดยติดแท็ก
#FicStory17
ในทวิตเตอร์นะคะ
ความคิดเห็น