คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เลือดล้างเลือด 2
นาฬิกาที่ข้อมือผมบอกว่าตอนนี้ 9 โมงครึ่งแล้ว ผมต้องไปหาสารวัตรเพื่อรายงานความคืบหน้า
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านผมต้องวุ่นวายกับการหาข้อมูลเพื่อที่จะไปรายงานความคืบหน้าของการสืบสวนในครั้งนี้ให้กับสาวัตรฟังในวันนี้
“ขออนุญาตครับ” ผมตะเบ็งเสียงให้ใครบางคนในห้องนั้นรู้ว่าผมมาแล้ว
“เชิญนั่งพาทิศ” ร่างนั้นหันกลับมาหลังจากง่วนอยู่กับการส่องพระ
“มีความคืบหน้าอะไรบ้าง” สารวัตรเอ่ย
“ผมลองสืบประวัติทั้งสองคนนี้มาดูแล้ว นายแพทย์กิตติวินท์ เทพวิมล อายุ 33 ปี สถานะโสด เกิดที่เมืองไทย แต่ไปโตที่อเมริกา จบแพทย์ด้านโรคหัวใจโดยตรงจากอเมริกา พ่อแม่เป็นคนไทยเสียชีวิตตั้งแต่ 6 ขวบแล้วจึงทำให้ต้องไปอยู่กับญาติที่อเมริกา หลังจากพบแพทย์ที่อเมริกาเลยกลับมาทำงานอยู่ที่เมืองไทย ที่โรงพยาบาลของ คุณโชควุฒิ อนันต์ลาภไพศาล คุณพ่อของคุณมนตรี เป็นแพทย์ที่มีฝีมือดี คุณโชควุฒิเลยให้เป็นแพทย์ประจำตัวคุณมนตรีที่เป็นโรคหัวใจเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาได้ลาออกจากโรงพยาบาลบินกลับไปที่อเมริกาเรียบร้อยแล้ว ส่วน คุณกิรติกา นามสกุลเดิมคือ วัชระมงคล เป็นลูกบุญธรรม ของ คุณวิโรจน์ และคุณหญิงดรุณี วัชระมงคล นักธุรกิจเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนหลายสิบแห่งทั่วประเทศ สองคนนี้รับคุณกิรติกา มาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เธออายุ 1 ขวบ ส่งเสียเลี้ยงดูจนจบอย่างดี จากนั้นคุณกิรติกา แต่งงานกับคุณมนตรีเมื่อ 4 ปีที่แล้วหลังจากคบหาดูใจกันมา3ปี หลังจากที่คุณมนตรีเสียชีวิตคุณกิรติกา ก็ออกไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ โดยอ้างว่าหลบไปทำใจ”
“แล้วคุณคิดว่าเขาสองคนจะร่วมมือกันฆ่าคุณมนตรีไหม”
“อาจจะเป็นไปได้นะครับสารวัตร เพราะเท่าที่ผมสืบมาสองคนนี้เคยเรียนอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน แต่...”
“แต่อะไร”
“คือผมยังหาสาเหตุและแรงจูงใจยังไม่เจอ”
“ก็ภาพมันฟ้องอยู่นี่ไง”
“ผมว่ามันต้องมีอะไรเยอะกว่านี้แน่ ขอเวลาผมซักหน่อยนะครับสารวัตร”
“2 อาทิตย์ นะ พาทิศ”
“ครับผม”
..........................................
ท้องฟ้ามืดมิด ถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ สองข้างทางเป็นตึกแถวด้านล่างเป็นร้านคาราโอแกะ ด้านบนติดเหล็กดัดป้องกันขโมย แสงไฟที่ส่องออกมาจากหน้าต่างของตึกแต่ละดวงล้วนเป็นสีสันที่มาสามารถพบเห็นได้ตามบ้านพักธรรมดา มีทั้งสีม่วง สีฟ้า สีชมพู ดูคล้ายจะล่อแมงมากกว่าเพื่อความสว่าง ผมเดินดูแสงไฟเหล่านั้น ไปพลาง มองดูสองข้างทางเต็มไปด้วยผีเสื้อกลางคืนที่มีกันอยู่มากมาย ผีเสื้อราตรีแต่ละตัวต่างก็คนละอารมณ์บางคนกำลังนั่งสูบบุหรี่ตาเหม่อลอยคล้ายๆ ไม่สนใจเสียงเพลงและเสียงหัวเราะของเพื่อนรอบข้าง ผมเดินมาถึงเกือบกลางซอย นั่งลงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของป้าแก่ๆ คนหนึ่ง
“เล็ก ชิ้น เปื่อย น้ำตก ครับป้า”
“มาเที่ยวเหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม”ยายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวถามผม
“เปล่าครับ”
“เอ้า! ได้แล้ว ตามที่สั่ง” ป้าเจ้าของร้านวางชามก๋วยเตี๋ยวลงที่โต๊ะ
“ถ้าคุณไม่มาเที่ยว แล้วมาทำไม หน้าตาดีๆอย่างคุณไม่น่าจะมาเดินแถวนี้เลย”ป้าเจ้าของร้านพล่ามแล้วก็ถือวิสาสะนั่งลงโดยที่ผมไม่ได้เชิญ
ผมหันมองดูป้านิดหนึ่งแล้วก็ยิ้มเป็นนัยบอกว่าอย่าพึ่งยุ่งได้ไหม แต่สายตาคู่นั้นบอกผมกลับมาว่า อย่าหวัง
“ถ้าคุณไม่มาเที่ยว ก็ต้องแปลว่าคุณเป็นตำรวจใช่ไหม จะมาจับใครอีกล่ะทีนี้ พวกตำรวจนี้ชอบหาเรื่องชาวบ้านจริงๆ กะอีแค่เรายอมพลีกายเพื่อแลกเงินหาเลี้ยงตัวเองไปวันๆ ก็หาว่าเราเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้”ป้าเจ้าของร้านบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“ผมไม่ใช่ตำรวจหรอกป้า ผมแค่มาตามหาคน”ในที่สุดผมก็ต้องสารภาพ
ผมหยิบรูปเธอคนนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ต แล้วยื่นไปให้กับป้าเจ้าของร้านดู
“รู้จักไหมครับป้า”
“รู้จักซิ ลูกสาวป้านีขายกล้วยแขกอยู่หน้าตึกข้างหน้านี่เอง” ว่าแล้วป้าก็ชี้มือไปทางด้านหลังของผม ผมมองตามมือที่แกชี้ไปพบเป็นโต๊ะไม้ที่เขาเอาไว้วางขายของทั่วไป ตั้งโดดเดี่ยวอยู่ใต้ต้นหูกวาง
“แล้วเธอชื่ออะไรละป้า” ผมพยายามซัก
“ดอกแก้ว”
ผมจ่ายเงินให้กับป้าเจ้าของร้านแล้วเดินกลับทางเดิม ผ่านร้านคาราโอแกะ ผ่านผีเสื้อราตรีหลายตัวที่กำลังโฉบเฉี่ยวไป แสงไฟที่ล่อแมงดา แต่ในสมองผมตอนนี้มีเพียงแต่เธอ “ดอกแก้ว เธอทำให้ผมนึกถึงวัยเด็ก หลังบ้านผมมีต้นดอกแก้วต้นใหญ่อยู่หลังบ้าน เมื่อถึงเวลาที่ดอกแก้วผลิบานกลิ่นจะหอมมาก โดยเฉพาะยามเช้า ดอกแก้ว กลีบบางใส กลิ่นหอมอบอวน”
ผมนั่งกดโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลือกหาเบอร์ที่ต้องการในสมุดโทรศัพท์ในเมมโมรี่ของโทรศัพท์มือถือ
“สวัสดีค่ะ คุณผิดทิศ ไม่ใช่ซิ คุณพาทิศ” ปลายสายเสียงหวานสดใสทักทายผม
“ยิงมุขใส่ตั้งแต่เช้าเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวก็รักเข้าให้หรอก”
“แล้วตอนนี้ยังไม่รักอีกเหรอค่ะ”
“แล้วจอยละรักผมหรือยัง”
“จ้างให้จอยก็ไม่รักพี่หรอก พี่ก็รู้ว่าหนูมีลูกแล้ว”
“พี่ก็ไม่เคยว่านี่”
“เข้าเรื่องดีกว่า โทรมาหาจอยตั้งแต่เช้ามีอะไรให้รับใช้ค่ะเจ้านาย”
“จอยเดี๋ยวช่วยหาข้อมูลของคุณกิรติกา อนันต์ลาภไพศาล นามสกุลเดิม วัชระมงคล กับคุณกิตติวินท์ เทพวิมลให้พี่หน่อย เอาตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันนะ”
“พี่ไม่เอาจนถึงอนาคตด้วยเหรอค่ะ”
“อย่าประชดพี่หน่อยเลยจอย เดี๋ยวเสร็จงานพี่จะพาจอยลูกของเราไปเที่ยวทะเล”
“ลูกจอยคนเดียวค่ะ อีกอย่างจอยก็ไม่อยากไปทะเลด้วย พี่ก็รู้ว่าจอยเกลียดทะเล”เสียงของจอยจากที่สดใสกลับกลายเหมือนกำลังจะร้องไห้ ใช่ซิ ธิติ สามีของจอยจมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตาจอยและลูกที่หาดแม่พิมพ์ตอนที่เขากับจอยกำลังฉลองวันครบรอบแต่งงาน 3 ปี ผมไม่น่าหลุดปากเรื่องทะเลให้จอยได้ยินเลย บ้าจริง..
“จอยพี่ขอโทษนะ พี่นี่ปากปีจอจริงๆ” ผมรู้สึกเหมือนอยากย้อนเวลาได้ซักสิบวินาทีจะได้ไปแก้ไขคำพูดคำนั้นจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขอเวลาจอย 3 วันนะค่ะเดี๋ยวจะส่ง อีเมล์ข้อมูลไปให้”จอยพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“ใจเย็นๆก็ได้นะจอย”
“แค่นี้ก่อนนะค่ะ”
“จ๊ะ”
“???”
..............................
ความคิดเห็น