ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] B.A.P SF & OS {Lojae Couple}

    ลำดับตอนที่ #6 : Switch [Zelo x Youngjae] 1/?

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 57


    Switch [Zelo x Youngjae]  1/?

     

    โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับยูยองแจคนนี้

     

    ทำไมกัน ทำไมบ้านของเขาถึงต้องติดกับบ้านชเวจุนฮง คนที่ชอบกวนประสาทเขา

     

    ทำไม ต้องทะเลาะกันให้เสียสุขภาพจิตทุกครั้งที่เจอ

     

    ทำไม ชีวิตเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับหมอนั่น

     

    ทำไม ยูยองแจคนนี้ถึงได้สลับร่างกับชเวจุนฮง

     

    โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเขาสองคนอยู่งั้นเหรอ ?

     

     

     

            “ไปโรงเรียนก่อนนะครับแม่” ยูยองแจว่าเสียงใสกับผู้เป็นแม่ ก่อนก้มลงจรดจมูกลงบนแก้มที่เริ่มเหี่ยวย่นของผู้เป็นแม่ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน

            “ตั้งใจเรียนนะลูก” ยองแจยิ้มรับ พลางโบกมือบ๊ายบาย

            บ้านของยองแจอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก จึงเลือกที่จะเดินไปเรียนแทนนั่งรถที่บ้านไปแทนถึงแม้พ่อกับแม่จะห้ามก็ไม่ฟัง โดยให้เหตุผลว่าสูดอากาศตอนเช้าทำให้สมองโล่งดี พ่อกับแม่เลยไม่ขัด ก็นะ ยองแจน่ะหัวดื้อจะตาย วันนี้เปิดเทอมวันแรกด้วย จึงออกเช้ากว่าปกตินิดหน่อย ร่างเล็กคิดนู่นนี่ไปเรื่อย จนกระทั่ง..

     

    ปี๊นนนนนนนนนน

     

    ยองแจถึงกับสะดุ้งที่จู่ๆก็มีเสียงแตรรถดังขึ้น พร้อมกับควันรถที่เกิดจากการเร่งเครื่อง รถสปอร์ตคันหรูขับมาจอดแนบทางเท้าข้างๆที่ยองแจกำลังเดินอยู่

     

            “ไงแว่น อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย 55555555” ชเวจุนฮง ปากแบบนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากหมอนี่แน่นอน   

            “หมาที่บ้านตาย” ยองแจตอบกลับโดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย รำคาญ คำเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวยองแจตอนนี้

            “เกี่ยวอะไรกับหมาตายวะ” จุนฮงตอบกลับอย่างงงๆ

            “แล้วฉันอ้วนเกี่ยวอะไรกับนาย” พูดจบคนตัวเล็กก็รีบจ้ำอ้าวไปโรงเรียนทันที โดยไม่รอฟังเสียงสบถจากตัวร่างสูงที่กำลังหัวเสียเพราะโดนหลอกด่า

            “ย๊า ยูยองแจเดี๋ยวนี้กล้าว่าฉันเสือ-กหรือไง ?!

     

     

           

     

     

            “ยองแจจจจจจจ”

            “หื้มม ว่าไง”

            “อาทิตย์หน้าเราได้ไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ต้องสาปล่ะ”

            “เอ๋ ? พิพิธภัณฑ์ต้องสาปเหรอ แค่ชื่อก็น่ากลัวแล้วนะ”

            “อื้ม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพวกของต่างๆ ที่เหมือนจะต้องคำสาปในสมัยก่อนน่ะ ฉันว่ามันน่าสนใจมากเลยนะ อยากไปเร็วๆจังงงง ><

            “ฮยอนไม่กลัวเหรอ”

            “ไม่อ่ะ ถ้าเขาตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาแสดงว่ามันน่าจะเป็นแค่ตำนานไม่ก็คำสาปเสื่อมแล้วล่ะม้างง ไม่งั้นเค้าไม่กล้าเปิดให้คนเข้าไปดูหรอกว่ามั้ย”

            “นั่นสินะ” ถึงจะว่าอย่างงั้นก็เถอะ..รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆยังไงก็ไม่รู้สิ

            “อ้ะ เลิกเรียนแล้วกลับบ้านกันเถอะ”

     

     

     

            “ฮยอน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อของเพื่อนสนิทของยองแจ

            “ยง ทำไมวันนี้มาเร็วจัง”

            “เลิกเร็วน่ะ กลับกันเถอะ”

            “อื้อๆ ไปก่อนนะยองแจ บายยยย” แดฮยอนโบกมือหยอยๆให้กับเพื่อนตัวเล็กก่อนจะเดินไป

     

     

     

            “ยองแจ พี่ไปส่งนะ” ยองแจที่กำลังจะเดินกลับบ้านกลับถูกมือใครบางคนจับข้อมือไว้หลวมๆ

            “อ้าว พี่แจฮยอน”

            “ป่ะกลับบ้าน เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”

            “อ่า ขอบคุณฮะ”

     

            การกระทำนั้น กำลังถูกสายตาคมจ้องมองตั้งแต่ต้นจนคนทั้งคู่เดินจากไป พึมพำเบาๆราวกระซิบกับสายลม

    มีผู้ชายไปส่งบ้านทุกวันเลยนะยู

     

     

    ------ Switch ------

     

     

            ผมปากระดาษก้อนกลมๆไปที่หน้าต่างฝั่งตรงข้าม ใช่ หน้าต่างห้องจุนฮง หมอนั่นเป็นคนที่กวนประสาทที่สุดตั้งแต่ที่ผมเคยเจอมาเลย ถ้าไม่กวนประสาทกันสักวันหมอนั่นอาจจะลงแดงตายก็ได้ และวันนี้ เวลานี้ก็เช่นกัน มีอย่างที่ไหนเปิดเพลงเสียงดังรบกวนคนอื่นแบบนี้ ! แถมยังเป็นเวลาอ่านหนังสือของผมด้วยแล้ว ยิ่งคิดยิ่งโมโห ผมคิดว่าหมอนี่อาจจะโรคจิต ชอบให้คนด่าอะไรทำนองนั้น ไม่งั้นคงนอนไม่หลับ ก็นะ ขยันหาเรื่องให้ด่าได้ทุกวี่ทุกวัน - -

     

            “ย๊า ไอ้บ้าจุนฮง เบาเสียงหน่อยฉันจะอ่านหนังสือ” ผมตะโกนออกไปเมือเห็นหมอนั่นยังคงเปิดเพลงเสียงดังอยู่

            “อะไรนะ” จุนฮงทำหน้ากวนประสาทพลางยกมือขึ้นป้องหู

            “บอกว่าให้เบาเสียงไงเล่า” ผมตะโกนกลับไปดังกว่าเดิม

            “ห้ะ อะไรนะไม่ได้ยินเลยยยย”

            “ย๊า ชเวจุนฮงฉันรู้ว่านายได้ยินลดเสียงเดี๋ยวนี้ฉันจะอ่านหนังสือ”

            “อ๊า เสียงมดที่ไหนเนี่ย”

            “เออ! อยากทำไรก็ทำเลย ไม่อ่านมันแล้วหนังสือน่ะ!

            “โห่อ้วน แค่นี้ทำงอน โอเคๆปิดก็ได้”

           

    ยองแจส่ายหน้าอย่างเอือมๆกับการกระทำของอีกฝ่าย ไอ้บ้าจุนฮง อย่าให้ถึงทีเขาบ้างเถอะ จะแกล้งยิ่งกว่านี้อีก ฮึ่ยย คิดแล้วขึ้น!

     

     

    ------ Switch ------

     

     

    “จุนฮง !” เสียงแหลมของเด็กสาวเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มตัวเองเสียงดัง

    “เสียงดังทำไมเนี่ย มีอะไร”

    “ก็เนี่ยเรียกตั้งนานแล้วไม่ตอบสักที !” เด็กสาวยู่ปากอย่างน่ารัก

    “ว่าแต่มีอะไรล่ะ”

    “รู้รึป่าวอาทิตย์หน้าน่ะพวกเราต้องไปพิพิธภัณฑ์ต้องสาป”

    “พวกเรา?”

    “ช่ายยย ม.ปลายปีสองทุกคนต้องไป ตื่นเต้นจังเลยเนอะว่ามั้ย ><

    “งั้นๆแหละ”

    “ชิ แล้วนี่ไม่ต้องไปซ้อมบาสเหรอ อีกสามอาทิตย์ก็แข่งแล้วนี่”

    “ซ้อมดิ”

    “ขอโทษทีนะ วันนี้อยู่ดูซ้อมไม่ได้”

    “ไม่ป็นไรหรอกน่า กลับดีๆล่ะ”

    “อื้ม”

     

     

     

    ทุกเย็นผมต้องมาซ้อมบาส ก็ผมเป็นนักกีฬานี่นะ แถมยังเป็นกัปตันทีมบาสร.ร.อีก ปกติจีอึนแฟนผมจะต้องมานั่งดูผมซ้อมทุกวัน แต่วันนี้มาไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่ได้อะไรมากหรอกจริงๆที่คบกับจีอึนก็แค่ลองคบเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง เฮ้ ผมไม่ได้เจ้าชู้นะ แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่แค่นั้นเอง

     

    “เฮ้ยกัปตัน เย็นนี้กูลานะ จะไปธุระ” แจ็คสันรองกัปตันทีมเอ่ยเสียงเรียบ

    “เออ แต่พรุ่งนี้แม่งต้องมานะเว้ย จะแข่งละเดี๋ยวโค้ชด่ากู”

    “เออน่า”

     

    วันนี้เลิกซ้อมเร็วกว่าปกติ อืมก็ดีนะ ไม่ได้แข่งรถมาเกือบเดือนแล้วมั้ง ป่านนี้ลูกเขาที่อยู่ในโรงจอดรถต้องคิดถึงป๊ามากแน่ๆ T^T วันนี้ป๊าจะไปหาแล้วนะลูกรัก

     

    ผมขับรถแข่งคันสีแดงเพลิงคันสวยออกมาแล้วมุ่งหน้าไปยังสนามแข่งทันที สนามแข่งรถแห่งนี้ส่วนใหญ่มีแต่พวกลูกคุณหนูที่ชื่นชอบในความเร็ว แทบจะไม่มีพวกกระจอกๆเลย เสียงยางรถเสียดสีกับพื้นดังระงมไปทั่ว รวมทั้งกลิ่นยางผสมกับกลิ่นบุหรี่ กลิ่นแบบนี้ที่ผมไม่ได้สัมผัสมาเกือบเดือน วันนี้ผู้คนเยอะผิดปกติแฮะ รึปกติคนก็เยอะแบบนี้ สงสัยคงไม่ได้มานานล่ะมั้ง

     

    “เฮีย จัดคนมาแข่งกับผมหน่อยดิ ด่วนวันนี้รีบกลับ”

    “เออๆ มึงรอแปปดิ เดี๋ยวกูแทรกคิวให้ต่อจากคู่นี้นะ”

    “ขอบใจเฮีย”

    สักพักเฮียก็เดินกลับเข้ามา

    “เจลโล่ มึงแข่งกับมาร์คว่ะ” เจลโล่คือชื่อที่ผมใช้ตอนแข่งรถเองแหละ

    “เชี่ยมาร์คเหรอ หึก็ดีนะ ครั้งที่แล้วยังไม่รู้ผลเลย”

    “ไปๆ มันรออยู่”

     

     

     

     

    “ไงมึง หายหน้าไปเลยนะ หึ กลัวกูจนไม่กล้ามาเลยเหรอวะ ” มาร์คทัก

    “เออกลัว  กลัวว่ามึงจะขายหน้าถ้ามาแล้วแพ้กูอ่ะ” แสยะยิ้มตอบ

    “งั้นมึงกับกูมาแข่งกัน รอบนี้เอาให้แม่งรู้ผลไปเลย ไม่ต้องมีของเดิมพัน”

    “รับคำท้า”

     

    ทั้งสองเข้าประจำรถ แต่ละคนเร่งเครื่องจนเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณเป็นการหยั่งเชิง ก่อนที่สาวสวยหุ่นเอ็กซ์จะเดินออกมาโบกธงเป็นสัญญาณเริ่มสตาร์ท รถสีดำด้านของมาร์คออกสตาร์ทก่อนรถคันสีแดงเพลิงของเจลโล่เพียงสามวินาที ทั้งสองคนต่างไม่มีใครยอมใคร บดเบียดรถของตัวเองขึ้นแซงอย่างไม่ลดละ ผลัดกันนำผลัดกันตาม จนผู้ชมที่นั่งเชียร์อยู่ต่างลุ้นไปตามๆกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ในช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย รถคันสีแดงเพลิงกลับแซงขึ้นมาแล้วเข้าเส้นชัยไปก่อนอย่างฉิวเฉียด

    “กูชนะ” ผมว่าพลางยิ้มเหยียด

     “สัส มันจะไม่มีทางเป็นแบบวันนี้อีกแน่” มาร์คพูดพลางกำมือแน่นพยามควบคุมอารมณ์

    “อ้อเหรอ หึหึ” ผมหัวเราะด้วยเสียงที่คิดว่ากวนตีนที่สุด แล้วขับลูกรักของผมกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ดีสุดขีด

     

    อยู่ๆ เรื่องพิพิธภัณฑ์ต้องสาปนั่นก็แวบเข้ามาในความคิดของผม ปกติผมไม่ใช่คนขี้กลัวหรอกนะ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมันจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นยังไงอย่างงั้น คิดมากไปเองรึป่าวนะ ?

     

     

    ------ Switch ------

     

     

            “โห ยองแจดูดิ ที่นี่อลังการสุดๆ แต่ว่าของแต่ละอย่างนี่ยังกับต้องคำสาปเลยเนอะ” เพื่อนหน้าแมวของผมพูดก่อนจะกระโดดมาเกาะแขนผมไว้แน่น

            “ไหนใครเคยพูดว่าไม่กลัวนะ” ผมยิ้มขำๆกับท่าทีของเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้หน้ายู่ลงเล็กน้อย

            “ฮยอน ไปดูทางนู้นด้วยกันนะ” เสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ยงกุกแน่ๆ

            “ยง จะให้ยองแจเดินคนเดียวได้ไง” แดฮยอนมองคนรักอย่างอ้อนๆ

            “ไปเถอะ เดินดูคนเดียวก็ดีเหมือนกัน สงบดี” ผมยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง ทัศนศึกษาทั้งทีนี่นา ปล่อยให้คู่รักเขาได้สวีทกันมั่ง

     

    เดินดูนั่นนี่ไปเรื่อย ถ่ายรูปของบางอย่างที่สนใจ ก่อนสองเท้าจะหยุดลงหน้าตู้กระจกใสที่ข้างในมีรูปปั้นแปลกๆ คนก็ไม่ใช่สัตว์ก็ไม่เชิง แต่กลับดึงดูดความสนใจจากยองแจได้เป็นอย่างมาก ก่อนที่ตากลมโตจะอ่านคำอธิบายภาพ ร่างเล็กหันขวับไปมองผู้มาใหม่ที่ยองแจไม่อยากเจอ เฮ้อ ไม่อยากจะทะเลาะกันที่นี่หรอกนะ

    “แว่นไมมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนคบอ่ะดิ55555” นั่นไง มาถึงก็กวนประสาท

    “นี่ ไม่กวนฉันสักวันมันจะลงแดงตายหรือไง” คำถามที่คาใจที่สุดถามออกไปแล้ว

    “อืม อาจจะใช่นะ วันไหนไม่ได้กวนนี่เหมือนจะนอนไม่หลับ” เจ้าตัวกลับตอบออกมาพร้อมทำหน้าจริงจังซะจนอดจะหมั่นไส้ไม่ได้

    “งั้นหรอ J” ผมส่งยิ้มจริงใจไปให้ก่อนจะเตะป้าบเข้าที่หน้าแข้งคนตัวสูงอย่างแรง

    “โอ้ยย แว่นเตะทำเชี่ยไรวะเนี่ย”

    “สมน้ำหน้า แบร่” ดูหน้าจุนฮงดิ ทำหน้ายังกับจะตายให้ได้อ่ะ สะใจจริงๆ

    “ฝากไว้ก่อนเหอะ โอ้ยเจ็บๆๆๆๆ”

    “แค่นี้ทำเป็นสำออย”

    “มาลองโดนดูมั้ยห้ะ ! จะได้รู้ว่าสำออยรึป่าว !

     

    โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวหรือสังเกตเห็นกลุ่มควันสีขาวที่ลอยออกมาจากรูปปั้นข้างหลังยองแจ หมุนวนรอบตัวคนทั้งคู่ก่อนจะค่อยๆจางหายไป

     

     

     

    “กลับมาแล้วครับแม่”

    “กินข้าวก่อนยองแจ”

    “ไม่ล่ะครับ วันนี้เหนื่อยๆน่ะ อยากนอน”

    “แล้วแต่ละกัน”

     

    เช้านี้อากาศสดใส ร่างเล็กตื่นจากฝัน พลางกะพริบตาปริบๆเพื่อปรับโฟกัสสายตาที่พร่ามัวหลังตื่นนอน อืมม ทำไมห้องนี้มันแปลกๆ เหมือนไม่ใช่ห้องของตัวเอง เมื่อมองไปรอบๆก็ทำให้ร่างเล็กเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปที่ระเบียงพร้อมกับร่างสูงของอีกคนที่วิ่งมาที่ระเบียงเหมือนกัน ทั้งสองเบิกตากว้างอย่างตกใจ

     

    “เฮ้ย ! /เฮ้ย !

     




                      ------------------------------------------------------------------------------------
    ทอล์คๆสักนิด
    คือเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องนึง
    มันอาจจะแปลกๆไปบ้าง 555555
    ยังไม่มั่นใจว่าจะมีกี่ตอน เพราะยังแต่งไม่จบ
    เม้นสักนิดเป็นกำลังใจกันเนอะ ไม่เม้นไม่ว่าๆ 55555


     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×