ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ⚜️ Wisteria ⚜️ [KOOKV]

    ลำดับตอนที่ #1 : ⚜️ Wisteria 1 ⚜️

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 64


    ⚜️ 

    .

    Wisteria 

    ⚜️ 

     

    - one - 

     

                               

     

     

             ในเมืองอันแสนห่างไกลออกไป  เมืองซึ่งทรัพยากรทุกอย่างล้วนอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ อาณาเขตครอบคลุมพื้นที่หลายหมื่นไร่ มีพระมหากษัตริย์ปกครองอย่างเป็นธรรมแลใส่ใจราษฎรของพระองค์ ท่านทรงมิให้ราษฎรตกอยู่ในความยากลำบากแม้สักน้อย ผู้คนที่อยู่ในเมืองแห่งนี้ทุกคนล้วนมีความสุขมากมายเหลือล้น เป็นเมืองที่มองแล้วช่างน่าอยู่อาศัยอย่างยิ่ง

      

        เมืองแห่งนี้คือ เมืองวิสเทอเรีย 

               

              และข้า วีนัส รีเจียน ก็อาศัยอยู่เมืองแห่งนี้เช่นกัน ข้าอาศัยอยู่กับท่านแม่ และพี่ชายของข้า ส่วนท่านพ่อของข้าหน่ะหรอ เฮ้อ.... ท่านพ่อข้าเสียไปเมื่อตอนข้าอายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น จนถึงยามนี้ข้ายังไม่ทราบว่าพ่อข้าตายด้วยเหตุอันใด ข้าพยายามที่จะสอบถามท่านแม่อยู่หลายครั้ง แต่ท่านแม่ก็มิยอมปริปากพูดออกมาเสียที ทุกวันนี้ข้าจึงไม่ค่อยที่จักเอ่ยปากถามเหมือนก่อนเพราะรู้ว่าอย่างไรแล้วแม่ข้าก็มิยอมบอกข้าอยู่ดี ถึงข้าจะอยากล่วงรู้มาเพียงใดก็เถอะ และอีกอย่างครอบครัวของข้าอยู่ในฐานะปานกลาง มีกินมีใช้ แต่ท่านแม่ข้าเนี่ยสิ ขี้เหนียวชะมัด การจะหาอะไรทานตามใจปากดูเป็นเรื่องที่ยากขึ้นมาทันทีเลยหละ 

     

      

              ตอนนี้ข้าอายุ 12 ปีแล้ว และข้าจะได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านเป็นครั้งแรก เป็นประเพณีของเมืองนี้ว่า เด็กที่อายุยังไม่ถึง 12 ปี ห้ามออกจากบ้าน เนื่องจากพระราชาทรงเป็นห่วงเนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่าเด็กเกินกว่าที่จะดูแลตนเองได้ ซึ่งข้าก็เห็นด้วย ถึงมันจะทรมานหน่อยๆที่ไม่ได้ออกจากบ้านตั้ง 12 ปีก็เหอะ แต่ก็คุ้มค่ากับการเรียนรู้นอกบ้านครั้งแรก ข้าต้องขอบอกเลยว่า ข้าตื่นเต้นไม่น้อย 

      

     

              และแน่นอนสถานที่ที่เป็นที่กล่าวขานมายาวนานมันได้อยู่ในกระดาษพิเศษที่ถูกผลิตขึ้นด้วยวัตถุดิบที่มีเพียงเมืองของข้าเท่านั้น นั่นคือดอกไม้กลิ่นหอมหวนยามเมื่อถือขึ้นมาทีไรก็มักจะได้กลิ่นหอมๆของมันเมื่อนั้น กระดาษหอมใบนั้นถูกจดบันทึกเรื่องสถานที่การผจญภัยครั้งแรกตามที่ข้าเตรียมการเอาไว้ นั่นคือ “ตลาดเอ็กมัส” 


     

    “วีนัส เจ้าพร้อมหรือยัง จักไปประเดี๋ยวนี้หรือไม่” 

     

      “ข้าพร้อมแล้วท่านพี่ฟานส์” 

     

     

         และนั่นคือท่านพี่ของข้า สเตฟานอส รีเจียน พี่ชายแสนดีที่สุดในชีวิตข้า 

     

         “ท่านพี่ฟานส์ตื่นเต้นหรือไม่” 

     

        “ข้าจักตื่นเต้นได้อย่างไร ข้าอายุ 15 แล้ว มิได้อายุ 12 เช่นเจ้า” 

       

         “อ๊ะ..ท่านพี่ดีดหน้าผากข้าหรอ! ข้าจักฟ้องท่านแม่” 

     

         “หึ..เจ้ามันเด็กดื้อ” 

     

         “มาให้ข้าตีเดี๋ยวนี้นะท่านพี่ฟานส์! อย่าวิ่งหนีข้า!” 

     

     

            สองพี่น้องตระกูลรีเจียน วิ่งไล่จับกับมองดูแล้วช่างเป็นภาพที่อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน คุณนายรีเจียนแอบมองลูกน้อยทั้งสองผ่านหน้าต่างชั้นบนของบ้านด้วยสายตาอันอบอุ่นแต่ภายในหัวใจของเธอนั้นกลับรู็สึกรวดร้าวราวกับถูกมีดคมกรีดเฉือน รอยยิ้มที่ถูกส่งผ่านออกไปเมื่อ วีนัสและสเตฟาน โบกมือไปมาอยู่สวนดอกไม้หน้าบ้าน แต่มิรู้ทำไมน้ำตาไม่รักดีจึงไหลออกมา....   

       

          “ฮึก..” 

     

     

     ⚜️

     

     

          “ท่านพี่ ใกล้ถึงตลาดเอ็กมัสหรือยัง ข้าเดินจนขาข้าเริ่มล้าไปหมดแล้ว” 

     

           “ก่อนที่เจ้าจะพูดอะไรออกมา เจ้าช่วยเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นก่อนได้หรือเปล่า” 

     

     

            เพราะความเหนื่อยล้า บวกกับแดดจ้าจากดวงตะวันที่ทอแสงลงมาในวันนี้ค่อนข้างแรง ทำให้วีนัสเอาแต่ก้มหน้า และใช้มือน้อยๆจับเสื้อของพี่ชายของตนเอาไว้กันหลงทาง 

     

     

       “ว้าว! ถึงแล้ว! นี่หรือตลาดเอ็กมัส ! ใหญ่โตจริงๆด้วย ” 

             

       “เจ้าเลิกเสียงดังได้หรือไม่ คนมองเราหมดแล้ว เฮ้!  อย่าวิ่ง! วีนัส!” 

     

     

    ณ ตลาดเอ็กมัส 

              ตลาดนี้ช่างดูงดงามดั่งเช่นคำล่ำลือ มีทั้งร้านขายดอกไม้นานาพันธุ์ ดอกไม้ถือเป็นสินค้าหลักของเมืองนี้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเดินไปแห่งหนใดในเมืองนี้ก็จะเห็นเหล่าหมู่มวลดอกไม้ ข้าเดินไปเรื่อยๆ  เห็นร้านขายผ้าบ้าง ขายของใช้บ้าง แต่วันนี้ท่านแม่ให้เบี้ยมาเพียง 3 ฟาล์ว เท่านั้น (1ฟาล์ว = 100 บาท) ข้าเลยต้องใช้ความคิดสักหน่อยว่าจะซื้ออะไรกลับบ้านดี แต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับบางอย่าง 

     

     

          “เอ๊ะ! นั้นมันร้านขายขนมอบหนิ ขนมอบจ๋า วีนัสมาหาแล้วว” 

     

          กริ๊ง เสียงกระพวนที่ห้อยอยู่หน้าร้านดังขึ้น พร้อมกับเสียงของนักทำขนมอบที่เป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ 

     

          “อรุณสวัสดิ์ ” 

      

          “ข้าขอเมเปิลคัพเค้ก กับ ขนมปังช็อคโกแล็ตขอรับ” 

     

           “ 5 ลีฟ ขอรับ” (1ลีฟ = 10 บาท) 

      

     

            เมื่อวีนัสรับเงินทอนเสร็จ วีนัสก็ได้เดินออกจากร้านขายขนมอบ และเดินเที่ยวตลาดเอ็กมัสแห่งนี้ต่อ วีนัสเดินไปพร้อมกับหยิบขนมอบที่ตนซื้อมาออกจากถุงกระดาษ เพื่อมาลิ้มรสชาติของมันไปด้วย  

     

     

           “อื้ม อร่อยจริงๆ ไว้ข้าไปเรียนทำกับท่านแม่คงจะดีไม่น้อย” 

     

     

     

     

     

           ระหว่างเดินเล่นอย่างสนุกสนาน วีนัสวัย12 ปี หาได้รู้ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น หากเพราะนี่เป็น ชะตาฟ้าลิขิต  

     

     

          “โอ้ย! นี่! ทำไมไม่รู้จักเดินดูทางบ้างห๊ะ! เห็นมั้ยว่าข้าล้ม!!” 

     

           “....” 

     

           “เห้ย! จะวิ่งไปไหน ไม่นะ ถุงเบี้ยของข้า!! กลับมานะ เอาถุงเบี้ยของข้าคืนมา!” 

     

             วีนัสถูกโจรขโมยถุงเบี้ยของตนไป เจ้าโจรวิ่งราวนั้นวิ่งหนี เลี้ยวนั่นเลี้ยวนี้จนน่าสับสนไปหมด แต่ขอทานอภัยด้วยวีนัสผู้นี้หาได้ยอมใครง่ายๆไม่ วีนัสวิ่งตามเจ้าโจรชั่วไปเรื่อยๆ จนหนทางเริ่มเปลี่ยวและไร้ผู้คน มีเพียงตึกโล่งๆ สีของตึกหลุดลอกออก ดูเป็นชุมชนที่เก่าแก่และน่ากลัวเสียไม่มี  

          

           “หยุดประเดี๋ยวนี้!” 

     

             “...” 

      

              ไม่ได้การแล้ว หาวิ่งต่อไปคงไม่ดีเอาแน่ๆ ทางช่างดูมืดและวังเวงลงไปทุกที เงิน 2 ฟาล์วกว่าๆ คงไม่มีค่าเท่าชีวิตของข้า ถ้ากลับไปก็เพียงโดนท่านแม่ดุด่าเท่านั้น แต่หากตามไปต่อคงไม่เหลือชีวิตกลับไปหาท่านแม่แน่ๆ ท่านแม่ช่วยวีนัสด้วยย.. 

     

            “ไม่ตามแล้วโว้ย” 

     

             วีนัสได้ตัดสินเปลี่ยนทิศทางการวิ่งทันที โดยว่ากลับไปที่ตลาดที่เขาวิ่งจากมาอย่างสุดชีวิต ‘งื้อ ข้าไม่น่าห้าวเลย คิดว่าจะตามจับโจรได้เท่ๆเหมือนในนิทานปรัมปราที่ท่านแม่เคยเล่าให้ฟังเสียอีก’  

    แล้วจู่ๆ..... 

     

     

     

     

     

                “นั้นมันอะไรนะ..” 

       

              ตาเจ้ากรรมได้เหลือบไปเห็นภาพกลุ่มผู้ใหญ่ราว3-4 คนยืนล้อมรอบเด็กผู้หนึ่งอยู่ เขาดูเด็กมาก น่าจะตัวเล็กกว่าเขาถึง1-2นิ้วเลยทีเดียว ‘แอบดูสักหน่อยคงมิเป็นอันใดหรอก’  


     

       “ เจ้าอยากตายใช่หรือไม่! เหตุใดจึงไม่บอกข้า!” 

     

              วีนัสสะดุ้งเล็กน้องเมื่อชายร่างกายกำยำหนึ่งในกลุ่มที่รุมเด็กชายตะคอกขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงอันโหดร้าย ไร้ซึ้งความอ่อนโยน มีเพียงความโกรธกริ้วและโทสะ 

     

           

            “.....” 

      

           “บอกให้พูดออกมา! เอาของข้าไปไว้ที่ไหน!” 

     

            “โอ้ย!”  

     

      

                ชายกำยำผู้นั้นกระชากหัวเด็กชายน้อยอย่างแรง อย่างไร้ความสงสาร แต่ทำไม..  

     

         “เด็กผู้นั้นไม่กลัวอันไดเลยหรือ เหตุใดจึงทำหน้าเรียบเฉยราวกลับไม่สนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย สายตาที่ดูแน่วแน่แบบนั้นคืออะไรกัน” 

     

                    

                   “นั้นใคร!” 

     

     

                วีนัสสะดุ้งโหยงหลบหลังกำแพงทันที หัวใจเต้นเร็วราวกลับหัวใจจะออกจากทรวงอก นี่ข้าพูดเสียงดังไปหรือ บ้าจริงข้านึกว่าข้าคิดในใจเสียอีก เจ้าปากไม่รักดี!  ไม่น่าเลยๆ วีนัสบ่นในใจซ้ำๆ หากถามว่าเหตุใดวีนัสจึงไม่วิ่งหนี และแน่นอนทีว่า ‘ขาของเขาก้าวไม่ออกหนะสิ’  

     

       

        “ออกมา! ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าอีกคน” 

     

         “หนีไปสะ! อย่าออกมา!” 

         

              เจ้าเด็กนั่นตะโกนออกมาบอกให้ข้าหนีไปงั้นหรือ  เหตุใดจึงขอให้ข้าหนีแทนที่เด็กคนนั้นจะขอให้ข้าช่วยทั้งที่มีโอกาส หากข้าหนีไปเด็กชายผู้นั้นก็จักตกอยู่ในอันตรายซึ่งข้า วีนัสบุตรแห่งตระกูลรีเจียน ไม่ยอมให้เป็นเยี่ยงนั้นแน่นอน 

     

     

         “ข้าบอกให้ออกมา! อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!        เจ้าสองคนไปตามจับมันมา!” 

     

          “ออกแล้วๆ ออกมาแล้ว ข้าก็แค่เด็กหลงทางผ่านมาเท่านั้น” 

     

           “เจ้า!เดินมานี่ ไปยืนข้างๆกับเด็กคนนั้นสะ!” 

     

     

              วีนัสยอมเดินไปตามที่ชายกำยำผู้นั่นกล่าวอย่างว่าง่าย มาถึงขั้นนี้ข้าคงต้องใช้บทน่าสงสารเสียแล้ว.. 

     

     

      “ปล่อยพวกข้าไปเถิดท่านพี่.. ข้ามิรู้ว่าเจ้าเด็กผู้นี้ไปทำอะไรให้ท่านพี่ แต่ข้าขออภัยแทนเขาด้วย” 

     

      “ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดว่าข้าจักปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆหรือ หากไอ้เจ้านี้ไม่บอกข้าว่าของของข้าอยู่ที่ใด เจ้าสองคนก็ตายกันตรงนี้แหละ!” 

     

                   

              เกิดอันใดขึ้นกับชีวิตข้า ข้าไม่คิดเลยว่าการออกจากบ้านครั้งนี้จักได้เจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมาก ซ้ำๆกันถึงเพียงนี้ ข้ามองไปที่เด็กชายที่มีส่วนสูงน้อยกว่าข้าเล็กน้อย ข้าจึงถามออกไปอย่างเบาๆ และให้ได้ยินเพียงเราสองคน 

     

      (เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกเขาไปเล่าว่าของของเขาอยู่ที่ใด) 

     

       (หาใช่ของของเขาไม่ เขาขโมยมาต่างหาก) 

     

       (เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ...อืม.. ทำตามที่ข้าบอกแล้วกัน...) 

     

    ซุบซิบ ซุบซิบ

     

          (..น่าสนใจไม่น้อย :)  

     

     

         “กระซิบอันใดกัน!” 

     

       “ อึก” วีนัสสะดุ้งกับเสียงตะคอกเล็กน้อยผิดกับเด็กผู้นั้นที่ยืนนิ่งสักพัก และจึงพูดขึ้นมา 

     

      “ข้าบอกเจ้าก็ได้ว่าสิ่งนั้นอยู่ที่ใด ข้าเห็นชายผู้หนึ่งวิ่งไปทางโน้น มันนำของใส่ถุงเบี้ยงเอาไว้ เขาบังคับข้าไว้ว่ามิให้บอกผู้ใดทั้งนั้น ไม่งั้นเขาจักไม่ให้ข้ากินขนมอบ..” 

     

      “ว่าไงนะ! เจ้าไม่ตอบข้าเพียงขนมอบ! ช่างโง่เง่ายิ่งนัก ไอ้สองคนตามข้ามาได้แล้วไปตามล่าหาของกัน”  

      “ครับนายท่าน!” 

     

     

     

           หลังชายกำยำที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพูดเสร็จ ก็พาลูกน้องออกไปตามหาของสิ่งนั้นทันที แต่เหมือนราวกับว่าเด็กชายข้างๆเขา ดูท่าทางจะโกรธชายกำยำผู้นั่นมากเลยทีเดียว 


     

     “ใจเย็นก่อน เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ก่อนคนพวกนั้นจักจับพวกเราได้” 


     

      “อืม ทางนี้ ตามข้ามา” 

     

       “...” 

     

       “บอกให้ตามมาไงหละ” 

     

       “...” 

      

     “ดะ.เดี๋ยว ข้าเดินเองได้ ปล่อยมือข้าก็ได้ ข้าเดินตามเจ้าแล้ว” 

     

     “แค่เจ้าเดินตั้งแต่แรกก็จบ” 

     

            หนอย ช่างเหิมเกริมนักเป็นเด็กเป็นเล็ก หาใช่ต้องพูดกับผู้ที่โตกว่าเช่นนี้ไม่  

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     “นี่...เจ้า เราเดินมาหลายเพลาแล้วนะ เมื่อใดจะถึงเสียที” 

     

      “เดินไปข้างหน้านี้ก็จักถึงแล้วหละ”  

     

       “อ่อ..” 

     

        “นี่เจ้า..” 

        

        “มีเหตุอันใดอีก” 

     

     

                    “เจ้ามีนามว่าอย่างไร..” 

     

     

     

    TBC 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×