ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I love my friend ^--^

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอน 9

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 49


    เวลาผ่านไปและผ่านไปแต่ก็ยังไม่มีใครมาซะที มันนานแล้วเนี่ย


    นี่เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย ฉันหันไปถามนายพีทที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ

    2 ชั่วโมง กับอีก 1 นาที นายพีทหันมาตอบเพราะนายนี่เป็นคนจับเวลาให้ฉัน

    ทำไมยังไม่มีใครมาเลยหละ ชักเริ่มกังวลแล้วสิ

    นายว่าหลังตึกธุระการมันอยู่ไกลหูไกลตาไปมั้ย

    ไม่หรอก ก็เธอแปะโปสเตอร์ไว้เยอะไม่ใช้หรอ นั่นสินะ ก็ฉันเล่นแปะมันซะทั่วเลย ทั้งไปห้องน้ำ ห้องเรียน ห้องคอม ห้องสาระพัดห้อง ทุกตึกมีหมด รออีกหน่อยเถอะ


    นี่นายพีทถ้าเกิดว่าไม่มีใครหาเจอเลยหละฉันจะทำไงดี

    ก็ไม่มีใครชนะไงนายนี่ตอบหน้าตาเฉย

    ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วตั๋วหละ ฉันอุตส่าเอาเงินฉันซื้อนะเนี่ย ทุ่มเท่ขนาดนี้โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนเลยนะเนี่ย ส่วนเงินที่ได้ก็ให้โรงเรียน  เป็นไงหละฉันประธานนักเรียนผู้เสียสละ แหวะ


    เธอก็ไปดูเองสิพูดบ้าๆ

    แล้วฉันจะไปกลับใคร

    ก็ฉันไง ห๊า หูฉันฝาดรึเปล่า หรือฉันฝัน


    เพี๊ยะ


    ฉันลองตบหน้าตัวเองหนึ่งที เอะมันยังเจ็บอยู่นะ ลองใหม่ๆ ฉันง้างมือจะตีอีกที แต่นายพีทก็รั้งมือไว้ซะก่อน

    ทำไรของเธอหนะ บ้ารึเปล่าตีตัวเองอยู่ได้ นายพีทหันมาถามงงๆ

    ฉันกำลังคิดว่า......

    นั่นไง!! มีคนวิ่งมาแล้วคู่นึงหาเจอแล้วแหงๆเลย นายพีทพูดพลางชี้ไปที่หน้าห้องสมุด ฉันเลยรีบวิ่งไปที่นั่น


    นี่ค่ะตั๋ว แฮ่กๆ เด็กผู้หญิงคนขึ้น ทั้งคู่ท่าทางดีใจไม่น้อยเลย

    ดีใจด้วยนะจ๊ะ ฉันยิ้มให้เด็กผู้หญิงคนนี้ โธ่อดเลยนึกว่าจะได้ไปดูคอนเสิร์ตกับนายพีทซะอีก โธ่

    อะนี่จะตั๋วอีกใบ ฉันยื่นตั๋วให้เด็กสาว

    ขอให้สนุกนะ

    ขอบคุณค่ะ แล้วทั้งคู่ก็เดินจากไป

    อ้าวนี่ไม่มอบอย่างเป็นทางการหน่อยหรอ นายพีทถามงงๆ

    ไม่ต้องหรอกแบบนี้แหละดีแล้ว ฉันว่าสองคนนั้นคงไม่อยากให้มีใครมาวุ่นวายกัยพวกเขานักหรอก คงอยากดีใจกันสองคน


    อะไรของเธอ

    ไปประกาศหน้าเสาธงกันเถอะว่ามีคนหาตั๋วเจอแล้ว


    และแล้วเกมส์ของฉันก็จบลง ไปมีอะไรให้ยุ่งยากมาอย่างที่คิด ดีแล้วหละจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ที่นี้ฉันจะได้เดินเล่นบ้างหละ


    นายหิวข้าวยัง ฉันหันไปถามนายพีท

    เออ หิวแล้วไปกินข้าวกัน แล้วเราก็มาที่โรงอาหารเพื่อจะกินข้าว

    เธอจะกินอะไร

    บะหมี่ใช่มั้ยหละ นายพีทตอบขึ้นมาเองโดยที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ นายนี่ช่างรู้ใจฉันจริงๆ

    เออ ฉันตอบอย่างไม่สบอารมณ์

    ทำไมนายรู้

    ก็เธอเล่นกินทุกวัน ไม่รู้ก็โง่แล้ว นายนี่ตอบอย่างอวดฉลาดสุดๆ

    รีบๆไปซื้อแล้วมาเจอกันที่โต๊ะตัวนี้นะ ฉันพูดพลางชี้ไปที่ต๊ะตัวข้างๆ

    10 นาทีผ่านไป พวกเราก็มานั่งและเริ่มกิน


    อิ่มแล้ว ฉันกับนายพีทพูดขึ้นมาพร้อมกัน

    ไปเดินเล่นกัน แล้วเราก็เดินทัวร์ทั่วโรงเรียน และทุกอย่างก็เป็นไปตามคาดหมายไม่มีอะไรวุ่นวายทุกอย่างราบเรียบจนถึงตอนเย็น ถึงตอนที่ทุกคนต้องกลับบ้าน

    กลับบ้านกันพีท

    ไปสิ แล้วเราก็กลับบ้านด้วยกันเหมือนทุกวันเช่นเคย

     

    ....................................................................................

     

     

    ชีวิตผมที่คนอื่นอิจฉา ทั้งบ้านรวย เรียนเก่ง หน้าตาดี มีสาวๆติด ไม่มีอะไรที่ผมไม่มี ใครจะรู้ว่าผมก็มีเรื่องที่ผิดหวังอยู่เหมือนกัน มันจะเป็นเรื่องอะไรหนะหรอผมว่าพวกคุณอ่านเองก็แล้วกัน


    อะไรของแกเนี่ยหา มีเรื่องอีกแล้วหรอฉันขี้เกรียจคอยแก้ปัญหาให้แกแล้วนะ มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน


    พ่อผมเองเขาเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งหนึ่ง วันนี้ผมไปมีเรื่องกับนักเรียนที่โรงเรียนแต่พวกผมไม่ได้ไปหาเรื่องพวกนั้นนะ พวกนั้นมันมาท้าผมก่อน ผมเองก็ไม่อยากรับ แต่พอมันหาว่าผมไม่กล้าผมก็เลยรับไปทันที พวกเราเลือกหลังโรงเรียนเป็นที่ประลอง พวกผมกับพวกมันตะลุมบอนกันอยู่ไม่ถึงสองนาทีอาจารย์ก็มาเห็นซะก่อน ให้ตายสิเป็นเรื่องจนได้


    แกเป็นนักเรียนเตรียมสอบอยู่นะ ทำตัวแบบนี้ได้ยังไง ตอนนี้ผมอยู่ ม.5

    พ่อตัดสินใจแล้วว่าจะให้แกย้ายโรงเรียน

    ไม่ได้นะครับพ่อ!” ให้ตายสิทำไมถึงทำงี้นะ

    ได้สิ! ฉันจะให้แกไปอยู่ที่โรงเรียนฉัน

    แต่พ่อครับ....

    ไม่มีแต่!”

     

    แล้วในที่สุดผมก็ต้องย้ายโรงเรียนจริงๆหลังจากที่สอบเสร็จ ผมต้องจากเพื่อนที่อยู่ด้วนกันมาห้าปี ให้ตายสิผมไม่อยากย้ายเลยแล้วอีกอย่างมันก็เหลืออีกแค่ปีเดียว

    วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของผม ผมไม่รู้จักใครเลยสักคนก็เลยทำให้ผมต้องมานั่งที่ห้องทำงานของพ่อในตอนเช้าของวันนี้


    อยู่ที่นี่ทำตัวให้ดีๆหละ พ่อพูดพลางหันมามองหน้าผม

    กลัวเสียภาพพจน์หละสิ ผมกระซิบกับตัวเองเบาๆ

    อย่าเที่ยวไปพูดอย่างงี้กับอาจารย์ที่โรงเรียนเชียวนะ พ่อพูดเสียงเย็น ให้ตายสิผมอุตส่าพูดเบาๆแล้วนะ ยังได้ยินอีก


    แล้วก็ตั้งใจเรียนให้ดี เพราะปีนี้จะสำคัญที่สุดสำหรับแก พ่อเป็นห่วงผมด้วยหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย

    ไปเข้าแถวได้แล้ว 7 โมง 40 แล้ว พ่อไล่ผมให้ไปเข้าแถว

    แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าแถวผมอยู่ไหน ผมยังไม่รู้เลยนะพ่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก

    อาจารย์สุรศรีหรอครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกผมเข้าเรียนอาจารย์คงพอจะทราบแล้ว................เพราะฉะนั้นวันนี้ผมขอให้เขาไม่ต้องเข้าแถวได้มั้ยครับ...........ขอคุณครับพอเข้าแถวเสร็จแล้วอาจารย์ช่วยมารับเขาที่ห้องทำงานของผมด้วยนะครับ...........ครับขอบคุณครับ แล้วพ่อก็วางสาย


    เดี๋ยวอาจารย์ที่ปรีกษาของแกจะมารับหลังจากที่เข้าแถวเสร็จ ผมพยักหน้าเล็กน้อย

    แล้วเวลาก็ผ่านไปประมาณ 30 นาที ห้องทำงานของพ่อก็เปิกออก


    ผอ.ค่ะฉันมารับตัวลูกศิษย์ ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งพูดขึ้น เธออายุประมาณ 50 กว่า สงสัยเธอจะเป็นที่ปรึกษาของผมแน่ๆ


    ครับเอาไปเลย ไหว้อาจารย์ที่ปรึกษาของแกสิ ผมก็ทำตาม

    ไปกันเถอะจะ ผมจึงลุกขึ้นและเดินตามเธอไป ผมได้ยินเสียงพ่อดังไล่หลังมาว่า

    แม้แต่พ่อมันยังไม่ไหว้เลย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ผมกำลังจะได้เจอเพื่อนใหม่เลยรู้สึกตื่นเต้นแฮะ

    ผมขึ้นมาที่ชั้น 3 ของตึกที่อยู่หน้าสุด


    ถึงแล้วหละ อาจารย์พูดขึ้น ห้องผมอยู่ห้องที่สามถัดจากบันได

    เดี๋ยวรออยู่ตรงนี้รออาจารย์เรียกนะ

    ครับ ตื่นเต้นชะมัดเลย ห้องผมจะมีเด็กผู้หญิงน่ารักๆมั้ยน้า ที่โรงเรียนเก่ามีผู้หญิงมาติดผมเพียบเลยน้าจะบอกให้


    เอาหละทุกคนวันนี้อาจารย์มีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้รู้จักกันนะ เข้ามาสิจ๊ะ อาจารย์ออกมาเรียกผมที่หน้าประตู  ว้าว ผมกำลังจะได้เข้าไปแล้ว


    สวัสดี ผมชื่อ วาฤทธิ์ อานันท์โย มีเสียงซุบซิบดังขึ้นหลังจากที่ผมพูดนามสกุลจบ

    เงียบๆกันหน่อยสิ เสียงอาจารย์ดุขึ้นเสียงจึงเงีบยลง แล้วผมจึงเริ่มพูดต่อ

    ผมเป็นนักเรียนใหม่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องยังไงก็ฝากด้วยนะครับ พอผมพูดจบก็มีนักเรียนหญิงสิบกว่าคนปรบมือให้ แต่คนอื่นก็ยังจ้องผมกันอยู่ สงสัยผมจะหล่อเกินไปหละมั้ง ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ


    ไปนั่งที่เถอะ อาจารย์พูดขึ้น แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าผมนั่งตรงไหน

    เอ่อ ให้ผมนั่งตรงไหนหรอครับ ผมหันไปถามอาจารย์

    ตรงนั้น อาจารย์ชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ติดหน้าต่างตัวหนึ่งซึ่งว่างอยู่ ส่วนข้างๆมีเด็กผู้ชายอายุเท่าผมคนหนึ่งนั่งอยู่แล้ว


    หวัดดี ผู้ชายคนที่นั่งข้างผมทักผมหลังจากที่ผมเดินไปนั่งที่เรียบร้อยแล้ว

    หวัดดี ดูเข้าน่าจะเป็นมิตรนะ

    ยังไงเธอก็ช่วยดูเขาด้วยนะ อาจารย์เดินมาบอกคนที่นั้งข้างๆผม

    ครับ

    ฉันชื่อ อภิชาติ ชื่อเล่นชื่อ ชาติ แล้วนายหละชื่อเล่นชื่อไร ผู้ชายคนนี้บอกผมหลังจากที่อาจารย์เดินไปแล้ว

    ฉันชื่อเวฟ

    อืมเป็นเพื่อนกันนะ

    ฮะ ได้สิ ยินดีมาก ผมตอบอย่างดีใจ ใครจะคิดว่ามาวันแรกก็ได้เพื่อนแล้ว


    ชาติเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่งเขานิสัยดีเป็นมิตร รูปร่างสูงโปร่งขาวด้วย

    ตอนกินข้าว


    นี่เพื่อนฉันอีกคน ชาติแนะนำให้ผมรู้จักเพื่อนเขาอีกคน หมอนี่ชื่อริงค์ หน้าตาใช้ได้ ผิวคล้ำนิดหน่อย สูงโปร่งเหมือนกัน แล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา

     

    ตอนนี้ก็สองอาทิตย์แล้วที่ผมอยู่ที่นี่ทุกคนรู้ว่าผมเป็นลูกผู้อำนวยการจึงไม่ค่อยมีใครกล้ามายุ่งกับพวกผมเท่าไหร่ และแน่นอนว่ามีสาวติดผมตรึมเลย

    วันนี้วันจันทร์ผมมาโรงเรียนเองแต่เช้าเพราะมีงานต้องทำปกติผมจะมากับพ่อแต่ตอนนี้ผมโตแล้วจึงอยากมาเองบ้าง ผมกำลังเดินผ่านเข้ามาในโรงเรียนแต่ก็มีเสียงๆหนึ่งหยุดผมไว้ก่อน


    นาย นายหนะหยุดก่อนนะ เป็นเสียงของผู้หญิง ผมจึงหยุดและหันไปมองหน้าเธอ

    นายสะพายกระเป๋าผิดระเบียบ ฉันคงต้องยึด เธอพูดเสียงดุ

    ได้ไง ฉันสะพายมาทุกวันไม่เห็นมีใครว่า

    ว่าไงนะ ยัยนี่เป็นใครกันนะ แต่น่าตาน่ารักเป็นบ้าเลยแฮะ

    ส่งกระเป๋านายมาให้ฉันเดี๋ยวนี้

    ได้ไงแล้วฉันจะเอาอะไรใส่หนังสือเรียนเล่า

    นี่ไง เธอยื่นถุงพาสติกให้ผม เธอคงไม่คิดว่าจะให้ผมเอาหนังสือเรียนใส่ไอ้นี่หรอกนะ

    รับไปสิเอาหนังสือใส่นี่แล้วส่งกระเป๋ามาให้ฉัน

    ไม่ได้นะ

    ได้สิ

    ไม่ได้

    เอ๊ะ

    เกิดอะไรขึ้นหรอ เสียงๆหนึ่งเราเราสองคนไว้แค่นั้น

    อ๋อ ท่านผอ. สวัสดีค่ะ เธอสวัสดีพ่อผม

    เกิดอะไรขึ้นหรอ พ่อถามอีกครั้ง

    ไม่มีอะไรหรอกค่ะสะพายกระเป๋าผิดระเบียบเลยจะยึด ไม่มีอะไรหรอ เธอบอกกับพ่อว่าไม่มีอะไรกระเป๋าใบนี้ผมซื้อมาแพงนะ ถึงจะเอาเงินพ่อซื้อก็เถอะ

    ไม่เป็นไรๆ นี่ลูกชายฉันเองปล่อยเขาไปเถอะเดี๋ยวฉันจะจัดการกับเขาเอง โฮะๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร


    หรอคะ งั้นก็เชิญ เธอพูดเสียงกระแทกหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่สนใจ เดินผ่านเธอเข้ามาในโรงเรียนกับพ่อ

    ผู้หญิงคนนั้นใคร ผมถามขณะที่กำลังเดินอยู่

    ประธานนักเรียน พ่อตอบเสียงเรียบๆ

    หรอ แล้วผมต้องเปลี่ยนกระเป๋ารึเปล่า

    ตามใจ อยากจะสะพายก็สะพาย พ่อพูดจบก็รีบเดินนำหน้าผมไป ส่วนผมก็เดินไปที่สระบัวหลังโรงเรียนที่นัดกับเพื่อนไว้


    เฮ้ หวัดดี ชาติทักผมก่อนคนแรก หลังจากที่ผมเดินไปถึง

    อืม หวัดดี ผมหันไปยิ้มให้ริงค์ แล้วก็มาร์ค เพื่อนผมอีกคนคนนี้รูปร่างคล้ายๆกับชาติ

    งานเอามารึเปล่า ริงค์ถามขึ้น

    เอามาสิ

    งั้นก็มาเริ่มทำกันเลย ชาติพูด แล้วพวกเราจึงเริ่มทำโครงงานที่ผมหาข้อมูลมากัน

    พวกนายรู้จักประธานนักเรียนมั้ย ผมถามขึ้นขณะที่งานใกล้จะเสร็จแล้ว เหลือแต่ตกแต่งนิดหน่อย

    รู้จักสิ นทีธาร ม.6/5 มาร์คเป็นคนตอบ

    ทำไมหรอ ริงค์เงิยหน้าขึ้นมาถาม

    เปล่าหรอกเธอว่าเรื่องกระเป๋าหนะ ใครว่า ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมสนใจเธอต่างหาก

    เออ จริงสิฉันว่าจะถามนายนานแล้ว ว่านายรอดมาได้ไงเรื่องกระเป๋าหนะ มาร์คถาม

    ใช่ๆ ชาติพยักหน้า

    ฉันมารถพ่อ เลยผ่านเข้ามาได้มั้ง

    แล้วทำมวันนี้ถึงโดนหละ

    วันนี้ฉันมาเอง

    แล้วนายรอดเข้ามาได้ไงเนี่ย

    พ่อมาช่วยไว้ทันไม่งั้นก็โดนยึดไปแล้ว

    อ๋อ ทั้งสามคนร้องขึ้นพร้อมกัน

    งั้นเขาคงยึดนายไม่ได้แล้วหละ มาร์คพูดขึ้น

    อืม

    ทำไมหรอประธานนักเรียนคนนี้เป็นยังไงหรอ ผมถามขึ้นตอนนี้งานของพวกผมเสร็จแล้ว

    ก็เข้มงวดหนะสิ โดยเฉพาะการแต่งกาย กระเป๋า แล้วก็ทรงผม ชาติเป็นคนตอบ

    แต่ฉันก็ผิดมันทุกอย่างเลยสิ

    ใช่แฃต่นายไม่ต้องห่วงหรอก รู้งี้แล้วเขาคงไม่ว่าอะไรนายแล้วหละ มาร์คพูดต่อ

    จะเข้าแถวแล้วเอางานไปส่งกันเถอะ ริงค์พูดพลางมองนาฬิกา พวกผมจึงรีบขึ้นไปส่งงาน

    เฮ้ย 8 โมงแล้ว ริงค์พูดขึ้นหลังจากที่พวกเราส่งงานเสร็จแล้ว

    เอาไงดีถ้าลงไปตอนนี้ต้องโดนตัดคะแนนแน่ๆเลย ชาติพูดด้วยสีหน้าไม่ดี

    ไปซ่อนในห้องน้ำกัน ริงค์

    เฮ้ย ดีหรอ ผม มาร์ค ชาติ พูดขึ้นพร้อมกัน

    แล้วจะเอาไง ริงค์พูด

    เอางั้นก็ได้เร็วๆเข้าเถอะก่อนที่จะโดนจับได้ ชาติพูดขึ้น พวกผมจึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที แล้วซ่อนอยู่ในนั้นโดยที่ไม่พูดกันเลย เพราะนี่เป็นจครั้งแรกที่ทำผิดกฎ


    มาทำอะไรกันในนี้!” ตายหละหว่า โดนจับได้จนได้


    พวกผมทั้งหมดหันไป นี่มันกรรมการนักเรียนนี่นา


    ไม่ลงไปเข้าแถวหรอ ตามฉันมานี่!” แล้วในที่สุดพวกผมก็มานั่งอยู่ที่ห้องห้องนึง สักพักก็มีคนเดินเข้ามา ประธานนักเรียนคนนั้นนั่นเอง


    หนีเข้าแถวหละสิ เธอพูดเสียงเย็น

    นี่แหละยัยประธานนักเรียน มาร์คกระซิบที่ข้างหูผม ผมพยักหน้าน้อยๆ

    ตามฉันมานี่ เธอพูดพลางเดินออกไปจากห้อง เธอนำพวกเรามาที่หน้าเสาธง

    เข้าไปยืนในนี้ เธอชี้ไปที่เส้นวงกลมที่ถูกขีดเอาไว้

    ใครหละ ริงค์ถามอย่างหัวเสีย

    ทั้งหมดนั่นแหละ เธอตอบเสียงเย็น

    อะไรกันวงมันเล็กแค่นี้เอง ชาติโวยวายขึ้นทันทีผมก็เห็นด้วยเหมือนกันมันไม่พอสำหรับสี่คนหรอก สามคนยังไม่รู้เลยว่าจะพอรึเปล่า


    ฉันบอกให้เข้าไปไง เธอพูดเน้นเสียง

    แต่ว่า.. ริงค์กำลังจะเถียงแต่ไม่ทัน

    นี่เป็นการลงโทษ!” เธอพูดเสียงดัง

    ฉันเหก็นมาพวกเธอพึ่งทำครั้งแรกก็เลยจะทำโทษก่อนหักคะแนน เธอถามอย่างหัวเสีย ในที่สุดพวกเราจึงต้องเขาไปยืนกอดกันอยู่ในนั้น น่าอายชะมัดเลย ถ้าพวกสาวๆมาเห็นจะทำไงเนี่ย พวกเรายืนติดชิดกันกอดกันแน่นเพราะกลัวว่าจะเลยเส้น


    ถามออกมานอกเส้นเด็ดขาดแม้แต่กว้าเดียว เธอพูดและมองหน้าพวกเราเหมือนกับว่าถ้าพวกเราขาดคำสังเธอจะฉีกเราเป็นชิ้นๆ


    ฉันจะนั่งดูพวกนายอยู่ตรงนี้ จนกว่าจะพักกลางวัน เธอพูดพลางเดินไปนั้งในที่รมข้าง ส่วนที่ที่พวกผมยืนกอดกันอยู่หนะหรอ แดดส่องทั่วถึงเลยหละ


    งั้นพวกเราก็ไม่ได้เข้าเรียนหนะสิ ผมถามขึ้น

    ใช่ ฉันให้คนไปบอกอาจารย์ของพวกนายแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เธอนั่งถ้าท่าทางสบายใจมาก แต่พวกผมสิร้อนเป็นบ้าเลย

     

    ............................................................................................

     

    พิมพ์ผิดพิมพ์ถุกก็อย่าว่ากันนะคะ เพราะรีบเลยไม่ได้อ่านทวน

    อย่าพึ่งเบื่อกันหละ ไม่ค่อยมีใครแสดงความคิดเห็นเลย ช่วยแสดงหน่อยสิ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×