คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Stop Love: 6th Step
Stop Love: 6th Step
ดงวานเคยคิดนะว่า...
ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้น เขากับมินอูจะรักกันได้นานขนาดไหนกันนะ?
เวลา 18.30 น.
ณ คอนโดของดงวาน
“โอยเหนื่อยชะมัดเลย~~~”ทันทีที่ประตูเปิดออก ร่างเล็กรีบแทรกตัวเข้าไปก่อนเลย ก่อนจะเดินโซเซไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาในส่วนของห้องรับแขก ระหว่างทางดงวานก็ทิ้งกระเป๋าและของอย่างอื่นที่ถือมาด้วยเป็นการบ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นเหนื่อยมาก
“วานนี่อ่า ถ้าง่วงก็ไปอาบน้ำนอนซะ เดี๋ยวของน่ะฉันเก็บเอง”มินอูเอ่ยบอกคนที่ไม่รู้ว่าเขาจะเรียกว่าคนรักหรือคู่นอนดี พลางเก็บของที่ร่างเล็กถือมาและวางทิ้งไว้มารวมกันยังหน้าทีวี
“อืม...”ร่างเล็กรับคำในลำคอเบาๆ ราวกับไม่รับรู้อะไร เพราะตอนนี้ห้วงนิทราคือสิ่งที่ดงวานเฝ้ารอมากที่สุด มินอูยิ้มเบาๆ กับภาพตรงหน้า ราวกับย้อนกลับไปในวันวานเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาและดงวานยังคบกัน
เวลาดงวานเหนื่อยๆ พอกลับมาถึงหอเจ้าตัวก็จะชอบทิ้งของที่ตัวเองถือมาทิ้งไว้ตามทาง และก็เป็นน่าที่มินอูที่ต้องนำของทุกอย่างไปเก็บเข้าที่ให้ เพราะเขารู้ว่าดงวานนอกจากเหนื่อยเรื่องเรียน ก็ยังเหนื่อยเรื่องงานพิเศษ และไหนจะเหนื่อยเรื่องของแม่เขาอีก
จะว่าไปตอนมินอูเลิกกับดงวานใหม่ แม่เขาดูจะมีความสุขมากเลยนะ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
และก่อนที่มินอูจะได้หลงอยู่ในห้วงอดีตอันแสนหวานนั้นมือถือของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ร่างหนารีบวางถุงต่างๆ ไว้ที่หน้าทีวีก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ปรากฏว่าคนโทรคือน้องชายของเจ้านาย
“ยอโบเซโย มีอะไรรึเปล่าครับคุณแอนดี้”มินอูถามปลายสายอย่างสงสัย เพราะปกติแอนดี้นั้นไม่ค่อยโทรหามินอูนัก
/........../ เสียงพูดที่แสนเบาหวิวของปลายสาย หากแต่ดังมากๆ สำหรับมินอู นัยน์ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนที่จะรีบปลุกคนที่กำลังหลับสบายให้ตื่นขึ้นแทบจะในทันที
“ดงวานตื่นเร็ว เราต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
++++++ Stop Love ++++++
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
โรงพยาบาลโซล
ห้อง 1621
ทันทีที่มาถึงห้องพักเป้าหมาย สองหนุ่มก็จัดการเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องพักพิเศษ เดินไม่กี่ก้าวก็พบกับร่างบอบบางของเฮซองที่นอนหลับให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง โดยมีเอริคนั่งอยู่ที่ข้างเตียงและคอยกุมมือเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ปกติจะเรียบนิ่งบัดนี้ส่อเค้าความห่วงใยคนที่นอนอยู่มากมาย และเมื่อมองมายังโซฟาสำหรับผู้มาเยี่ยมก็พบกับร่างเล็กๆ ของคนที่โทรตามทั้งสองคนมากำลังหลับใหลเพราะความเพลียเป็นแน่ เพราะคราบน้ำตาคราบใหม่เพิ่งจะเกาะบนแก้มเนียน ร่างเล็กๆ นั้นกำลังนอนหลับซบไหล่ของชูงแจที่ยังอยู่ในชุดสูทสีขาว
“จอน...ไม่สิคุณชูงแจครับ อาการคุณเฮซฮงเป็นไงบ้าง”มินอูหันไปถามคนที่ดูแล้วน่าจะสามารถตอบคำถามของตนได้
“พี่มินอูเรียกผมชูงแจก็พอครับ อย่าเรียกคุณเลยมันดูแปลกๆ อาการของคุณเฮซองนั้นพวกเรายังไม่แน่ใจครับ หมอยังไม่บอกเลยครับ”ชูงแจตอบพลางมองคนบนเตียงอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหันมาจับให้คนที่นอนซบไหล่ตนอยู่นอน เปลี่ยนมานอนหนุนตักตัวเองดีๆ มินอูมองอดีตรุ่นน้องที่ทำงานที่กำลังมองน้องชายของเจ้านายตนด้วยสายตารักและเจ็บปวดไปพร้อมๆ กัน และก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยถามขึ้นมาอีก ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้งโดยคราวนี้คนเปิดเป็นชายหนุ่มสองคนในชุดสูทสีดำ ทั้งสองคนเดินตรงไปหยุดยังด้านหลังของเอริคก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“นายครับพวกเราสองคนขออภัยด้วยครับที่ดูแลคุณเฮซองไม่ดี”ทั้งสองคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังจนเป็นการรบกวนคนป่วย เอริคหันมามองผู้พูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งพร้อมทั้งแววตาที่แสนจะเย็นชาพร้อมจะแช่แข็งผู้ถูกมองทุกเมื่อ
“ฉันว่าฉันย้ำแล้วนะว่าให้พวกนายดูแลเฮซองดีๆ แล้วทำไมมันถึงยังเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อีก อธิบายมาแทฮัก โบกึน!”ชายหนุ่มตวาดเสียงดังอย่างลืมตัว เล่นเอาแอนดี้ที่นอนหนุนตักชูงแจอยู่นั้นสะดุ้ง แต่ก็ยังไม่ตื่นจากนิทรา
“อย่า...อย่าไปโทษแทฮักกับโบกึนเลย”และก่อนที่การ์ดหนุ่มทั้งสองจะได้ตอบอะไร น้ำเสียงหวานๆ แสนแหบแห้งของคนป่วยก็ดังขึ้น แม้จะแผ่วเบาแต่เอริคก็ได้ยินชัดเจน ร่างสูงรีบหันไปดูคนรักที่ฟื้นขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงพลางประครองคนรักให้นั่งพิงหมอน ก่อนจะกดออดเรียกหมอ
“นายอย่าโทษแทฮักกับโบกึนเลยเอริค เพราะฉันเป็นคนบอกไม่ให้พวกเขาตามมา เลยเดินลื่นล้มเองน่ะ”ร่างบางอธิบายความจริงบางส่วน และโกหกออกไปบางส่วน เพราะเฮซองไม่อยากจะจองเวรจองกรรมกับผู้หญิงคนนั้นมากนัก
“โธ่เฮซองงี่ เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงได้หาคนมาคอยดูแลนายเวลาที่ฉันไม่อยู่ เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไปห้ามให้แทฮักกับโบกึนอยู่ห่างตัวนะ ยกเว้นเวลาที่ฉันอยู่เข้าใจมั้ย”ร่างสูงเอ่ยย้ำกับแม่ของลูกซึ่งกระพริบตาปริบๆ ใส่พร้อมพยักหน้ารับ เท่านี้น เอริคยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยสั่งลูกน้องทั้งสอง
“ถ้างั้นคืนนี้พวกนายกลับไปพักผ่อนได้ ฉันจะเฝ้าซองงี่เอง อ้อ เอ้ากระเป๋าเสื้อผ้าวางไว้ใกล้ๆ โซฟาก็ได้ แล้วก็กลับไปนอนซะ”ชายหนุ่มสั่ง การ์ดทั้งสองคนรับคำก่อนจะทำตามคำสั่ง
“อ่า พี่เอริคครับ งั้นผมพาแอนดี้กลับไปนอนที่บ้านก่อนละกันนะ”ชูงแจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าภรรยาของรุ่นพี่คนสนิทฟื้นแล้ว ซึ่งเจ้าของชื่อพยักหน้ารับ ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับหัวกลมๆ ของร่างเพรียวออกจากตักของตน ยืนเต็มความสูงและย่อลงไปช้อนตัวขคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอกและพาเดินออกไป เหลือเพียงดงวานและมินอูที่เดินเข้าไปคุยกับคนป่วย
“เป็นไงบ้างครับพี่เฮซอง พอผมรู้พวกผมก็รีบมาเลย”ดงวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเป็นห่วง
“พี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ นายกับคุณมินอูกลับไปพักผ่อนเถอะ”ร่างบางยิ้มพร้อมเอ่ยบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ ดงวานพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามมินอูกลับออกไป คล้อยหลังมินอูกับดงวานออกไปไม่เท่าไหร่ คุณหมอก็เปิดประตูเข้ามา
“อ่า ในเมื่อคุณเฮซองฟื้นแล้ว หมอขอตรวจร่างกายเบื้องต้นหน่อยนะครับ”สิ้นคำบอกของคุณหมอเอริคจึงถอยไปยืนดูคุณหมอตรวจร่างกายของภรรยาเขาด้วยความเป็นห่วง ไม่นานหนักก็เสร็จ
“อ่า จากการตรวจร่างกายภายนอกโดยรวมแล้ว คุณเฮซองปกติทุกอย่างนะครับ แต่คงต้องนอนให้น้ำเกลืออีกสักสองสามวันเพื่อดูอาการนะครับ เพราะภายในค่อนข้างจะช้ำพอสมควร"หมอหนุ่มอธิบายซึ่งทั้งสองคนก็พยักหน้ารับ ก่อนที่หมอหนุ่มจะเปิดแฟ้มในมือไปอีกหน้าหนึ่งเพื่ออ่านผลการตรวจภายในที่ทำไปก่อนหน้านี้
“ส่วนเรื่องลูกของพวกคุณนั้นไม่ต้องห่วงนะครับ เด็กยังอยู่นะครับ แต่เพราะการกระแทกนั้นค่อยข้างจะรุนแรงพอสมควร หากมีอะไรผิดปกติก็รีบบอกหมอนะครับ เพราะตอนนี้น้องยังเล็กอยู่มากเราไม่สามารถอันตราซาวดน์ตรวจดูได้น่ะครับ”หมอหนุ่มบอกพลางเงยหน้ามองทั้งสองคนที่พยักหน้าอย่าเข้าใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”
“เชิญครับ ขอบคุณมากนะครับหมอ”เอริคบอกแทน เมื่อหมอและพยาบาลเดินออกไป ร่างสูงก็กลับมานั่งประจำที่เดิม มือหนากุมมือบางข้างหนึ่งเอาไว้ก่อนจะกดจูบลงบนมือบางอย่างอ่อนโยน ส่งผ่านความรักไปถึงลูกของเขา
“โชคดีนะที่เขายังอยู่กับเรา”เฮซองเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าลูกยังปลอดภัยอยู่ มือบางอีกข้างที่ว่างยกขึ้นลูบบนหน้าท้องที่ยังแบนราบเบาๆ ชายหนุ่มมองด้วยความสงสาร เพราะเฮซองเจ็บเท่าไหน เอริคเจ็บกว่านั้นหลายเท่า...
“นี่เฮซองงี่ นายไม่ได้หกล้มเองใช่มั้ย?”จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้น เล่นเอาคนตัวเล็กชะงักกึก ก่อนจะกลืนน้ำลายที่เหนียวเหนอะลงคออย่างอยากลำบากก่อนตอบ
“ฉ...ฉันล้มเองจริงๆ สงสัยคงไม่ได้มองน่ะเลยสะดุดแล้วก็ล้มลง”เฮซองเอ่ยตอบพยายามสบตาอีกฝ่ายให้เป็นปกติที่สุด แต่มีหรือที่นักธุรกิจพันล้านอย่างเอริคจะมองไม่ออกว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเขากำลังโกหก เพราะคนที่มีอาชีพอย่างเอริคเจอคนมาหลากหลายประเภทมากมายจนมองออกทะลุปรุโปร่ง และมองออกด้วยว่าคนที่เอริครักนั้นกำลังโกหกเพื่อช่วยใครบางคนอยู่...และเขาก็รู้ดีว่าหากเฮซองไม่ยอมบอกแล้ว ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่มีทางยอมบอกแน่นอน
“โอเค งั้นนายก็นอนดูทีวีไปก่อนก็แล้วกันนะเฮซองงี่ ฉันขอลงไปซื้อกาแฟก่อน เพราะเดี๋ยวต้องนั่งทำงานอีกสักพัก”ร่างสูงเอ่ยบอก ร่างบางพยักหน้ารับก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากห้องพักของเฮซองออกไป
ปึง
ทันทีที่ประตูห้องพักพิเศษของผู้ป่วยปิดลง มือหนาก็จัดการล้วงเอาสมาร์ทโฟนเครื่องหรูออกมาจากกระเป๋ากางเกงแสล็คตัวสวยและจัดการโทรหาใครบางคน...
“ฮัลโหล นี่ฉันเองนะ นายช่วยหาของบางอย่างให้ฉันทีสิ”
ใครก็ตามที่ทำให้เฮซองและลูกของเขาต้องเจ็บ มันต้องเจ็บกว่าล้านเท่า!
++++++ Stop Love ++++++
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
คอนโดของดงวาน
ติ๊ด
ทันทีที่สัญญาณปลดล็อคประตูดังขึ้น มือหนาก็จัดการหยิบคีย์การ์ดออกจากที่เสียบและเดินนำร่างเล็กที่ดูง่วงงุนเป็นอันมากเข้าไปนอน มือหนาจัดการโยนของจำพวกโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ลงบนโซฟาตัวเก่งที่เขาเป็นคนเลือกเมื่อหลายปีก่อน
“ดงวานถ้านายง่วงก็ไปอาบน้ำนอนก่อนได้เลย”มินอูเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ตาใกล้จะปิดเต็มที ใบหน้าหวานๆ พยักรับก่อนจะเดินลากขาเข้าไปในส่วนห้องนอน พอได้เห็นอะไรแบบนี้แล้วทำให้มินอูนึกถึงอดีตจริงๆ นะ...
++++++ Stop Love ++++++
หลายปีก่อน
ห้องของดงวานกับมินอู
“อื้อ...มินบงอ่า~~ วันนี้วานนี่ขอไม่ทานข้าวเย็นนะง่วงมากเลย”คนตัวเล็กเอ่ยบอกพลางอ้าปากหาวหวอดๆ เป็นสิ่งยืนยัน คนรักหนุ่มที่กำลังเก็บรองเท้าอยู่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามเข้ามายังส่วนที่เป็นห้องรับแขก
“โอเคครับวานนี่ ถ้างั้นวานนี่ก็ไปอาบน้ำนอนก่อนเลยนะ”ร่างสูงบอกพลางวางถุงข้าวของของคนรักที่ตัวอาสาถือมาให้วางยังที่ประจำ คนตัวเล็กตรงเข้ามาหาก่อนจะจุ๊บลงที่แก้มของเขาเสียหนึ่งทีพร้อทั้งยิ้มหวานให้ ก่อนที่ดงวานจะเดินลากเท้าเข้าไปในห้องนอนพร้อมมือถือส่วนตัวและกระเป๋าสตางค์
ทิ้งให้มินอูยืนอมยิ้มกับความน่ารักของคนรักที่เจ้าตัวมักจะแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวเสมอ
เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารักอีกคนตอนไหน และเริ่มรักได้ยังไง แต่มินอูรู้เพียงว่าเขาจะรักดงวานเพียงคนเดียวตลอดไป...
++++++ Stop Love ++++++
บ้านของมินอู
“แม่ครับวันนี้ผมมาเยี่ยมครับ”น้ำเสียงทุ้มของร่างหนาร้องตะโกนอย่างอารมณ์ดีพลางลงจากรถยนต์คันหรูมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ (แต่ไม่ใหญ่ขนาดคฤหาสน์นะ) ร่างสูงกับร่างเล็กผู้เป็นคนรักยืนถือของหลายถุงมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ไม่นานนักก็มีสาวรับใช้นางหนึ่งมาเปิดประตูให้ดงวานและมินอู
“นี่ นายองแม่ฉันอยู่ไหน”เอ่ยถามสาวใช้คนสนิทของมารดา พลางส่งถุงของฝากจากมือตนเองและคนรักให้สาวใช้คนอื่นๆ นายองเอ่ยตอบ
“คุณผู้หญิงอยู่ที่สวนค่ะคุณมินอู”เธอตอบ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะดึงมือบางที่เกาะแขนตนเองออกและเปลี่ยนมากุมมือกันและกัน
“มินบงวานนี่กลัว...”ดงวานเอ่ยบอกเพียงสั้นๆ ขาเรียวภายใต้กางเกงยีนส์ตัวสวยสั่นเล็กน้อย เพราะดงวานกลัว...กลัวว่าแม่ของมินอูจะไม่ยอมรับตน เพราะเท่าที่รู้มาแม่ของมินอูนั้นไฮโซพอตัวและเป็นพวกคบคนที่เงินตรา แถมตัวเองยังไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าที่อาศัยทุนเรียนเพียงเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัวนะครับวานนี่ แม่ของมินบงท่านใจดีนะครับ ท่านต้องรักวานนี่เหมือนที่มินบงรักแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นวานนี่ไม่ต้องกังวลนะครับคนดี”มินอูหันไปเอ่ยตอบคนรักพลางหันไปประจันหน้ากัน นัยน์ตาคมสบเข้ากับนัยน์ตาหวานที่แฝงไปด้วยความกังวลอย่างถึงที่สุด ร่างเล็กสูดหายใจให้เต็มปอดก่อนจะพยักหน้ารับ
“โอเค วานนี่พร้อมแล้ว”
++++++ Stop Love ++++++
“แม่ว่าอะไรนะครับ?”มินอูถามขึ้นเพื่อให้ผู้เป็นมารดาเอ่ยตอบในสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อกี้อีกครั้งราวกับไม่เชื่อหู เพราะเขาไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้
“แม่ว่าแม่พูดชัดเจนนะลี มินอู แม่ไม่ยอมให้ลูกคบเด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าพรรคนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม!”คุณนายลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันดัง และกรีดลึกลงไปในหัวใจของคนตัวเล็กไม่น้อย ดงวานถึงกับสะอึกเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตนเองไม่คาดหวังที่จะได้ยินจะได้ยินชัดเจนขนาดนี้ กายบางชาวาบไปทั้งร่าง ตอนนี้ดงวานแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้ว
ดงวานผิดเหรอที่ไม่เลือกเกิดเป็นลูกเศรษฐี ดงวานผิดเหรอที่เป็นเด็กกำพร้า ดงวานผิดเหรอที่ไม่เจียมตัวอาจเอื้อมมารักมินอู และดงวานผิดเหรอ...ที่เลือกเกิดไม่ได้...
“ทำไมคุณแม่พูดแบบนี้ล่ะครับ ดงวานเค้าเป็นแฟนผมนะ และเค้าเป็นคนที่ผมรักมากด้วย...อ๊ะ! เดี๋ยวก่อนวานนี่จะไปไหน!?”มินอูร้องบอกผู้เป็นมารดา หวังว่าอีกฝ่ายคงจะเห็นใจคนรักของเขาบ้าง เพราะมินอูรู้ดีว่าดงวานน่ะอ่อนไหวขนาดไหน แม้ภายนอกจะทำเป็นเข้มแข็งก็ตาม และโดยที่มินอูไม่รู้ตัวร่างเล็กก็ออกวิ่งไปจากตรงนั้นเสียแล้ว...
เพราะดงวานไม่อยากจะฟังคำพูดกรีดหัวใจไปมากกว่านี้แล้ว แค่นี้ก็เจ็บจนแทบจะยืนไม่อยูอยู่แล้ว อย่าให้หัวใจต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้เลย ชายหนุ่มมองตามคนรักไปด้วยแววตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน มินอูเตรียมจะวิ่งตามคนรักของตนไปอยู่แล้วหากไม่ถูกมือนุ่มบางของผู้เป็นมารดารั้งเอาไว้เสียก่อน...
“เดี๋ยวมินอู นั่นลูกจะตามมันไปใช่มั้ย”คุณนายลีกรีดเสียงถาม
“ครับแม่ นั้นคนรักของผมทั้งคนนะครับ ผมรักเขามาก ผมจะตามเขาไป และ...จะไม่กลับมาที่นี่จนกว่าคุณแม่จะยอมรับเขา...”สิ้นคำเอ่ยที่แสนบาดใจของผู้เป็นลูก ทำเอามือบอบบางของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดตนมาค่อยๆ ปล่อยมือออกจากข้อมือแกร่งอย่างช้าๆ เพราะเธอไม่คิดว่าลูกชายจะเห็นคนอื่นดีกว่าเธอแบบนี้
“แต่แม่เป็นแม่ของลูกนะมินอู!”นางกรีดเสียงร้องบอกอย่างไม่ยอมแพ้
“ครับผมรู้ แต่นั้นคือคนที่ผมรักมากที่สุด และผมจะไม่มีวันยอมเสียเขาไป ขอตัวก่อนนะครับแม่”มินอูเอ่ยบอกเสียงนิ่มๆ ก่อนจะวิ่งจากไป ทิ้งให้คุณนายลีทรุดลงกับพื้นหินอ่อนของศาลาพักผ่อนกลางสวนสวย ใบหน้าที่ยังคงความสวยงามเริ่มขึ้วริ้วแห่งความโกรธแค้น
เราจะได้เห็นดีกันคิม ดงวาน!
++++++ Stop Love ++++++
มุมเม้าท์มอยท้ายเรื่อง
จบไปอีกตอนแล้วนะค้าทุกคน
ตอนนี้เน้นมินวานและริคซองเป็นหลักเลย
ใครที่อ่านตอนนี้แล้วเข้าใจว่ามายด์ต้องการจะสื่ออะไรยกมือขึ้น~~~
เอาล่ะมายด์ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เจอกันตอนหน้านะคะ
ซียูอะเก๊น~~~
ปล. เจอกันวันพฤหัสค่ะ
ปล1. มายด์ขอถามหน่อยนะคะว่า ถ้าเกิดฟิคเรื่องนี้จบแล้ว จะมีใครอยากให้ทำเป็นเล่มหนังสือมั้ย ขอดูจำนวนหน่อยนะคะ
ความคิดเห็น