ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิทานก่อนนอนของคิม จงแด

    ลำดับตอนที่ #2 : [KrisChen] Time is up...

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 56


    Title: Time is up…

    Couple: KrisChen

    Rate: PG

    Tag: Tragedy, Romantic

    Note: เรื่องนี้ไม่ได้ออกโศกนาฏกรรมนะคะ แต่ที่จั่วคือหมายถึงมันเป็นเรื่องรักเศร้าๆ ของคนที่สูญเสียคนสำคัญไป แล้วก็เรื่องนี้เคะท้องได้นะคะ

     

     

     

     

    ++++++ Time is up… ++++++

     

     

              คิม จงแดรู้ดี...

                เขารู้ตัวเองดีว่าตัวเองมีเวลาเหลือเท่าไหร่

                ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะให้เวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดของเขา

                ทำมันให้เป็นความทรงจำแสนวิเศษของเขาก่อนเขาจะหมดเวลา...

     

     

              Wu Cooperation

     

              “นี่ คริสแกจะโหมงานมากเกินไปแล้วนะเว้ย”เสียงทุ้มหวานของเพื่อนสนิทร่างโปร่งนาม ลู่ฮาน เอ่ยด้วยความเป็นห่วง

     

              “....”ร่างสูงหุ่นดีราวกับนายแบบไม่เอ่ยอะไร ยังคงก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารบนโต๊ะต่อไป ลู่ฮานถอนหายใจกับความดื้อรั้นของเพือนรัก

     

              “เออนี่...แกเจอจงแดบ้างมั้ย”หลังจากปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมบรรยากาศอยู่ในห้องพักใหญ่ คนตาโตก็เป็นฝ่ายเอ่ยถาม ร่างสูงชะงักมือเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ

     

              “ไม่...แล้วทำไมฉันจะต้องเจอเขาด้วยล่ะ ในเมื่อเขาเองก็มีคนรักของเขาอยู่แล้วนี่”ร่างสูงว่าพลางก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารต่อ ไม่คิดจะเหลือบตาไปมองกรอบรูปทำมืออันเล็กที่ว่างอยู่ไม่ห่างซึ่งข้างในบรรจุภาพถ่ายของเจ้าของชื่อในบทสนทนาเมื่อครู่ ซึ่งยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวๆ ให้กับกล้อง ลู่ฮานที่ได้ยินดังนั้นเบ้ปากกับความทิฏฐิของเพื่อน

     

              “ต้องให้ฉันบอกกี่ครั้งวะ ว่านั้นจุนมยอนน่ะเป็น...”ยังไม่ทันทีที่ลู่ฮานจะเอ่ยจบคริสก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน

     

              “พี่ชายของจงแด แกกรอกหูฉันมาเป็นร้อยๆ รอบแล้วมั้งลู่ฮาน แต่ฉันบอกได้เลยว่าฉันไม่เชื่อ ที่แกพูดแบบนั้นก็เพื่อแก้ต่างให้น้องรหัสของแกต่างหาก”ชายหนุ่มว่าอย่างฉุนๆ ทุกครั้งที่เพื่อนเอ่ยประโยคนี้ มักจะลงเอยที่เขามักจะเห็นภาพนั้นในความทรงจำ ภาพที่คนที่เขาเคยรักที่สุดกำลังจับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนมกับคนที่เขาเกลียดที่สุด

     

     

     

     

    ++++++ Time is up… ++++++

     

     

              บางทีการตัดสินใจของจงแดในครั้งนั้น...

                หลายๆ คนอาจจะมองว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด

                แต่จงแดกลับมองว่า มันคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว

                การเลือกที่จะให้กำเนิดอีกหนึ่งชีวิต...

     

     

              ณ บ้านเล็กๆ หลังหนึ่งในกรุงโซล

     

              “จงแดได้เวลาให้นมหนูเฟิงเฉินแล้วนะ”เสียงนุ่มทุ้มของร่างขาวสูงโปร่งผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้าของชื่อนามว่า คิม จุนมยอน เอ่ยพลางอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยสามเดือนเข้ามาหาร่างบอบบางที่ซูบผอมและไร้ซึ่งเส้นขนบนร่างกายซึ่งกำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อถูกเรียกจึงหันกลับมายิ้มให้ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปรับทารกวัยสามเดือนเพศหญิงในห่อผ้าสีฟ้าอ่อน และนำไปนั่งลงอย่างขอบเตียง ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกและแหวกให้เห็นแผ่นอกขาวๆ ที่นู่นขึ้นเพราะฮอร์โมนของความเป็นแม่ที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อมีลูก แขนเรียวบางช้อนทารกน้อยให้สูงขึ้นให้ริมฝีปากเล็กๆ ของเด็กหญิงตรงกับยอดอกของตน ราวกับรู้ริมฝีปากเล็กๆ ก็งับลงบนอกของผู้เป็นมารดาและเริ่มออกแรงดูดให้น้ำนมนั้นไหลออกมาเป็นอาหารประทังชีวิต จงแดมองลูกสาวที่กำลังกินนมอย่างมีความสุข อยากจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแบบนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ ดวงตาเรียวสวยมองเสี้ยวหน้าของลูกสาวที่เหมือนใครคนนั้นอย่างรักใคร่ ใครคนที่แม้จะไม่รักเขา แต่เขาจะขอรักอีกฝ่ายตราบจนสิ้นลมหายใจ...

     

     

    ++++++ Time is up… ++++++

     

     

              เวลาต่อมา...

     

              อีกด้านหนึ่ง...

     

              “นี่มึงลากกูมาทำไมที่นี่เนี่ยไอ้ลู่”เสียงทุ้มของอี้ฟานเอ่ยถามเพื่อนสนิทตัวบาง หน้าหวาน แต่แรงควายที่กำลังลากตนเข้าไปในแผนกขายเสื้อผ้าเด็กของห้างดังของเกาหลี

     

              “กูจะมาซื้อเสื้อผ้าไปให้หลาน”ลู่ฮานตอบสั้นๆ ก่อนจะลงมือเลือกชุดสำหรับเด็กวัยสามถึงห้าเดือนทันที อี้ฟานเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

     

     

     

     

              ไอ้ลู่มันเป็นลูกคนเดียวนี่ แล้วมันจะมีหลานได้ไงวะ?

     

     

     

     

              อี้ฟานคิดอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร บอกเพื่อนว่าจะออกมาเดินเล่นก่อนจะปล่อยให้เพื่อนรักเลือกของตามสบาย แต่ออกมาห่างจากบริเวณร้านไม่มาก สายตาของอี้ฟานก็บังเอิญเห็น ร่างบอบบางที่คุ้นตาอุ้มทารกน้อยในชุดสีหวานเดินดูของไปเรื่อยเปื่อย...

     

              คนคนนั้นเปลี่ยนไปมาก ร่างบางนั้นผอมลงมาก แถมยังใส่เสื้อสเวตเตอร์ตัวโคร่งสีครีมกับกางเกงยีนส์ตัวเล็ก และสวมหมวกไหมพรมสีเดียวกับเสื้อเอาไว้ด้วย บนดวงหน้าหวานที่ประดับด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ทำให้อี้ฟานรู้สึกโกรธนิดๆ

     

     

     

     

              หึ มีความสุขมากสินะตลอดเวลาเกือบปีที่ผ่านมา นายทำให้ฉันต้องทนทุกข์กับที่จะลืมนายออกไปให้หมดจากใจฉัน นายจะต้องชดใช้!!!

     

     

     

     

              “เฮ้ยคริส! มองไรอยู่วะ”ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอมองตามร่างบางๆ นั้นไปนานเท่าไหร่แล้ว รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ลู่ฮานเดินเข้ามาแตะไหล่นั่นแหละ ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะถามกลับเพื่อนสนิทแทน

     

              “ซื้อเสร็จแล้วเหรอ”

     

              “อืม เสร็จแล้วล่ะไปกันเถอะ”ลู่ฮานตอบก่อนจะเตรียมลากเพื่อนรักออกเดินอีกครั้ง

     

              “ไป? ไปไหน?”

     

              “ก็ไปหาหลานกูไงวะครับไอ้คุณเพื่อน...”

     

     

    ++++++ Time is up… ++++++

     

     

              ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง

     

              ตอนนี้อี้ฟานรู้แล้วว่าหลานที่ลู่ฮานพูดถึงหมายถึงใคร...

     

              “พ...พี่คริส”เสียงหวานของร่างบางที่อุ้มทารกน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจมากที่เห็นว่าเขามาด้วย คงจะลำบากใจที่เห็นคนรักเก่ามาสินะ

     

              “หึ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะจงแด ไอ้จุนมยอน”คริสเอ่ยเสียงเย็นเมื่อพบว่าคู่กรณีเขาอยู่ทั้งสองคน เขาแทบจะเข้าไปต่อยหน้าขาวๆ ของไอ้คนชั่วที่บังอาจขโมยดวงใจของคนที่เขารักไป

     

              “ไอ้คริสใจเย็นๆ”ลู่ฮานเอ่ยห้าม เขารู้สึกคิดผิดกะทันหันที่ตัดสินใจพาเพื่อนมาด้วย ที่พามาน่ะคืออยากให้มันเลิกทิฐิได้แล้วต่างหาก

     

              “หึ! กูไม่ทำอะไรเพื่อนมึงหรอกน่าไอ้ลู่ไม่ต้องเป็นห่วง”คริสว่าก่อนจะให้ลู่ฮานเข้าไปนั่งด้านในสุดของคอกแล้วตัวเองนั่งตามไป ตลอดมื้ออาหารเต็มไปบรรยากาศมาคุและความกดดัน ทำให้ทารกเกือบจะร้องไห้จ้าออกมาอยู่ร่อมร่อ จนกระทั่ง...

     

              “นายคงจะมีความสุขสินะจงแดที่ได้อยู่กับผัวใหม่น่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยประโยคที่ราวกับมีดที่กรีดหัวใจของจงแดอย่างไม่มีชิ้นดี ร่างบางกลั้นน้ำตาพยายามไม่ตอบโต้ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม

     

              “......”

     

              “ว่าแต่นี่ไปทำกันอีท่าไหนล่ะถึงได้มีลูกกันเร็วจริงๆ หรือว่านี่ไม่ใช่ลูกของไอ้จุนมยอนมันหืม?”

     

              “.....”

     

              “ไม่ตอบแสดงว่าใช่สินะ ก็นั่นสิอย่างไอ้จุนมยอนมันจะไปมีน้ำยาอะไร คนอย่างนายมันร่านอยู่แล้วนี่คิม จงแด ลูกนายมันก็คงเป็นลูกของใครสักคนที่นายเคยอ้าขาให้ใช่มั้ยล่ะ?”ชายหนุ่มถามด้วยประโยคที่ดูถูกจงแดอย่างรุนแรง จนจุนมยอนที่นั่งเงียบมานานไม่อาจจะทนไหว

     

              “ไอ้คริส! แกจะด่าจะว่าอะไรกูจะไม่โกรธเลย แต่นี่มึงดูถูกน้องกูมากเกินไปแล้วนะ”จุนมยอนเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว ขนาดคนตัวขาวที่ถูกเอ่ยพาดพิงยังทนไม่ไหว แล้วร่างบางล่ะ ร่างบางที่ถูกเสียดสีแบบเต็มๆ จะรู้สึกแบบไหน คำตอบก็คือน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลอย่างช้าๆ ไร้ซึ่งเสียงร้องไห้ ร่างบางเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้ประครองลูกฟาดเข้าให้ที่ใบหน้าคมเสียเต็มแรง

     

              เพี๊ยะ

     

              เสียงตบดังก้องลูกค้าทุกคนต่างหันมามองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ฟันคมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้นก่อนจะเอ่ยกับร่างสูงอย่างตัดพ้อ

     

              “พี่ไม่รู้อะไรพี่อย่าพูดดีกว่า พี่ว่าผมผมทนได้ พี่ว่าพี่ชายผมกับลูกผมผมทนไม่ได้!”ร่างบางเอ่ยอย่างเจ็บปวดที่เห็นคนที่ตนรักที่สุดเอ่ยดูถูกตนแบบนี้

     

              “หึ...พี่ชายเหรอ? พี่น้องท้องติดกันน่ะสิไม่ว่า”ชายหนุ่มหัวเราะด้วยน้ำเสียงสมเพซ ร่างบางที่ไม่อาจจะทนไหวคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายและตัดสินใจพาลูกเดินออกไป...ออกไปให้ห่างใกล้จากผู้ชายใจร้ายที่มีชื่อว่า อู๋ อี้ฟานให้มากที่สุด

     

     

    ++++++ Time is up… ++++++

     

     

              เวลาต่อมา...

     

              เสียงพูดคุยที่ไม่ดังมากจากบริเวณใกล้เคียง ปลุกให้ร่างบางที่กำลังนอนหลับนั้นตื่นขึ้น หากแต่เหล่าคนที่พูดคุยกันอยู่ไม่ห่างนักกลับไม่รู้สึกตัว ร่างบางจึงแสร้งทำเป็นแอบฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน...

     

              “อ...อะไรนะ!!!  จงแดเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย!!!”เสียงทุ้มที่จงแดจำได้ว่าเป็นเสียงของอี้ฟานเอ่ยอย่างตกใจแต่ด้วยเสียงที่ไม่ดังมากจนเกินไป

     

              “ใช่!!! อย่างที่มึงได้ยินน่ะแหละ จงแดเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย และเขาเหลือเวลาอีกแค่สองสัปดาห์”เสียงนี้...เสียงของพี่ชายเขา...จุนมยอน

     

              “...ที่กูลากมึงออกมาวันนี้เพราะจงแดเขาขอร้อง เขาอยากจะฝากหนูเฟิงเฉิน ลูกของแกกับจงแดให้แกดูแลก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ...”เสียงนี้เป็นของลูฮาน

     

              “....”อี้ฟานเงียบ จุนมยอนเอ่ยต่อ

     

              “ที่วันนั้นน้องกูไปขอเลิกกับมึงเพราะ...จงแดได้ไปตรวจและรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสอง...แต่เริ่มรักษาไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องหยุด เพราะ...จงแดท้อง...”

     

              “.....”

     

              “เพราะจงแดท้องจึงทำให้ต้องหยุดการให้ยาต้านมะเร็ง ตอนรู้ว่าท้องหมอถามแล้วว่าจะเอาเด็กออกมั้ยเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง แต่จงแดปฏิเสธเลือกที่จะเก็บลูกของนายไว้แลกกับชีวิตตัวเอง ที่น้องฉันตัดสินใจมาพบมึงในวันนี้ก็เพื่ออยากจะให้นายดูแลยัยหนูแทนเขา แต่ถ้านายไม่พร้อมที่จะดูแลลูกก็ไม่เป็นไร ฉันเลี้ยงหลานของฉันได้”สิ้นเสียงของจุนมยอนทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงำ ทุกคนต่างรอการตัดสินใจของคริส ร่างบางเองที่แอบฟังอยู่ก็ลุ้นไม่แพ้กัน หากแต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าคริสก็ยังไม่ตอบเสียทีทำให้ความอดทนของจงแดเริ่มสิ้นสุด เพราะเขารู้ดีว่าเวลาของเขาเหลืออีกเท่าไหร่...

     

              “ถ้าพี่...ไม่อยากรับเฟิงเฉินเป็นลูกก็ไม่เป็นไรครับ ผมให้พี่จุนมยอนเลี้ยงต่อไปก็ได้”เสียงหวานที่เอ่ยแทรกความเงียบขึ้นมาเรียกให้ทุกคนตกใจ ดวงหน้าหวานที่อาบด้วยน้ำตาอีกครั้ง เรียกความตกใจให้แก่ทุกคนได้อย่างไม่อยากเย็น ในอ้อมแขนของจงแดมีหนูน้อยเฟิงเฉินอยู่ด้วย ในมือบางอีกข้างถือกรรไกรเอาไว้ด้วย ร่างบางไม่ได้จ่อไปที่ลูกสาวหากแต่จ่อไปที่ลำคอของตน

     

              “ม...ไม่ใช่นะจงแด”ร่างสูงเอ่ยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด เมื่อได้รู้ว่าเขาทำร้ายสองชีวิตที่แสนจะมีค่ากับเขาไปมากเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

     

              “ไม่ใช่ยังไงล่ะครับ”ร่างบางถามต่อ อีกสองชีวิตเงียบรอฟังอี้ฟานตอบ

     

              “พี่จะดูแลลูกของเราเอง แต่จงแดต้องสัญญากับพี่สิว่าจงแดจะไปรักษาตัวต่อ”ร่างสูงเอ่ยต่อรอง เพราะเขายังอยากให้ลูกมีครบทั้งพ่อและแม่ ร่างบางยิ้มทั้งน้ำตาปล่อยกรรไกรทิ้ง

     

              “มันสายไปแล้วล่ะครับ เวลาผมเหลืออีกไม่กี่นาทีแล้ว...ผมฝากลูกของเราด้วยนะครับ ดูแลลูกให้ดี ให้ความรักกับแกมากๆ เหมือนที่พี่ให้ผมนะ”ร่างบางเอื้อนเอ่ยอย่างอ่อนแรง ค่อยๆ พยุงร่างที่ใกล้จะดับสูญเข้าไปใกล้ส่งทารกน้อยให้คนที่เขารักมากที่สุดอุ้ม และก้มลงจูบลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย... พร้อมทั้งเขย่งปลายเท้าประทับจูบริมฝีปากหนาของร่างสูง ก่อนที่ร่างบางจะล้มลงในอ้อมกอดของอี้ฟาน

     

              ชายหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตกใจส่งลูกสาวตัวน้อยให้เพื่อนรักอุ้ม เพื่อประครองร่างบางที่ล้มอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขย่าเรียกร่างบางด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นร้องไห้อย่างไม่อายใครเมื่อชีพจรของคนในอ้อมแขนหยุดลง พร้อมทั้งเลือดที่ไหลออกมาจากร่างบางแทบจะทุกส่วนของร่างกาย

     

              เวลาของคิม จงแดหมดลง... พร้อมๆ กับหัวใจของอู๋ อี้ฟานได้ตายไป

     

     

              อย่างน้อยคำอธิษฐานก่อนเวลาจะหมดของจงแดก็สำฤทธิ์ผล

                คำอธิษฐานที่ขอให้ได้ตายในอ้อมแขนของคนรัก...

     

     

     

     

              หากอู๋ อี้ฟานเลิกใช้เวลาที่แสนมีค่าหมดไปกับทิฐิ

                เขาก็คงไม่ต้องสูญเสียหนึ่งชีวิตและกับอีกหนึ่งชีวิตแบบนี้...

                เวลาที่หมดไปไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้...

     

     

     

     

    ++++++ Time is up… ++++++

     

    มุมเม้าท์มอยตอนท้าย

    เอาคริสเฉินมาเสิร์ฟแล้วคร่า

    รู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะดราม่าเกินไปหน่อยนะ

    แหะๆ รีดเดอร์อย่าเพิ่งฆ่าไรท์เตอร์นะ

    ถ้าใครอ่านจบแล้วก็อย่าลืมเม้นท์และไปกดไลค์แฟนเพจของไรท์เตอร์ด้วยนะคะ

    Mykoala1013 fiction นะคะ หรือจะไปเวิ้นในทวิตก็ได้ค่ะ

    @mykoala1013 ไรท์ออนตั้งแต่สองทุ่มถึงสามทุ่มครึ่งค่ะ

    ไรท์ไปล่ะเจอกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบาย

     

    ปล.สามารถรีเควสต์คู่ที่ต้องการได้นะคะ

    ปล2. มีใครอยากอ่านภาคต่อมั้ยเอ่ย?







    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×