คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 13
บทที่ 13: เตรียมตัวสละโสด
แขนแกร่งพาดกอดก่ายเอวคอดเล็กแนบชิดกาย จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมของคนตัวเล็กในอ้อมแขน ด้วยความที่ถนัดนอนตะแคงขวาทั้งคู่ทำให้ร่างเล็กถูกโอบกอดจากด้านหลัง เซฮุนขยับกายเข้าหาไออุ่นจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆ เปิดขึ้น
“อืม...”เสียงครางแผ่วเบาบอกว่าเจ้าตัวกำลังตื่นนอน
คริสมองดูคนตัวเล็กที่เริ่มบิดกายไปมาแต่สุดท้ายก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหาแผงอกอุ่นของเขา ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู แม้จะบอกไม่ได้ว่าเขารักเด็กหนุ่มได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขาบอกได้อย่างเดียวว่าหัวใจและชีวิตของเขาได้มอบให้เด็กร่างบางตรงหน้าไปหมดแล้ว
ฝ่ามือหนาลูบไล้ใบหน้าหวานอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน จนเปลือกตาบางของคนตัวเล็กปรือขึ้น เซฮุนกะพริบตาถี่เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างจากด้านนอก
“อือพี่คริส...ตื่นแล้วเหรอฮะ”เสียงใสงัวเงียเอ่ยถาม ดวงตากลมโตมองคนตรงหน้า
“ตื่นแล้วครับ”คริสพูดเสียงหวาน ส่งให้ใบหน้าหวานใสขึ้นสีเรื่อบางๆ ที่แก้มนวล ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น
เซฮุนยิ้มตอบแต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าสวยก็แดงราวกับลูกเชอร์รี่สุก นี่ตนเองทำเรื่องแบบนั้นไปแล้วเหรอเนี่ย...แต่ถ้าได้มอบสิ่งที่สำคัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเด็กกำพร้าให้กับคนที่รักสุดหัวใจแล้ว เด็กหนุ่มก็ยอมรับให้เขาได้เป็นเจ้าของเด็กหนุ่มไปจนชั่วชีวิต
คริสเห็นสีหน้าบอกไม่ถูกของเซฮุนก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรไป ยังเจ็บอยู่หรือ”เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใย หรือว่าเมื่อคืนเขาพลั้งมือทำรุนแรงลงไป
ครั้นได้ยินคำถามที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง คนตัวเล็กก็กอดก่ายรอบเอวหนา ใบหน้าหวานซุกลงที่อกอุ่น
“ยังระบมอยู่นิดหน่อยฮะ”เสียงใสตอบอุบอิบ
คริสกอดก่ายร่างบางไว้แนบอก จมูกโด่งก็ซุกที่เรือนผมพร้อมสูดกลิ่นหอมนั้นอีกครั้งอย่างชื่นใจ การมีห่วงผูกคอใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอไป และถ้าคนที่ผูกห่วงให้เขาเป็นเด็กหนุ่มที่น่ารักและแสนรักอย่างเซฮุน เขายอมให้เด็กหนุ่มจูงจมูกไปจนตายเลย
“งั้นพักผ่อนหน่อยนะ อีกสักแป๊บก็คงหาย เดี๋ยวฉันไปเตรียมกับข้าวให้”คริสพูด พร้อมลุกขึ้นจากเตียง
ส่วนเซฮุนได้ยินคำว่าเตรียมกับข้าวก็ตาโต แต่พอชายหนุ่มเห็นสายตานั้นก็หัวเราะขึ้นเบาๆ ก่อนเฉลย
“ฉันซื้อข้าวกล่องสำเร็จรูปมาน่ะ ไม่ต้องทำเองหรอก แค่เวฟ”ดวงตาคมขยิบตาให้ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ แล้วตรงไปยังห้องครัว
ส่วนเซฮุนก็นอนพักจนผ่านไปครึ่งชั่วโมงจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปยังครัวที่มีคริสนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เซฮุนเดินไปนั่งข้างๆ พอคริสลดหนังสือพิมพ์ลงก็ถามขึ้น
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ น่าจะนอนพักอีกหน่อยนะ”ชายหนุ่มถามอย่างเป็นห่วง
“ผมหายแล้วฮะ และถ้านอนพักต่ออีกหน่อยคงได้ยาวจนถึงเย็นแน่ๆ พี่ก็รู้ว่าผมขี้เซาขนาดไหน”
“จ้า พ่อคนขี้เซา”มือหนาบีบจมูกเบาๆ ก่อนจะยื่นชามข้าวผัดกุ้งหน้าตาน่ากินไปตรงหน้าของร่างบาง
“น่ากินจัง แล้วของพี่คริสล่ะฮะ”เซฮุนถามขึ้นเมื่อไม่เห็นจานข้าวของเขา
“อ้อ...ของฉันกาแฟถ้วยเดียวก็พอแล้ว”ชายหนุ่มอึกอักไม่อยากตอบเพราะว่าความจริงมันเหลืออยู่แค่กล่องเดียว เขาก็เลยยกให้
เซฮุนหน้างอเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากินกาแฟถ้วยเดียวอีกแล้ว จึงเดินไปที่ตู้เย็น เผื่อว่าจะมีกล่องข้าวเหลืออยู่ แต่พอเปิดไปก็พบว่าภายในว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าสองขวด จึงรู้ความจริงว่ากล่องตัวเองเป็นกล่องสุดท้ายแล้ว ใบหน้าสวยก็คลี่ยิ้มเบาบางก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม
“เหลือกล่องเดียวก็ไม่บอก”เสียงหวานว่า ก่อนจะตักขึ้นมาหนึ่งช้อนแล้วยื่นไปข้างหน้า
คริสมองอย่างงุนงง ว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะทำอะไร
“แบ่งกันทานก็ได้ ไม่อิ่มค่อยไปทานข้างนอกกัน”เสียงหวานใสเฉลย
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”คริสปฏิเสธ แต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่อคนตรงหน้าคะยั้นคะยอจนเขาใจอ่อน
“ไม่ทานผมโกรธนะ”
“ก็ได้ๆ”
เซฮุนยิ้มจนตาหยี เมื่อชายหนุ่มยอมกินข้าวที่ร่างเล็กป้อนให้ เด็กหนุ่มมองเขาเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างมีความสุข ทั้งสองคนผลัดกันป้อนไปเรื่อยๆ จนหมดจานแล้วเซฮุนก็ยกไปล้าง ก่อนถามขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างได้
“จริงสิฮะ อาทิตย์หน้าคุณไคจะหมั้นแล้ว พี่คริสจะไปไหม”เซฮุนหันหน้ามาถาม
“ใครว่าหมั้น แต่งเลยต่างหากล่ะ”คริสแก้คำ ทำให้เด็กหนุ่มหันกลับมามองตาโตอย่างตกใจ
“แต่งงาน! แล้วอย่างนี้ทั้งคู่จะยอมเหรอฮะ ได้ข่าวว่าไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้านายอยากไป ฉันก็จะพาไปแล้วกัน”คริสว่าพร้อมกับพับเก็บหนังสือพิมพ์ ก่อนจะเดินไปกอดเซฮุนจากข้างหลัง พลางก้มลงสูดกลิ่นหอมจากซอกคอขาวเนียนที่เขาประดับร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้จนทั่ว
เซฮุนรู้สึกจั๊กจี้ทันทีที่ไรหนวดสีคอ จึงเอ่ยขึ้นแบบกลั้นหัวเราะ
“พะ...พี่คริส ฮะๆๆ ปล่อยผมก่อนฮะ ผมล้างจานอยู่นะ ฮะๆๆๆ”เสียงใสพูดห้ามไปด้วยหัวเราะไปด้วย ยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกอยากแกล้งมากขึ้นไปอีกจึงใช้นิ้วจี้ที่เอวด้วย ทำให้เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นไปอีก ก่อนผสมไปด้วยเสียงหัวเราะของคนแกล้ง
“หยุด...ก่อนฮะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย ผมล้างจานไม่ถนัดเลย นี่แน่ะ ชอบแกล้งดีนัก”แล้วมือบางก็กวักน้ำใส่คนที่อยู่ข้างหลัง ก่อนจะจบลงด้วยการสาดน้ำใส่กันเหมือนเคย
++++++ พิศวาส เสน่หา ++++++
“ทำไมฉันต้องไปลองชุดกับนายด้วยเนี่ย!”
เสียงแหลมของชายหนุ่มร่างเล็กแหวขึ้นเมื่อเดินไปขึ้นรถคันหรูของจงอิน
“ใช่...ทำไมฉันจะต้องไปกับนาย ถ้าแม่ไม่สั่งฉันก็ไม่มาหรอก”จงอินพูดอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเปิดประตูให้คนตัวสูง(น้อยมาก)เข้าไปนั่งก่อน ส่วนตัวเองก็เดินไปขึ้นนั่งยังฝั่งคนขับ แล้วออกรถไป
คยองซูต้องนั่งภาวนาให้ไปถึงที่หมายอย่างอยู่รอดปลอดภัย รู้ๆ กันอยู่ว่าจงอินนั้นมีงานอดิเรกเป็นนักแข่งรถ ฉะนั้นการขับรถของเขาจึงเข้าขั้นท้าทายยมบาลอย่างหนัก ทั้งปาดหน้า แซงซ้ายแซงขวา จนชาวบ้านเขาด่ากันทั้งบาง
“นี่ไอ้กัมจง! ขับให้มันเหมือนคนขับหน่อยได้ไหม!”คยองซูตวาดอย่างเหลืออด เมื่อคนขับขับไปแซงซ้ายรถอีกคัน เล่นเอารถหลายๆ คันเกือบจะชนกัน
“แล้วฉันไม่ใช่คนรึไง คนหล่อด้วยนะ”จงอินชมตัวเองหน้าเป็น เรียกความหมั่นไส้จากร่างบางได้ไม่น้อยเลย ร่างเพรียวเบะริมฝีปากอย่างหมั่นไส้
เมื่อไม่รู้จะด่าด้วยอะไรดี คนขับมันก็ไม่สะทกสะท้าน สู้เงียบแล้วปล่อยให้ทำตามใจไปเถอะ เสร็จงานแล้วจะได้ไปฟ้องคุณน้าซิ่วหมินทีเดียว ดูซิเวลาโดนแม่ตัวเองด่ามันจะทำหน้ายังไง
ส่วนจงอินเมื่อเห็นว่าร่างเล็กเงียบไปก็เลยผ่อนความเร็วลงบ้าง จากที่เหยียบจนมิดด้าม แทบจะแหกด้านอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนมาขับเบาๆ ก่อนจะชำเลืองมองคนข้างๆ ที่นั่งเงียบไปตลอดทาง
จนกระทั่งถึงร้านที่หมายที่คุณน้าซิ่วหมินเลือกให้ ทั้งคู่ถึงเพิ่งจะรู้ว่าวันหมั้นนั้นก็คือวันแต่งงานนั่นเอง! ตอนแรกจงอินกับคยองซูคัดค้านหัวชนฝาบ้าน ให้ตายก็ไม่แต่ง แต่พอพ่อแม่ยกเรื่องชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ได้ก็เลยต้องยอม แต่จะมาวางแผนกันทีหลังว่าจะทำต่อไปอย่างไรหลังแต่งงานแล้ว เพราะพวกเขาทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าอยู่กันไปก็มีแต่จะทุกข์
คยองซูและจงอินเดินเข้ามาในร้านซึ่งมีพนักงานเดินมาต้อนรับเป็นอย่างดีก่อนจะให้ทั้งคู่ไปวัดตัว ซึ่งก็ไม่อยาก แล้วก็ไปเลือกแบบชุดแต่งงานเลย
“ฉันอยากได้ชุดนี้”คยองซูพูดเมื่อเห็นชุดทักซิโด้สีขาวประดับด้วยขนเฟลอร์หลายส่วน
“เว่อร์ไปมั้ง เดี๋ยวเขาก็หาว่าบ้าหรอก”จงอินว่า เพราะตัวเขายังไงก็ได้ มันก็มีแค่ทักซิโด้สีขาวเท่านั้น
“นายนี่ ชอบขัดอยู่เรื่อยเลยนะ”คยองซูแหว
“ฉันแค่พูดตามที่เห็นเท่านั้น”ว่าแล้วก็กลอกตาขึ้นอย่างเบื่อๆ วันนี้ไม่มีอะไรทำเลยจริงๆ ไม่มีอะไรทำจนอยากจะขอรายงานจากอาจารย์มาทำสักร้อยหน้า
“งั้นเอาชุดนี้ก็ได้ฮะ”เสียงหวานพูดกับพนักงานเมื่อชี้ไปที่ทักซิโด้สีขาวปักหลายหงส์อยู่ที่ด้านหลัง ซึ่งตัวเล็กพอสมควร
จงอินมองตามชุดที่คยองซูชี้ก็เผลอคิดภาพนั้นในใจ ภาพร่างบางในชุดเจ้าสาว(?)แสนสวยสีขาวบริสุทธิ์ แล้วก็ส่งยิ้มมาทางเขา...
“ไอ้กัมจง!!”เสียงแหลมดังขึ้นข้างหูทำให้จงอินหลุดออกจากห้วงความคิดทันที ก่อนจะตวัดหันหน้าไปมองอย่างเคืองๆ
“ไม่ต้องมาค้อนฉันเลยนะ ฉันเรียกเป็นสิบครั้งแล้วไม่ได้ยินเอง”คยองซูแก้ตัวเมื่อเจอสายตาไม่พอใจของเขา ก็ใครให้มานั่งเหม่อกันเล่า
“แล้วเรียกทำไมล่ะ”เขาถามอย่างมีน้ำโห
“ก็ไปดูแหวนต่อน่ะสิ ถ้าทุกอย่างไม่เสร็จภายในวันนี้ฉันกับนายโดนคุณหญิงแม่ทั้งสองฆ่าแน่ ไปเร็วสิ”ร่างเล็กว่า แล้วตวัดเสียงข้างท้ายเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงเฉยชาอยู่
จงอินเหลือบมองร่างเล็กบางของคู่กัดที่กำลังจะเป็นภรรยาของเขาในไม่ช้า
“ดูกระตือรือร้นจังเลยนะ หรือว่านายอยากจะแต่ง...”ชายหนุ่มเย้าแหย่
คยองซูหน้าตึงทันที ทั้งโกรธทั้งอายเมื่อเจอคำพูดสิ้นคิดของเจ้าคนกะล่อนตรงหน้า อยากจะตบมันสักฉาดให้หน้าหงายไปเลย คิดแล้วก็เงื้อมือขึ้นมา
“อ๊ะๆ อย่านะ เดี๋ยวหน้าเจ้าบ่าวจะพังก่อนถึงวันแต่งนะจ๊ะที่รัก”พูดจบก็ส่งจูบก่อนจะเดินหนี ทิ้งให้คยองซูแทบจะกรี๊ดออกมา แต่ก็ต้องเก็บไว้ จึงได้แต่กระแทกส้นเท้าลงกับพื้นอย่างไม่พอใจที่สุด
+++++++++++++
มุมเม้าท์มอย
กลับมาต่ออีกตอนแล้วจ้า~~~
ว้า รีดเดอร์หายไปไหนอ่า ไรท์กลับมาแล้วน้า~~
เอาล่ะเพื่อรีดเดอร์ยังไม่รู้ว่าไรท์กลับมาจัดไปอีกตอนจ้า
ความคิดเห็น