คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 100%
บทที่ 4: เพราะว่าห่วงหรอก
�
�
�
�
��� แม้จะเป็นช่วงความสุขเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ยิ่งใหญ่เท่าชีวิตของชีวอนที่เคยมีมาเลย เด็กหนุ่มตัวเล็กช่างขยันหารอยยิ้มมาประดับบนใบหน้าของเขาได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะทำอะไรก็ตาม
��� “พี่ชีวอน”เสียงหวานเรียกร้องลั่น
��� หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมาถึงสองสัปดาห์ ความสนิทก็ยิ่งเพิ่มดีกรีมากขึ้นเรื่อยๆ
��� “อะไรละลูกแมวน้อย”เสียงงัวเงียดังขึ้น ก่อนจะใช้ฝ่ามือเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นดวงคมเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงอย่างงุนงง เมื่อคืนเขาเพิ่งนอนตอนตีสามเองนะ แล้วนี่ก็เพิ่งจะ...
��� “พี่จะนอนจนพระอาทิตย์ตั้งฉากเลยเหรอฮะ”เด็กหนุ่มถามแบบประชดประชัน
��� ชีวอนมองคนที่ใช้นามสกุลของตัวเองก่อนจะเบิกตาโต มือหนาตวัดเอาเจ้านาฬิกาปลุกที่เขาตั้งปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงขึ้นมาดู และปรากฏว่ามันตายเข็มไม่เดินเลยตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง
��� “อ่า...นาฬิกามันตาย”ว่าแล้วก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
��� คยูฮยอนทำแก้มป่องๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ ความจริงตั้งแต่วันนี้ไปเขาจะต้องไปสมัครเรียนแต่ห่วงคนที่นอนอุตุอยู่นี่แหละ ทำให้เขาไม่ได้ไป พลาดไปอีกหนึ่งที่
��� ชายหนุ่มมองท่าทางคนตรงหน้าก็รู้ว่าเหมือนจะไปขัดใจเข้าสักอย่างแต่ก็เลือกเงียบไว้ดีกว่า ท่าทางของเด็กหนุ่มเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าหล่อๆ ได้อย่างสบายๆ เขารู้ตัวว่าเดี๋ยวนี้ยิ้มบ่อยจนคนทั้งบริษัทยังตกใจ แต่พอนึกถึงใบหน้าหวานๆ ของคนตัวเล็กทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที จนเพื่อนตัวแสบยังอดแซวไม่ได้
��� “พี่ชีวอนไปอาบน้ำเถอะฮะ ผมเตรียมข้าวเที่ยงไว้ให้แล้ว”
�
++++++++++++
17% ขอโทษที่หายไปนานนะค่ะ แล้วเดี๋ยวหลังสงกรานต์จะรีบกลับมาต่อให้นะค่ะ (11/04/12)
�
กลับมาแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะค่ะ
+++++++++++
�
��� ชายหนุ่มมองคนที่สามารถ 'พี่' ได้อย่างสนิทปากโดยไม่มีอาการเก้อเขินเหมือนเมื่อก่อน แถมยังวางตัวดีเยี่ยมซะด้วย ดุได้เป็นดุ ยามจะยิ้มก็ยิ้มง่ายจนน่าก(อ)ดน่าจูบ จะว่าไปตั้งแต่พิธีแต่งงาน เขาก็ยังไม่เคยล่วงเกินเด็กหนุ่มแม้แต่ปลายก้อย อาจจะมีจับมือกันบ้าง ซึ่งดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะพอใจในชีวิตที่เป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ
��� “ก็ได้ๆ เลิกทำหน้าดูได้แล้ว”ชายหนุ่มลุกก่อนจะใช้มือดึงแก้มป่องๆนั้นอย่างมันเขี้ยว
��� “หื้อ”เด็กหนุ่มร้องก่อนจะปัดมือเขาออก
��� “รีบไปอาบน้ำเถอะฮะ ผมเหม็นจะแย่แล้ว”ว่าแล้วคนตัวเล็กก็วิ่งฉิวออกไปจากห้องของเขาอย่างรวดเร็ว
��� “หลอกด่าจนได้นะ”ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
�
��� คยูฮยอนวิ่งออกมาจากห้องและนั่งจุมปุ๊กอยู่ตรงโซฟายาว ใบหน้าหวานขึ้นสีนิดๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจของตัวเองเบาๆ ความจริงเขาก็ไม่ต่างจากสาวๆ และหนุ่มหน้าหวานคนอื่นๆทั้งหลายที่ยามอยู่ใกล้ชายหนุ่มทีไรเป็นต้องลมหายใจติดขัด หน้าแดงเป็นลูกตำลึงอยู่เรื่อย แถมเดี๋ยวนี้ยังมีอาการใจเต้นแรงผิดปกติเข้ามาอีก คิดว่าถ้าวิ่งออกมาไม่ทันชีวอนคงจับความรู้สึกของเขาได้แน่ๆ
��� นิ้วเรียวกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลยแฮะ แต่ถ้าคิดตามโปรแกรมแล้วละก็ วันนี้เขาต้องไปสมัครเรียน เฮ้อ..
��� “ค่อยไปวันหลังก็ได้”เสียงหวานเอ่ยขึ้นเหมือนปลอบตัวเองเบาๆ
��� แกร๊ก
��� เสียงเปิดประตูออกมาเรียกให้เด็กหนุ่มต้องหันหน้าไปดู คนตัวสูงในชุดไปรเวทธรรมดา ที่ความหล่อไม่ได้ธรรมดาสักเท่าไหร่ ขายาวก้าวไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้ท้องร้องระงมไปหมดแล้ว คาดว่าภายในห้านาทีถ้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องกระเพาะเขาต้องทะลุแน่ๆ
��� คยูฮยอนเดินตามร่างสูงเข้าไปในครัว ก่อนจะจัดแจงส่งอาหารมื้อหนักไปให้ เป็นข้าวผัดกิมจิอย่างง่ายๆ มือบางถูกดึงให้นั่งลงข้างๆ
��� “กินด้วยกันสิ”เสียงทุ้มเอ่ยชวนพร้อมตักขึ้นแล้วยื่นไปข้างหน้า
��� “เอ่อ...ผมทานแล้วฮะ”เด็กหนุ่มพยายามปฏิเสธ ความจริงเขาไม่ชอบทานข้าวเที่ยง ยกเว้นจะเป็นพวกของว่าง และนั่นก็ทำให้ถูกดุอยู่บ่อยครั้ง
�
++++++++++++
34%ค่ะ แล้วจะรีบกลับมาต่อให้นะค่ะ (17/04/12)
กลับมาต่อแล้วค่ะ^O^
+++++++++++++
�
���� “กินนมรสหวานของนายนะเหรอ แล้วมันจะอิ่มได้ยังไง”เขาดุ� เพราะรู้มาเหมือนกันว่าคนตัวเล็กไม่ชอบกินข้าวเที่ยงและข้าวเย็น มิน่าล่ะถึงได้ตัวเล็กขนาดนี้โดนลมพัดทีคงปลิว
���� ใบหน้าหวานเบิกตากว้างเมื่อความลับของตัวเองถูกจับได้ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นหงอยๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าหมดหนทางจึงต้องยอมให้ชายหนุ่มป้อนแต่โดยดี
���� ทันทีที่อาหารถูกส่งเข้าปากไปแล้ว นัยน์ตาคมก็มองอย่างปลื้มๆ แม้ว่าคนตรงหน้าจะทำแก้มป่องเหมือนถูกขัดใจก็เถอะ แต่มองไปมองมาก็น่ารักเหมือนกัน
���� “แล้ววันนี้พี่ชีวอนจะไปไหนฮะ”เสียงหวานถาม เพราะเวลาเลยมาขนาดนี้แล้วจะเข้าไปบริษัทคงไม่ทัน
���� “แล้วนายล่ะอยากไปไหนบ้าง”ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ถามกลับ
���� คยูฮยอนเลิ่กลั่กเมื่อโดนสายตาจ้องแบบคาดคั้น ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ และตอบตามความเป็นจริง
���� “ผม...ความจริงวันนี้ผมจะไปสมัครเรียนนะฮะ”แล้วก็ยกหนังสือที่ถือติดมือมาด้วยยื่นให้คนตรงหน้าดู
���� ชีวอนรับหนังสือเล่มหนาตรงห้ามาไว้ในมือ หน้าปกเขียนไว้ว่า ‘SM Music International Collage’ ก่อนจะพลิกไปดูเนื้อหาข้างใน พร้อมเพ่งมองสิ่งที่ถูกขีดเน้นทับด้วยปากกาเน้นคำก่อนจะอ่านออกเสียงดังๆ
���� “สาขาเปียโน นายจะเรียนเหรอ”เขาถาม
���� “ฮะ”
���� ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนาขึ้น จะว่าไปอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ก็คงจะอึดอัดแย่อยู่หรอก เขาคิดในใจ พร้อมกับปิดหนังสือในมือ คยูฮยอนพยายามทำใจดีสู้เสือ เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่อนุญาต
���� “ก็เอาสิ ตามใจนายก็แล้วกัน แล้วจะไปสมัครวันไหนล่ะ”เขาถามอย่างซื่อๆหรือที่จริงแล้วคือแกล้งไม่รู้นั่นแหละ
���� คยูฮยอนรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันทีกับคำถามที่ถามตามมารยาทของคนตรงหน้า แกล้งโง่แน่ๆ เพราะวันหมดเขตรับสมัครมันก็เขียนไว้แล้วว่าวันนี้! แล้วก็ก่อนเที่ยงด้วย! แต่ดูเวลาตอนนี้สิ มันจะบ่ายสองอยู่แล้วนะ ไปสมัครยังไงถึงจะทันละ ยิ่งคิดก็ยิ่งจะอยากร้องไห้ออกมาดังๆ
���� เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าอยากร้องไห้ของภรรยาก็ยกเลิกการแกล้งโดยทันที เพราะธรรมชาติของผู้ชายอย่างเขานี่แพ้น้ำตาโดยแท้
���� “ฉันขอโทษๆ อย่าเพิ่งร้องไห้สิ”เสียงทุ้มเอ่ยขอโทษอย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาลูบผมนุ่มนั้นเบาๆ ชักจะทำตัวไม่ถูกแล้วนะเนี่ย
���� “ก็เพราะใครละฮะที่ทำให้ผมไม่ได้ไปสมัครเนี่ย ถ้าไม่ห่วงก็คงไม่อยู่เฝ้าจนเลยเวลาอย่างนี้หรอกฮะ”เด็กหนุ่มเผลอตอบตามความในใจ พอคิดได้ก็ตาโตอย่างตกใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้า ชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้อย่างอบอุ่น
���� “นายห่วงฉัน”
���� “.....”
���� เขายิ้มกว้างอย่าดีใจ ที่มีคนคอยห่วงใย ความรู้สึกนี้แทบไม่เคยสัมผัสมันเลยสักนิดตั้งแต่เกิดมา พอได้สัมผัสรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก
���� คยูฮยอนเห็นคนตรงหน้ายิ้มกว้างก็ยิ่งอายไปกับความสะเพร่าของตัวเองที่ดันเผลอหลุดปากไปว่า 'ห่วง' ถึงจะเป็นความจริงที่เก็บไว้ไม่มิดก็ตามเถอะ ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีนิดๆ และก้มงุดลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่อยากให้ใครเห็นสีหน้าของตนในตอนนี้
���� แต่สำหรับชีวอน ยิ่งคนตรงหน้าเขินอายได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบใจในความใสซื่อของเด็กหนุ่ม ไม่ว่าจะคิดจะพูดอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด ไม่เหมือนผู้หญิงผู้ชาย (เคะ) สมัยนี้ที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวหวังจะจับเขาอยู่เรื่อยไป ด้วยความที่อดใจไม่ไหว ทำให้เขาโน้มใบหน้าเข้าหาจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ แต่นิ่งค้างไว้เนิ่นนาน ราวกับจะถ่ายถอดความอบอุ่นทั้งหมดให้ คยูฮยอนรับความอบอุ่นนั้นมาอย่างเต็มใจ แต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวก็โดนเด็กหนุ่มผลักเบาๆ ชีวอนมองดูใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ ดูจิ้มลิ้มน่ารัก ก่อนจะยกน้ำดื่มรวดเดียวและคว้าข้อมือบางให้เดินตามออกไป
��� �คยูฮยอนมองคนตรงหน้าอย่างตกใจที่อยู่ดีๆ ก็โดนลากออกไปโดยที่ชายหนุ่มไม่พูดไม่จาอะไรเลย พอถึงรถลัมโบกินี่คันสวยก็จับยัดเด็กหนุ่มเข้าไปข้างในอย่างงายดาย ก่อนจะตามขึ้นมานั่งและออกรถไปอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนมองคนที่จู่ๆ ก็ลากตนออกมาอย่างงๆ คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา ตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆ
���� แต่แล้วเด็กหนุ่มก็รู้ว่าเขาจะพาไปไหน เพราะเด็กหนุ่มจำเส้นทางนี้ได้แม่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ทางไป SM Music International Collage ยังไงล่ะ วิทยาลัยนานาชาติการดนตรีในฝันของเด็กหนุ่ม ใบหน้าสวยระบายไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นแล้วว่าเขากำลังจะทำอะไร ในใจก็นึกขอบคุณเบาๆ
���� ทันทีที่จอดรถ คนทั้งสองก็เป็นจุดเด่นทันที โดยที่คยูฮยอนไม่เคยรู้เลยว่าหุ้นส่วนของมหาวิทยาลัยนี้มี บริษัท SM Park Center ครองอยู่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าเป็นผู้บุกเบิกวิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้เลยก็ว่าได้ และนักศึกษาทุกคนของที่นี่ต่างก็รู้จักประธานบริษัท SM Park Center คนล่าสุดดี คนที่จะไม่ยอมควงผู้หญิงคนไหนในตอนกลางวัน
���� ร่างสูงก้าวนำคนตัวเล็กให้เดินตามอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดลงที่หน้าห้องของผู้อำนวยการที่รู้จักกันมานาน สาเหตุที่รู้จักก็เพราะเป็นเพื่อนอีกคนที่สนิทรองลงมาจากฮันกยองและฮยอกแจ
�
� ���เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าห้องเรียกให้ใบหน้าหล่อเหลาที่สาวๆกรี๊ดกร๊าดเงยขึ้นจากเอกสารกองโตที่สุมกันอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา
���� “เชิญ”
���� สิ้นเสียงก็พบกับร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยดี กับร่างเล็กบางที่คาดว่าโดนลมพัดที่เดียวคงจะปลิวแน่นอน นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นอย่างยินดี
���� “เจ้าวอน!”คำเรียกอย่างสนิทปากดังขึ้น เพราะนานทีเดียวที่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างก็ทำงานกันหัวหมุน
���� “อือ”ชีวอนพยักหน้ารับคำสั้นๆ
���� “นั่งก่อนๆ มาได้ยังไงเนี่ย”เขาเชิญนั่ง ก่อนมองตามร่างเล็กอย่างถูกใจแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนหนุ่มของตนเองฉุดเอาข้อมือบางให้นั่งลงข้างๆ
���� “ฉันพาคยูฮยอนมาสมัครเรียนที่นี่”ชายหนุ่มบอกก่อนจะกุมมือบางของเด็กหนุ่มไว้แน่น
���� คิม จงอุน หรือ เยซอง มิองเพื่อนชายอย่างงุนงงก่อนจะสังเกตเห็นมือหนาที่กุมมือบางไว้อย่างหวงแหน และต้องสะดุดกับแหวนคู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนทั้งคู่
���� “อย่าบอกนะว่าแก...แต่งงานแล้ว...”เขาพูดเสียงแผ่วอย่างตกใจ
���� “ใช่ และนี่ก็เมียฉัน”ชีวอนพูดอย่างถูกใจ ก่อนจะโอบเอาร่างบางให้แนบกับตัวเขา
���� คยูฮยอนทำอะไรไม่ถูก เขินก็เขิน อายก็อาย ทำได้เพียงเหน็บเนื้อของคนข้างๆ อย่างมันเขี้ยวกับท่าทางที่แสดงออกมาเกินจริง
���� “ดีใจด้วยว่ะเพื่อน แหม...แต่งงานทั้งทีทำไมฉันไม่ได้การ์ดล่ะ”
���� “เรื่องมันยาวและกะทันหันไปหน่อย ว่าแต่...แล้วเมียฉันจะได้เรียนที่นี่ไหม”เขาเอ่ยเข้าประเด็น ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ตอบแทนความเป็นห่วงบ้างจะเป็นไรไป
���� “พี่ชีวอน!”คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบแต่แฝงความดุไว้
���� “ก็อยากเข้าที่นี่ไม่ใช่เหรอ ฉันก็พามาแล้วไง”เขากล่าว
���� คยูฮยอนมองคนตรงหน้าก่อนถอนหายใจเบาๆ ที่อยากเรียนที่นี่ก็ถูกอยู่หรอก แต่ว่าเขาอยากเข้าที่นี่ด้วยฝีมือมากกว่านะ ไม่ใช่ฝากเข้าแบบนี้
���� “อย่าลืมสิว่าแกก็เป็นหุ้นส่วนของที่นี่ตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ให้เข้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”เยซองเอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้คยูฮยอน ส่งผลให้ชายหนุ่มตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มทำเสียงฟึดฟัดที่จมูก
���� “แต่ผมอยากลองทดสอบเข้านะฮะ อยากรู้ด้วยว่าฝีมือของตัวเองถึงขั้นนั้นแล้วรึยัง”เสียงหวานเอ่ยคัดค้าน และเหตุผลก็ทำให้ผู้อำนวยการหนุ่มออกอาการถูกใจ คิดว่าถ้าไม่ติดตรงที่มีเจ้าของแล้ว คนที่ต้องเดินหน้ามาจีบเป็นแม่ของลูกคงจะมีเขาเข้าร่วมด้วยแหงๆ
�
++++++++++
ครบ100%แล้วนะค่ะ ในที่สุดก็จบตอนเสียทีเล่นเอาไรท์เตอร์เหนื่อยไปพอควรเลย� ไรท์เตอร์ต้องขอโทษรีดเดอร์ด้วยนะค่ะที่หายไปนานพอสมควร พอดีไรท์เตอร์เพิ่งได้ฟิคมาใหม่แล้วมันเป็นฟิคมาม่า ไรท์เตอร์ก็เลยไม่มีอารมณ์เขียนแนวโรแมนเท่าไหร่ ที่วันนี้มาต่อได้เพราะไรท์เตอร์อ่านจบหมดแล้วก็เลยมาอัพให้นะค่ะ เอาไว้ท็อคกันตอนน้าดีกว่าเนอะ บ๊ายบายค่า
ความคิดเห็น