ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WonKyu] พิศวาส เสน่หา [END]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 55


    บทที่ 3: เริ่มต้นชีวิตคู่
         กว่าจะกลับมาถึงคอนโดก็เล่นเอาค่ำ คยูฮยอนเดินถือกล่องเข้าเย็นซึ่งก็คือข้าวผัดกิมจิกับจามจังยอนมา น่าขำแฮะ มื้อเที่ยงกินสเต็ก มื้อเย็นกินข้าวผัดแต่จะขัดอะไรได้ล่ะ ก็คนตัวโตเขาสั่งให้ซื้อติดมือมาด้วยนี่นา ว่าแต่...เขากินกับข้าวข้างถนนแบบนี้ได้ด้วยเหรอ
         เมื่อเดินเข้ามาในห้อง คยูฮยอนก็ถามขึ้น
         “จะให้เทใส่จานเลยรึเปล่าฮะ”
         “อือ”คนตัวโตตอบสั้นๆ แค่นั้น ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ สงสัยจะร้อนจัดแฮะ จริงๆ วันนี้มันก็ร้อนมากนั้นแหละ จะว่าไปเด็กหนุ่มก็รู้สึกอยากอาบน้ำบ้างเหมือนกันนะเนี่ย
         เด็กหนุ่มจัดแจงเทอาหารทั้งสองอย่างใส่จาน ชามกระเบื้องสวยงาม วางจัดลงที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะเดินไปอาบน้ำบ้าง หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ คงเพราะอึดอัดที่ต้องใส่ชุดราคาแพงๆ เด็กหนุ่มเลยเลือกชุดที่ดูเป็นเด็กๆ สบายๆ เอามาใส่ มองดูตัวเองในกระจกแล้วมันเหมือนกับเด็กตอนเรียนอยู่ชัดๆ คิดถึงสมัย ม.ปลายเสียจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าวันพรุ่งนี้เขาก็จะกลายเป็นภรรยาของท่านประธานบริษัท SM Park Center ไปซะได้
         ร่างเพรียวเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะหยุดชะงักลงนิดๆ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่กำลังโซ้ยจามจังยอนอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนซื้อละบอกว่าไม่หิวๆ ทีงี้ล่ะกินซะเกลี้ยงเชียว แถมยังมีการเหลือบสายตาหิวกระหายไปยังจานข้าวผัดกิมจิที่เขาสั่งอีกซะด้วย ถ้าไม่ห้าม มีหวังได้อดข้าวเย็นแหงๆ และใบหน้าคมหล่อหันมองทางซ้ายทางขวาเหมือนดูต้นทาง ซึ่งคยูฮยอนมองดูอยู่เงียบๆ มือบางปิดปากกลั้นหัวเราะนิดๆ ไม่คิดว่าท่านประธานสุดเนี้ยบจะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย
         “นั่นของผมนะฮะ”เสียงหวานดังขึ้นอีกมุมหนึ่ง เล่นเอามือใหญ่ที่กำลังคว้าจานข้าวชะงักไป และตาโตเมื่อเห็นเธอ ใบหน้าคมทำสีหน้าเหมือนเด็กโดนจับได้ ตลกแฮะ
    +++++++++++++
    13%ก่อนนะค่ะ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วไรท์เตอร์เลยยุ่งมากๆเลยค่ะ อ่าเอาเป็นว่าไรท์เตอร์ขอโทษด้วยนะค่ะที่หายหัวไปนาน แล้วจะรีบกลับมาต่อให้ค่ะ บ๊ายบาย (17/01/12)
    กลับมาต่อแล้วค่ะ ขอโทษด้วยค่ะที่หายหัวไปนาน พอดีไรท์เตอร์ติดสอบนะค่ะ
    +++++++++++++
         ร่างบางเดินเข้าไปใกล้นิดๆ ก่อนจะยื่นมือหยิบเอาจานข้าวผัดที่วางไว้อยู่ตรงหน้าของชีวอนมาไว้ที่หน้าของตัวเอง ก่อนจะมองดูตาละห้อยของชายหนุ่มใบหน้าหวานจึงเผยอยิ้มนิดๆ ก่อนจะบอกเบาๆ ว่า
         “วันนี้วันเกิด...ผมแบ่งให้ก็ได้ฮะ ปกติก็กินนิดเดียวอยู่แล้ว”เด็กหนุ่มว่า ก่อนจะเลื่อนจานไปวางไว้ตรงที่เดิม
         ใบหน้าคมเข้มดูดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็อดมองคนตัวเล็กอย่างไม่เข้าใจไม่ได้
         “เธอ...ตัวแค่นี้โดนลมทีเดียวคงจะปลิว ฉันไม่แย่งดีกว่า”มีการสารภาพซะด้วยว่ากำลังจะแย่ง เด็กจริงๆ เลยแฮะ
         “ไม่เป็นไรฮะ คุณกินไปเถอะ”เด็กหนุ่มพยักพเยิดยิ้มๆ
         ชายหนุ่มมองคนตรงหน้านิดๆ ก่อนจะแบ่งไว้ครึ่งจาน กินจานเดียวกันนั่นแหละ สะดวกดี ความจริงจะอยู่ด้วยกัน สนิทสนมกันไว้ท่าจะดี
         ว่าแล้วช้อนในมือของคนตัวโตก็ยื่นมาตรงหน้าของหญิงสาว คนตาโตมองอย่างไม่เข้าใจ
         “อะไรฮะ”
         “เอ้า”
         คยูฮยอนตาโตเข้าไปอีก เมื่อรู้ถึงเจตนาของคนตรงหน้า ดวงหน้าหวานร้อนผ่าวนิดๆ แต่เมื่อเจอเข้ากับสายตาดุๆ ตรงกันข้ามกับการกระทำ จึงค่อยๆ ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ และกินข้าวช้อนนั้นไปเสีย ใบหน้าคมเผยอยิ้มอย่างพอใจ และดูเหมือนหลายต่อหลายครั้งที่ชายหนุ่มพยายามทำตัวให้เหมือนคู่รักหลายๆ คู่ ไม่รู้ทำมึงได้ชอบคนตัวเล็กเวลายิ้ม รอยยิ้มใสๆ บริสุทธิ์ไม่ได้แฝงไว้ด้วยเจตนาอย่างอื่นดูแล้วเพลินดี
         “ต่อไปนี้เรียกฉันว่าชีวอนเฉยๆ ก็ได้”ชีวอนบอกเด็กหนุ่มหลังจากทานอาหารเสร็จ ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
         “แบบนั้น...มันกระดากปากยังไงไม่รู้ ผมกับคุณายุห่างกันตั้งเยอะ เรียกแบบสนิทกันแบบนั้นได้ยังไง”เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มถามเสียงเบา
         “เอ๊า ก็อยู่ด้วยกันแล้วจะกลัวอะไร แล้วอีกอย่างนะ ฉันเพิ่งจะยี่สิบห้าเอง”ชายหนุ่มแก้คำผิด จากอายุห่างกันตั้งเยอะ เป็นห่างกันแค่หกปี
         “นั้นแหละฮะ ยังไงคุณก็ผู้ใหญ่กว่า คุณพ่อบอกว่าห้ามตีตัวเสมอท่าน”เด็กหนุ่มเก็บคำสอนของผู้เลี้ยงดูมาบอกกล่าว เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเรียกชื่อเขาเฉยๆไม่ได้
         ชีวอนมองคนตัวเล็กตรงหน้า ภายใต้สายตาเย็นชากลับมีความชื่นชมแฝงอยู่ เขาชื่อชมในความกตัญญู เชื่อฟังคำสอนของผู้ใหญ่ และนำมาใช้ประโยชน์ จมูกโด่งคมสันค่อยๆ ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
         “งั้นเรียกพี่ชีวอนก็ได้ คงไม่ขัดคำสอนของคุณพ่อเธอหรอก”
         ตาโตตวัดค้อนนิดๆ ที่เขาพูดเหมือนจะล้อเลียนเธอ
         “ลองเรียกดูซิ”ชายหนุ่มคะยั้นคะยอ
         คยูฮยอนทำหน้าหนักใจ เพราะตั้งแต่เกิดมายันอายุสิบแปด นอกจากคนในบ้านแล้ว เธอก็ไม่เคยเรียกคนอื่นว่า 'พี่' เลย...คิ้วเรียวงามขมวดขึ้นนิดๆ และเมื่อตากลมโตไปสบกับนัยน์ตาดุที่มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างบอกไม่ถูกเข้า เสียงใสจึงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
         “พี่...ชีวอน...”เด็กหนุ่มพูดเสียงเบา ใบหน้าสวยก้มงุดซ่อนความอาย
         คนตัวโตคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อคนตัวเล็กยอมเอ่ยชื่อเขา ชายหนุ่มแกล้งขานรับเสียงหวาน
         “อะไรครับ”
         ใบหน้าสวยแดงซ่าน ถึงจะรู้ว่าเขาแค่แกล้งขานรับ แต่ก็อดใจเต้นไม่ได้ ร่างเพรียวจึงเปลี่ยนเรื่องกะทันหันอย่างไม่ทันคิด
         “ดะ...ดูทีวีต่อเถอะฮะ”เด็กหนุ่มกล่าวเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะกดรีโมทเปลี่ยนจากช่องดนตรีของตนเป็นช่องกีฬาของเขา
         ชีวอนต้องกลั้นหัวเราะไม่ให้คนตัวเล็กกว่าเห็น แค่แกล้งขานรับแค่นี้ใจถึงกับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไร้เดียงสาจริงๆ ริมฝีปากบางแบบผู้หญิงกระตุกยิ้มที่มุมปากนิดๆ ก่อนจะตกใจกับปฏิกริยาของตัวเองที่สามารถยิ้มได้ด้วยใจอีกครั้ง รอยยิ้มที่ไม่ต้องปั้นแต่ง นานแล้วที่ไม่มีความรู้สึกแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่รอยยิ้มของเขาจะทำเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ไม่มีสักครั้งที่จะยิ้มได้ตามใจตัวเอง
         คยูฮยอนมองคนที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปดูรายการกีฬาที่คนตัวโตชอบ แต่ทว่าร่างโปร่งกลับไม่ค่อยชอบรายการแบบนี้สักเท่าไหร่ ดูทีไรก็พลอยจะหลับทุกที...และครั้งนี้ก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ร่างเล็กเริ่มโงนเงนอย่างทรงตัวไม่อยู่ เปลือกตาเริ่มปิดลงอย่างช้าๆ ก่อนทุกอย่างจ้ะเข้าสู่ความมืดมิด
         ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงกระทบที่หัวไหล่ ใอหันไปมองก็พบกับคนตัวเล็กที่หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้กำลังพิงแขนล่ำสันที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอยู่ ลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ บอกได้ว่ากำลังหลับลึก ชีวอนไม่คิดจะทรมาณร่างบางเพรียวลมจึงค่อยๆ รวบช้อนร่างบางขึ้นมาอย่างง่ายดาย และเดินตรงไปที่ห้องที่จัดไว้เป็นส่วนของร่างเล็ก
         แขนหนาค่อยๆ วางร่างเล็กลงบนที่เตียงอย่างเบามือ เด็กหนุ่มขยับกายนิดๆ เมื่อรู้สึกสบายขึ้น มือหนาจับผ้าห่มคลุมตัวของคยูฮยอนอย่างนุ่มนวล ก่อนสายตาจะไล้ไปทั่วทั้งใบหน้าหวานที่กำลังหลับตาพริ้ม ใบหน้าเรียวเล็กกว่าฝ่ามือเขาด้วยซ้ำ แก้มป่องดูเหมือนเด็กตลอดเวลา และจะยิ่งป่องขึ้นไปอีกยามโมโห โกรธ หรืองอน และยามส่งค้อนมาให้เขา
         ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่ข้างๆ ก่อนที่นิ้วเรียวจะแตะลงที่ปลายจมูกโด่งรั้น จมูกเล็กๆ ที่พอรับพอเหมาะกับใบหน้าเล็กๆ เมื่อพิจรณาจมูกเร็จก็ลากนิ้วไล้มายังริมฝีปากบางจิ้มลิ้มน่าลิ้มลอง ริมฝีปากรูปกระจับนั้นแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์มากในยามยิ้ม
         และช่างพูดช่างเจรจาอย่างน่าเอ็นดู แม้บางคำพูดจะดูเหมือนดุ ล้เลียนแต่ฟังแล้วก็ไม่ค่อยแสลงหูสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะเสียงเล็กหวานใสที่ยังดูเหมือนเด็กๆ ไม่แหลมปรี๊ดทะลุปรอทเหมือนสาวบางคนจนเขารำคาญ
         สายตาของเขาเลื่อนไปที่หน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงตามลมหายใจ อกบางขาวผ่องที่โผล่พ้นขอบเสื้อขึ้นมารำไรอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอ ไม่นึกว่าคนตัวเล็กจะซ่อนรูปขนาดนี้ เขาต้องพยายามระงับความต้องการที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างยากลำบาก ไม่นึกว่าเลือดในกายหนุ่มของเขาจะร้อนระอุจนแทบปะทุเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับคยูฮยอน น่าแปลก...ชีวิตของเขาเจอผู้หญิง-ผู้ชายมาก็มาก แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับแตกต่างออกไปจากคนอื่น เธอน่ารัก บริสุทธิ์ และไร้เดียงสาเหมือนผ้าขาวที่ยังไม่ได้ยอมสี
         ชีวอนนั่งมองคยูฮยอนที่นอนหลับอย่างสุขสบาย และยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างให้เขาต้องก้มหน้าเจ้าหาร่างเล็กนั้น รู้ตัวอีกทีก็เมื่อริมฝีปากของเขาหน้าผากมนเกลี้ยงของคนตัวเล็กซะแล้ว ชายหนุ่มแนบริมฝีปากถ่ายทอดความอบอุ่นนั้นอย่างเนิ่นนาน จนกระทั่งคนตัวเล็กใต้ผ้าห่มเริ่มขยุกขยิกอย่างรำคาญเขาจึงถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย ก่อนจะลุกขึ้นอย่างแผ่วเบาและเดินออกไป
    +++++++++++++
         รุ่งเช้า
         ร่างเล็กที่นอนหลับสบายคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มเริ่มขยับตัว แขนเล็กเหยียดขึ้นฟ้าบิดขี้เกียจ เปลือกตาที่ปิดดวงตาสวยนั้นค่อยๆ เปิดออก ก่อนจะปรับสายตาให้เป็นปกติ อา...ฝ้าเพดาน...เมื่อคิดได้ดังนั้นก็กระเด้งตัวขึ้นมาอย่างอัตโนมัติก่อนมองไปรอบๆตัว
         “นี่เราเข้ามานอนในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”เสียงใสถามตัวเองอย่างงงๆ ก็เมื่อคืนรู้สึกว่าเธอจะนั่งหลับอยู่กับคนตัวใหญ่นี่นา แล้วมานอนที่นี้ได้อย่างไรหรือว่า...เขาจะอุ้มเธอเข้ามานอน!
         ว่าแล้วร่างบางก็ลุกขึ้นไปยืนอยู่ที่พื้นมองเตียงนอนของตัวเองอย่างงงๆ ใบหน้าสวยขึ้นสีก่อนจะส่ายหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อนั้นออกไป และตรงไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะว่าวันนี้เป็นวันจดทะเบียนสมรสของคยูฮยอนกับชีวอน
         ร่างเล็กบางหมุนตัวรอบกระจกเงาบานใหญ่ ร่างเพรียวลมในชุดสูทพอดีตัวสีขาวมุข ร่างเล็กดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เด็กหนุ่มหมุนไปหมุนมาอีกรอบเพื่อความมั่นใจว่าไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก ก่อนจะหยิบของใช้ที่ต้องติดตัวใส่กระเป๋าด้านในของเสื้อสูท และเดินออกไปยังห้องโถง
         ร่างสูงใหญ่ของชีวอนในชุดสูทสุดเท่สีขาวสะอาดตายืนรออยู่ ดวงตาเฉียบคมของเขาจ้องร่างเล็กอย่างไม่วางตา ภายในใจชื่นชมอย่างบอกไม่ถูก แม้จะผอมไปนิดก็พอให้อภัยได้ ดูท่าว่าเขาจะตกหลุมเสน่ห์ของเด็กหนุ่มตรงหน้าเข้าซะแล้ว
         คยูฮยอนมองคนตรงหน้าแทบไม่กระพริบตาเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าเด็กหนุ่มออกจะรู้สึกเก้อเขินกับสายตาของเขาซะมากกว่า สายตาที่มองมานั้นเล่นเอาร่างบางใจสั่นวูบวาบไปทั้งตัว ก่อนจะก้มมองดูตัวของตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติ ทำไมคนตรงหน้าถึงได้จ้องมองตาไม่กระพริบอย่างนั้น
          “คุณชีวอนฮะ”เสียงใสเอ่ยเรียก และทำให้สติของเขากลับมาอย่างรวดเร็ว
          ชายหนุ่มกระพริบตาสองสามครั้ง ปรับสายตาให้มีความต้านทานจากเสน่ห์อันร้ายกาจของร่างเล็กตรงหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเสียงดุ
          “บอกแล้วไงว่าให้เรียกพี่ชีวอน เดี๋ยวความก็ได้แตกกันพอดี”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดุ แต่ก็ไม่จริงจังนัก
          “ก็ได้ฮะ พี่ชีวอน...แล้วเราจะไปได้รึยังฮะ”เสียงหวานเอ่ยถาม
          ชีวอนพยักหน้าก่อนจะผายมือออกมาให้คนตัวเล็กจับ และเมื่อเห็นเด็กหนุ่มลังเลนิดๆ จึงเป็นฝ่ายกุมมือบางนั้นแทน
           ความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจดวงน้อยๆ ของคยูฮยอน เขากระชับมือบางตอบก่อนจะส่งยิ้มให้ จนชายหนุ่มต้องหันหน้าหนี ไม่งั้นคงอดใจไม่ไหว นี่ขนาดอยู่ด้วยกันแค่วันเดียวยังเป็นได้ขนาดนี้ แล้วหลังจากนี้เขาจะควบคุมตัวเองได้ไหวรึเปล่านะ
    +++++++++++++
         คู่แต่งงานใหม่จูงมือกันเข้าไปในโบสถ์ของบาทหลวงชินดง คยูฮยอนเห็นหน้าของผู้มีพระคุณก็ส่งยิ้มให้ บาทหลวงชินดงยิ้มตอบอย่างดีใจที่เห็นหน้าของลูกสาว (?) ของตัวเองสุขสบายดี ไม่มีวี่แววให้ต้องเป็นกังวล
          เด็กหนุ่มกวาดมองไปรอบๆ ตัวก็เห็นคุณฮันกยองกับฮยอกแจที่ยืนยิ้มให้เป็นกำลังใจ
          พิธีแต่งงานดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางสองพยานที่ยืนยิ้มอย่างยินดีที่เห็นเพื่อนสนิทของตนสละโสดได้ แถมคงกระชุ่มกระชวยใจไม่น้อยเมื่อได้ภรรยาเป็นเด็กสาวที่แสนจะอ่อนโยนอ่อนหวาน
         “คยูฮยอน ลูกจะรับคุณชเว ชีวอนเป็นสามีและจะดูแลไปจนแก่เฒ่า ไม่พรากจากกันจนกว่าความตายจะพรากไปหรือไม่”
         “รับฮะ”เสียงหวานเอ่ยเสียงสั่น เมื่อไม่คิดว่าเธอจะมีวันนี้ได้เร็วขนาดนี้
         “คุณชีวอน คุณจะรับโจ คยูฮยอนเป็นภรรยา และจะดูแลไปจนแก่เฒ่า ไม่พรากจากกันจนกว่าความตายจะพรากไปหรือไม่”
         “รับครับ”เสียงทุ้มตอบรับอย่างหนักแน่นมั่นคง
         “มีใครจะคัดค้านบ้าง”บาทหลวงชินดงเงยหน้าขึ้นมอง เพราะนอกจากเขาก็มีเพียงหนุ่มสาวสองคนเท่านั้นที่เป็นสักขีพยานในตอนนี้
         “ไม่มี...ต่อไปเป็นพิธีสวมแหวน”
         สิ้นคำพูด แหวนทองคำขาวสองวงที่ถูกเลือกไว้ก็ถูกนำมาตรงหน้าโดยฮันกยอง ชีวอนกุมมืออันบอบบางของคยูฮยอนขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเด็กหนุ่ม คยูฮยอนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที ก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ และก้มลงสวมแหวนในมือของตนให้ชายหนุ่มด้วยเหมือนกัน
         “ต่อไปเป็นการจูบสาบานต่อหน้าพระเจ้า”
         คยูฮยอนตาโตมองผู้เป็นพ่อ ก่อนจะสลับมามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างลำบากใจ ทำไงได้ล่ะ ก็นี่มันจูบแรกของเขาเชียวนะ...
          แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดเมื่อริมฝีปากบางถูกกดทับด้วยริมฝีปากของคนตรงหน้า เขาไม่ได้รุกตนอย่างที่เห็นในคู่แต่งงานหลายๆ คู่ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เปลือกตาปิดลงอย่างยินดี...ชีวอนรับรู้เป็นครั้งแรกว่า ความอบอุ่นนั้นเป็นอย่างไร ก่อนจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย เพราะรู้ว่าถ้าไม่ถอนออกสัญชาตญาณของเขาจะทำให้เด็กหนุ่มต้องตกใจกลัวแน่ๆ ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนมองไปยังบาทหลวงชินดงที่ยิ้มปลื้มปีติกับลูกสาว (?) ส่วนฮันกยองกับฮยอกแจก็ปรบมือแสดงความยินดีเมื่อคู่บ่าวสาวลงมาเซ็นใบสมรส
         พอเซ็นเสร็จฝ่ายเก็บเอกสารจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากทนายประจำตระกูลอย่างฮันกยอง
         คยูฮยอนมองฮยอกแจอย่างดีใจ ก่อนส่งช่อดอกกุหลาบขาวของตัวเองให้
         “ให้ฉันเหรอ”
         “ฮะ เพราะว่าในนี้ไม่มีผู้หญิง (?) คนไหนนอกจากคุณฮยอกแจนี่ฮะ ต่อไปก็ขอให้คุณฮยอกแจเจอเนื้อคู่เร็วๆ นะฮะ”เด็กหนุ่มอวยพร
         “ไม่ต้องหรอก เนื้อคู่ของฉันยังไม่เกิด แต่จะรับไว้ก็ไม่เสียหายนี่ ดีกว่าไปแย่งเอาที่งานแต่งงานของคนอื่น”ฮยอกแจพูดติดตลก ก่อนจะขอตัวลากลับไปเพราะต้องไปเฝ้าร้าน ส่วนฮันกยองก็ขอทำหน้าที่จัดเก็บเอกสาร เมื่อคนทั้งคู่จากไปก็เหลือแต่คู่สามีภรรยาป้ายแดงที่ยืนมองหน้ากัน บทหลวงชินดงยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินหลบฉากไปทิ้งให้คนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
         “เอาล่ะ...แล้วจะทำยังไงต่อล่ะฮะ คุณชีวะ...”แล้วก็ต้องปิดปากฉับเมื่อนิ้วเรียวแตะลงที่กลีบปากบางที่รู้รสเพียงสัมผัสเบาๆ ว่าหวานเพียงใด
         “ต่อไปต้องเรียกฉันว่าอะไร”
         “พี่ชีวอน...”
         “ถูกต้อง งั้นเราไปฮันนีมูนกันดีกว่า”ชายหนุ่มพูดติดตลก ส่งผลให้ภรรยาสาว (?) ส่งค้อนมาให้วงใหญ่ๆ
    ทู บี คอน...
    ++++++++++++
    อันยองฮาเซโยรีดเดอร์ทั้งหลาย ขอโทษด้วยนะค่ะที่หายหัวไปนานเนื่องจากอยู่ในช่วงสอบ + ไรท์เตอร์ขี้เกียจด้วยค่ะ เลยทิ้งหายไปนานมาก อ้อ เกือบลืมตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 กุมภาไรท์เตอร์จะให้รีดเดอร์ช่วยกันตั้งชื่อลูกให้วอนกับคยูค่ะ ได้ทั้งชายและหญิงค่ะ หลังจากนั้นไรท์เตอร์จะเลือกชื่อที่คิดว่าดูดีที่สุด แล้วจะให้รีดเดอร์ช่วยกันโหวตค่ะ โอ๊ะ หมดเวลาแล้วไรท์เตอร์ไปก่อนนะค่ะ บ๊ายบายค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×