ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กระท่อมไมร์เทิล ชัมลีย์เอดจ์
บทที่ 1
ชัมลีย์เอดจ์เมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบผสมกับกลิ่นอายของความสดชื่น อุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ต้นโอ๊คใหญ่ ต้นฮอร์ส-เชสนัท กระท่อมโบราณท่ามกลางความเขียวชอุ่มพาร์เนลี่แน่ใจเลยว่ามันต้องเป็นเมืองที่น่ารักที่สุดในโลก
ธันวาคมที่แล้วตอนเธอขับรถผ่านหมู่บ้านวิลทเชียร์ไปดูกระท่อมไมร์เทิลที่เธอจะซื้อ ตอนนั้นก็ไม่คิดหรอกว่าชนบทชนบทอย่างนี้จะมีกระท่อมน่ารักซ่อนอยู่ พาร์เนลี่ต้องมนต์เสน่ห์ของมันเข้าอย่างจังเพราะนอกจากบรรยากาศสบายรอบๆ กระท่อมไมร์เทิลแล้วตัวกระท่อมเองก็น่ารัก
กระท่อมไมร์เทิลติดกับกระท่อมพริมโรสที่เล็กกว่าถูกสร้างบนทำเลในฝัน กระท่อมแฝดตั้งอยู่ในที่ดินใหญ่ไม่มีบ้านอื่นให้เห็นในรัศมีโดยรอบ ด้านหน้าตัวบ้านมีสนามหญ้ายาวไปจรดรั้วหน้าบ้าน ด้านหลังบ้านก็คล้ายกันมีสนามหญ้า มีแนวทิวไม้ริบๆ ที่สุดอาณาเขตที่ดิน
ต่อมาเธอถึงได้รู้ว่า เดิมกระท่อมทั้งสองเป็นกระท่อมหลังเดียว จนมันตกทอดเป็นมรดกของพี่น้องกู๊ดวิน แทนที่จะขายและแบ่งเงินกัน ทั้งคู่กลับกั้นผนังแบ่งเป็นกระท่อมสองหลัง ก็ถ้ากระท่อมแสนจะน่ารักในบรรยากาศดีๆ อย่างนี้เธอไม่แปลกใจเลย ถึงกระท่อมทั้งสองจะไม่มีโรงรถแต่ก็มีถนนกรวดยาวพอจะจอดรถได้หลายคัน
ที่ดินรอบกระท่อมทั้งสองถูกแบ่งด้วยรั้วอิฐเตี้ยทอดตัวยาวไปถึงรั้วด้านหน้า คนพี่คงได้มรดกมาสองในสามส่วน ส่วนคนน้องคงได้แค่ส่วนเดียว เพราะกระท่อมไมร์เทิลนั้นใหญ่เป็นสองเท่าของกระท่อมพริมโรส ตอนนี้สองพี่น้องเสียไปแล้วกระท่อมตกทอดเป็นของภรรยาของทั้งคู่ ไม่นานนี้มิสซิสกู๊ดวินคนพี่ย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราถึงได้ประกาศขายกระท่อมไมร์เทิล
พาร์เนลี่มองกระท่อมแวบเดียวก็ตกหลุมรักเสียแล้ว สะดุ้ง (ไม่) นิดหน่อยล่ะกับราคาของมัน แต่เธอไม่ถอดใจแน่ ตั้งแต่เดือนธันวาคมนั้นจนวันนี้ที่เธอย้ายบ้าน วันเสาร์แรกของเดือนมิถุนายน พาร์เนลี่โบกมือลาแม่และพ่อเลี้ยงที่มาช่วยเธอขนของ หันกลับมองรอบๆ ห้องนั่งเล่นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปที่สนามหญ้ารกๆ ของเธอ ติดกับตัวกระท่อมมีทางเดินโรยกรวดตัดเชื่อมระหว่างกระท่อมทั้งสองทั้งหน้าและหลังบ้าน เห็นชัดว่าเป็นทางลัดถึงกันระหว่างสองบ้าน ต่อจากทางเดินเป็นผนังอิฐทึบสูงสองฟุตทอดตัวยาวไปตลอดสนามหญ้า แบ่งสนามของสองกระท่อมจากกัน
สนามของข้างบ้านที่เธอเห็นสวยไม่มีที่ติ เห็นแล้วเธอก็เริ่มหงุดหงิดจนต้องรีบสลัดมันทิ้ง ชัดเลยล่ะว่าเพื่อนบ้านของเธอ “ไม่มาพักตากอากาศ” สุดสัปดาห์นี้ คิดถึงแล้วก็ต้องรีบข่มความขมขื่นที่ตามมา ตอนซื้อกระท่อมนี้เธอก็ตัดสินใจแล้วนี่นะว่าเธอจะไม่ยอมให้อะไรมาทำลายอารมณ์สดชื่นของเธอ
ตอนนั้นหลังจากเดินดูกระท่อมไมร์เทิลจนทั่วเธอก็รู้เลยว่านี่คือที่ที่เธอต้องการ ก็ไปคิดแล้วคิดอีก หารือกับแม่ของเธอ ติดต่อเจ้าหน้าที่ของสมาคมการเงินเรื่องการจำนองบ้านและที่ดิน เธอขอสู้ตาย เธอจะ ‘ต้องได้’ กระท่อมไมร์เทิล ที่น่าทึ่งคือกระท่อมไมร์เทิลมีหนึ่งห้องนอนใหญ่ หนึ่งห้องนอนขนาดกลาง และห้องอาบน้ำที่ชั้นบนอีกหนึ่งห้อง ยังมีห้องครัว ห้องทานอาหาร และห้องนั่งเล่นใหญ่ แยกกันเป็นสัดส่วนที่ชั้นล่าง
แต่นะ ปัญหาเดียวคือหน้าต่างบานที่เธอยืนอยู่ในวันย้ายบ้านนี้ เป็นหน้าต่างของห้องนั่งเล่นขนาดกลางในกระท่อมขนาดกลางขนาดหนึ่งห้องนอน ไม่มีห้องทานอาหาร และใหญ่แค่ครึ่งเดียวของที่เธอหวังไว้
เธอถึงขนาดที่กลั้นใจสู้ราคาที่แสนแพงประมูลซื้อกระท่อมไมร์เทิล แต่เมื่อได้ย้ายบ้านแต่ดันต้องย้ายมากระท่อมพริมโรสกระท่อมแฝดข้างๆ กระท่อมไมร์เทิลแทน ทำไมน่ะหรือ เพราะว่าเธอถูกโกงน่ะสิ!
แล้วทัศนียภาพที่สวยงามของเนินเขาที่รายรอบก็ไม่อาจดึงดูใจเธอได้อีก พาร์เนลี่นึกไปถึงเช้าวันเสาร์นั้น เธอแสนจะตื่นเต้นในหัวก็มีแต่เรื่องย้ายไปกระท่อมไมร์เทิล เธอแค่กะแว๊บเข้าไปหานายหน้าของสำนักงานขายบ้านด้วยเรื่องเล็กๆ อะไรสักเรื่องเท่านั้น แต่แล้ว
“ผมตามหาคุณอยู่เลยครับ!” รูฟัส เซเยอร์ หุ้นส่วนของสำนักงานขายบ้านอุทาน แล้วก็เริ่มด้วยการหว่านล้อมให้เธอเปลี่ยนใจเรื่องซื้อกระท่อมไมร์เทิล และก็ดับความหวังทั้งมวลของเธอตอนที่บอกว่า เมื่อเช้าวันนั้นเอง ใครบางคนให้ราคาประมูลกระท่อมไมร์เทิลสูงกว่าเธอ สูงกว่าเธอ!
“แต่มิสเตอร์กู๊ดวินตกลงกับฉันแล้วนี่คะในนามของคุณแม่เขา” เธอท้วง “เขาคงไม่กลับคำ
” เธออึ้งไปเมื่อเห็นสีหน้าของรูฟัส เซเยอร์
“ผมเกรงว่าเขาทำได้” เขาบอกอย่างเสียใจ “จนกว่าคุณกับคุณแม่ของเขาเซ็นสัญญากัน ในฐานะที่เป็นตัวแทนของเธอ เขามีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเลือกขายให้กับคนที่ให้ราคาสูงสุด”
“แต่
” พาร์เนลี่ท้วงเสียงแข็ง ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์
เธอทำอะไรไม่ได้แล้ว รูฟัส เซเยอร์ บอกมิสซิสกู๊ดวินชรามากแล้วถึงขั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เธออยู่อย่างสุขสบายในบ้านพักคนชราที่ค่าใช้จ่ายแพงหูฉี่ ลูกชายของเธออยากให้เธอได้อยู่ที่นั่นได้สบายๆ ไปอีกหลายปี ถ้ามองมุมนั้นยิ่งเขาขายกระท่อมไมร์เทิลได้แพงเท่าไหร่ก็ยืดเวลาในบ้านพักคนชราในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของเธอได้นานขึ้นเท่านั้น
เพราะเหตุนั้นล่ะที่ทำให้เธอเริ่มสงบอารมณ์ได้ ก็เห็นเค้าลางๆ แล้วว่าความฝันที่จะเป็นเจ้าของกระท่อมพิเศษหลังนั้นไม่เป็นจริงแน่ เธอก็คงต้องจำใจที่จะลืมมันไป
“คนซื้ออีกคนเขาให้ราคาเท่าไรคะ คุณบอกได้ไหม” เธอถาม ก็ไม่สนหรอกนะว่าตามจรรยาบรรณแล้วจะเขาบอกเธอได้ไหม แต่หลังจากวิ่งรอกมาพักหนึ่งเพื่อหาเงินมาวางประมูลในครั้งนี้ เธอไม่ค่อยอยากถอดใจง่ายๆถึงสามัญสำนึกจะเตือนว่าเธอให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว “บางที ถ้าฉันจะเพิ่มให้อีกนิดหน่อย” เธอยังดึงดัน รูฟัส เซเยอร์ ชายหนุ่มวัยสามสิบส่ายหน้าก่อนที่เธอจะพูดจบเสียอีก
“มันไม่ช่วยอะไรหรอกครับ มิสริดชาร์ด” เขาบอกอย่างเห็นใจ “พอมิสเตอร์ทรีเมนเห็นกระท่อมไมร์เทิลก็ให้ทนายความของเขาติดต่อเรื่องการประมูลทันที ไม่อั้นครับ”
แค่เห็นน่ะนะ! ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของพาร์เนลี่เบิกกว้างขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณจะบอกว่าแค่เห็นมัน นายคนนี้ อืม มิสเตอร์ทรีเมนก็ตั้งใจที่จะซื้อแบบไม่เกี่ยงราคา” เธอถาม
“ผมเกรงว่าจะเป็นอย่างนั้น” เขาตอบและต่อว่า “บางทีผมอาจจะทำให้มิสซิสกู๊ดวินเสียผลประโยชน์ เพราะบังเอิญผมทราบว่าถึงมีใครให้ราคาสูงกว่า ทนายความของมิสเตอร์ทรีเมนก็จะเกทับ”
พาร์เนลี่คิดอย่างเศร้าๆ นี่ต่างหากนิยามคำว่าต้องได้ “แหม ดีจังนะ ที่เขามีเงินถุงเงินถังขนาดนี้” เธออดกระแหนะกระแหนไม่ได้ แล้วก็นึกได้ว่า รูฟัส เซเยอร์ เป็นแค่นายหน้า ไม่ใช่ความผิดของเขาสักนิดถ้าจะมีคนอื่นมาเห็นกระท่อมไมร์เทิลท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกนั้นแล้วตกหลุมรักมันอย่างเธอ แต่ก็อดเปรยขึ้นอย่างผิดหวังไม่ได้ว่า “ว่าไปแล้ว ฉันก็คงโทษมิสซิสทรีเมนไม่ได้ว่าเธอเป็นต้นเหตุให้ฝันหวานอันแสนสุขสั้นๆ ของฉันสลายไป แล้วฉันก็คงต้องนึกถึงกระท่อมไมร์เทิลไปอีกนาน”
“เอ่อ-จากที่ผมจับความได้จากทนายความของเขา มิสเตอร์ทรีเมนยังไม่ได้แต่งงานครับ” มิสเตอร์เซเยอร์บอกกับเธอ
“เขายังไม่แต่งงาน!”
“งั้นมั้งครับ”
พาร์เนลี่พูดไม่ออก มิสเตอร์ทรีเมนคนนี้ พ่อหนุ่มโสด และ-จากที่ฟังมา-ยุ่งมากจนต้องจ้างคนอื่น-ในกรณีนี้ก็ทนายความ-ให้มาล่ากระท่อมแทนเขา “เขาเป็นคนแถวนี้หรือเปล่าคะ” กว่าเธอหลุดคำถามออกมาได้
“จริงๆ แล้ว เขาอยู่ที่ลอนดอนครับ” รูฟัส เซเยอร์ จำใจบอก
“ชัมลีย์เอดจ์คงโดนใจเขามากสิท่า ถึงขนาดจะย้ายออกมาจากลอนดอน” เธอออกความเห็น ก็ยังทำใจไม่ได้ว่าเธอเสียกระท่อมไมร์เทิลไปแน่แล้ว ผิดหวังขนาดอยากเอามันไปลงที่ใครสักคน-ว่าไปมิสเตอร์ทรีเมนผู้ลึกลับนี้แหละเหมาะเลย
แล้วเธอก็พูดไม่ออกไปอีกครั้ง ตอนที่ รูฟัส เซเยอร์ ตอบมาว่า “โอ้ เขาไม่ได้จะย้ายจากลอนดอนครับ” คล้ายๆ จะภูมิใจแทนตานั่นด้วย “เขายุ่งมากครับ ขนาดว่าอาจจะมาเมืองอันเงียบเหงาหลังเขาของเราได้แค่บางสุดสัปดาห์เท่านั้น”
“เขาไม่
” พาร์เนลี่อึ้งไป พยายามตั้งสติซึมทราบสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา “แย่หน่อยนะคะ ที่มิสเตอร์ทรีเมนคนนี้คงหากระท่อม “หลังเขาแบบนี้” ที่ไหนไม่ได้แล้วล่ะ มีแต่ที่ชัมลีย์เอดจ์นี่แหละ” เธอวิจารณ์ขวางๆ อารมณ์เริ่มเดือดขึ้นมาอีก ถึงเวลาเธอออกจากสำนักงานบ้านและที่ดินก็เพียงแค่พยักหน้าส่งๆ ให้เมื่อ รูฟัส เซเยอร์ รับปากว่าจะโทรหาเธอถ้ามีกระท่อมที่คล้ายกันขายอีก
เธอยังไม่หายหัวเสียด้วยซ้ำตอนกลับมาถึงบ้าน บ้านที่เธออยู่มาแต่เล็กแต่น้อย เธอไม่อยากได้กระท่อมหลังอื่นนี่นะ เธอชอบกระท่อมไมร์เทิล แต่นายขาใหญ่จากลอนดอนดันมาเกทับแย่งมันไป!
หงุดหงิดนั่งก็นั่งไม่ติด เดินไปเดินมาในห้องนั่งเล่นก็ไม่ช่วยอะไร เธอรู้ว่าต้องโทรบอกข่าวล่าอันไม่คาดฝันและแสนจะขมขื่นนี้กับแม่และพ่อเลี้ยง แต่..เธอคงรอให้ใจเย็นลงก่อนล่ะ
แม่ของพาร์เนลี่เป็นม่ายมาสิบแปดปีแล้ว ตั้งแต่เธออายุได้สี่ขวบ แม่เพิ่งแต่งงานใหม่กับ บรูซ เลวิส อย่างมีความสุขมากมาก พาร์เนลี่ไม่อยากให้แม่ต้องมากังวลกับเรื่องของเธออีก
ครึ่งชั่วโมงต่อมาอารมณ์เธอยังไม่เย็นลงเลยสักนิด อย่างว่านะ เธอน่าจะทำใจยอมรับได้ดีกว่านี้ถ้า รูฟัส เซเยอร์ บอกเธอว่า อีตาทรีเมนคนนี้จะย้ายมาอยู่ที่กระท่อม มันไม่ใช่แค่กระท่อมตากอากาศ กระท่อมตากอากาศที่มาบางอาทิตย์ อีกต่างหาก เกินไปแล้วนะ ถึงเป็นนักบุญโดนอย่างนี้ไม่โกรธยังไงไหว
ทำไมเขาไม่ไปซื้อที่อื่น ทำไมเป็นกระท่อมของเธอ ทำไมนะ แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศสุดสัปดาห์ บางอาทิตย์อีกต่างหาก ทำไมนายตัวร้ายนั่นไม่ไปสิงที่โรงแรมบรรยากาศดีที่ไหนสักแห่งนะ ในประเทศนี้ก็มีเยอะแยะ
ทำไมต้องที่ชัมลีย์เอดจ์ ถึงมันจะสวย แต่ชัมลีย์เอดจ์ก็ไม่มีแม้แต่โรงแรม แค่ร้านขายของร้านหนึ่ง โบสถ์ และผับอีกแห่งเท่านั้น ถึงตอนนี้อารมณ์พลุ่งพล่านของเธอเริ่มลดดีกรีลงได้บ้าง
ต้องใช้เวลากว่าอีกครึ่งชั่วโมง กว่าที่พาร์เนลี่จะปลงได้และยอมคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาแม่ของเธอ แล้วเธอก็แว๊บไปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก ยังเจ้าความรู้สึกช้ำๆ ที่ไปทึกทักว่าเจ้ากระท่อมนั่นเป็นของเธอก็วกกลับมาอีก
เธอกับแม่มีบ้านหลังเล็กในเมืองเล็กๆ ที่น่าอยู่ในอีสท์เดรินเลย์ หลังจากจบวิทยาลัยพาร์เนลี่ก็เข้าทำงานที่ ไมค์ โยลแลนด์ พลาสติก แม่ของเธอเป็นพนักงานต้อนรับกะกลางวันในโรงแรมแห่งหนึ่งแถวนั้น ที่โรงแรม สเตลลา ริดชาร์ด ได้พบกับบรูซ เลวิส ที่มาทำธุรกิจเป็นครั้งคราวที่อีสท์เดรินเลย์-ที่บางครั้งต้องอยู่จนดึก-จึงพักที่โรงแรมนั้น เขามาจากเยโอวิลในซัมเมอร์เซต ยังไม่มีครอบครัว มีแต่น้องสาวฝาแฝดอยู่ที่คอร์นวอลล์
แม่ของเธอจะค่อนข้างสวย แต่ที่ผ่านมาแม่ก็รับนัดออกเดทแทบนับครั้งได้ และก็ไม่เคยสักครั้งที่แม่จะจริงจังกับการนัดเดทครั้งไหน จนเย็นวันหนึ่งแม่ถามเธอว่า “วันศุกร์นี้ หนูมีนัดหรือเปล่าจ๊ะ”
“หนูบอกจูเลียนไว้ค่ะว่าหนูจะ
” เธอชะงัก สีหน้าของแม่เธอมีบางอย่างแปลกไป คล้ายว่าตื่นเต้นปนเครียดๆ แต่แม่ก็พยายามซ่อนไว้ “แม่ไม่ส-
” บายหรือคะ เธอกำลังจะถาม แต่พอมองแม่เธอก็รู้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จริงๆ แล้วถ้าสัญชาตญาณของเธอไม่พลาดน่าจะเป็นเรื่องที่ดีเอามากมากด้วยซ้ำ “จูเลียนไม่ว่าหรอกค่ะ ถ้าหนูจะยกเลิกนัด” เธอเปลี่ยนเรื่องทันที ท่าทีตื่นเต้นของแม่นั้นยังติดใจเธออยู่ ยังไงซะจูเลียนก็เหมือนเพื่อนมากกว่าแฟน ขนาดว่าเขาอาจมาถามเธอด้วยซ้ำว่าเขาน่าจะควงไปดูคอนเสริตเพลงแจ๊สแทนเธอ
“หนูแน่ใจนะ” แม่ยิ้มตอบ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดต่อว่า “มีคนนึง แม่อยากจะให้หนูรู้จักน่ะ”
พาร์เนลี่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “คงไม่ใช่บรูซคนที่หนูได้ยินบ่อยๆ นะคะ” เธอเดา
“แม่เคยเล่าเรื่องเขาด้วยเหรอ”
“คงไม่มั้งคะ คุณ-แม่
” พาร์เนลี่แหย่ ค่ำวันนั้นบรูซ เลวิส ก็มาเป็นแขกร่วมทานอาหาร พาร์เนลี่สังเกตได้เลยว่า แม่ของเธอพยายามซ่อนอาการตื่นเต้นเอาไว้ เขาเองก็เหมือนกัน แต่สายตาของเขาก็คอยจะตามติดแม่ของเธอไปทุกที่ ถึงเขาดูวางตัวสบายๆ ตอนนั่งอยู่กับเธอ เขาก็จะออกอาการยินดีทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแม่ของเธอ
จากวันนั้นเขาก็จะโทรศัพท์มาทุกวันตอนที่กลับไปอยู่เยโอวิล แล้ว
ในเย็นวันจันทร์วันหนึ่งหลังจากที่ตลอดเสาร์อาทิตย์นั้นบรูซทิ้งห้องเช่าในโรงแรมมาใช้เวลาอยู่กับพวกเธอที่บ้าน แม่บอกเธอว่าบรูซขอเธอแต่งงาน
พาร์เนลี่เกือบจะโถมเข้ากอดแม่ด้วยความยินดีแล้วล่ะ ถ้าไม่เพราะสีหน้าของแม่สะกิดใจเธอ “แม่ตอบเขาว่ายังไงคะ” เธอถาม
“หนูไม่-ขัดข้องเหรอ” สเตลลา ริดชาร์ด ถามตะกุกตะกัก บางอย่างกระทบใจพาร์เนลี่เข้าอย่างจังแม่ลังเลเพราะ ‘เธอ’ เธอจึงโถมตัวเข้ากอดแม่ไว้แน่น
“ไม่ค่ะ” เธอดุ “ทำไมหนูต้องขัดข้องด้วยล่ะคะ”
“พ่อ-ของหนู”
พาร์เนลี่แทบจำพ่อของเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ พ่อเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ “หนูว่าพ่อก็ต้องอยากให้แม่มีความสุขมากเท่าเท่ากับหนูแหละค่ะ” เธอบอกจริงใจ
“แต่
การแต่งงานกับบรูซมันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างนะ” สเตลลา ริดชาร์ด เตือน
“ดีสิคะ” พาร์เนลี่หัวเราะเธออยากให้แม่มีความสุข ไม่ต้องกังวล-ทั้งตอนนี้และต่อๆ ไป
“งั้นหนูจะย้ายไปอยู่ที่เยโอวิลกับแม่กับบรูซใช่ไหม”
“อ๊า
!” พาร์เนลี่พึมพำ ตั้งใจเลยว่าจัดการเคลียร์ปัญหาแรกนี้ออกไปก่อน-และแน่ล่ะทุกเงื่อนไขที่จะตามมาด้วย
ประการแรกเธอค่อนข้างจะชอบที่นี่ ชอบนายจ้างและครอบครัวของเขาเอามากมาก แถมทั้งยังเข้ากันได้ดีอีกต่างหาก เธอสนุกกับงานของเธอในอีสท์เดรินเลย์นี้ และถึงเธอจะตัดใจทิ้งงานที่ทำและเพื่อนๆ ไปได้แต่เธอเห็นว่าแม่และสามีใหม่ควรจะได้เริ่มต้นชีวิตแต่งงานกันแค่สองต่อสอง
“แม่จะว่าไหมคะ ถ้าหนูจะอยู่ที่อีสท์เดรินเลย์” เธอถาม
“โอ้ ลูกรัก” สเตลลา ริดชาร์ด พูดอย่างกังวล “แม่ไม่ว่า แต่หนูต้องคิดถึงเรื่องจุกจิกและเรื่องอื่นที่ตามมาด้วยนะ ---อืมมม แม่คิดว่าเราน่าจะขายบ้านหลังนี้”
“หนูก็คิดอย่างนั้นค่ะ” พาร์เนลี่ตอบเสียงจริงจัง ถึงมันจะไม่เคยอยู่ในหัวของเธอมาก่อนเลย แต่ก็สงสัยมาหลายปีแล้วว่าแม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน แม่ที่รักของเธอคงอยากได้เงินสักก้อนไปเริ่มต้นการแต่งงานครั้งที่สองนี้ “หนูก็ไม่มีปัญหานะคะ หนูจะไปเช่าแฟล็ตอยู่ หนูจะ
”
“หนูจะต้องไม่ทำอย่างนั้นนะ” แม่ทำให้เธอแปลกใจด้วยการประกาศออกมาว่า เธออยากให้พาร์เนลี่ซื้อบ้านเล็กๆ ของตัวเองและให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายบ้านหลังนี้ไปวางมัดจำ บรูซเองก็เห็นด้วยกับเธออย่างเต็มที่
พาร์เนลี่หมุนหมายเลขโทรศัพท์ของแม่ที่เยโอวิล แล้วพอนึกถึงอีตาทรีเมนนั่นก็หงุดหงิดใจขึ้นมาอีกจนได้ เธอพยายามใจเย็นเย็นแล้วเล่าให้แม่ฟังเรื่องกระท่อมน้อยนั้นที่เธอเคยปักใจแล้วว่าเป็นของเธอแน่
“อะไรนะ? แม่ล่ะไม่อยากจะเชื่อเขาเลย!” ปฏิกิริยาแรกของแม่เธอ หลายนาทีต่อมาหลังการบ่นบ่นบ่นนั้นจบลง “ลูกรัก แม่เสียใจด้วยนะ หนูรักกระท่อมไมร์เทิลนั่น”
“ช่วยไม่ได้นี่คะ” พาร์เนลี่หวังว่าน้ำเสียงเธอคงฟังเหมือนว่าเธอไม่แคร์ ไม่ฟังดูท้อแท้หงุดหงิดอย่างที่เธอรู้สึกทุกครั้งที่คิดถึงมัน “ที่จริงหนูก็ผิดหวัง อย่างที่แม่ว่าล่ะค่ะ เพราะชัมลีย์เอดจ์ก็ประทับใจหนูเป็นพิเศษ แต่
”
“มันยิ่งกว่าประทับใจหนู โอ หนูดวงไม่ดีเลยจริงๆ” น้ำเสียงเจือสงสาร
“ไม่ต้องห่วงนะคะ” พาร์เนลี่พูดเสียงแจ่มใส “รูฟัส เซเยอร์ บอกว่าเขาจะบอกหนูถ้ามีบ้านที่คล้ายกันขาย”
“เชอะ!” แม่ทำเสียงขึ้นจมูก แล้วพูดต่อว่า “ดีนะ ที่เราไม่ได้ขายบ้านของเราผ่านบริษัทตานั่น แต่ก็ยังก็โชคดีนะลูก ที่เรายังไม่ได้ขายบ้านไปอย่างน้อยหนูก็ยังไม่ต้องรีบย้ายออก”
จากมกราคมจนกุมภาพันธ์ จนเข้าต้นเดือนมีนาคมนั่นแหละบ้านที่พาร์เนลี่โตมาถึงหาคนซื้อได้ ก็ยังโชคดีอีกว่ากว่าคนซื้อจะย้ายเข้ามาก็อีกระยะหนึ่งให้เธอได้มีเวลาเตรียมตัวบ้าง
เธอไปดูบ้านเล็กๆ อีกหลายแห่งแต่ไม่มีที่ไหนใกล้เคียงกับที่เธอฝันไว้เลย เธอไม่รู้จะโทษหรือขอบคุณเจ้ากระท่อมไมร์เทิลและเมืองชัมลีย์เอดจ์ที่น่าอยู่นั่นดีสำหรับเรื่องนั้น
ถ้าบรูซต้องมาทำธุระแถวนี้แม่ของเธอก็จะติดรถมาที่อีสท์เดรินเลย์ด้วยแล้วก็ค้างคืนกับเธอ หญิงสาวมีความสุขมากที่ได้เจอทั้งคู่ ปลายเดือนเมษายน เธอไปเยี่ยมทั้งคู่ที่เยโอวิลและใช้เวลาสุดสัปดาห์กับทั้งคู่อย่างเพลิดเพลิน ก็ใช่ว่าพวกเขามีกิจกรรมกันมากมาย สุดสัปดาห์นั้นผ่านไปกับการนั่งคุย กิน แล้วก็คุยอีก เพราะเพื่อนบ้านข้างๆ มีปัญหาเรื่องสะโพกพาร์เนลี่จึงต้องรับหน้าที่พาเจ้าอาเทอร์-สุนัขพันธุ์แจ๊ครัสเซลเทอเรียขนยาวไปเดินเล่น
เธอขับรถกลับจากเยโอวิลมีความสุขที่ได้รู้ว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แม่ของเธอไม่เคยดูมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อน แล้วเธอก็ลืมเรื่องแม่กับบรูซไปสนิทเมื่อรถใกล้ถึงอีสท์เดรินเลย์ เธอเริ่มคิดไปเรื่องนู้นเรื่องนี้
อืมม นี่เธอก็ยังหาบ้านใหม่ไม่ได้ แต่พอคิดปถึงเรื่องไปทำงานพรุ่งนี้ ก็เริ่มวิตกขึ้นมา เรื่องที่ว่าเธอจะไปอยู่ไหนตอนคนใหม่ย้ายเข้านั้นไม่ใช่ปัญหาแรกที่เธอต้องกลัวเลยตอนนี้
ธุรกิจที่ไมค์ โยลแลนด์ พลาสติก ไปได้ไม่ดีนัก ไมค์ที่น่าสงสารกลุ้มใจแทบตายกับการหมุนเงินไม่ทัน ต้องเอาตรงนั้นมาปะตรงนี้เอาตรงนี้ไปปะตรงโน้นเพื่อให้บริษัทอยู่รอดไปวันๆ ความจริงถ้ายังเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เธอก็คงจะไม่เหลืออะไรทั้งบ้านและงานที่ทำ-ว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องขึ้ปะติ้วถ้าเทียบกับปัญหาของไมค์
งานเป็นเลขานุการของไมค์เป็นงานแรกและงานเดียวของเธอ เธออยู่บริษัทนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เธอสนิทกับเซนาภรรยาของไมค์ บางครั้งยังไปเป็นพี่เลี้ยงให้ทอมกับรีเบคก้าลูกของพวกเขาเมื่อทั้งคู่สามีไปธุระนอกบ้าน เธอชอบครอบครัวนี้และตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่เหมือนเป็นคนในครอบครัวเขาด้วย เป็นเรื่องธรรมดาเลยที่ตลอดสัปดาห์นั้นเธอจะพลอยใจหายใจคว่ำไปกับไมค์ด้วย
วันนั้นเป็นวันพุธ ไมค์บอกกับเธอว่าเขาเพิ่งได้ข่าวจากทางธนาคารก่อนที่เธอจะมาถึง จากท่าทางเขาบอกได้เลยว่าอาจไม่ใช่ข่าวดี เธอก็อดรนทนไม่ได้เปรยออกมาว่า “ต้องหาใครมาช่วยอีกสักคนแล้วมั้งคะ”
“ผมก็ว่างั้นนะ!” เขาตอบ
ถึงวันศุกร์ลูกหนี้รายใหญ่บางคนก็มาใช้หนี้ ซึ่งก็ผ่อนสถานการณ์อันล่อแหลมลงไปได้บ้าง แต่ก็ช่างเป็นสัปดาห์ที่ตึงเครียดเหลือเกิน พอถึงเช้าวันเสาร์พาร์เนลี่ก็อยากออกไปเที่ยวคลายเครียดมากกว่าจะมานั่งทำความสะอาดบ้าน
หลังจากดูทั่วแล้วว่าบ้านก็สะอาดเรียบร้อยดี ที่จริงสะอาดเกินพอดีด้วยซ้ำ ก็รีบออกมาขึ้นรถขับออกไป ไม่นานเธอก็ทิ้งอีสท์เดรินเลย์ไว้ข้างหลัง เธอขับไปได้ 5-6 ไมล์ก็พบว่าตัวเองกำลังมุ่งหน้าเข้าเมืองชัมลีย์เอดจ์ราวกับต้องมนต์
ฉันน่าจะได้อยู่ที่นี่ แต่เพราะผู้ชายคนนั้น อีตาทรีเมน เธอคิดอย่างเข่นเขี้ยว เธอจะไม่มีวันลืมชื่อของผู้ชายคนนั้น หรือความอยุติธรรมที่ทำให้เขาได้อยู่ที่กระท่อมที่เธออยากได้เป็นอันขาด แถมเขาแค่อยากได้กระท่อมตากอากาศ ฮึ แก้ให้ถูก-กระท่อมตากอากาศชั่วครั้งคราว!
เธอขับรถช้าๆ ผ่านตัวหมู่บ้าน ถ้าเลี้ยวขวาที่ทางแยกข้างหน้าถนนจะพาเธอมุ่งออกไปห่างจากกระท่อมไมร์เทิล แต่ดูเหมือนรถของเธอมีความตั้งใจของมันเองมันพาเธอเลี้ยวซ้าย
เธอขับช้าๆ ออกจากหมู่บ้านไปเรื่อยๆ และยิ่งช้าลงเมื่อเห็นกระท่อมแฝดคู่นั้น บรรยากาศโดยรอบกระท่อมก็ยังสวยเหมือนเดิม สวนของกระท่อมพริมโรสดูแปลกไปเหมือนจะถูกทิ้งร้าง-แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ใส่ใจกับกระท่อมพริมโรส เพราะ
.นั่น! พวกเขากำลังทำอะไรกับกระท่อมไมร์เทิลที่แสนน่ารัก
ความกลัวบางอย่างแว๊บเข้ามาในใจของเธอ เธอจึงหยุดรถหน้าประตูรั้วบานคู่ของกระท่อมนั่น เปิดหน้าต่างรถลงเพื่อจะได้เห็นได้ชัดขึ้น กองวัสดุก่อสร้างวางสุมๆ กันอยู่บนทางเข้าบ้าน เธอใจหายวาบเพราะมันมีความหมายเดียวเท่านั้นที่เธอคิดออก กระท่อมไมร์เทิลกำลังจะถูกต่อเติม ซึ่งเธอเห็นว่าจะทำลายเอกลักษณ์ของมันชัดๆ
“โอ ไม่นะ!” เธออุทานออกมาเสียงดังโดยไม่รู้ตัวขณะที่สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่กระท่อมหลังนั้น แล้วก็รู้สึกตัวว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว ชายหนุ่มร่างสูง คงอายุราวสามสิบห้าสามสิบหก ท่าทางเหมือนเพิ่งกลับจากการออกกำลังกาย เขาเดินผ่านท้ายรถของเธอและกำลังจะเปิดประตูรั้ว เขาชะงักและหันมามองที่เธอ
“ไม่?” น้ำเสียงเขาแสดงถึงคำถามอย่างชัดเจน ชัดเลยว่าเขาเป็นคนประเภทที่ชอบคำตอบตรงประเด็น
เขามองเธอ เธอก็จ้องกลับ ชายหนุ่มมีดวงตาสีฟ้าเข้มจนเกือบดำ เธอสังเกต และเจ้าดวงตาคู่นั้นก็กวาดมองผ่านอย่างเร็วจากผมดำยาวสลวยอันดกหนาของเธอ ไปยังโครงหน้าได้รูปและผิวพันธ์หมดจดของเธออย่างละเอียด ผมของเขาสีดำหนา มีปรอยผมสีเงินแซมประปรายยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์
ท่าทางเขาเป็นคนเฉียบขาดอาจปากจัดและซ้ำยังเหมือนท้าให้พาร์เนลี่ห้ามเขากับคนของเขาไม่ทำอะไรก็ตามที่เขาจะทำกับกระท่อมไมร์เทิลที่งดงามนั้น เจ้ากรรม ถึงตอนนั้นความขมขื่นในอดีตบวกกับความตระหนกในสิ่งที่เห็น ก็ปลุกโทสะของเธอขึ้นมาอีก
ตานี่คิดว่าตัวเองเป็นใคร ไอ้โจรห้าร้อย! ถึงเดี๋ยวนี้เธอยังไม่โดนใครมองอย่างดูถูกขนาดนี้ เธอเชิดคางขึ้นอย่างยโสและพูดออกไปตรงๆ เลยว่า “ฉันบอกว่า นายกำลังทำให้มันหมดสวยน่ะสิ คุ ณ ท รี เ ม น!”
ที่เธอรู้จักชื่อเขาไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขา แล้วที่เธอกล้าทำยโสอวดดีใส่เขาทั้งที่ปกติก็ไม่มีใครกล้าเขาก็ไม่อินังขังขอบ ตานี่ คิดว่าตัวเองคือผู้ยิ่งใหญ่หรือไงนะ เธอคิด
“เราคงพบกันในงานปาร์ตี้ที่นานๆ ครั้งผมจะไป ที่ไหนสักแห่งสินะ” เขาพูดเรียบๆ ช้าๆ
“เราไม่เคยเจอกัน!” พาร์เนลี่กระแทกเสียงตอบห้วนๆ
“ถ้าอย่างนั้น เธอเป็นใคร” เขาสวนกลับ ก่อนที่เธอจะได้หายใจด้วยซ้ำ
“ฉันชื่อพาร์เนลี่ ริดชาร์ด!” เธอตอบอย่างฉุนเฉียว “ก็คนที่ถูกนายโกงเอากระท่อมไมร์เทิลไปไงล่ะ!” พอได้รู้ว่าชื่อของเธอไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย เธอก็โมโหมากจนแทบจะพุ่งเข้าทำร้ายเขาแล้ว
“ถูกโกง?” เขาทวน พาร์เนลี่ก็ตัดสินใจได้ว่าเธอทนต่อปากต่อคำกับเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว
เธอเชิดหน้าขึ้นสูงเท่าที่จะทำได้ ติดเครื่องยนต์ เข้าเกียร์ และออกรถไป หวังเหลือเกินว่าตัวเองไม่ได้ขับรถมาที่กระท่อมไมร์เทิลและหยุดอยู่ตรงนั้น บางทีไม่ต้องรับรู้จะดีกว่า ไม่ต้องมารู้สึกว่าส่วนหนึ่งของเธอถูกบดขยี้ เหมือนตอนนี้ถ้าเธอไม่ต้องมาเห็นกับตาว่าอีตาเจ้าของคนใหม่จะทำลายเอกลักษณ์ของมันมากกว่าจะอนุรักษ์ไว้
ตอนยังโกรธกรุ่นๆ อยู่นั้นพาร์เนลี่ออกจะสะใจด้วยซ้ำที่ได้เรียกเขาว่า คนขี้โกง แต่พอใจเย็นลงเธอก็คิดได้ว่าบางทีการว่าเขาต่อหน้าว่าคนขี้โกงอาจจะเกินไปหน่อย แต่เอาเถอะ ก็ดีกว่าที่เธอจะไปแอบด่าเขาลับหลังไม่ใช่เรอะ ดีซะอีกที่เธอกับเขาจะไม่ได้เจอกันอีก
ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่กว่าสุดสัปดาห์นั้นจะผ่านไปได้ เธอก็ต้องแปลกใจตัวเองว่ากับแค่ได้เจออีตาทรีเมนนั่นแว๊บเดียวสั้นๆ แต่กลับยากเย็นเหลือเกินที่จะลบภาพใบหน้ามีเสน่ห์ของเขาออกจากใจเธอได้ เอาล่ะ ก็ไม่ใช่ทุกวันนี่ที่เธอจะฉุนขาดได้ขนาดนั้นกับสิ่งที่คนนั้นทำกับกระท่อมหินโบราณน่ารักนั่น-ไม่ต้องพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น-ที่เธอไปเมืองนั้นและด่าบางคนว่าเป็นคนขี้โกง ที่นะที่วันจันทร์เธอไปทำงานและมีอย่างอื่นมาดึงความสนใจของเธอไป
เธอทำงานไปได้สองสามชั่วโมงรูฟัส เซเยอร์ นายหน้าของบริษัทบ้านและที่ดินที่เธอเคยติดต่อเรื่องกระท่อมไมร์เทิลก็โทรเข้ามา “ผมบอกคุณแล้วไงครับ ว่าผมจะติดต่อมาถ้ามีกระท่อมเหมือนกระท่อมไมร์เทิลขายอีก” เขาเริ่ม “ผมเพิ่งไปประเมิณสภาพมันมา มันตรงกับที่คุณต้องการทุกอย่างเลยครับ”
“โอ หรือคะ” พาร์เนลี่ตอบเนือยๆ เธอยังคงฝังใจกับกระท่อมไมร์เทิล
“คุณต้องตื่นเต้นแน่ๆ ถ้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” เขาเกือบหัวเราะเมื่อเอ่ยต่อ
“แล้วอยู่ที่ไหนล่ะคะ?” เธอถามเรียบๆ และคำตอบของเขาก็ทำให้ใจเธอเต้นรัว
“ชัมลีย์เอดจ์ครับ”
“ชัมลีย์เอดจ์?” เธอทวน “ส่วนไหนของชัมลีย์เอดจ์คะ”
“คุณจำกระท่อมพริมโรสได้ไหมครับ มันอยู่ที่
”
“กระท่อมพริมโรส? คงไม่ใช่หลังที่อยู่ข้างกระท่อมไมร์เทิลนะคะ?”
“ครับ! ไม่ใช่ดวงหรือครับนี่” เขาบอก และอธิบายให้เธอฟังว่าตอนเก้าโมงตรงมิสเตอร์กู๊ดวิน ก็คนเดียวกับมิสเตอร์กู๊ดวินที่จัดการเรื่องการขายกระท่อมไมร์เทิลแทนแม่ของเขา โทรมาบอกขายกระท่อมพริมโรสแทนอาสะใภ้ของเขา เพราะพอไม่มีเพื่อนสะใภ้อยู่ข้างบ้านแล้วชีวิตที่นั่นมันก็เงียบเหงาไป แย่กว่านั้นคือเธอหกล้มแล้วลุกขึ้นเองไม่ได้ ยังโชคดีที่วันนั้นคนซักรีดแวะมาจึงช่วยเอาไว้ได้ หญิงชราจึงตระหนักว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง พอดีอีกบ้านพักคนชราที่เพื่อนสะใภ้ของเธอไปอยู่มีห้องว่างและเธอเองก็คิดถึงเพื่อนสะใภ้มากจึงตัดสินใจย้ายเข้าไป “ผมแวะไปรับคุณไปดูบ้านตอนพักเที่ยงนี้ได้นะครับ ถ้าคุณต้องการ” เขาบอกหลังจากเล่าจบ
แต่พาร์เนลี่กลับลังเล “เที่ยงนี้ฉันยุ่งค่ะ” เธอตอบ ถึงจะวางแผนไว้ว่าจะทำงานจนเลยช่วงเที่ยงไปก่อน แต่ที่จริงแล้วเปลี่ยนแผนซะก็ได้ “แล้วฉันจะโทรกลับไปนะคะ” เธอบอกเขาและวางหูโทรศัพท์ลง--จนเลิกงานเย็นนั้น ใจนึงเธอก็ยังลังเลอยู่ ก็ได้แต่ถามตัวเองว่าเธอมัวรอทำบ้าอะไรอีกกระท่อมในชัมลีย์เอดจ์ไม่ได้ถูกปล่อยขายกันบ่อยๆ พระเจ้าช่วย(กล้วยทอด)
พอกลับถึงบ้าน เธอก็ต้องยอมรับว่าที่มันกวนใจเธอคือการต้องมีตาทรีเมนเป็นเพื่อนบ้านนั่นเอง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมามนต์เสน่ห์ของชัมลีย์เอดจ์ก็เป็นฝ่ายมีชัย เธอยังมีเงินที่แม่ให้เพื่อใช้วางมัดจำบ้านอยู่ พาร์เนลี่มาใจอ่อนตกลงใจที่จะซื้อมันก็ตอนใกล้จะสองทุ่มในนั้นเอง เธอยกหูโทรศัพท์และโทรหาแม่ของเธอ
กระท่อมพริมโรสที่พาร์เนลี่ไปดูในวันต่อมา ก็อย่างที่เธอรู้มา มันไม่ใหญ่เท่ากระท่อมไมร์เทิล แล้วก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเท่าด้วย มันเทียบไม่ได้เลยกับกระท่อมไมร์เทิล แต่ก็เพราะว่ามันไม่ใหญ่อย่างกระท่อมข้างๆ และต้องซ่อมแซมอีกมาก ราคาเริ่มต้นที่ตั้งไว้จึงเรียกได้ว่าค่อนข้างถูก
พาร์เนลี่เดินรอบห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่อยู่ชั้นล่าง ที่ชั้นบนมีห้องนอนหนึ่งห้องกับห้องอาบน้ำอีกหนึ่งห้อง พอเธอมองผ่านหน้าต่างหลังบ้านไปที่แนวต้นไม้ด้านหลัง ก็รู้สึกตื้นตันใจ รู้สึกผูกพันกับสถานที่ขึ้นมานิดๆ แล้วคืนนั้นเธอโทรหาแม่
“ไปดูมาหรือยังลูก” สเตลลา เลวิส ถามอย่างตื่นเต้น
“ไปมาแล้วค่ะ”
“แล้ว
”
“มันต้องซ่อมอีกมาก ทุกห้องต้องตกแต่งใหม่ และ
”
“หนูชอบมันรึเปล่าล่ะ” คือสิ่งที่แม่อยากรู้ “มันอยู่ในทำเลดีไหม”
“ทำเลดีมากเลยค่ะ” พาร์เนลี่แย้งอะไรไม่ได้นอกจากเห็นด้วย “และ ต่อไปหนูอาจรักมันได้” เธอพูดต่ออย่างจริงใจ “แต่
”
“แต่?” แม่ทำเสียงสงสัย
พาร์เนลี่เล่าให้แม่ฟังเรื่องที่ไปเธอไปปะทะคารมกับนายทรีเมน แน่ล่ะ เธอเล่าข้ามไปนิด ที่เธอไปด่าเขาว่าคนขี้โกง “แล้วนายนั่นล่ะคะแม่” เธอถาม
“นายนั่น?”
“เพื่อนบ้านของหนู”
“จากที่หนูเล่า เขาคงมาที่นั่นแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์ แถมเป็นบางอาทิตย์ซะอีก” สเตลลา เลวิส เริ่ม
“นั่ น ก็ ใ ช่” พาร์เนลี่ตอบเห็นด้วยช้าๆ
“แม่ว่าถ้าเขายุ่งขนาดนั้น ต่อไปเขาก็คงค่อยๆ เลิกมา แม่ว่าเขาคงไม่ทู่ซี้ไปๆ มาๆ ที่กระท่อมไมร์เทิลนั่นนานนักหรอก” สเตลลาพูดเสริมให้กำลังใจพาร์เนลี่
“ก็น่าคิดนะคะ” พาร์เนลี่ตอบ หลังจากวางหูลง เธอก็นั่งคิดที่แม่พูด-ถ้าอย่างนั้นแทนที่จะซื้อกระท่อมพริมโรสเธอน่าจะรอให้กระท่อมไมร์เทิลถูกประกาศขายอีกรอบดีไหมน้า
แล้วเธอก็ตัดสินใจได้ จากสภาพปัจจุบันของกระท่อมนั้นแทบทุกตารางนิ้วที่เห็นผ่านกำแพงบ้านเข้าไป ตอนนี้นายทรีเมนนั่นต่อโรงจอดรถใหญ่เพิ่มออกไปจากส่วนเดิมของตัวบ้านอีกด้าน แล้วยังอุปกรณ์ทันสมัยมากมายที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้าไป นั่นคงทำให้ราคาขายในอนาคตของมันแพงเกินกว่าที่เธอจะซื้อได้ ครั้งก่อนเธอก็ให้ราคาสูงที่สุดเท่าที่เธอจะให้ได้แล้วด้วย
รุ่งขึ้นเธอแวะเข้าไปบริษัทบ้านและที่ดินวางประมูลกระท่อมพริมโรส แต่ครั้งนี้เธอไม่ทำผิดพลาดแล้วทึกทักเอาว่ากระท่อมพริมโรสเป็นของเธอแล้วจนวันที่เธอและมิสซิสกู๊ดวินเซ็นต์สัญญาร่วมกัน
เธอได้เห็นนายทรีเมนนั่นอีกครั้ง สองอาทิตย์หลังจากวันที่เธอด่าเขาว่าคนขี้โกง แม่กับบรูซแวะมาตอนสุดสัปดาห์เพื่อเลือกกันว่าเครื่องเรือนชิ้นไหนน่าจะขนไปเยโอวิล และชิ้นไหนที่เหมาะกับกระท่อมพริมโรส บ่ายวันเสาร์นั้นตอนที่ทั้งสามมาถึงที่กระท่อม นายทรีเมนนั่นก็กำลังจะออกไป
ถ้าไม่มีเหตุปะทะนั่นซะก่อน พาร์เนลี่คงเข้าไปแนะนำตัวในฐานะเพื่อนบ้านคนใหม่ แล้วก็แนะนำให้รู้จักแม่กับพ่อเลี้ยงของเธอ แต่ถึงเธออยากจะทำอย่างนั้นก็คงทำได้หรอกนะ ก็นายทรีเมนนั่นไม่แม้แต่จะชายตามองมาทางเธอด้วยซ้ำ
คิดแล้วเธอก็เชิดคางเดินตรงไปที่ประตูกระท่อมแทน แล้วเธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาอีกเลย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีตนับแต่นั้น เธอย้ายออกจากบ้านเก่าวันเสาร์นี้--เพราะเจ้าของคนใหม่จะย้ายเข้าไปวันจันทร์
แล้วเธอก็กลับมาสนใจกับทิวเขาเรียงรายที่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า แปลกใจว่าเธอเหม่อไปเป็นครึ่งชั่วโมง ได้สัมผัสทิวทัศน์ที่งดงามนี้แต่ก็ไม่ได้รับรู้เลยกลับปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับอดีต
เธอผละจากหน้าต่าง ไม่สงสัยเลยว่าตอนนี้เธอต้องมนต์เสน่ห์ของกระท่อมพริมโรสอย่างที่รู้สึกกับกระท่อมเพื่อนบ้าน ตั้งแต่วันที่เซ็นต์สัญญาเธอก็มั่นใจได้ว่าไม่มีใครมาแย่งเอามันไปจากเธอได้ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ตาม แล้วเธอก็ยอมให้ตัวเองลดการ์ดลงและปล่อยให้ตัวเองหลงรักที่นี่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอก็รู้สึกดีกับกระท่อมหลังนี้มาตั้งแต่ต้น แล้วไงล่ะสุดท้ายเธอก็ได้เป็นเจ้าของมัน
เธอคิด ขณะก้าวไปในห้องครัวที่ด้านหลังบ้านหาเครื่องดื่มร้อนๆเสียอย่างเดียว ที่นี่มีเจ้าแมลงวันหัวเขียวที่ไม่น่าพิศมัยตัวหนึ่งเป็นของแถมมาด้วย
อ๋อ เจ้าแมลงวันหัวเขียวที่ว่า ก็เพื่อนบ้านข้างๆ ที่แสนจะยโสโอหังของเธอนั้นไงล่ะ แต่ ถ้ามองในแง่ดี เธอจะมีความสงบสุขส่วนตัวตั้งแต่วันจันทร์ไปจนถึงวันศุกร์ และอาทิตย์นี้เขาก็ไม่อยู่อีกต่างหาก ถ้าโชคดีเขาก็อาจจะไม่แวะมาที่วิลท์เชียร์ในอาทิตย์หน้าด้วยเหมือนกัน
และถ้าโชคของเธอดีแบบสุดๆ เธออาจไม่ต้องเจอหน้านายยโสจอมวางก้ามนั่นอีกเลย!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น