ตอนที่ 12 : 11 : จากลม 100 per
จากลม
กระเป๋าเดินทางใบสุดท้ายถูกยกขึ้นหลังรถยนต์คันใหญ่ ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกมือของอีกคนเอื้อมมาแตะเบาๆที่แขน ริมฝีปากเผยยิ้มออกมาอัตโนมัติเมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสของอีกคน
“เสร็จเรียบร้อยแล้วพี่ลม” น้ำเอ่ยออกมาพร้อมกับเปิดประตูรถ “เชิญขึ้นรถครับผม~” เสียงอารมณ์ดีของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย
“ขอบคุณนะ” ผมเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกๆครั้ง สายตาหันไปมองบ้านที่อาศัยมาตลอดหนึ่งเดือนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมมีความสุขมากขึ้นในทุกๆวัน
“มีอะไรรึเปล่าพี่ลม”
“เปล่า”
“ลืมของเหรอพี่”
“…”
“พี่ลม”
“อืม…ลืมของ” ผมตอบรุ่นน้องพร้อมรอยยิ้ม “แต่คงไม่กลับเข้าไปเอาแล้ว”
“ทำไมล่ะ เข้าไปเอาได้นะพี่ ผมรอได้” น้ำตอบกลับอย่างสบายๆ วันนี้น้ำตั้งใจมาช่วยผมขนของรวมไปถึงซื้อของต่างๆเข้าห้อง วันนี้น้องว่างทั้งวัน
“เป็นของที่เอาไปด้วยไม่ได้”
“…”
“เอาทิ้งไว้ที่นี่ดีแล้ว” ถึงจะอยากเอาไปด้วยแค่ไหนก็เอาไปไม่ได้ ผมรู้ว่าน้ำไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกไป “ไปกันเถอะ”
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ขากลับไม่ยอมก้าวเดินขึ้นรถ ผมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาหกโมงเช้าก่อนจะถอนหายใจออกมา ตั้งใจจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพราะกลัวว่าใต้จะตื่นก่อนที่ผมจะออกไป ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ดีกับตัวผมและใต้
แค่เมื่อคืนที่อยู่ด้วยกัน...ก็แทบทนไม่ไหว
“พี่ลม” น้ำเสียงทุ้มเรียกชื่อผมด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่เป็นอะไรรึเปล่า”
“พี่เหรอ...” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “พี่จะเป็นอะไร” เสียงหัวเราะดังออกมาเบาๆเพื่อคลายความกังวล ทั้งที่ความจริงผมไม่ตลกเลยสักนิด
“เหมือนพี่ยังไม่อยากไป”
“…”
“มีอะไรที่พี่อยากทำก่อนไหม”
“…”
“พี่ลม”
“…”
“พี่ลม”
“ไปกันเถอะน้ำ” ผมเอ่ยออกมาก่อนจะเดินขึ้นรถเพื่อตัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัว “ไปกัน” ผมย้ำคำเดิมหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“พี่ลม...พี่อยากไปจริงๆเหรอ” น้ำถามย้ำผมอีกครั้ง เหมือนน้องมีคำถามที่อยากจะถาม แต่เลือกที่จะถามอ้อมๆแทนที่จะถามผมตรงๆ
“น้ำ” ผมเรียกคนที่ยืนจับประตูรถฝั่งผมไว้ไม่ยอมปิด “พาพี่ไปเถอะ”
ก่อนที่ทุกอย่างที่ทำมาจะพังลง...
“อืม…ผมแล้วแต่พี่อยู่แล้ว” น้ำพยักหน้ายอมรับ เขาค่อยๆปิดประตูรถลงก่อนจะชะงักมือที่จับประตูรถเมื่อได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากในบ้าน
ประตูบานเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้ชายที่อยู่ในชุดนอนวิ่งออกมา ใบหน้าแสดงออกว่านอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ตาทั้งสองข้างปูดบวมเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง น้ำมองภาพตรงหน้าสลับกับมองผมที่นั่งอยู่บนรถ ผมรู้ว่าสีหน้าของตัวเองเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าใต้วิ่งเข้ามาใกล้
“ผมว่าพี่คุยกันก่อนเถอะ” น้ำเอ่ย “ผมรอได้”
แต่ผมไม่อยากให้รอ...
“ขอโทษด้วยนะน้ำ” ผมเอ่ยออกมาก่อนที่จะก้าวขาลงจากรถ
ความตั้งใจทั้งหมดพังลงเมื่อใต้ตื่นขึ้นมาก่อนที่ผมจะออกไป อาจผิดที่ตัวผมเองที่มัวแต่ยืดเวลาไม่ยอมออกไปทั้งที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก่อนที่ใต้จะตื่นขึ้นมา เมื่อคืนนอนดึกด้วยกันทั้งคู่ ทำไมถึงรีบตื่นขึ้นมา
ทำไมไม่รอให้ผมไปก่อน
“ใจร้าย” คำแรกที่ใต้เอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเจื่อนๆ “จะแอบไปตอนใต้นอนหลับ”
“…”
“ทำไมต้องทำให้เศร้าเหมือนในหนังด้วย”
“…”
“แค่นี้ก็เศร้าจะตายอยู่แล้ว” ใต้ยิ้มนิดๆ
ผมมองคนตรงหน้าที่ดูพึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรีบวิ่งออกมานอกบ้านไม่ได้เช็คหน้าตาหรือทรงผม ดวงตาที่ปูดบวมทำให้ผมรู้สึกแย่ไม่น้อย ผมไม่อยากให้ใต้เป็นแบบนี้ เขาไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก เขาเหมาะที่จะเป็นใต้ที่เข้มแข็งเหมือนที่ผ่านมา
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย
เป็นห่วงนะใต้...
“ผมไม่อยากปลุกใต้ เมื่อคืนใต้นอนดึก”
“ลมก็นอนดึกนี่ครับ” เขาเอ่ย “ถ้าปลุก...ใต้ก็ไม่ว่าอะไรลมหรอก”
“…”
“จะไปแล้วใช่ไหม” ถามคำถามออกมาเสียงเบา ใต้ดูเหมือนนอนไม่พอและสติยังไม่ครบถ้วน “ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอลม...ก็เลยคิดว่าน่าจะไปแล้ว”
“…”
“ไปตั้งแต่เช้าเลย” เขาหัวเราะ “นอนไปกี่ชั่วโมงเอง...ไปสายกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้”
“…”
“ไม่อยากให้ใต้ตื่นมาเจอสินะ”
“…”
“ขอโทษครับที่ทำตามที่ลมตั้งใจไม่สำเร็จ”
“…”
“เพราะตัวใต้เอง...อยากตื่นขึ้นมาส่งลม”
“อืม”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ” มือวางลงบนเส้นผมนุ่มเหมือนทุกๆครั้ง รอยยิ้มเผยออกมาตามความรู้สึกที่ได้พูดออกไป คำนี้เป็นคำที่ดีที่สุดที่พูดได้ตอนนี้ “ต้องอ้วนกว่าเดิมนะ”
“อืม”
“ลม”
“ครับ”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ”
“…”
“ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดหนึ่งเดือน”
“อืม…ขอบคุณใต้ด้วยนะ” ผมสบตาคนตรงหน้า “ขอบคุณที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
“ครับ” ใต้พยักหน้ารับ “ขอให้งานผ่านไปด้วยดี ไม่ต้องแก้บทเยอะนะครับ”
“อืม…ขอให้งานใต้มีลูกค้าเข้ามาเยอะๆเหมือนกัน”
“ครับผม”
“ใต้…ผมจะไปแล้วนะ”
ไม่เคยรู้สึกว่าพูดออกมายากเท่าตอนนี้
เพราะลึกๆข้างใน...ผมไม่อยากไป
“อืม…ดูแลตัวเองนะ”
“…”
“กอดนะครับ” ใต้เอ่ยพร้อมกับเดินเข้ามาประชิดตัวก่อนที่แขนทั้งสองข้างจะโอบกอดผมไว้ เป็นกอดหลวมๆที่ไม่รัดจนอึดอัดเกินไป เป็นกอดที่ทำให้ผมสบายใจเหมือนทุกๆครั้ง
“ขอบคุณนะ” แขนที่ปล่อยไว้ข้างลำตัวยกขึ้นมากอดตอบอีกคนแน่น น้ำตาที่กลั้นเอาไว้พลันจะไหลออกมาดื้อๆเมื่อได้กอดคนตรงหน้าอีกครั้ง
เพราะคิดว่าเมื่อคืนจะเป็นกอดสุดท้าย...
“ลม”
“อืม” ผมรับคำให้เขารู้ว่าผมยังฟังเขาอยู่
ฟังมาตลอด
“ใต้รู้ว่าหลังจากนี้ใต้ต้องแย่มากแน่ๆ”
“…”
“แต่ลมไม่ต้องเป็นห่วงนะ...ใต้จะทำให้ได้เหมือนที่ลมเคยขอไว้”
“…”
“ไม่มีลมใต้จะอยู่ให้ได้นะ”
“ขอบคุณนะ”
“ครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังที่ข้างหู ผมรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดที่กระชับแน่นกว่าเดิมเหมือนเขาไม่ต้องการให้ผมห่างไปไหนไกล “ต้องปล่อยจริงๆแล้ว”
“…”
“ก่อนจะไป...ช่วยพูดคำนั้นให้ใต้ฟังหน่อยได้ไหม”
“…”
“คำที่ลมจะพูดทุกวันก่อนที่ใต้จะออกไปทำงาน”
“พูดไปผมก็ทำไม่ได้”
เพราะรู้ว่าผมทำตามที่พูดไม่ได้
“พูดให้ใต้ฟังได้ไหม”
“…”
“อย่างน้อยก็รู้สึกว่ามันไม่นาน”
“อืม”
“…”
“ตั้งใจทำงาน”
“…”
“เจอกันที่บ้านนะ”
“ครับ...เจอกันที่บ้านนะ” ใต้เอ่ยออกมาพร้อมกับความเปียกชื้นที่ผมรู้สึกได้ที่หัวไหล่ ร่างที่สูงกว่าผมเล็กน้อยสะอื้นออกมาก่อนที่ใบหน้าจะกดลงบนไหล่ของผมอย่างคนเก็บความรู้สึกต่อไปไม่ไหว
ทั้งที่ใต้รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปมันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง
ทั้งที่รู้ว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้
“ผมไปแล้วนะ”
“อืม” เขาพยักหน้าก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ริมฝีปากเผยยิ้มแม้ดวงตาทั้งสองจะเปื้อนคราบน้ำตา
จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมก็ไม่เคยชินกับน้ำตาของคนๆนี้
“ดูแลตัวเองดีๆนะ”
“ครับ”
“แล้วเจอกันนะ”
“…”
“…”
นานนับสิบวินาทีที่เรายืนสบสายตาโดยไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมา ผมยกมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง มันถึงเวลาที่เราควรจบเรื่องทุกอย่าง
ถึงเวลาสักที
ประตูรถเปิดออกพร้อมกับคนที่นั่งรออยู่บนรถก่อนแล้ว น้ำหันมายิ้มให้ใต้ที่ยืนส่งผมอยู่นอกรถก่อนจะเตรียมตัวออกรถ ผมหันไปมองใต้อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจปิดประตูรถลง เสียงประตูที่ปิดลงเจ็บปวดกว่าครั้งไหนๆ มันเป็นสัญญาณที่ปลุกผมกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริง
โลกที่เราต้องเดินต่อไปในเส้นทางที่เรากำหนดเอง
เส้นทางที่มีแค่ตัวผม
“ไปแล้วนะ” ผมเอ่ยออกมาแม้จะรู้ว่าคนข้างนอกไม่ได้ยิน
ใต้ยืนโบกมืออยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มที่ไม่จางหายไปจากใบหน้า มืออีกข้างยกขึ้นมาปาดน้ำตาลวกๆเหมือนไม่ต้องการให้ผมเห็นเขาในมุมที่อ่อนแอ
“แบบนี้ดีแล้วจริงๆเหรอพี่” น้ำถามออกมาพร้อมกับรถที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่
“อืม…แบบนี้ดีที่สุดแล้ว” ผมตอบกลับไปพร้อมกับมองกระจกข้างที่มีร่างของคนๆเดิมที่ยังยืนอยู่ตรงที่เดิม
เราค่อยๆห่างกันออกไปเรื่อยๆจนผมไม่เห็นร่างของเขาอีก...
ตื่นจากความฝันแล้ว
“ไหวไหมพี่”
“ไหวสิ ทำไมจะไม่ไหว”
“ถ้าไหว...ทำไมพี่ถึงร้องไห้”
“…” คำพูดที่น้ำเอ่ยออกมาทำให้ผมยกมือขึ้นแตะบริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ไม่รู้ตอนไหนที่น้ำตามันไหลออกมา รู้ตัวอีกทีก็ร้องออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ผมเสียใจ
“ระบายได้นะพี่...ร้องออกมาเถอะถ้ามันไม่ไหว”
“…” ผมเงียบแทนคำตอบ ทุกอย่างพรั่งพรูออกมาจนผมควบคุมตัวเองไม่ไหว เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่เช็ดออกจากใบหน้าไม่หมด
เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนักโดยไม่อายคนข้างๆ
เหตุผลที่ผมตัดสินใจทำแบบนี้น้อยคนที่จะเข้าใจ ผมรู้ว่ามีหลายคนที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกที่จะเดินออกมาทั้งที่ความรู้สึกของผมกับใต้ยังเหมือนเดิม จริงอยู่ที่ผมให้อภัยกับทุกเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ผมไม่เก็บเรื่องเหล่านั้นมาบั่นทอนจิตใจ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเลือกที่จะตัดสินใจเหมือนเดิมก็คือ...ผมต้องการเวลา
ยังจำภาพวันที่แย่ที่สุดในตอนนั้นได้ดี ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่มีวันกลับไปอยู่ในจุดนั้นอีก กว่าที่ผมจะหลุดพ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมต้องใช้เวลาและความเข้มแข็งที่มีอยู่น้อยนิด พอถึงวันหนึ่งที่ผมเข้มแข็งขึ้นมาผมก็อยากจะรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ให้นานๆ จำช่วงเวลาที่แย่ที่สุดและบอกตัวเองเสมอว่าจะไม่กลับไปเป็นอย่างนั้นอีก
การตัดสินใจของผมไม่ได้แย่ไปทั้งหมด...ผมแค่ต้องการเวลา
ถ้าเวลาที่เหมาะสม และเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
วันนั้น...ผมจะเข้าไปบอกเขาเอง
ว่าผมรักเขามากแค่ไหน...
----------------------------------------------
หวังว่าทุกคนจะเข้าใจพี่ลมมากขึ้นนะคะ. :)
หายไปนานอีกแล้ว ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆนอกจากคำว่า 'ฝึกงาน'
ช่วงเวลาฝึกงานเป็นช่วงที่สูบพลังชีวิตมากจริงๆค่ะ T-T
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่แนวของใครหลายๆคน
แต่เราอยากจะขอบคุณทุกคนที่ยังอ่านจนถึงตอนนี้
อีกไม่กี่ตอนก็ถึงบทสรุปของนิยายเรื่องนี้แล้ว
เรามาจับมือแล้วพาทั้งคู่ไปถึงตอนจบด้วยรอยยิ้มกันเถอะค่ะ
1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจ
หวังว่าทุกคนจะรักตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้
#เสี้ยวลมหายใจ
ไม่อยากเข้าใจแต่ก็ต้องเข้าใจใช่ม้ั้ยเนี่ย เศร้าจัง จากกันทั้งที่ยังรัก
เอาอีกครับ ขอหน่วงมากกว่านีครับ ชอบครับ