ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REST IN KAIHUN {OS/SF}

    ลำดับตอนที่ #13 : os mad boy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.47K
      25
      21 ส.ค. 58

    #madboykh












    Rrrr Rrrr


           เสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องสวยดังขึ้นดึงสมาธิของคนที่กำลังมองดูตารางจนแอบนึกโมโหเล็กๆ แต่เมื่อปรายตาไปมองรายชื่อที่ขึ้นหราอยู่ก็กลับคลี่ยิ้มบางออกมาราวกับได้กินชาอุ่นๆ ในยามเช้า 


           ...คิมจงอินเหมือนชาอุ่นๆ ในยามเช้าของเขา 


           "พี่เซฮุน" เสียงทุ้มปลายสายพูดขึ้นในทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย มือเรียววางเอกสารที่กำลังดูอยู่ลงบนโต๊ะแทนการเปิดลำโพงเพื่อพูดคุยกับอีกคน เซฮุนชอบที่จะแนบหูไว้กับโทรศัพท์แบบนี้มากกว่า เพราะความอุ่นของหน้าจอกับเสียงทุ้มๆ ที่เปล่งออกมาทำให้เขารู้สึกเหมือนจงอินกำลังกระซิบอยู่ข้างหู 



           "อืม" ที่ตอบออกไปได้เพียงสั้นๆ เพราะความโตกว่ามันค้านคอเอาไว้ เขาอายุห่างกับจงอินราว 13 ปี ขณะที่อีกฝ่ายเรียนมอปลายปีสุดท้าย เขาก็อายุ 30 เข้าไปแล้ว ตอนเห็นร่างกายกำยำสูงโปร่งเขาก็กลายเป็นเพียงแมวตัวเล็กๆ แล้ว ให้ดูโตกว่าระหว่างคุยโทรศัพท์บ้างก็ยังดี 



           "ผมปิดเทอมแล้วนะ" จงอินเป็นน้องชายของเพื่อนคนสนิทของเขา ลินนา พ่อและแม่ของจงอินเสียชีวิตตั้งแต่จงอินยังเด็ก ลินนาต้องออกเรียนกะทันหันเพื่อทำงานหาเลี้ยงน้อง โชคดีที่ครอบครัวของจงอินเป็นผู้ดีเก่า สมบัติที่ยังอยู่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นเงินตราเพื่อก่อร่างสร้างตัวอีกครั้ง ในจังหวะเดียวกันที่เขาตกอับ บาร์แห่งนี้ก็นับหนึ่งมาจากเงินที่ลินนาให้ ยืมและที่น่าเศร้าที่สุดคงจะเป็นเกือบสิบปีที่แล้ว เธอจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง เขาจึงกลายเป็นผู้ปกครองของจงอิน เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นพี่ชายสักครั้ง เพราะความรู้สึกของเขามันมากกว่านั้น 

           จงอินเรียนโรงเรียนชายล้วนและอยู่หอพักประจำ ซึ่งโรงเรียนก็ห่างจากบ้านของเขาพอสมควรจะให้เทียวไปเทียวมาก็คงเสียค่ารถแพงแย่ 


           "มารับผมหน่อยนะครับ คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว" จงอินเป็นนักล่าที่เลือดเย็นที่สุด พูดจาเกลี่ยกล่อมเขาแล้วยิงด้วยปืนสลบนัดเดียว แค่นั้นเขาก็นอนหลับแทบอกอีกคนได้ทั้งคืน 



           "หอปิดกี่โมง?" 



           "สามทุ่มครับ" 



           "งั้นเดี๋ยวสองทุ่มพี่ไปรับนะ" นิ้วเรียวเตรียมจะกดวางสายเพื่อตัดบทเพราะตัวเองดันจินตนาการถึงอนาคตอันใกล้ที่จะได้เจอจงอินในรอบหนึ่งเทอมจนเสียสมาธิไปหมดแต่ประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมากลับทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง



           "คืนนี้พี่มานอนห้องผมนะ" กลายเป็นคนเด็กกว่าแทนที่กดวางสายไป ให้ตายเถอะ...คิมจงอินน่ะเลือดเย็นจริงๆ
    ท้องฟ้าสีมืดสนิทถูกประดับไปด้วยดวงไฟเล็กๆ จากเครื่องบินหรือป้ายโฆษณาที่สูงเฉียดฟ้า ในเมืองเราไม่สามารถมองเห็นดาวได้หรอก ถึงฟ้าสีดำจะทำให้มองไม่เห็นแต่คนบางคนก็ยังหลงใหลมันอยู่ดี 





           รถเมอร์เซเดสรุ่นใหม่ล่าสุดคันสีเทาเงาวับดับเครื่องยนต์ลงที่หน้าหอพักในของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ร่างบางที่กำลังเดินลงจากรถเรียกเสียงร้องแซวจากนักเรียนชายที่นั่งอยู่หน้าหอราวกับผู้หญิงนุ่งสั้นทั้งๆ ที่เขาก็ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวมาปกติ เซฮุนเลือกไม่สนใจเสียงโห่ร้องแล้วเดินเข้าไปข้างตึกที่ถูกความมืดปกคลุมอยู่แทน 

         โทรศัพท์เครื่องสวยถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อเปิดหน้าจออาศัยแสงสว่างมองทางแต่แล้วก็ถูกบุคคลปริศนาพุ่งเข้าจับมือเรียวแทน


           "นี่!" เสียงหวานร้องด้วยความตกใจก่อนจะเงียบลงในวินาทีต่อมาเมื่อกลิ่นเหงื่อที่คุ้นเคยลอยอยู่ตรงหน้า ความเงียบกลืนกินรอบบริเวณก่อนเสียงกระเป๋าเป้ใบหนักจะถูกปล่อยลงกับพื้นพร้อมกับแผ่นหลังบางที่ถูกดันลงไปจนชิดผนัง 

           เสียงลมหายใจปนกลิ่นเหงื่อทำให้เซฮุนใจเต้นระรัวไปหมด เหมือนกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลอยู่ในร่างกายพร้อมจะช้อตทุกเมื่อหากอีกฝ่ายเข้าใกล้มากกว่านี้ 


           "จุ้บ.." เสียงประหลาดดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสอุ่นร้อนบนลำคอเนียน สันจมูกโด่งถูขึ้นลงราวกับกลิ่นหอมตรงหน้าเป็นออกซิเจนถังสุดท้ายในตอนที่กำลังจะหมดลมหายใจ ทาบริมฝีปากหนาลงแล้วออกแรงดูดเบาๆ จนคนถูกคุกคามเผลอปล่อยเสียงครางออกมาแผ่วเบา


           เงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าเรียวแม้จะเห็นไม่ชัดเจนแต่เสียงหอบหายใจก็ทำให้จงอินรู้ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน มุมปากหยักยกยิ้มบางก่อนจะแตะปลายลิ้นร้อนฉ่าลงบนเรียวปากบางที่ถูกกัดอยู่อย่างขออนุญาต 

           "อ..อื้อห์" บดคลึงสัมผัสอ่อนโยน ขบเม้มเรียวปากนุ่มราวกับจะละลายคนตรงหน้าด้วยความร้อนรุ่มที่กำลังสุมอยู่ในอก มือหนาเลื่อนลงขย้ำบั่นท้ายแน่นที่ขยับรับมืออย่างรู้งานเมื่อนึกถึงเสียงโห่แซวที่ดังเมื่อห้านาทีก่อน ร้องกันเพราะหุ่นพี่เซฮุนดีแบบนี้น่ะสิ 



           "กลับบ้านนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยชิดใบหูที่ขึ้นสีแดง เหมือน...เหมือนอย่างที่เซฮุนจินตนาการไว้ไม่มีผิด 
    คิมจงอินกำลังจะยิงยาสลบใส่เขาอีกแล้ว...










    cut
    on bio @pupjas










           กลิ่นหอมกาแฟที่เซฮุนโปรดปรานไม่ได้ทำให้อารมณ์ร้อนตอนนี้เย็นลงสักนิด ก็ไอเพื่อนลูกครึ่งบอกให้เขามารับที่สนามบิน เมื่อกี้ส่งข้อความไปก็บอกว่าอยู่ในร้านกาแฟแถมยังส่งประโยคปัญญาอ่อนแบบเด็กๆ ให้เขาตามหาให้เจอแล้วจะถ่ายรูปคู่ด้วยอีกต่างหาก หมอนั่นน่ะเป็นเพื่อนกวนประสาทที่เขาหลงผิดไปคบด้วยอย่างไม่น่าเกิดขึ้นสุดๆ อุตส่าห์จะแบ่งบ้านให้อยู่ช่วงที่มาพักผ่อนก็ยังไม่วายมากวนกันอีก ปาร์คชานยอลนี่มัน! 

           "วู้วฮู.." เสียงผิวปากที่คุ้นหูดังขึ้นเหมือนจะเป็นการบอกใบ้เล็กๆ ให้เขาหลังจากที่เดินวนไปร้านนู้นร้านนี้มาหลายรอบ 

           ไหล่กว้างดูดีไม่ผิดไปจากนายแบบบนหน้านิตยสารสวมเสื้อโค้ทเรียบสีน้ำเงินเข้มกับผมสีเทาอ่อนทำให้เขาเห็นแวบแรกตั้งแต่เดินเข้ามา ผมก็บางอยู่แล้วยังจะทำสีแบบนี้อีก 

           เซฮุนกรอกตาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามของอีกคน ชานยอลสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมที่มีเลนส์สะท้อนแสงไม่ต่างจากสีผมก่อนจะถอดออกแล้วคลี่ยิ้มกว้างโชว์ฟันทุกซี่พร้อมกับเสียงทุ้มที่พูดประโยคน่าตื่นเต้นแต่ไม่ได้ทำให้คู่สนทนายิ้มขึ้นมาสักนิด 


           "เซอร์ไพรส์!" 



           "..."



           "ถ่ายรูปคู่มั้ย นี่นายแบบ GQ เลยนะเว้ย" ชานยอลกำลังพูดถึงนิตยสารชายชั้นนำที่ตัวเองได้ขึ้นปกเมื่อเดือนที่แล้วจากการเป็นพระเอก mv ล่าสุดให้เทย์เลอร์ สวิฟ นักร้องสัญชาติอเมริกาชื่อดังจนกลายเป็น Top 10 หนุ่มน่าเดททั่วโลก แต่สำหรับเขาชานยอลก็แค่เพื่อนผมบางคนหนึ่งเท่านั้นแหละ



           "จะไปบ้านได้ยัง?" 



           "งอนอ่อ?" 



           "..." 



           "โหงอนอ่อ อย่างงอนดิ เดี๋ยวหอมแก้มมาๆ" ไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาถ้าอีกฝ่ายหลบไม่ทันก็คงจะถูกกระทำอนาจารกลางสนามบินไปแล้ว ชานยอลยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าสวยบิดเบี้ยวจนดูน่าแกล้ง โอเซฮุนยังน่าแกล้งตั้งแต่วันที่ปฏิเสธดอกกุหลาบจากเขาจนถึงวันนี้ 



           "ถ้ายังไม่ไปก็หาที่อยู่เองเลยนะ" เสียงหวานพูดตัดบทอย่างจริงจังแต่คนตัวสูงกลับอมยิ้มอยู่ได้ นี่จะกวนประสาทกันใช่มั้ยหะ?! 



           "อยู่ในใจเซฮุนได้ป่ะ?" 



           "ปาร์คชานยอล!"





           บรรยากาศบนรถไม่มีทางเงียบถ้าชานยอลเป็นหนึ่งในผู้โดยสาร ร่างสูงจัดการเสียบโทรศัพท์ตัวเองเข้ากับรถของเขาเสร็จสรรพก่อนจะเปิดเพลงจังหวะสนุกสนานราวกับจะเดินทางไปทะเลแต่รถก็แล่นไปบนถนนของหมู่บ้านเล็กๆ เท่านั้น 

           มือหนากดเปิดกระจกก่อนจะยื่นหน้าออกไปรับลมอย่างที่คิดไว้แต่กลับต้องรีบชักตัวเข้ามาเพราะแสงแดดตอนเที่ยงตรงคงจะทำลายเซลล์ผิวบนใบหน้าหล่อๆ นั่นไปแล้ว 


           "ทำไมแดดแรงจังวะ"



           "ใครใช้ให้ยื่นหน้าออกไปแบบนั้นล่ะ" 



           "แล้วนายรำคาญฉันป่ะ?" 



           "รำคาญ" 



           "ใครใช้ให้เก็บฉันไปคิดล่ะ" ชานยอลยกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าราวกับได้เหรียญทองว่ายน้ำที่ตัวเองว่ายไม่เป็น กดเปลี่ยนเพลงในรถเป็นเพลงรักจนคนขับต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ใครจะร่าเริงได้ทั้งวันแบบชานยอลอีกมั้ยเนี่ย



           "ถามอะไรหน่อยดิ" 



           "อะไรอีกล่ะ"



           "มีแฟนรึยัง จะจีบ" ชานยอลพูดด้วยสีหน้าร่าเริงราวกับเป็นเรื่องตลกขบขันแต่ที่แท้จริงในใจของเขาก็กำลังเต้นไม่เบา เซฮุนเป็นผู้ชายคนแรกที่เขาตกหลุมรัก และก็เป็นคนๆ แรกที่หักอกเขาแถมยังหยิบดอกกุหลาบมาทัดหูให้เขาราวกับสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องหลอกเด็กอีกต่างหาก เขาเชื่อว่าตอนนั้นอาจจะเพราะความเป็นเพื่อนที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจแต่ในตอนนี้เขากลับมาในฐานะผู้ชายที่ตั้งใจจะจีบ ไม่ใช่เพื่อนสนิทอย่างแต่ก่อนแล้ว



           "มีแล้ว" ชานยอลเป็นเหมือนลูกโป่งที่พองลมจนอิ่มตัวแล้วแตกเองในที่สุด เขาไม่ใช่พวกที่ถอดใจง่ายๆ แต่การทำให้คนอื่นแตกหักก็คงไม่ใช่หนทางที่ดีนัก ถ้ามันเป็นไปได้ สักวันก็ต้องเกิดขึ้นเขาเชื่ออย่างนั้น 



           "ทะเลาะหรืออะไรแบบนี้อยู่ป่ะ? โอ้ย!" มือหนายกขึ้นลูบหัวไหล่ตัวเองปอยๆ เมื่อถูกมือเรียวฟาดเข้าให้เพราะพูดจากวนประสาทเกินเหตุ 



           "นั่งเงียบๆ บ้างเป็นป่ะ" 



           "ให้นอนตักมั้ยล่ะ เดี๋ยวเงียบเลย" 



           "งั้นพูดต่อไปเหอะ"



           "ฮ่าๆ" ในสังคมเรามีคนอยู่หลายประเภทและเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใส่หน้ากากฉีกยิ้มอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นภายในที่แตกเป็นเสี่ยง อย่างน้อยเสียงหัวเราะคงช่วยถ่วงเวลาให้เขาได้รักษาตัวเองบ้าง







           จงอินกำลังกดเปลี่ยนช่องทีวีตรงหน้าราวกับเล่นทอยลูกเต๋าในเกมเศรษฐี ทำไมช่วงปิดเทอมแบบนี้ถึงมีแต่อะไรน่าเบื่อกันนะเขาล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ กางเกงขาสั้นถูกม้วนขึ้นแล้วไถลงซำ้ไปซ้ำมาเพราะความเบื่อหน่าย ขนมในตู้ก็หมด พี่เซฮุนก็ไม่อยู่แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ 

           ร่างสูงเด้งตัวลุกจากโซฟาก่อนจะตรงปรี่ไปที่ประตูบ้านเมื่อเสียงรั้วด้านนอกถูกเปิด รถคันเดิมที่เขาคุ้นตาเคลื่อนตัวเขามาก่อนร่างบางจะลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับผู้ชายตัวสูงอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้า นั่นใครกันล่ะ?


           "พี่เซฮุน"



           "จงอิน" เป็นจังหวะเดียวกันที่อีกฝ่ายต่างเรียกชื่อกัน คนเด็กกว่าเดินออกจากตัวบ้านก่อนจะเข้าไปจับมืออีกคนแน่นราวกับแสดงความเป็นเจ้าของ ถึงจะดูเด็กไปหน่อย แต่เขาก็รู้สึกหวงอย่างนั้นจริงๆ นี่ 



           "นี่ชานยอลเพื่อนพี่ จะมาอยู่ด้วย2-3วันน่ะ" 



           "แต่ห้องเราเต็มแล้วนะครับ" 



           "เดี๋ยวพี่นอนกับเซฮุนก็ได้" 



           "พี่นอนห้องผม เดี๋ยวผมนอนกับพี่เซฮุนเอง" จงอินพูดสวนขึ้นมาทันควันที่ได้ยินคำเสนอของอีกฝ่าย เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้แฟนไปนอนกับคนอื่นล่ะ ไม่มีทางเด็ดขาด 



           "งั้นก็ได้" ชานยอลเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหยิบกระเป๋าที่หลังรถเข้าไปในบ้าน 



           "จงอินช่วยพี่เขาด้วย" เซฮุนสะกิดไหล่คนข้างๆ ก่อนจะหยิบถุงขนมในรถแล้วเดินเข้าบ้านไป 


           จงอินยืนขมวดคิ้วอยู่กับตัวเองสักพักเพราะยังคงรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ ถึงเขาจะมั่นใจในพี่เซฮุนขนาดไหน แต่การให้ผู้ชายหน้าตาดีเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้เป็นใครก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ยิ่งมาเอ่ยปากว่าจะนอนกับพี่เซฮุนอีก แค่นี้ยังดูไม่ออกหรือไงว่าเขาเป็นแฟนหรือว่าต้องให้จับจูบต่อหน้ากัน


           "จงอินเร็วๆ สิ"



           "ครับๆ" 



           "เราเป็นแฟนกับเซฮุนหรอ?" ชานยอลถามเด็กชายมอปลายที่เดินเข้ามาส่งกระเป๋าให้เพราะนึกสงสัยเล็กน้อย ความจริงก็คงรู้คำตอบแหละแค่อยากแน่ใจเท่านั้นเอง 



           "ครับ" 



           "คบกันนานยัง?"




           "3 ปี" จงอินไม่ได้หลีกเลี่ยงการมองหน้าอีกฝ่ายเพราะต้องการจะแสดงความชัดเจนไปเลย อย่างน้อยก็คงไม่คิดจะทำให้เขาแตกหักกับพี่เซฮุนหรอกมั้ง 



           "นานนี่" เสียงทุ้มพูดปิดท้ายบทสนทนาแค่นั้นก่อนจะหันไปสนใจการจัดของในกระเป๋าแทน 



           "เดี๋ยวผมมาขนของให้ตอนเย็นนะ"



           "ได้"







           กลิ่นหอมฉุยของไส้กรอกผัสซอสในกะทะกำลังลอยไปทั่วบ้านจนชานยอลที่นอนดูรายการทีวีอยู่ต้องลุกขึ้นมาดูในห้องครัวพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก็เขาเองยังไม่ได้กินข้าวมาเลยนี่แล้วยิ่งถ้าเป็นฝีมือเซฮุนล่ะก็ไม่ต้องอิ่มกันหรอก 


           "ทำไรอ่ะ" ชานยอลพูดขึ้นมาจนคนตัวเล็กสะดุ้งพร้อมกับดึงสายผ้ากันเปื้อนออกจนอีกฝ่ายโวยวายใส่อีกต่างหาก 



           "เล่นอะไรเนี่ย?!" ร่างบางตะวาดใส่คนตัวสูงอย่างหมดความอดทน ก็เล่นกวนเขาตลอดเวลาแบบนี้ใครจะไปทนได้เล่า รู้อย่างนี้น่าจะจับมัดตั้งแต่แรกให้จบเรื่อง



           "เดี๋ยวผูกให้ก็ได้ ขี้บ่น" 



           "ไม่ต้อง ผูกเอง" สะบัดตัวหนีฝ่ามือหนาเพื่อให้อีกฝ่ายกลับไปในที่ของตัวเองสักที ดูท่าทางก็รู้แล้วว่าจงอินไม่ชอบใจ เขาไม่อยากจะทะเลาะกับจงอินด้วยสาเหตุไร้สาระแบบนี้หรอกนะ 



           "มานี่ไง เดี๋ยวผูกให้" 



           "ผมผูกให้เอง" เสียงทุ้มดังขึ้นที่ด้านหลังทำให้สองคนที่กำลังไล่ตามกันไปมาหยุดนิ่ง จงอินเดินตรงเข้าไปด้วยสีหน้าเฉยชาที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ มือหนาจับสายผ้ากั้นเปื้อนขึ้นผูกก่อนจะถูกมือเรียวจับเอาไว้เพื่อจะอธิบายให้ฟังก่อน 



           "ผมไปข้างนอกนะ" จับมือเรียวออกเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่คิดจะหันหลังกลับแม้แต่นิด เขากำลังโมโหจนพุ่งเข้าไปต่อยหน้าพี่ชานยอลได้ ท่าทีของเขามันยังไม่ชัดเจนพอรึไงว่าไม่ชอบให้มายุ่มย่ามกับพี่เซฮุน แล้วเมื่อกี้มันอะไรกัน แบบนั้นเขายังไม่เคยเล่นกับพี่เซฮุนด้วยซ้ำ อีกคนก็เหมือนกันทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าเขาหวงก็ยังทำแบบนั้น หรือเป็นเพราะไม่แคร์ความรู้สึกเขาแล้วกันแน่ ทำไมอะไรมันถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้ ทำไมกัน







           เซฮุนนั่งอยู่ที่โซฟาเกือบสามชั่วโมงแล้ว ตัวเองก็เพิ่งจะไล่ชานยอลไปนอนเมื่อชั่วโมงก่อนเพราะกลัวจงอินกลับมาแล้วจะเข้าใจผิดอีก เขารู้ว่าจงอินเป็นคนใจร้อน รอให้เย็นลงก่อนแล้วค่อยพูดอีกฝ่ายก็คงยอมอ่อนข้อให้บ้าง 


           "จงอิน!" เสียงหวานเรียกคนตัวสูงที่เดิมดุ่มตรงขึ้นบันไดในทันทีไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ ปากสวยเบ้ลงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมามองด้วยแววตาว่างเปล่าอย่างที่เขานึกกลัวมาตลอด จงอินไม่คิดจะฟังเขาจริงๆ หรอ



           "พี่ซื้อไก่ทอดไว้ให้ อยู่ดูหนังเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ"



           "ผมง่วงนอน" จงอินตอบกลับมาเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินตรงขึ้นบันไดไปในทันที แล้วทำไมเซฮุนถึงจุกมากขนาดนี้ล่ะ ทำไมถึงอึดอัดมากขนาดนี้



           "ฮึก.." งับริมฝีปากบางเอาไว้กลั้นเสียงก่อนจะปาดน้ำตาบนแก้มเนียนออกช้าแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เขารู้ว่าคราวนี้เขาผิด ถ้าง้อต่อไปยังไงจงอินก็ต้องใจอ่อน เขาแค่ต้องพยายามอีกหน่อยเท่านั้นเอง คงไม่มีอะไรยากไปมากกว่านี้หรอก



           เตียงนอนคิงไซส์ถูกจับจองไว้ฝั่งหนึ่งโดยคนตัวสูงที่นอนตะแคงหลับไปแล้ว ฟันคมกัดนิ้วเรียวอย่างชั่งใจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจหย่อนตัวลงบนเตียงอีกฝั่งที่ว่างแล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างไร้เสียง 

           มือเรียวสอดเข้ากอดคนที่นอนหันหลังให้ก่อนจะแนบแก้มเนียนลงกับแผ่นหลังหนาเพื่อซึมซับความอบอุ่นของอีกคน เขาไม่ชอบบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้สักนิด ทั้งที่ปกติอีกฝ่ายจะเป็นคนกอดเขาไว้ด้วยซ้ำ แต่คราวนี้ทุกอย่างมันดูนิ่งเฉยไปหมด จงอินกำลังเย็นชาใส่เขา


           "จงอิน" 



           "..."



           "พี่ขอโทษจะไม่ทำแล้ว เลิกงอนนะ"



           "..."



           "พี่ขอโทษ" ได้แต่พูดคำขอโทษอยู่อย่างนั้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงทีท่าตอบสนองเลยสักนิด เขาทำผิดมากขนาดนั้นเลยรึไง ทำไมถึงใจร้ายกันขนาดนี้










           "จงอินกินข้าวมั้ย?"



           "ไม่กิน" นั่นเป็นบทสนทนาที่แย่ที่สุดในชีวิตของเขา จงอินไม่ใช่เด็กที่จะพูดจาห้วนๆ กับเขา ยิ่งเฉพาะเวลาที่เขากำลังง้อแบบนี้ ไม่คิดจะใส่ใจกันแล้วใช่มั้ย เขาไม่รู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขากำลังท้อ มันเหนื่อยจนไม่รู้ว่าจะถอนหายใจออกมายังไงแล้ว มันรู้สึกจุกเหมือนกับถูกโยนลงไปในทะเลสาปลึกๆ กับการที่คนรักไม่ยอมฟังและทำเหมือนกับเราไม่มีตัวตน เขาไม่เข้าใจว่าที่ตัวเองทำมันมากมายขนาดนั้นหรือเพราะจงอินเด็กเกินไปกันแน่ บางทีถ้าเราเข้ากันไม่ได้ทุกอย่างก็ควรจะจบ ความรักครั้งนี้อาจจะเดินผ่านความสุขมาจนหมดแล้ว หากเดินต่อไปก็คงเป็นเหวที่เราจะต้องเจ็บทั้งคู่ อะไรมันอาจจะดีขึ้นหากแยกทางกันตรงนี้ อย่างน้อยจงอินก็คงจะบอกลาบ้าง



           "ฮึก..อึก" 


    แอ๊ด..


           ประตูห้องถูกเปิดออกทำให้เซฮุนตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อคนที่เดินเข้ามาเป็นจงอิน เขาอยากจะเดินหนีออกไปแต่เท้ามันกลับไม่ก้าวสักนิด คงจะเป็นเพราะส่วนลึกในหัวใจของเขายังโหยหาความอบอุ่นจากคนตรงหน้าอยู่ 

           เตียงด้านหลังเขายวบลงโดยไร้เสียงของสิ่งอื่น มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างอดกลั้นไม่ไหวเมื่อความอัดอั้นมันเอ่อล้นอยู่เต็มอก เขาได้แต่นั่งร้องไห้โดยพูดอะไรออกไปไม่ได้เลยสักคำ นั่นมันแย่ที่สุด 


           "ผมขอโทษ" ท่อนแขนหนาสอดเข้ารั้งเอวบางก่อนจะเขยิบให้ลำตัวแนบไปกับแผ่นหลังบางที่สั่นเพราะแรงสะอื้นอย่างห้ามไม่ได้ จงอินรู้สึกผิดที่ไม่ยอมฟังและไร้เหตุผล ตอนนั้นเขาแค่โมโหไปชั่ววูบแต่เขาไม่รู้ว่าจะทำให้คนตัวเล็กร้องไห้ได้มากขนาดนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายพี่เซฮุนเลยสักนิด 



           "ปล่อยเลย ฮึก.." มือเรียวจับมือหนาที่ผสานกันอยู่บนตักตัวเองออกด้วยแรงน้อยนิดที่แทบจะพยุงตัวเองไม่อยู่ ปล่อยหยาดน้ำตาออกมาพร้อมกับเสียงร้องสะอื้นที่อีกคนก็ช้ำใจไม่แพ้กัน



           "ง้อผมต่ออีกหน่อยอย่าเพิ่งถอดใจสิ" 



           "เหนื่อยแล้ว อึก..ไม่เอาแล้ว" เอียงตัวลงหาอีกคนในวินาทีสุดท้ายที่ร่างกายอ่อนแรงไปหมด เซฮุนกำลังคิดว่าสิ่งแย่ๆ ที่เขาคิดจะเลิกกับจงอินมันไร้สาระที่สุด ถ้าเขาขาดอีกคนไปเขาจะอยู่ได้ยังไงกัน



           "แค่นิดเดียวนะครับ" เพียงแค่ก้มลงกดจูบแผ่วเบาบนไหล่เนียนผ่านเนื้อผ้าเซฮุนก็แทบจะลุกไม่ไหวอยู่แล้ว เขาขาดจงอินไม่ได้จริงๆ 



           "นี่..." คิ้วสวยขมวดแน่นพร้อมกับเสียงที่อ่อนแรงเต็มทีเมื่อถูกดันลงบนเตียงจนหลังติดฟูกก่อนที่อีกคนจะตามลงมา เขาอยากคุยให้รู้เรื่องก่อนไม่งั้นเขาคงไม่หยุดร้องไห้แน่ๆ 



           "นะครับ...เดี๋ยวผมก็หายแล้ว" 



           "อ..อื้มม"







    Mad boy still be headstrong
    เด็กขี้โมโหก็ยังขี้เอาแต่ใจอยู่วันยันค่ำ









    talk: เราลั่นแล้วก็แต่งเลยค่ะ55555555 อาจจะแปลกๆไปบ้างขอโทษนะค้า เอนจอยรีดดิ้งค่าาา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×