ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WONKYU ft. KIHAE] DAMNCUPID . พรหมลิขิตพิสดาร

    ลำดับตอนที่ #7 : . ปิดข่าว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 834
      1
      23 ต.ค. 55


    ความรู้สึกเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
    ไม่ได้ขึ้นอยู่กับช้าหรือเร็ว

     

                คิมจองฮุนใช้เวลาครึ่งวันว่าง ๆ ของตัวเองไปกับการออกมาเดินสูดอากาศแก้เครียดที่ย่านช็อปปิ้ง และเขาก็เพิ่งค้นพบความจริงที่ว่าอากาศที่นี่ไม่น่าสูดมากนักก็ตอนที่เดินวนไปเวียนมาอยู่ในดงสินค้าเกือบชั่วโมงแล้ว ขาที่เริ่มล้าเพราะเที่ยวเบียดเสียดผู้คนมากมายตัดสินใจก้าวพาตัวเองเข้าไปนั่งในร้านกาแฟหรูแบรนด์เดียวกับที่พ่อดาราหนุ่มชอบลากเขาเข้าไปกินเป็นประจำจนติด

     

                ร่างโปร่งทิ้งน้ำหนักตัวบงบนเก้าอี้สีเขียวเข้มตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่มุมในสุดของร้านโดยวางถุงเสื้อผ้าข้าวของที่แลกมันมาด้วยเงินในกระเป๋าลงยังฝั่งตรงข้าม เขาใช้ช่วงเวลาสองสามวินาทีพินิจพิเคราะห์ถุงกระดาษจำนวนมากตรงหน้าพลางนึกบ่นตัวเองว่าพักนี้คงเริ่มจะซึมซับนิสัยใช้เงินเปลืองมาจากชเวซีวอนมากเข้าไปทุกที วางไม่ได้เป็นต้องออกมาเดินซื้อข้าวซื้อของอะไรไม่รู้กลับไปกองไว้ที่ห้อง... ขืนซีวอนมาเห็นเข้าเด็กนั่นต้องย้อนเขากลับเป็นแน่ !

     

                “บลูเบอรี่ชีสพายค่ะ” รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่พนักงานเสิร์ฟยกชีสพายสองชิ้นที่เพิ่งสั่งเอาไว้มาวางให้บนโต๊ะ จองฮุนแหงนหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับบริกรสาวก่อนจะหันไปหยิบไอแพดของตัวเองขึ้นมาเช็คตารางงานของซีวอนดังทีวางแผนเอาไว้ก่อนหน้าเดินเข้ามาในร้าน

     

                ช่วงนี้ซีวอนงานเยอะขึ้นมากถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ไม่สัมภาษณ์ก็เป็นรายการทอล์คโชว์ โทรทัศน์ และไอ้งานจำนวนมากเหล่านั้นนั่นแหละที่ทำให้ดาราหนุ่มโตขึ้นได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับตอนที่เข้าวงการมาใหม่ ๆ... เขาไม่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของซีวอนตั้งแต่แรกหรอก แต่ก็เห็นเด็กคนนี้โลดแล่นอยู่ในจอแก้วมาตั้งแต่หมอนั่นอายุเพียงแค่ 18-19 เท่านั้น จากวัยรุ่นแรกแย้ม(?)ที่แสดงแข็งเป็นก้อนหินและรับบทเป็นเพียงแค่บทตัวประกอบกลับโลดแล่นขึ้นมาเป็นเมนโรลของละครร่วมยี่สิบเรื่องภายในเวลาไม่กี่ปีนั้นถือว่าไม่ใช่ขี้เล็บเลยทีเดียว

     

                แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็เห็นจะเป็นไอ้ข่าวฉาวที่เจ้าตัวขยันสร้างและปาปารัซซี่ก็ขยันเสริมทัพเข้าไปให้อีก ตอนที่เซนสัญญาเข้ามาดูแลเด็กนี่แทนเมเนเจอร์คนเก่าเขาก็แอบได้ยินกิติศัพท์ความงี่เง่าของหมอนี่มาบ้าง แต่พอมาเจอเขาจริง ๆ แล้ว... บอกได้เลยว่าไอ้ที่พูด ๆ กันนั่นหน่ะ มันยังไม่ถึงครึ่งของที่เขาเจอเลยด้วยซ้ำ !

     

                ชเวซีวอนทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเมเนเจอร์ที่โชคร้ายที่สุดในโลก ก็อย่างที่บอก ข่าวฉาวหน่ะเยอะมากพอ ๆ กับงานที่เข้ามา คนที่วิ่งโร่ตามแก้ก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจากเขานี่แหละ วัน ๆ ก็แทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากวิ่งเข้าออกสำนักพิมพ์ต่าง ๆ โคงานกับออร์แกไนซ์เซอร์เพื่อจัดงานแถลงข่าว แถมยังต้องใช้สมองทั้งก้อนคิดหาแผน A แผน B สำรองไว้เอาให้เรื่องราวมันเงียบมากที่สุด แล้วไหนจะไอ้งานหาคู่คลายเหงาที่เจ้าตัวอ้างว่า ทำงานหนักแบบนี้ถ้านกเขาไม่ขันขึ้นมาจะทำยังไง(?) ก็ต้องลำบากคิมจองฮุน ผู้ชายสารพัดประโยชน์คนนี้อีกเช่นเคยให้ไปวิ่งหาคู่ขาคลายเหงามาถวายพ่อเจ้าชายจอแก้วคนงามเป็นระยะ ซึ่งคนอย่างชเวซีวอนก็ไม่เคยเกี่ยงไม่ว่าจะหญิงหรือชาย (นั่นถือเป็นโชคดีนะ)

     

                น่าประหลาดเหลือเกินที่ผู้พลีชีพ(?)เหล่านั้นมักจะเป็นไฮโซชื่อดังเสียส่วนมาก บางคนมีหน้ามีตาในสังคมเสียจนเขาแอบรู้สึกเอือมระอาเล็กน้อย... แต่ก็นั่นแหละ คิมจองฮุนก็ยังคงเป็นคนที่ต้องทำงานบำเรอหนุ่ม(?)แลกเงินอยู่ดี เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้และเริ่มจะชินชากับเรื่องพวกนี้ ไอ้ที่แปลกหน่ะ คงจะเป็นโจวคยูฮยอนนี่แหละ ! โจวคยูฮยอนทำให้เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่นึกถึงเงินยี่สิบล้านวอนในเชคใบนั้น

     

    แม่งเอ้ย ! เขาปล่อยคนน่ารักขนาดนั้นตกเป็นเหยื่อของซีวอนได้ไงวะ

    T_______________________T

     

                “ส สวัสดีครับจองฮุยฮยอง ~” ไหล่กว้างสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงเรียกของใครสักคนให้ความรู้สึกใกล้เกินกว่าจะอยู่นิ่งได้ จองฮุนแหงนหน้าขึ้นมาจากตัวอักษรบนจอไอแพดพร้อมกับละสมองออกมาจากความคิดเรื่อยเปื่อย (ดูสิ... แม้แต่ความคิดเรื่อยเปื่อยยังเป็นเรื่องของซีวอน นี่เขาเต็มที่กับงานมากขนาดไหนใครจะรู้!) เพื่อมองหน้าเจ้าของเสียงเรียกนั้น ให้ตายเถอะ ! ทำไมโลกนี้ชอบสร้างความวุ่นวายให้คิมจองฮุนแบบไม่รู้จักจบจักสิ้นกันนะ

     

                “อืม... ซื้อกาแฟเหรอ”

     

                “เปล่าครับ โกโก้...” คยูฮยอนตอบพร้อมกับยกแก้วโกโก้ให้อีกคนดูประกอบแล้วฉีกยิ้มแสดงความเป็นมิตรออกมาเสียเต็มที่ ซึ่งเขาก็ได้แต่มองรอยยิ้มนั้นด้วยแววตานิ่งสนิทเรียบเฉยเหมือนเดิมแม้จะรู้สึกว่ามันช่างเป็นยิ้มที่ดูดีเหลือเกิน แต่แน่หล่ะ การทำงานเป็นเมเนเจอร์แบบเขาชินที่ไหนกับการยิ้มให้คนอื่นก่อน มันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงพิกลจนต้องปั้นหน้านิ่งกลับไป... อันที่จริงเขาก็เริ่มสงสัยแล้วหล่ะ ว่ากล้ามเนื้อข้างแก้มเขามันอาจจะตายไปแล้วเพราะไม่ได้ถูกใช้งานก็เป็นได้  - -

     

                “อ่อ... นั่งก่อนสิ”

     

                “ไม่หรอกครับ ผมไม่รบกวนฮยองหรอก แค่ทักเฉย ๆ”

     

                “ไม่หรอก มาคนเดียวหรือไง ?”

     

                “อ่อครับ.. เพิ่งแยกกับทง..เอ่อ...เพื่อนเมื่อกี้นี้เองครับ ฮยองมาคนเดียวเหรอครับ ?”

     

                “อืม พักผ่อนหน่ะ นั่งก่อนสิ... ไม่กวนอะไรหรอก”

     

                “งั้นก็ได้ครับ” จองฮุนมองท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของคยูฮยอนที่ทิ้งตัวลงข้างเขาเพราะอีกฝั่งเต็มไปด้วยถุงข้าวของที่เขาเพิ่งจะซื้อมา มือบางนั้นไม่ยอมปล่อยแก้วน้ำลงจนเขาต้องเอื้อมไปหยิบมันวางลงบนโต๊ะให้ก่อนจะหันกลับไปสนใจไอแพดในมืออีกครั้งด้วยท่าทีที่ต่างออกไป... ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดนะที่ชวนโจวคยูฮยอนมานั่งร่วมโต๊ะแบบนี้

     

                “ตารางงานคุณ...ซีวอน...เหรอครับ ?” เด็กนั่นชะโงกหน้าเข้ามามองจอไอแพดของเขาที่กำลังเปิดโปรแกรม Organizer อยู่ ซึ่งเขาก็ผงกหัวให้แทนคำตอบเพื่อเลี่ยงการเปิดปากคุยกับคนข้าง ๆ เพราะขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้เสียงของเขาคงจะสั่นมากแน่ ๆ

     

                “งานเยอะจังเลย ฮยองคงเหนื่อยน่าดูเลยนะเนี่ย”

     

                “หมอนั่นเหนื่อยกว่าอยู่แล้ว”

     

                “ไม่นะ ผมว่าฮยองต้องเหนื่อยกว่าดิ ฮยองต้องคุมงานพวกนี้แล้วก็ต้องคอยดูแลคุณ..ซีวอน...อีก แล้วไหนจะต้องจัดการนั่นนู่นนี่ เหนื่อยจะตายไป” ผมตะแคงหน้าไปมองสีหน้าคนช่างพูดที่หันมามองหน้าผมอยู่เช่นกัน ดวงตากลมที่เบิกให้โตขึ้นดูเหมือนคนที่กำลังขอเสียงซัพพอร์ทในข้อคิดของตัวเองจากเขา ซึ่งเจ้าตัวคงไม่รู้เลยสินะว่าท่าทางแบบนั้นมันน่ารักมากจนผมอยากจะระเบิดตัวเองให้กลายเป็นซีเรียลฮันนี่สตาร์ ขึ้นยานหนีออกไปนอกโลกกับพี่สิงห์แม่ง !

     

                “อืม ก็จริง...”

     

                “เห็นมะ ! ผมบอกแล้ว” เป็นครั้งแรกที่จองฮุนรู้สึกว่าเขาอยากจะกวาดยิ้มขึ้นมากว้าง ๆ  ตามคู่สนทนาที่เด็กกว่าเขาเกือบรอบ ไม่ค่อยแปลกใจเลยที่ซีวอนจะหลงเด็กนี่ตั้งแต่เพิ่งได้ยินเสียง ท่าทางสบาย ๆ กับคำพูดตรงไปตรงมาของคยูฮยอนมันทำให้เขารู้สึกใจเต้นทุกครั้งที่เห็นหน้าแล้วก็ไม่กล้าปฏิเสธเสียด้วยว่าเขากำลังจะหลงเสน่ห์เด็กคนนี้เข้าเสียแล้ว... แต่เพราะคิดแล้วก็อับเฉา... โอ่ย ! เขาไม่น่ายอมให้คยูฮยอนเซนสัญญาขายตูด 20 ล้านวอนนั่นเลย ! *ทึ้งหัว*

     

                “พี่ขมวดคิ้วทำไมครับ ?”

     

                “หืม... เปล่า... นายจะกลับหรือยัง ?”

     

    “ผมเหรอ... อ่า ถ้าฮยองกลับผมก็กลับแหละครับ”

     

    “อืม งั้นเดี๋ยวไปส่ง”

     

     

     

     

     

    โจวคยูฮยอนสัมผัสได้ถึงความอึดอัดอย่างไม่เคยมีมาก่อนในยานพาหนะราคาหลายแสนหลายล้านที่เขากำลังนั่งเกร็งตัว จนตะคริวแทบจะกินหน้าท้อง อันที่จริงบรรยากาศมันอาจจะดีกว่านี้ถ้าคิมจองฮุนไม่เอาแต่ปั้นหน้าเหมือนตุ๊กตาอับเฉาแล้วจ้องถนนราวกับจะแสกนหาวัตถุโบราณใต้พื้นยางมะตอยเบื้องหน้า... เขาหล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าจองฮุนฮยองสามารถอยู่บนโลกนี้กับความเครียดที่สร้างชุมชนกันประปรายบนใบหน้าได้ยังไงกันนะ

     

    “ว้า รถติดจัง...” ถึงจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าคำพูดทำนองนี้จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่มันก็ยังดีกว่านั่งเงียบในบรรยากาศน่าเบื่อแบบนี้ เขาแค่คิดตื้น ๆ ว่าการเปิดบทสนทนาอาจจะช่วยให้ริ้วรอยแห่งความตึงเครียดบนใบหน้าของผู้ชายที่อายุน่าจะเลยเลขสามมานิดหน่อยลดลงไปบ้าง ซึ่งมันดูเหมือนจะผิดคาดเพราะนอกจากสีหน้าคร่ำเคร่งยังคงปรากฏให้เห็นเด่นหราเช่นเดิมแล้ว ใบหน้านั้นยังเสมองมาทางเขาด้วยแววตาเข็งทื่ออีกต่างหาก

     

    “เวลาแบบนี้ รถติดเป็นธรรมดา”

     

    “อ่า...” คยูฮยอนเหมือนถูกแช่แข็งด้วยประโยคปิดของอีกฝ่ายที่ไม่ได้ยี่หระอะไรกับคำพูดนั้นมากนักหรอก แต่เพราะว่ามันเป็นคิมจองฮุนไงหล่ะ... เขาถึงได้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแบบนี้หน่ะ

     

                “เออใช่... นายเห็นข่าวหรือยัง ?”

     

                “ข่าว ?... ข่าวอะไรเหรอครับ ? โอลิมปิกหรือว่าปรมณูเกาหลีเหนือ ?” อาจจะฟังดูน่าตลกไปสักหน่อย แต่ไอ้สองหัวเรื่องที่ว่าไปคยูฮยอนมั่นใจมากนะว่ามันคือ ข่าว ที่อยู่ในกระแสสังคมซึ่งผู้คนจำนวนมากกำลังพูดถึงกันอยู่

     

                “ชองยุนโฮ ปาปารัซซี่คนนั้นหน่ะ... เอาไปอ่านสิ” อาศัยช่วงเวลาที่รถยังคงแน่นิ่งอยู่กับที่เอี้ยวกายไปคว้าเอาหนังสือก็อซซิปที่วางอยู่บนเบาะหลังมาส่งให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างดู คยูฮยอนรับแผ่นกระดาษขนาดใหญ่ที่ถูกแม็กซ์อย่างลวก ๆ เอาไว้ด้วยลวดเย็บกระดาษตัวโตมาไว้ในมือก่อนจะเปิดไล่ทีละหน้าเผื่อหา ข่าวซึ่งถูกกล่าวถึง

     

                “เหยดดดดดด...” ร่างบางสบถคำหยาบคายออกมาเบา ๆ เมื่อพลิกไปเจอบทสัมภาษณ์ของชองยุนโฮที่กล่าวถึงการวิ่งหนีตาลีตาเหลือกของเขาเมื่ออาทิตย์ก่อน แน่นอนว่าเขาเกรงใจคนขับรถหน้าขรึมมากจึงได้ลดโวลุ่มคำอุทานของตัวเองเหลือเท่ามดคุย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคิมจองฮุนก็เป็นคนหูดีอีกตามเคย

     

                “นายจะอุทานดัง ๆ ก็ได้ถ้าตกใจหน่ะ”

     

                “คือผม... อ๊ากกกกกกกกก ! ผมต้องทำยังไงครับเนี่ย !!” คนที่ได้รับคำอนุญาตให้แสดงอาการตกใจออกมาได้อย่างสุดโต่งหันหน้ากลับไปตะโกนอย่างสุดเสียงใส่ใบหน้านิ่งงันของสารถีหนุ่มซึ่งดูเหมือนจะชินชากับอาการประหลับประเหลือกนั้นเสียแล้ว (ทั้งที่มันเป็นครั้งแรกก็เถอะ แต่จองฮุนก็มั่นใจว่าถ้าซีวอนเห็นเข้า หมอนั่นคงจะฮาร์ดคอร์ใส่เขามากกว่านี้เยอะ)

     

                “...”

     

                “พระเจ้าช่วย... แล้วอย่างนี้คุณซีวอนจะทำยังไงนะ... โอ่ย พัง พัง พัง !” จองฮุนที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมาต้องกลืนคำพูดของตัวเองลงคอกลับไปด้วยคนตรงหน้าได้สบถสิ่งอันคาดไม่ถึงออกมา โจวคยูฮยอนช่างเป็นคนดีเสียเหลือเกินที่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เจ้าตัวยังมีกะจิตกะใจเป็นห่วงพ่อดาราหนุ่มซึ่งป่านนี้ไม่รู้ไปมุดหัวระเริงสุขอยู่ที่ไหน แทนที่จะเป็นห่วงว่าตัวเองจะเป็นจะตายยังไง เด็กนี่แม่งประหลาดชะมัด...

     

                “...”

     

                “จองฮุนฮยองอ่า... ผมขอโทษ T_______T” คยูฮยอนหันหน้าขาวผ่องของตัวเองไปมองสารถีค่าตัวแพงซึ่งกำพวงมาลัยเอาไว้แน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนแขน ดวงตาซึ่งปกติกลมโตเหมือนลูกแมว หยีลงจนเหลือเพียงรอยขีด ริมฝีปากแดงกระจับเม้มเข้าหากันในขณะที่ตัวเองก็พึมพำพร่ำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาเหมือนบทสวดมนต์ภาวนาอะไรอย่างนั้น

     

    จองฮุนรู้สึกขอบคุณสภาพการจราจรย่ำแย่ในเย็นวันนี้ที่ช่วยให้เขาได้มีเวลาเหลือเฟือเพียงพอที่จะจัดการกับสติของตัวเองให้เขาที่เข้าทาง หลังจากที่โดนท่าทางโมเอ้เกินมนุษย์ของคยูฮยอนพรากวิญญาณไปจากเขาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที... เหยดดดด ! ถ้าจะน่ารักขนาดนี้ คราวหลังก็เอามีดมาแทงกูเลยดีกว่า หัวใจเต้นแรงมากในขณะที่ปั้นหน้าขรึมนี่มันเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิตผู้จัดการเลยนะ อย่าหาว่าโกหก !

     

                ตอนแรกเขาคิดในสมองว่าจะถอนสัญญาทั้งหมดออก หรือไม่ก็จะขอให้คยูฮยอนไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาสักพัก จนกว่าเรื่องราวมันจะซาลงแล้วค่อยยอมให้เด็กนั่นกลับมาจัดการสิ่งที่คั่งค้างคาเอาไว้ (เออ เขาหมายถึงเรื่องเสียตูดนั่นแหละ !) ให้เสร็จไว ๆ ก่อนที่ละครเรื่องใหม่ของซีวอนจะเปิดกอง แต่ขอโทษเถอะ ! ในเมื่อคยูฮยอนหน่ะทำให้เขาเป็นเอามากได้ขนาดนี้ เขาก็ขอเปลี่ยนแผนทุกอย่างกลางคันแม่งตรงนี้เลยแล้วกันนะ ขอจองฮุนหาผลประโยชน์ใส่ตัวบ้างเถอะ !

     

                “นายรู้ใช่ไหม ว่าทงเฮเข้าใจว่านายมาเป็นพ่อบ้านที่ห้องพักของซีวอนหน่ะ”

     

                “ค ครับ... ?”

     

                “นั่นแหละ ฉันขอให้นายมาเป็นพ่อบ้านที่ห้องจนกว่าข่าวมันจะซาลงไปก่อน... ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวฉันจะตกลงกับซีวอนอีกที”

     

                “อ่ะ..เอ่อ... แต่ผมยังต้องเรียนนะครับ”

     

                “แค่แวะมาทุกเสาร์ก็พอ...”

     

                “อ่อครับ... ถ้ามันดีขึ้น ผมก็ตกลงครับ” ความกระวนกระวายกังวลใจของโจวคยูฮยอนดูทุเลาลงไปมากกว่าเดิมเยอะ และท่าทางโอนอ่อนได้ง่ายนั้นก็ทำให้คิมจองฮุนได้แต่ว๊ากอยู่ในหัวด้วยความดีใจ.. เขาหล่ะไม่สงสัยเลยว่าทำไมซีวอนถึงได้ถูกใจโจวคยูฮยอนหนักหนา... เด็กนี่แม่งเป็นตัวอันตรายต่อหัวใจของใครต่อใครได้ดีจริง ๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                นอกจากจะรู้สึกกระฟัดกระเฟียดอยากต่อยคนแล้ว ทงเฮกำลังนั่งสงบไว้อาลัยให้กับการตัดสินใจของตัวเองก่อนหน้านี้... หอยหลอด ! เขาไม่น่าตัดสินใจกลับบ้านพร้อมคิบอมเลยให้ตายสิ แต่จะขอลงตรงนี้ก็ไม่ใช่ที่ เพราะเขาเองก็เกรงใจชเวซีวอนที่นั่งกอดอกอยู่ตรงเบาะหน้าไม่น้อย ดังนั้น... เขาจึงต้องฟังบทสนทนาของคนสองคนอย่างเงียบ ๆ และหัวเราะแหย ๆ เมื่อโดนคิบอมจิกกัดผ่านคำพูดเหล่านั้นอย่างอดทนอดกลั้น

     

                “มึงต้องไปส่งทงเฮที่ไหนวะ ?”

     

                “บ้านสิ แต่เดี๋ยวกูส่งมึงก่อน”

     

                “อ่อ...”

     

                “ส่งผมลงบ้านก่อนก็ได้นะที่จริง” ผมพยายามปรับน้ำเสียงของตัวเองให้สุภาพลงจนรู้สึกผิดปกติ โอ้แน่หล่ะ ! เวลาพูดกับคิมคิบอมหน่ะเขาไม่เคยสุภาพอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตเพราะยังไม่ทันได้พูดอะไรดี ๆ หมอนั่นก็มักจะกวนประสาทและพาลทำให้ทึกอย่างมันแย่ลงไปหมดเสียตั้งแต่ผมยังไม่เริ่มอ้าปาก แหม่... พอให้มาพูดแบบนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยคุ้นเลยเว้ย

     

                “คอนโดซีวอนถึงก่อน บ้านนายหน่ะกลับเมื่อไหร่ก็ได้”

     

                “เมื่อไหร่ก็ได้ที่ไหน ถ้ากลับตีสามแม่คงเอาอีโต้มาเฉาะหัว” ผมกอดอกพลางบ่นพึมพำเมื่ออีกคนทำท่าทางไม่ค่อยจะสนใจคนที่อุตส่าห์(?)เลือกมันมาเป็นสารถีให้ในเย็นวันนี้ บอกแล้วว่าเขาคิดผิดสุด ๆ ! ฮึ่ยยยย ~

     

                “... แล้วเพื่อนเราหล่ะ ชื่ออะไรนะ คยูฮยอนหน่ะไปไหนแล้วหล่ะ ?”

     

                “กลับบ้านดิ ห่วงจังนะ!” ทงเฮกระแทกเสียงใส่คนที่พยายามเบนบทสนทนาออกไปด้วยสายตาที่หรี่ลงอย่างหมั่นเขี้ยวหมั่นไส้ ถึงจะรู้อยู่ก็เถอะว่าคิบอมหน่ะเถียงเขาไม่ออกถึงได้หาเรื่องเบี่ยงประเด็นแต่ก็ไม่ชอบอยู่ดีเวลาคิมคิบอมเอาแต่ถามถึงคนอื่นอย่างเป็นห่วงแต่กับคนใกล้อย่างขา จะพูดดี ๆ ด้วยก็เหมือนกันมีตระกร้อมาครอบปากเอาไว้อย่างนั้น กูน้อยใจเว้ยยยยยยยย !

     

                “เออนั่นสิ... ห่วงจังนะ” เสียงของซีวอนที่ก็อปปี้เพสต์ประโยคของเขาไปพูดทำให้เขานึกขึ้นมาได้ว่าคยูฮยอนไปทำงานเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนที่คอนโดของซีวอนอยู่นี่นา... แต่ไม่ยักเห็นว่าเพื่อนของเขาจะทำอะไรมากมายเท่าไหร่เลยนะ - -

     

                “เอ่อ พี่ซีวอนครับ... คยูฮยอนทำงานอยู่ที่ห้องพี่ใช่ป่ะครับ ?”

     

                “หืม ?”

     

                “ผมหมายถึง... ที่เขาไปเป็นพ่อบ้านที่ห้องพี่อ่ะครับ” เมื่อเห็นว่าอีกคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจกับคำถามเมื่อครู่ ทงเฮจึงจัดการขยายความให้เสร็จสรรพ อันที่จริงนั่งเงียบไปดูท่าจะดีกว่าแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเพื่อนตัวเองจะไปทำอะไรให้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่พอใจหรือเปล่า(เลยไม่ค่อยเห็นคยูฮยอนไปทำงานบ่อยนัก) เพื่อนที่ดีควรไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้เพื่อนนะ คุณว่าไหมหล่ะ ?

     

                “อ่ะ...อ่อ... ทำไมเหรอ ?”

     

                “เปล่าครับ คือถ้าคยูฮยอนทำอะไรให้ไม่พอใจผมต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ แหะๆ... เพื่อนผมเพิ่งจะทำงานแบบนี้เป็นครั้งแรกหน่ะ” น้ำเสียงที่ดูมีมารยาทของทงเฮทำให้ซีวอนรู้สึกหน้าตึงขึ้นมานิด ๆ ถ้าหากเขาเข้าใจไม่ผิดหล่ะก็ พี่จองฮุนคงไปบอกทงเฮแน่ ๆ ว่าคยูฮยอนมาเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนอยู่ที่คอนโดของเขา... อ่า... ให้ตายเถอะ ! คุณเมเนเจอร์ไม่เคยบอกให้เขารู้เรื่องเลยนะเนี่ย

     

                “ไม่หรอก... เขาก็... ทำงานดีนี่”

     

                “ผมไม่ค่อยเห็นเขาไปที่คอนโดพี่เท่าไหร่หน่ะครับ นึกว่าพี่จะไม่พอใจ”

     

                “โอ๊ย... คนอย่างไอ้วอน ไม่มีไม่พอใจหรอก” คิมคิบอมที่รู้สึกจะหมั่นไส้เหลือเกินกับไอ้บทสนทนาที่ดังงืด ๆ อยู่ข้างหู มองเพื่อนวอนตอแหลหน้าตายว่าเลี่ยนแล้วเจอเสียงอ่อน ๆ ของทงเฮเข้าไปยิ่งพาลทำให้รู้สึกน้อยใจอยากจะกระชากพวงมาลัยออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด เอ้อ ! อีวอนนี่อยู่กับเขาก็ใช้เอาใช้เอาที่พูดกับคนอื่นหล่ะเสียงหวานจ๋อย ไอ้เด็กข้างบ้านตัวแสบก็เหมือนกัน เรียบร้อยซะไม่มีหล่ะ... เหอะ ! กูเจ็บปวดหว่ะ ! ;_____;

     

                “ฮะๆ พี่อยู่ง่ายหน่ะครับ ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่หรอก” คิบอมแหล่ลูกตามามองเพื่อนที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างเขาหลังจากโดนจิกกัดแต่ชเวซีวอนก็ยังคงเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมได้ทั้งในและนอกจอเพราะนอกจากร่างสูงจะใช้ประโยชน์จากคำพูดของเขาได้แล้ว น้ำสียงชิลลิ่วสบาย ๆ นั้นก็เปล่งออกมาได้ขัดกับสีหน้าเซียว ๆ ที่เขม่นมองเขาราวกับจะฆ่าให้ตายกันไปข้าง... ออสการ์มากเลยครับเพื่อกู - -

     

                ภายในรถกลับมาเป็นความเงียบอีกครั้งเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ในเมื่อตอนนี้ซีวอนกำลังส่งสายตาที่แทบจะฆ่าเพื่อนไปหาคิบอมในขณะที่ทงเฮก็กำลังเชิดชูตัวเองว่าเขาได้ทำการกู้หน้ากู้ตา(?)ให้เพื่อนรักกลับมาได้ ฝ่ายคิบอมก็ยังคงปั้นหน้าสบายอารมณ์ทำตัวเป็นสารถีที่ดีโดยไม่สนใจใยดีใคร (อันที่จริงแอบน้อยใจทงเฮอยู่ลึกๆ เช้อวววว ~)

     

                “เอ้า ! ลงไปได้แล้วครับเพื่อน...” ยานพาหนะคันหรูจอดลงเทียบตรงหน้าคอนโดมิเนี่ยมหรู ซีวอนปลดเข็มขัดของตัวเองออกก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาแนบข้างกาย และในฐานะคนของประชาชนที่ดี(?) ร่างสูงจังหันหน้ากลับไปหาทงเฮพร้อมกับเอ่ยลาด้วยน้ำเสียงละมุนนุ่มลิ้นจนคนตัวขาวถึงกับยิ้มค้างไปชั่วขณะ

     

                “ฝันดีนะครับน้องทงเฮ... ไว้เจอกันนะครับคุณคิบอม” หันไปกล่าวลาเพื่อนโดยไม่คิดจะขอบคุณกันสักนิดที่วันนี้อุตส่าห์ตระเวนพาไปมหาลัยแล้วก็แวะกินข้าวเย็นแถมมาส่งถึงหน้าคอนโดอีก... แต่เอาเถอะ ! ยังไงซะมันก็ไม่น่าหมั่นไส้กับไอ้คนที่นั่งยิ้มอยู่ตรงเบาะหลังราวกับเมาน้ำลายซีวอนไปแล้วหน่ะ เขาก็นายแบบชื่อดังนะเฟ้ย ! ไม่เคยจะได้รับร้อยยิ้มขวยเขินแบบนั้นจากทงเฮบ้างเลยสักนิดอ่ะ

     

                “ยิ้มเข้าไป จะเอาให้กรามค้างเลยมั๊ย ?”

     

                “ไม่เคยสร้างความประทับใจให้คนอื่นไม่เข้าใจหรอก” ทงเฮหุบยิ้มทันทีเมื่ออีกคนเริ่มจะใช้วาจาค่อนขอดเขาอีกครั้ง คุณพระเถอะ ! คิมคิบอมแม่งเป็นมารขัดความสุขของเขาทุกเมื่อเลยสินะ

     

                “อ้อ... ก็คนแถวนี้มันไม่ค่อยจะน่าสร้างความประทับใจด้วยเท่าไหร่ ปากก็ไม่ดีหน้าตาก็ไม่หล่อ เหอะ” เจ้าของยานพาหนะหรูพูดขึ้นลอย ๆ ก่อนจะกดฝ่าเท้าลงบนคันเร่งเพื่อเดินรถต่อไปท่ามกลางเสียงโวยวายของคนที่ทำอะไรไม่ได้จากเบาะหลัง

     

                “หยา ! ไอ้คิมคิบอม ไอ้คนหน้าตาไม่ดี !!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ร่างสูงออกแรงผลักบานประตูหลังจากที่ปล่อยให้เครื่องแสกนได้ตรวจจับมือของเขาเรียบร้อยแล้ว ไฟในห้องโถงที่ยังปิดอยู่บอกให้เขารู้ว่าพี่จองฮุนยังไม่กลับมาที่ห้อง ซีวอนขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยเพราะปกติคนอย่างคิมจองฮุนไม่เคยกลับห้องหลังสามทุ่มถ้าไม่จำเป็น แต่นี่มันปาเข้าไปจะสี่ทุ่มแล้ว... มันผิดสังเกตจริงๆ

     

                ฝ่ามืออุ่นล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมกดโทรออกหาผู้จัดการของตัวเอง แม้จะยังรู้สึกลังเลอยู่บ้างที่จะต้องเป็นฝ่ายโทรไปหาก่อน(มันขัดภาพพจน์อ่ะนะ-w-) แต่สุดท้ายเขาก็เลื่อนนิ้วไปจนถึงชื่อของ เมเนเจอร์ฮุนคุง จนได้

     

    ~ ปึง

     

                “อ่าว... เพิ่งกลับเหรอ ?” ยังไม่ทันจะได้จิ้มนิ้วลงบนปุ่มเขียว เสียงของคนที่เขากำลังจะโทรหาก็ดังขึ้นจากข้างหลังเสียก่อน จองฮุนที่หิ้วถุงของกลับมาเสียเยอะแยะเดินผ่านตัวเขาเพื่อทิ้งข้าวของเหล่านั้นลงบนโซฟา

     

                “อืม พี่ไปไหนมาเนี่ย ?” ปรายตามองถุงกระดาษแบรนด์เนมจำนวนมากที่วางอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงง ปกติคิมจองฮุนด่าเขาประจำเรื่องซื้อของมากเกินไป ไหงวันนี้เจ้าตัวไปยกเค้าห้างมาซะเองอย่างนี้หล่ะ

     

                “ซื้อของ พอดีไปส่ง...คยูฮยอนที่บ้านด้วย”

     

                “เจอเขาเหรอ ?”

     

                “อืม บังเอิญเจอกันที่ร้านกาแฟหน่ะ” ท่าทางนิ่งเรียบของจองฮุนซึ่งซีวอนตีความว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าทำให้ร่างสูงไม่อยากจะซักไซร้อะไรต่อ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคำถามมากมายเกี่ยวกับวลีที่ว่า ส่งคยูฮยอนที่บ้านมันน่าเคลือบแคลงใจชะมัด ! พี่ฮุนไม่เคยดูแลคนที่เขาซื้อมาเป็นพิเศษขนาดนี้มาก่อน

     

                “อ่อ”

     

                “เห็นข่าวแล้วใช่ไหม ?”

     

                “ข่าว ?” ความสงสัยถูกทำให้จางหายไปในพริบตาเมื่อหนังสือก็อซซิปรายเดือนเล่มโตถูกโยนลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้า พาดหัวข่าวตัวโตกับสภาพกล้องของชองยุนโฮที่พังยับปรากฏหราอยู่บนนั้น พร้อมกับตัวอักษรพาดขนาดใหญ่สีชมพูแปร๋นที่เขียนพาดพิงถึงเขาอย่างเสียหาย

     

    ชเวซีวอน ไม่เข็ด
    ออกลายพาหนุ่มขึ้นรถซ้ำรอย

     

    “อะไรวะ ? เขียนแบบนี้ได้ไง” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที เขารีบพลิกหนังสือเล่มบางที่แสนจะไม่ประเทืองปัญญาเอาเสียเลยออกเพื่ออ่านเนื้อความของข่าว ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ของปาปารัซซี่ชองเสียสามในสี่กับพยานผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งก็คือพนักงานชงกาแฟที่เอาแต่กล่าวว่าไม่รู้... แต่ไม่มีอะไรน่าฉุนเท่ากับโควตคำพูดของชองยุนโฮที่บอกว่า ผมรู้ว่าเขาชื่ออะไร แต่ผมจะไม่ขอบอกออกสื่อ รอให้คุณซีวอนมาแถลงการณ์เปิดตัวเองจะดีกว่าไอ้ประโยคบ้าบอพรรค์นี้หน่ะ มันเหมือนตั้งใจจะยียวนเขาชัด ๆ !

     

    “หมอนั่น...”

     

    “พยายามยั่วโมโหผม ผมรู้...”

     

    “อื้ม...” บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นความตรึงเครียดทันทีซึ่งนั่นก็พอจะเป็นคำตอบได้ว่าเพราะเหตุใดคิมจองฮุนจึงไปช็อปมาเสียแหลกลานในวันนี้ ใบหน้าคมคายของดาราหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการซึ่งยังคงยืนขมวดคิ้ว ท้าวเอวเข้ากับขอบอ่าง ไม่ต่างอะไรจากเขาซึ่งได้แต่นั่งไหล่ตกอยู่บนโต๊ะอาหาร... ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเป็นห่วงคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำร้ายกล้องมากกว่าตัวเองเสียอีก

     

    “คยูฮยอนรู้หรือยังเนี่ยพี่ ?”

     

                “รู้แล้ว...”

     

                “หยา ! แล้วเขาว่าไง ? เขาขอยกเลิกสัญญาหรือเปล่า ?!” ร่างสูงตาลีตะเหลือกผลุดลุกผลุดนั่งขึ้นมาจากโต๊ะอาหารจนหน้าแทบจะชิดปลายจมูกของผู้จัดการที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า ผู้จัดการส่วนตัวช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับส่งเสียงถอนหายใจลากยาวราวกับต้องการระบายความคับอกคับใจออกมาพร้อมกับคาร์บอนไดออกไซด์พวกนั้น

     

                “ไม่หรอก ฉันขอให้เขาทำอะไรบางอย่างเพื่อปิดข่าว”

     

                “ปิดข่าว ?”

     

                “เขาจะมาทำความสะอาดที่ห้องทุกวันเสาร์ ทีนี้ถ้าใครอ้างถึง นายก็บอกเขาไปว่านั่นเป็นพ่อบ้านคนใหม่...” เรียวคิ้วหน้าขมวดเข้าหากันอย่างหนักเมื่อได้ยินทางแก้ไขแปลกประหลาดของคิมจองฮุน ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองได้ทบทวนคำพูดประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายครั้งในสมอง... แล้วทุกอย่างที่ประมวลผลอยู่ภายในหัวก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นรอยยิ้มเผล่บนริมฝีปากหยักศก

     

                “โอ้โฮพี่... ผมว่าพี่แม่งเจ๋งสุดขีดไปเลยหว่ะ” ท่าทางของคนที่เครียดจะเป็นจะตายหายไปราวถูกลบทิ้ง ฝ่ามือหนักเอื้อมไปโอบข้ามลำคอของผู้จัดการที่ยืนจิบน้ำชาอยู่ด้วยใบหน้านิ่งงันราวกับรูปปั้น เขาตบเบา ๆ ลงบนบ่านั้นสองสามครั้งก่อนจะแสร้งปั้นหน้าเครียดราวกับว่าการกระทำของผู้จัดการส่วนตัวของเขามันช่างเป็นอะไรที่ถ่วงโลกเสียเหลือเกิน กลบเกลื่อนความดีใจที่กำลังดิ้นพล่านอยู่ในอก... เพราะถ้ามันเป็นอย่างที่เมเนเจอร์คิมบอกแล้วหล่ะก็โอกาสในการใกล้ชิดคยูฮยอนมันก็ย่อมพุ่งขึ้นตามสินะ

     

    เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเชื่อฟังจองฮุนฮยองด้วยความเต็มใจเลยนะเนี่ย !

               

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    *ดิทคำผิดแล้วค่ะ*
    ตอนหน้าใครคิดถึงพระนาง รับรองว่าจัดหนักแบบเต็มอิ่มแน่ ๆ !


    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×