ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Winter's Killer

    ลำดับตอนที่ #7 : .winter killer {sixth}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 199
      0
      31 มี.ค. 55

               

    -sixth

     

    พันธะจากอดีตกาล
    ตีกรอบให้โลกอนาคตอย่างเลี่ยงไม่ได้

              “นายออกแรงเยอะไป...”

              “อ่า ก็ดินมันแข็งนี่ครับ” คยูฮยอนขมวดคิ้วในขณะที่ริมฝีปากยังคงเอ่ยเถียงผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างเขา อาจารย์ร่างสูงเบนสายตาลงไปที่ขาเป็นสัญญาณให้เขาเตะแป้นหมุนให้ ซึ่งร่างบางก็ยอมทำตามด้วยการออกแรงไปที่ปลายเท้าเพื่อถีบบนแผ่นปูนด้านล่างสามสี่ครั้งตามคำขอ

              ท่อนแขนแกร่งท้าวอยู่ที่หน้าขาของเขาอย่างถือวิสาสะ ชเวซีวอนเอี้ยวตัวก้มลงมาจนใบหน้าแทบจะติดกับก้อนดิน อุ้งมือใหญ่กดก้อนดินที่ถูกขึ้นเป็นรูปทรงเอาไว้เมื่อครู่ให้กลับไปรวมเป็นดินก้อนเดียวก่อนจะเอื้อมมือไปจุ่มน้ำในจังหวะที่แรงเหวี่ยงของแป้นหมุนเริ่มช้าลง และทันทีที่ใบหน้าคมเงยขึ้นสบตากับอีกคน คยูฮยอนก็ออกแรงถีบแป้นเหมือนที่ทำเป็นประจำ

              “รู้จังหวะ... รู้จักผ่อนแรง...” ก้อนดินไม่เป็นรูปถูกดันขึ้นมาจนมีลักษณะคล้ายระฆังคว่ำ ภายในเวลาไม่กี่นาที คยูฮยอนชะโงกหัวข้ามไปดูก้อนดินสีขาวที่กำลังเปลี่ยนทรงไปเรื่อย ๆ ด้วยแววตาที่เป็นประกายโดยลืมไปเสียสนิทว่าเขาควรจะจดจำมันเอาไว้ด้วย

              “นายยังตั้งศูนย์ไม่ตรง ดินเองก็เหมือนคน... ถ้ารากฐานมันเขว...จะดัดมันเป็นอะไร มันก็จะเขว” มือหนาผลักก้อนดินสวยให้เอียงด้วยฝ่ามือของตัวเองแล้วมองไปที่ใบหน้าของคยูฮยอน ดวงตาคมของเพชรฆาตจับจ้องเข้าไปภายในลูกตากลมของอีกคนที่กำลังซึมซับคำพูดของตนเข้าไป

              “...”

              “แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันตรง... ต่อให้นายขึ้นงานสูงแค่ไหนมันก็จะมั่นคง” อุ้งมือใหญ่กุมก้อนดินเมื่อครู่กลับมา ซีวอนส่งแรงไปที่ฝ่ามือเพื่อจัดการจัดรูปดินนั้นให้กลับมาเป็นทรงระฆังคว่ำอีกครั้ง ดวงตาคมช้อนขึ้นจ้องที่ใบหน้าหวานของอีกคนที่ยังคงเพ่งไปที่ก้อนดินนั้น ในแววตาของโจว คยูฮยอนเขาเห็นคำถามมากมายเต็มไปหมดในนั้น... และมันทำให้เขาต้องคลี่ยิ้มออกมา

              “...”

              “ค่อย ๆ ทำไป ผมเองก็ฝึกมานาน” ซีวอนใช้มือข้างที่ไม่เปรอะยกขึ้นเกลี่ยคราบโคลนที่กระเด็นไปติดอยู่ที่ข้างแก้มของร่างบางออก สัมผัสนั้นทำให้คยูฮยอนสะดุ้งตัวออกมาจากห้วงความคิดของตัวเองแล้วเสใบหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ ศิลปินร่างสูงยกยิ้มขึ้นที่มุมปากของตัวเองแล้วไล้ปลายนิ้วลงมาแตะที่ปลายจมูกโด่งรั้น... ซีวอนใช้ดวงตาของตนเองทอดมองใบหน้าหวานด้วยแววตาที่เขาเองนั้นเดาไม่ถูกว่ามันกำลังเผยอะไรออกไป

              โจวคยูฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองโดนสะกดจิตให้ปิดเปลือกตาลง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นอย่างเลือนลางคือใบหน้าของอีกฝ่ายที่เคลื่อนใกล้เข้ามา... สัมผัสเย็นทาบทามอยู่บนเปลือกตาบางของเขา มันไล้ลงมาแทนที่ปลายนิ้วตรงปลายจมูกแล้วเลื่อนต่ำลงมาอยู่เหนือริมฝีปากด้านบน เขาได้กลิ่นบุหรี่ยี่ห้อดังที่ร่างสูงมักสูบมันบ่อยครั้งเว้นแต่ตอนที่อยู่กันเพียงลำพัง

              ริมฝีปากหยักเย็นเฉียบนั้นเคลื่อนออกไปแล้วซักพัก คยูฮยอนรู้สึกได้ถึงแรงปะทะของไออากาศหนาวเหน็บที่ลอยเข้ามาแทนที่ตรงบริเวณเมื่อครู่ซึ่งถูกกดจูบลงไป น่าประหลาดที่เขาไม่นึกรู้สึกรังเกียจอะไรกับรสสัมผัสนุ่มละมุนเมื่อครู่ทั้ง ๆ ที่ชเวซีวอนเองเป็นเพียงผู้ชายข้างถนนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งรู้จักกันได้เพียงสองอาทิตย์ ผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาถึง 7 ปี แต่กลับทำให้เขาหัวใจเต้นได้เหมือนเวลาที่เจอกับหญิงสาววัยเดียวกัน

              คยูฮยอนรู้สึกว่าอยากจะเอ่ยเสียงออกไปเป็นคำพูดสักประโยคหนึ่งกับอาจารย์ร่างใหญ่ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังคงยืนอยู่ที่เดิมหรือเปล่า... เขายังคงปิดเปลือกตาเอาไว้ ด้วยกลัวที่จะต้องสบสายตากับดวงตาคมคายนั้นและหวั่นใจกับความรู้สึกที่ถาโถมไปทั่วทั้งแผ่นอก ได้ยินเสียงหัวใจของตนเองทำงานอย่างหนักและรับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเขา

              ท่ามกลางความนิ่งงันซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างตั้งใจ แขนแกร่งสอดเข้าไปโอบรอบเอวบางคอดแล้วรัดมันเข้ามาแนบแน่น ริมฝีปากที่เพิ่งจะเว้นออกมาเมื่อครู่กดจูบหนักลงบนริมฝีปาก ซีวอนย้ำรอยสัมผัสนั้นด้วยการขบเม้มลงไปเบา ๆ ตรงจุดเดิม จนกระทั่งคนที่โดนต้อนทางอ้อมยอมเปิดริมฝีปากของตนเองออกมา ปล่อยให้ริมฝีปากอุ่นนั้นครอบครองและซอกซอนเข้าไปภายในโพรงปาก

              ร่างทั้งร่างของคยูฮยอนถูกโอบอุ้มขึ้นมาแนบกับอกกว้าง แขนเรียวและฝ่ามือที่เปรอะก้อนดินคล้องรอบคออีกฝ่ายเก้กังเพราะเกรงว่าจะสูญเสียการทรงตัวแล้วต้องร่วงหลุดลงไปจากอ้อมแขนนั้น หากแต่ซีวอนเองก็ประคองอีกร่างเอาไว้แน่นด้วยความถนุถนอม แล้ววางร่างนั้นลงกับพื้นฟูกนอนที่ปูอยู่ไม่ห่างจากตรงนั้นมากเท่าใด

              เกลียวลิ้นที่สอดแทรกเข้าหากันเหมือนกับแม่ทัพที่กำลังกระหน่ำเพลงดาบท่ามกลางความหนาวเหน็บของป่าในฤดูหนาว คยูฮยอนคลายแขนของตนเองออกมา มือเปื้อนดินขยุ้มเสื้อกล้ามตัวโคร่งของอีกฝ่ายเอาไว้จนเห็นเป็นคราบดินกรังบนเนื้อผ้า ในขณะที่ซีวอนเลื่อนมือลงมาปลดผ้ากันเปื้อนผ้าใบออกแล้วผละใบหน้าขึ้นมาสบมองอีกคนด้วยรอยยิ้ม...

              “นายเองก็เหมือนงานของนายนั่นแหละ” เสียงกระซิบทุ้มต่ำเตือนให้คยูฮยอนมีสติขึ้นมาว่าตนเองกำลังถูกทาบทับด้วยร่างของผู้ชายข้างถนนตัวโต และแทนที่เขาจะผลักร่างนั้นให้ออกไปจากตัวของเขา แขนเรียวกลับรั้งลำคอนั้นเข้ามาเพื่อหวังให้อีกฝ่ายมอบรสจูบอบอุ่นอีกครั้ง รวมทั้งสานต่อเปลวเพลิงที่เพิ่งเริ่มก่อตัวให้พร้อมเป็นเตาถ่านอันทานทนต่อลมหนาว...

    ก้อนดินที่ตั้งศูนย์ไม่ตรงก็ยังคงหมุนต่อไป...

     

     

     

     














     

     

     

     

     

    แน่ใจหรือว่า ตะเกียงแก้วที่ถืออยู่
    มียักษ์คอยมอบพรวิเศษจริงตามตำนาน

                ฮยอกแจพยายามทอดสายตามองลอดช่องมูลี่ที่กั้นบานหน้าต่างกระจกเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นด้านนอก เหมือนว่ามีคนหลายคนกำลังพยายามเคลื่อนย้ายอะไรบางอย่างออกไปจากทีนี้ แล้วสักพักเสียงเหล่านั้นก็เงียบลงไป แทนทีด้วยเสียงกระแทกของอะไรบางอย่างตามมา ส่งผลให้บานประตูที่กั้นเขาออกจากโลกภายนอกถูกเปิดอออกอย่างไม่ตั้งใจ

                เพราะไม่ได้เห็นแสงสว่างจากโลกภายนอกมาหลายวัน ฮยอกแจจึงต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับให้สายตาสามารถสู้แสงที่สาดส่องเข้ามาได้ ตรงหน้าเขาเป็นชายร่างใหญ่ ในมือหยาบกร้านกำกระบอกปืนพกเอาไว้แน่น ฮยอกแจถดตัวถอยหลังจนกระทั่งแผ่นหลังที่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยเสื้อไหมพรมตัวบางนาบลงกับความเย็นที่ฝังอยู่ในเนื้อปูน รองเท้าหนังมันขลับขยับก้าวเข้ามาใกล้เขาแล้วเจ้าตัวก็ย่อลงมา... มือกร้านนั้นปล่อยกระบอกปืนลงแล้วจัดการแก้มัดเชือกที่คล้องแขนเอาไว้ออกไป

                “ใคร ?”

                “...” ชายผู้มากับความเงียบยังคงรักษาความว่างเปล่าเอาไว้ได้อย่างดีด้วยการไม่ยอมตอบคำถามนั้น หนำซ้ำมือกร้านยังกุมข้อแขนเล็กนั้นเอาไว้แน่นเสียจนฮยอกแจไม่สามารถสะบัดให้หลุด อาวุธร้ายแรงที่ตกอยู่บนพื้นปูนเย็นเฉียบถูกขาบางเขี่ยออกไปแม้จะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มาดีหรือร้ายฮยอกแจก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรไว้ใจใครทั้งนั้น

                “นายเป็นใคร !” เสียงหวานตะโกนกราดเกรี้ยวจนตัวโยนเมื่อชายร่างใหญ่ยังไม่ยอมหยุดใช้พละกำลังของตนเองหยุดคุกคามเขา ดวงตาเรียวพยายามปั้นแต่งแววตาของการแข็งกร้าวขึ้นมาหวังกำบังความหวาดกลัวที่จุกขึ้นจนล้นอก หากแต่ผู้ชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าดูเหมือนจะรู้จักเกราะกำบังของเขาดี... ริมฝีปากหยักนั้นยกยิ้มขึ้นมา

                “หึ...”

                “ปล่อยฉัน ! นายเป็นใครกัน !!!

                “อยากรู้จริงเหรอ... อี ฮยอกแจ”

     

     

     

     

     

     

     

     


















     

     

     

    คนตาบอด.. คือคนที่บอกว่าตัวเอง
    มองเห็นชัดเจนที่สุด

                “ผมเองก็อยากจะสงบบ้างนะ ความจริงหน่ะ...” คยูฮยอนพูดเปรยขึ้นมาเพื่อให้คนขับรถของตนเองได้ยิน ร่างบางไขว้ขาซ้ายขึ้นซ้อนขาขวา ทอดสายตามองออกไปข้างถนนที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลสีแดงแสดเรียงรายอยู่ ดูเหมือนว่าร่างบางจะเริ่มควบคุมความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อครู่ได้หลังจากที่ถูกปล่อยให้อยู่เงียบซักพัก แม้ว่าเจ้าตัวจะยังคงขมวดคิ้วทั้งสองเข้าหากันอยู่โดยไม่รู้ตัวก็ตาม

                “คุณคยูฮยอนน่าจะลองไปพักผ่อนดู เว้นจากงานซักพัก”

                “ผมเองก็พยายามทำอยู่ครับลุงซึงฮยอน... แต่พอตั้งใจทีไรก็เกิดเรื่องทุกที ดูอย่างตอนนี้สิครับ” ร่างบางส่ายหน้าระอากับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อประมาณห้านาทีก่อนเขาได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องคนใดคนหนึ่งซึ่งลืมไปแล้วหล่ะว่าใคร รายงานว่ามีผู้ชายสองคนบุกรุกเข้าไปด้านในที่กบดานลำดับ 2 นั่นหมายความว่าอี ฮยอกแจกำลังเป็นอันตราย สิ่งที่ทำให้ร่างบางโกรธคือ ลูกน้องของตนเองกลับไม่สามารถระบุได้ว่าคนที่บุกเข้าไปเป็นใคร และประเด็นที่สองก็คือ ไอ้ลูกน้องที่โทรมาบอกเขานั้นเป็นเพียงหนึ่งคนที่หนีรอดออกมาได้... ประสิทธิภาพการทำงานช่างขยะเสียเหลือเกิน

                “จบงานนี้ก็ลองพักผ่อนดูบ้างสิครับ”

                “ผมอยากจะวางมือด้วยซ้ำ”

                “...” คำตอบที่สวนกลับไปทันทีเหมือนคนที่คิดวางแผนมานานแล้วทำให้ชายแก่ซึงฮยอนอดคลี่รอยยิ้มออกมามิได้ เขาหวังอยู่นานแล้วว่าคยูฮยอนจะยอมละออกมาจากเรื่องวุ่นวายพวกนี้เสียที คราบเลือดสกปรกบนมืออันบอบบางของคยูฮยอนกำลังรอการชำระล้างออกให้สะอาด ซึงฮยอนเชื่อว่าคุณหนูของเขามิได้เป็นคนบาปมหันต์เสียจนลืมการทำความดีไปแล้ว คยูฮยอนยังคงแยกแยะชั่วดีได้อยู่...

                “เฮ้อ... ลุงว่ารอบนี้จะใช่ซีวอนหรือเปล่า ?”

                “ลุงก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”

                “พอนึกถึงพ่อผมก็อยากจะฆ่าเขาให้ตาย... แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน ผมก็ทำไม่ลงทุกที... จนบางครั้งผมก็เกลียดตัวเองที่เห็นฆาตรกรคนนั้นดีกว่าพ่อ”

                “ความรักมันไม่เข้าใครออกใครหรอกครับ...”

                “ที่ผมให้เขานี่มันเรียกว่าความรักเหรอครับ ?” ร่างบางลอบมองลุงคนขับรถจากทางด้านหลังด้วยแววตาที่ค่อนไปทางความตื่นตระหนก จริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาใช้คำว่ารักอธิบายความรู้สึกที่มอบให้ชเว ซีวอน แต่หลังจากรู้ความจริงแล้ว เขาก็ตัดคำนั้นออกไปขากสมองของตัวเองและเชื่อมั่นว่าเขาไม่มีทางรักชเวซีวอนได้อย่างแน่นอน...

                “แล้วคุณคยูฮยอนจะเรียกมันว่าอะไรหล่ะครับ”

                “...”

                “...”

                “ผมก็... ไม่รู้เหมือนกัน...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     






     

     

    หัวใจที่ถูกบีบจนแทบจะแหลกคามือ
    มันคือดวงเดียวกับที่นายเฝ้าถนุถนอมมาตลอด

              กายเปล่าถูกห่มไว้ด้วยผ้านวมสีเทาผืนหนา ร่างบางยังคงหลับพริ้มอยู่ในห้วงของความฝัน ดวงตากลมปิดสนิทที่จ้องมองก้อนดินและฉายแววอยากรู้อยากเห็นกำลังพักผ่อนอยู่ในอ้อมอกกว้างของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นฆาตรกร ซีวอนโน้มริมฝีปากลงกดจูบที่ขมับนุ่มของคนในอ้อมกอดเพื่อปลุกให้เจ้าหญิงตัวน้อยตื่นจากนิทราเสียที

              “คยูฮยอน...” ชายหนุ่มกระซิบเสียงแผ่ว ไล้มือไปบนโครงหน้าหวานแล้วเชยคางมนขึ้นมารับจูบอ่อนโยนจากเขา เปลือกตาบางเปิดขึ้นเมื่อสัมผัสเย็นเฉียบนั้นซุกไซร้คลอเคลียไม่ห่างข้างพวงแก้ม เด็กน้อยรีบคว้าร่างสูงใหญ่โอบกอดเอาไว้แนบแน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปไหน... ไม่ใช่หรอก คยูฮยอนแค่ยังอยากรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

              “ดึกแล้วนะครับ... กลับบ้านได้แล้ว”

              “อื้อ...” ครางรับเหมือนรู้เรื่องแต่กลับซุกตัวเข้ากับอกกว้างแล้วปิดเปลือกตาลงอย่างเดิมจนชเวซีวอนอดที่จะขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มนั้นไม่ได้ ร่างสูงบีบสะโพกอีกคนเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะก้มลงซุกปลายจมูกที่ซอกคอขาว สูดกลิ่นเหงื่อจางๆ ที่ตกค้างอยู่จากการร่วมรักท่ามกลางอากาศหนาวในช่วงบ่าย

              “เดี๋ยวคนที่บ้านจะเป็นห่วงเอานะครับ”

              “แล้วซีวอนไม่เป็นห่วงผมเหรอ... ให้ผมกลับบ้านดึก ๆ แบบนี้เนี่ยนะ” ช้อนสายตาเบนไปทางบานหน้าต่างที่เผยให้เห็นความมืดทะมึนของท้องฟ้ายามค่ำ ซีวอนรู้สึกเหมือนโดนต่อยปาก ตอบอะไรออกไปไม่ได้พูดแก้ตัวไม่เป็น มันก็จริงอย่างที่คยูฮยอนว่า เขาไม่อยากจะปล่อยผู้ชายตัวบางคนนี้ให้ต้องเดินกลับบ้านท่ามกลางหิมะแต่เพียงลำพังเลย... แต่การจะไปปรากฏตัวที่หน้าบ้านของคยูฮยอน ก็รังแต่จะเสี่ยงภัยแก่ตัวของเขาเสียเหลือเกิน

              “อ่า...”

              “ฮ่า ๆ... ผมล้อเล่นหน่า แต่ไปส่งผมได้ไหมครับ ?”

              “หืม ?... เอาอย่างนั้นเหรอครับ”

              “อืม.. นะครับซีวอนฮยอง”

              “ก็ได้ครับ... ผมจะไปส่ง” และเขาเพิ่งรู้ว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ที่สุดในชีวิต...

     

              ทางเดินที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะทำให้ร่างบางต้องเบียดกายเข้าหาร่างสูงกว่า เสื้อโค้ทตัวหนาบรรเทาความหนาวเหน็บของอากาศภายนอกได้ไม่ถึงครึ่ง คยูฮยอนถูมือที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงมือไปมาเพราะสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก เส้นทางที่ปกติเจ้าตัวบอกว่าอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นักวันนี้เหมือนถนนจะยืดตัวยาวอย่างไร้เหตุผล

              “ทำไมวันนี้มันไกลจัง”

              “ก็นายหนาว เลยก้าวขาช้า” ซีวอนว่าพร้อมกับโอบเอวของชายร่างบางเข้ามาแนบกาย ฝ่ามือนั้นประคองร่างอรชรเอาไว้ในอ้อมแขนเพื่อหวังให้ความอุ่นจากฝ่ามือของเขาแผ่ซ่านสู่ร่างเล็กบ้างก็ยังดี ร่างบางเอนศีรษะของตนเองซบลงบนบ่ากว้างพร้อมกับพยายามสาวเท้าตามคนข้าง ๆ ให้ทันด้วยการก้าวยาวขึ้น

              “หลังไหนนะ...” ซีวอนเอ่ยถามร่างบางตามความเคยชิน ทำไมเขาจะจำบ้านของคยูฮยอนไม่ได้ในเมื่อสองสามปีก่อนเขามาป้วนเปี้ยน วนเวียนอยู่บ่อยครั้งเพื่อหาลู่ทางในการกำจัดช้างเท้าหน้าของบ้าน จนกระทั่งมันสำเร็จไปด้วยดี เขาเพียงแต่ต้องการสั่งสอนผู้ชายร่างท้วมคนนั้นว่าอย่ามาตัดสินใครจากภายนอก แต่ไม่คิดเลยว่าคนในอ้อมแขนของเขากลับเลือกสืบทอดสิ่งที่บิดาทำอย่างไม่นึกรังเกียจ

              ให้พูดกันตามตรง เขาเชื่อว่าตัวเองรู้จักคนบ้านตระกูลโจวดีกว่าทนายหัวหมอที่เพิ่งจะโดนฟ้องเรื่องยักยอกทรัพย์ไปเสียอีก ซีวอนเก็บข้อมูลของคนบ้านนี้ทุกคนที่เข้าออก แต่ถ้าถามว่ารู้เรื่องใครดีที่สุดก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นโจว คยูฮยอน ลูกชายเพียงคนเดียวของโจว อินซองและโจว ฮันนา และด้วยเสน่ห์บางอย่างที่เจ้าตัวอาจไม่ทันรู้ว่าตนเองมีอยู่ก็ทำให้เขาเผลอมอบใจไปให้คยูฮยอนตั้งแต่แรกเห็น... อาจจะเป็นดวงตากราดเกรี้ยวที่จ้องมองเขาในวันนั้นอย่างอาจหาญ หรืออาจเป็นผิวสีนมที่เมื่อสะท้อนกับแสงไฟสีส้มอ่อนแล้วช่างดูเหมือนลูกอมรสนมแสนหวานอันน่าลิ้มลองก็เป็นได้

    เหนือสิ่งอื่นใด... หัวใจของโจวคยูฮยอนช่างบริสุทธิ์
    ควรค่าแกการรักษาเอาไว้ มิใช่ปล่อยให้แปดเปื้อนไปเรื่อย

              “หลังนี้ครับ... ขอบคุณมากนะ”

              “ครับผม...” เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มที่ขานรับกดจูบของตนเองลงที่ขมับข้างซ้ายของคยูฮยอนที่โผล่พ้นหมวกไหมพรมออกมา ร่างสูงสาวเท้าก้าวถอยหลังออกมาจากบริเวณนั้นแล้วขยับหมวกไหมพรมของตนเองลงมาปิดบังบริเวณใบหน้า เพื่ออำพรางตนเองจากสายตาของชายในชุดสูทที่เดินออกมาเปิดประตู

              ชเวซีวอนโบกมือสองสามครั้งให้กับร่างบางที่กำลังเดินเข้าบ้านไป เขาหันหลังเพื่อเดินกลับไปยังเส้นทางที่เขาเดินมา แต่เสียงสับไกปืนทำให้เขาต้องสอดมือเข้าไปใต้เสื้อโค้ทหนังตัวยาวเพื่อกำอาวุธของเขาเอาไว้แน่น เขาภาวนาให้คยูฮยอนถอยออกห่างจากตรงนั้นไปแล้วและไม่เห็นภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้

              “แกฆ่าท่านโจว อินซองแล้วแกยังต้องการอะไรอีกรึ ชเว ซีวอน !!!

    ~ ปัง....

    น่าเสียดายที่พระเจ้ากลั่นแกล้งเขา...
    ให้คยูฮยอนหันหลังกลับมายังจุดที่เขายืนอยู่
    มองลูกกระสุนเหล็กทะลุผ่านเสื้อโค้ท ฝังลงบนผิวเนื้อของฆาตรกร

            

     

             

     

     

     













     

     

     

     

     

     

    ต่อให้ต้องโดนพิพากษาว่าเป็นผู้ร้าย
    แต่ถ้าได้อยู่ภายใต้อาณัติผู้คุมอย่างคุณ... ผมยอม

                คยูฮยอนก้าวเท้าลงมาจากยานพาหนะอย่างเงียบเชียบโดยปราศจากผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังอย่างที่เคยเป็น ซึงฮยอนสอดกระบอกปืนสีโลหะไว้ที่เอวแล้วก้าวตามลงมา ดวงตากลมทอดมองลูกกุญแจที่ถูกง้างออกด้วยความรู้สึกหนักอกหนักใจซึ่งแสดงผ่านออกมาจากสีหน้าจนซึงฮยอนต้องเดินเข้าไปลูบบ่าเป็นการให้กำลังใจ

                “ลุงรอข้างนอกดีกว่าครับ ด้านในอันตราย”

                “นั่นเป็นเหตุผลที่ลุงอยู่กับคุณคยูฮยอนมาตั้งแต่เด็กไงหล่ะครับ..” ชเว ซึงฮยอน ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มให้กับผู้ที่เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อปกป้องเอาไว้ คยูฮยอนพยักหน้ารับคำพูดที่เขาไม่รู้ว่าจะเถียงกลับอย่างไรอย่างจำยอมแล้วจึงออกแรงผลักบานประตูกระจกเพื่อแทรกตัวเข้าไปด้านในบ้านหลังเล็ก

                “นาย ! ออกไปปป !!” เสียงร้องโหยของฮยอกแจทำให้ร่างบางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อย่างน้อยอี ฮยอกแจก็ยังไม่ได้หนีไปไกลอย่างที่เขาคิด ขายาวสาวข้ามลูกน้องของตนเองที่นอนสลบอยู่บนพื้นเพื่อหวังว่าจะเข้าใกล้เป้าหมายได้มากกว่านี้...

                “นายเป็นใคร ! ออกไป !!! ปล่อยสิ !” คยูฮยอนชะงักฝีเท้าของตนเองแล้วหันหน้าไปมองซึงฮยอนที่เดินตามหลังมาอยู่ ดวงตากลมเบิกโพลงเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้นั้นผิดพลาด ฮยอกแจออกปากไล่ผู้บุกรุกคนนั้น หมายความว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ชเวซีวอนหรือควอนซังอุนอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้... คยูฮยอนจึงต้องร่นฝ่าเท้าถอยหลังออกมาก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

                “หึ...”

                “...” ไม่มีเสียงร้องของฮยอกแจ คยูฮยอนหลับตาลงพยายามฟังเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยนั่น เสียงฝ่าเท้าที่กระทบลงบนพื้นทำให้ร่างบางรู้ว่าผู้บุกรุกกำลังเคลื่อนไหว ฮยอกแจไม่ได้สวมรองเท้าเพราะฉะนั้นฝีเท้านั้นควรเป็นของผู้บุกรุก ร่างบางปิดเปลือกตาลงเพื่อสดับซุ่มเสียงนั้นให้ชัดเจน เขารู้สึกว่ามันคุ้นเคยเหลือเกิน... เหมือนกับได้ยินอยู่เป็นประจำ

                “คุณคยูฮยอนครับ”

                “ชู่ว...”

                “คุณคยูฮยอนครับ ผมว่า..”

                “ชอง ยุนโฮ... อ่ะ !” ร่างบางตวัดสายตากลับมายังชายวัยกลางคนแล้วสบมองดวงตาคมเฉียบที่กำลังทอดมองมายังเขา ร่างสูงใหญ่ของชเวซีวอนที่ปรากฎอยู่พร้อมกับกระบอกปืนสีดำขลับทำให้เขาเผลอยกอาวุธในมือขึ้นจ่อที่ร่างใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าคยูฮยอนจะถือไพ่ต่ำกว่าเมื่อทงเฮค่อย ๆ ก้าวออกมาจากแผ่นหลังกว้างของซีวอน โดยที่มีเชือกมัดค้างอยู่ตรงข้อมืออย่างแน่นหนา

                “...”

                “อีฮยอกแจ !” ท่ามกลางความเงียบ ทงเฮตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกคนที่อยู่ด้านในสุดเสียงจนซีวอนต้องรีบปิดริมฝีปากนั้นแล้วลากร่างเล็กกว่าหลบเข้าไปหลังมุม หากแต่มันไม่ทันเสียแล้วเมื่อผู้บุกรุกในเสื้อโค้ทสีน้ำตาลได้ก้าวเท้าออกมาจากบ้านประตูเรียบร้อยแล้ว

                “ยุนโฮ...”

                “...” ชายผู้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับความเงียบคว้าข้อแขนบางของอีฮยอกแจติดมาด้วย ร่างผอมบางครูดกับพื้นปูนเปลือยสีเทาจนเกิดรอยถลอก คราบเลือกซิบตรงหัวเข่าทั้งสองข้างทำให้ซีวอนถอนหายใจออกมาเพื่อระบายโทสะที่กำลังถูกเร่งเชื้อเพลิงให้เพิ่มขึ้น แขนแกร่งบีบข้อมือของทงเฮเอาไว้แน่นจนคนที่อยู่ใต้อาณัติขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะความเจ็บปวด

                “ปล่อยทงเฮมา...”

                “จียง...” ผู้มาใหม่ซึ่งซ่อนตัวอยู่นอกหน้าต่างจ่อกระบอกปืนแนบขมับคยูฮยอน การกระทำดังกล่าวทำให้ซึงฮยอนหันขวับไปด้วยความตกใจ แต่ก็ยังไม่ไวเท่าเจ้าของกระบอกปืนที่คว้าข้อมือทั้งสองของคยูฮยอนรวบเข้าไปด้วย... เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ซีวอนรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาราวกับโดนไฟสุมทรวง ความกระวนกระวาย กังวล โกรธแค้นรุมเร้าเขาไม่ต่างจากการที่ทุกปลายกระบอกปืนล้วนต้องการทำร้ายเขาผ่านผู้คนรอบข้างทั้งนั้น...

                “ปล่อยทงเฮมา !” เสียงตะหวาดกร้าวของจียงกับปลายกระบอกปืนที่กดแนบอยู่ที่ข้างขมับของคยูฮยอนทำให้ซีวอนยอมผ่อนแรงที่แขนออกมาบ้าง ดวงตาคมตวัดมองใบหน้าหวานของคนที่ถูกคุกคาม สลับกับใบหน้าเปื้อนฝุ่นของฮยอกแจที่อยู่ในท่าทางซางไม่ต่างกันมาก ครั้นเมื่อเห็นท่าทางลังเลของชเวซีวอน ยุนโฮจึงขยับปลายกระบอกปืนเข้าไปใกล้กระหม่อมของฮยองแจมากขึ้นเพื่อรีบบีบบังคับร่างสูงกว่า

                “ซังอุน...” ฮยอกแจสอดสายตามองร่างสูงกว่าที่ดูลังเลใจอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้ว่าทำไมคยูฮยอนถึงกลายเป็นเป้าหมายของผู้ชายที่ถือปืนจ่อหัวเขาอยู่แต่นั่นก็เป็นการณ์ดีที่เขาจะได้หนีออกไปจากเรื่องวุ่นวายบ้าบอนี่เสียที กระนั้นก็ตาม แววตาที่ซังมองไปยังคยูฮยอนช่างแลดูมีความหมายจนเขาต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวั่นใจว่าซังอุนจะไม่เลือกช่วยเขาเหมือนที่เคยเป็นมา

                “ถ้ากูปล่อย... มึงต้องคืนฮยอกแจมา” ซีวอนปริปากออกมาเป็นครั้งแรกท่ามกลางความชุลมุนตรงหน้า  ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มแน่นเข้าหากันจนไม่เหลือช่องว่าง ดวงตาคมกวัดมองไปที่ร่างบอบบางซึ่งนั่งพับอยู่บนพื้นโดยมีกระบอกปืนของชอง ยุนโฮจ่ออยู่ที่ศีรษะ... ซีวอนรู้ดีว่าตัวเองไม่มีความกล้ามากพอที่หันกลับไปสบตาของคยูฮยอนและเจ้าตัวก็คงไม่รู้ด้วยว่า วินาทีนั้น... โจวคยูฮยอนกำลังมีน้ำตา...

               

    __________Winter Killer__________

    ตอนหน้าจะพยายามให้จบ (:
    ตอนนี้มันยาวเนอะ ฮ่า ๆ....

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×