ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (kaihun) High Hopes

    ลำดับตอนที่ #1 : Run

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.63K
      24
      25 ม.ค. 59

    คุณเชื่อเรื่องโชคชะตาใช่ไหมครับ

    ผมก็เชื่อ

     


    ผมหย่อนเท้าลงสัมผัสกับพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่มหลังจากห่างหายมันไปนานหลายปี สูดกลิ่นอากาศบริสุทธิ์ในช่วงบ่ายของวันท่ามกลางความเงียบงันรอบกาย แสงอาทิตย์ดูเจิดจ้ากว่าทุกช่วงเวลาเพราะมันกำลังเคลื่อนตัวไปบอกลาใครต่อใครก่อนยกกะกลางคืนให้เป็นหน้าที่ของดวงจันทร์

     


    ยังจำนิทานที่แม่เล่าให้ฟังได้ ว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์ทำงานเหมือนพนักงานขายร้านโดนัท 24 ชั่วโมงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ผลัดกันตอกบัตรเข้ากะเช้ากะบ่าย พระจันทร์คงเหมือนกับแม่ที่ต้องรับผิดชอบกะดึกเสมอในร้านเหล้าประจำเมืองขนาดย่อมที่เราอาศัยอยู่ด้วยกัน

     


    มันผ่อนคลายเมื่อได้นึกถึงอดีต แต่ก็น่าเสียดายกับเรื่องที่ไม่มีทางย้อนไปแก้ไขได้ ใครต่อใครจึงบอกให้ปล่อยวางไปเสีย

     


    คิมจงอินคิดเช่นนั้นขณะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า ใช้แขนทั้งสองข้างท้าวเอนไปเบื้องหลัง แล้วก็ตัดสินใจนอนราบลงไปเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในละแวกนั้น ชายหนุ่มวัยสามสิบสองเขี่ยรองเท้าผ้าใบที่ถูกเหยียบส้นจนขาดวิ่นลงไปกองกับพื้นก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้าสีอ่อน

     


    การมาที่นี่ทำให้เขานึกถึงแม่ ใครก็หาว่าจงอินเป็นลูกแหง่เสมออายุปาเข้าไปสามสิบกว่าแต่ก็ยังไม่ยอมแต่งงาน อยู่ติดบ้านยิ่งกว่าแปรงขัดส้วม (นั่นเป็นคำเปรียบเปรยของป้าข้างบ้านที่ปากไม่ค่อยดีตั้งแต่เสียสามีไปในสงครามโลก) ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่อมยิ้มรับคำพูดเหล่านั้นด้วยความเข้าใจว่าคนรอบกายคงไม่ได้มองโลกจากมุมเดียวกับเขา

     


    มันไม่ใช่เพราะเขาติดแม่ ติดบ้าน หรือติดอะไรทั้งนั้น เขาแค่มองว่าการแต่งงาน คือการผูกมัดอิสรภาพของตัวเอง ชีวิตศิลปินที่อารมณ์ขึ้นลงได้ยิ่งกว่าน้ำทะเลคงไม่เหมาะจะดูแลใคร ไม่ขลุกอยู่ในบ้านก็ออกไปทำงานต่างเมืองหลายเดือน กลับมาอีกทีดีไม่ดีภรรยาอาจจะหนีเตลิดไปแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้วก็เป็นได้ (ดูตัวอย่างมาจากเพื่อนร่วมวงเหล้าหลายคน)

     


    นั่นทำให้เขาเลือกไม่ผูกมัดตัวเองกับใคร...

     


    คุณ!!!!!” ความคิดเรื่อยเปื่อยยังไม่ทันสุดม้วน เสียงแหบๆของใครสักคนก็ดังขัดมาจากด้านหลัง จงอินไม่คิดว่าคนถูกเรียกเป็นคนอื่นเพราะเท่าที่สำรวจดูตอนหยุดรถมันมีแค่เขาคนเดียวในทุ่งนี้ ใบหน้าคมคร้ามจึงหันกลับไปมองและพบว่านั่นเป็นเสียงของผู้ชายตัวสูงยาวในชุดสูทซึ่งกำลังวิ่งลงมาจากเนินเขาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ ปากก็เอาแต่ตะโกนคำว่า คุณๆ ไปตลอดทาง

     


    “...” จงอินพยายามคิดว่าตัวเองควรพูดอะไรกลับไปดีแต่เขาก็นึกอะไรไม่ออกสักอย่าง คนไม่ช่างพูดช่างจาอย่างเขาเอ่ยทักใครก่อนไม่เป็นเสียด้วยสิ

     


    คุณ! แฮ่ก...คะ...คุณ...” กระทั่งคนๆนั้นเข้ามาประชิดตัวพร้อมกับเม็ดเหงื่อท่วมหน้า “นั่น...นั่นรถคุณ...แฮ่ก...ใช่...แฮ่ก...ใช่ไหม?” นิ้วเรียวยาวเหมือนเล่มเทียนชี้ไปทางรถเต่ารุ่นคุณปู่ของเขาขณะที่มืออีกข้างท้าวไว้กับหัวเข่าเพื่อค้อมตัวลงหอบหายใจ

     


    ครับ...รถผม”

     


    คุณขึ้นไป....แฮ่ก...พาผมไปที...”

     


    ห๊า?!”

     


    เร็วสิๆ!!” ชายแปลกหน้าคนนั้นหันกลับไปมองด้านหลังแล้วปรี่เข้ามาเขย่าแขนของเขาจนตัวโยกตามไปด้วย “เร็วๆ! ผมขอร้อง...แฮ่ก...พา...โอ่ย เหนื่อยฉิบหาย...พาผมไปที" คำร้องขอขาดๆหายๆปนเสียงสบถและเสียงหอบหายใจทำให้จงอินงุนงงหนักขึ้นไปกว่าเดิม เขาลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะอธิบายให้ใครอีกคนฟังว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อนของเขาซึงทำงานติดต่อกันเป็นเวลาสองเดือนเต็มแบบไม่มีวันหยุด แต่ยังไม่ทันได้เริ่มพูดอะไร ก็มีเสียงปืนดังมาจากเบื้องหลัง

     


    ปัง!!!

     


    เฮ้ย!!!”

     


    เร็วคุณ! ขับไปไหนก็ได้...มัน...มัน...ตามมาจะทันแล้ว!!!” จงอินเริ่มสับสนหนัก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน มีการจี้ชิงทรัพย์หรือไง แล้วถ้าเขาพาผู้ชายตัวขาวคนนี้ขึ้นรถไปเขาจะกลายเป็นคนที่ช่วยโจรหรือเปล่า (เพราะเขาไม่รู้ว่าใครเป็นโจร) แล้วหมอนี่จะถีบเขาลงข้างทางไหม แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าชีวิตที่อยู่บนเส้นด้ายของตัวเองตอนนี้จะไม่ร่วงลงไปในหุบเหวอเวจีจากการตัดสินใจภายในสองวินาทีล่ะ

     


    พระเจ้า! พระองค์ไม่เข้าใจหรือไงว่าคิมจงอินเป็นคนสมองช้า!!

     


    เซฮุน!!! หยุดเดี๋ยวนี้!!!”

     


    ปัง!!!

     


    คุณ....ผมขอร้อง!!!” เมื่อกระสุดนัดที่สองยิงลงมา ผู้ชายคนนั้นหันใบหน้าที่มีแต่น้ำตามาทางเขาแล้วผลักดันให้เราสองคนเข้าใกล้คันรถมากที่สุด จงอินคิดเอาว่าคนแปลกหน้าคงไม่มีปัญญาทำอะไรเพราะดูจากแรงน้อยนิดนี่แล้วจะตบยุงให้ตายได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

     


    คงเป็นเพราะแบบนั้นเราถึงได้ขึ้นรถมา

     


    เขาบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องก่อนจะเหยียบคันเร่ง ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุดนัดที่สามวิ่งแหวกอากาศเฉียดกระจกมองข้างไปเพียงเล็กน้อย

     


    รถเคลื่อนเข้าสู่ถนนที่รกทึบด้วยต้นไม้สูงใหญ่และมีแต่ความเงียบของป่าเขาลำเนาไพร จงอินหันไปมองคนแปลกหน้านั่งหอบหายใจไม่หยุดมือเรียวโบกไปโบกมาเพื่อขับไล่เม็ดเหงื่อบนใบหน้าโดยปราศจากการพูดจาหรือขอความช่วยเหลือใดๆ ไม่มีคำถามว่ากำลังจะถูกพาเขาไปไหนด้วยซ้ำ

     


    อ่ะ...” แล้วมันก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่ยื่นขวดน้ำส่งไปให้ก่อนตอนที่อีกฝ่ายหันมองออกนอกหน้าต่างอย่างสำรวจตรวจตรา มือเรียวเอื้อมมาหยิบไปแต่ก็ยังไม่ปริปากพูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าขอบคุณแล้วกรอกน้ำในขวดลงคอไปทีเดียวถึงครึ่งหนึ่ง

     


    ขอบคุณ...”

     


    ไม่เป็นไร...” จงอินตอบรับไปตามมารยาท แม้ในความจริงคือมันเป็นมากเลยล่ะกับการหิ้วคนแปลกหน้าที่โดนไล่ยิงขึ้นรถมา แต่เอาเถอะ มันจะต้องไม่เป็นไรเชื่อสิ

     


    เขาเข้าโบสถ์บ่อยจะตาย พระเจ้าไม่ใจร้ายหรอก

     


    ไม่ได้คุณผมแย่แน่…”

     


    อ่า...” เสียงทุ้มตอบกลับไปเพียงเท่านั้นตามประสาคนพูดน้อย เขาไม่รู้จะตอบประโยคนั้นอย่างไรจึงเลือกเปลี่ยนหัวข้อเสียใหม่ด้วยคำถามที่น่าจะมีประโยชน์ “คุณต้องไปที่ไหนเหรอ?”

     


    “...”

     


    “...” คำถามของเขาได้รับคำตอบเป็นความเงียบงัน ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันคล้ายกับว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างมากในการระบุจุดหมายปลายทาง เจ้าของรถเลยทำท่าจะหยิบแผนที่ในลิ้นชักส่งให้ แต่เสียงแหบหวานๆ (ที่ดื่มน้ำเข้าไปแล้วดีขึ้นมาก) ดันถามกลับมาเสียก่อน

     


    “...คุณจะไปไหนเหรอ?”

     


    ผม?”


     

    คุณไปไหนผมก็ไปกับคุณ...”

     


    อ่อ....งั้นเหรอ....” คิมจงอินพึมพำออกมาเบาๆ เพราะเขากำลังใช้ความคิด “ฉันกำลังจะกลับบ้าน”

     


    งั้นผมไปบ้านคุณ...”

     


    ห๊า?! น นี่...นี่คุณ....”

     


    ให้ผมอยู่กับคุณเถอะ... แค่แป้บเดียวก็ได้ วันเดียว คืนเดียว ชั่วโมงเดียวก็ได้....” ชายแปลกหน้าพูดโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่น มือสองข้างกุมกันเอาไว้แน่น “ตอนนี้ผมกลับบ้านผมไม่ได้จริงๆ...ผมกลับไปไม่ได้”

     


    “...”

     


    พวกเขาจะฆ่าผม...” เหลือเพียงความเงียบงันภายในห้องโดยสารขนาดเล็กที่กำลังเคลื่อนไปตามเส้นทางสลับซับซ้อนของหุบเขา สารถีผิวคล้ำกัดปากของตัวเองด้วยความชั่งใจในขณะที่ใครอีกคนก็กำลังทำแบบนั้นเช่นกัน แต่เป็นไปด้วยความระทึกว่าตนเองจะถูกปฏิเสธหรือตอบตกลง

     


    งั้น...อย่างนั้นก็ได้”

     


    ทันทีที่จงอินตอบตกลง รอยยิ้มแรกในรอบวันของเซฮุนก็ปรากฏ

     

     

     

    - - -

    LAST EDIT : 25/01/16

    #ฮายโฮป


    ฟิคไคฮุนเรื่องแรก

    เราคิดว่ามันจะสั้นมากๆเลยหล่ะ

    คือเขียนเพราะอยากเขียน ไม่รู้ทำไมแต่ตอนดูเอ็มวีเพลงนี้แล้วนึกถึงคู่ไคฮุน


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×