ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER VIII.

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 56


    CHAPTER VIII

    ขยันทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย

                    “เอาสีน้ำเงินลงดีป่ะ ?”

     

                “แต่กูซื้อสีฟ้ามาแล้วอ่ะ...”

     

                “งั้นมึงเดินไปซื้อสีดำมาผสมดิ”

     

                “แล้วทำไมมึงไม่ซื้อสีน้ำเงินมาใหม่เลยวะ !” คยูฮยอนมองกลุ่มเพื่อนสามสี่คนที่ยืนเถียงกันอยู่หน้าแผ่นไม้อัดที่ถูกประกอบจนเป็นผืนฉากบานใหญ่ด้วยความรู้สึกระอาเอือม นี่ทะเลาะกันเรื่องสีมาตั้งแต่หลังเลิกเรียนจนเขาเดินไปทำฉากอีกแผ่นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉากนี้ก็ยังไม่ได้ถูกแต้มสีเลยแม้สักปลายพู่กัน

     

                “สีฟ้าก็ได้นะ เรามีสีดำเหลืออยู่ครึ่งถังอ่ะ เดี๋ยวลองผสมดู” เขาเดินเข้าไปอยู่ในวงด้วยความรู้สึกทนไม่ค่อยได้แล้วยกถังสีดำในมือประกอบ เพื่อนสามสี่คนดังกล่าวหันมามองเขาก่อนจะพยักหน้ายอมรับไอเดียอย่างว่าง่ายราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

     

                คยูฮยอนลงมือเทสีดำในถังลงไปในกระป๋องสีน้ำเงินที่เปิดค้างอยู่ทีละนิดแล้วลองคนเพื่อให้เนื้อสีข้นหนืดผสมเข้ากัน เฮนรี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังค้อมตัวลงมาแล้วช่วยกับแปรงสีอีกอันคนเนื้อสีให้เข้ากันอีกแรงกระทั่งได้สีน้ำเงินที่คล้ายน้ำทะเลมากที่สุด

     

                “อื้อ... แบบนี้คงได้แหละเนอะ”

     

                “เออ... เดี๋ยวเรียกมินจีมาวาดคลื่น”

     

                “มินจีกลับไปแล้วหนิ” ฮงกิรีบท้วงขึ้นมาทันทีทั้งที่ปากยังคาบไส้กรอกอยู่แล้วพยักเพยิดไปทางล็อคเกอร์ที่ไม่มีถุงผ้าขาด ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของมินจีอยู่แล้ว เหล่าผู้ทำฉากประกอบจึงพากันถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ

     

                “จริงด้วย วันนี้มินจีต้องไปติววาดรูปนี่ว่า”

     

                “ทำไงวะ...”

     

                “ให้คยูฮยอนวาดแทนก็ได้นี่ ฝีมือเทียมทัดช่างศิลป์เอกแห่งโกกูรยอ...” เฮนรี่ซึ่งที่จริงแล้วอยู่ฝ่ายประพันธ์บทแสดง (แน่นอนว่าไม่มีฝ่ายไหนเหมาะที่สุดแล้วกับคนเจ้าบทเจ้ากวีเช่นนี้) เสนอตัวเพื่อนสนิทที่ยืนถือถังสีอยู่ในมือ

     

                “เว่อร์ไปป่ะ ?”

     

                “ไม่เว่อร์ไม่เกินจริง....” หนุ่มลูกครึ่งจีนส่ายหน้าหงึกหงักแล้วยัดแบบฉากเข้าไปในมือของคยูฮยอนที่ยืนหน้าเอ๋ออยู่ด้านหลัง แถมยังมีผลงานการันตีเป็นฉากต้นไม้ที่เพิ่งจะทำเสร็จไปเมื่อครู่ที่ตากตรงผนังห้อง โชว์ทักษะการวาดรูปที่เกินมือเด็กคนอื่น ๆ โจวคยูฮยอนเลยไม่อาจปฏิเสธอะไรได้เลย

     

                “อ่า...แต่เราวาดไม่สวยขนาดมินจีหรอก... ฉากนี้ใช้เยอะด้วย ไว้มาทำพรุ่งนี้ก็ได้นี่” คนที่อยู่ดี ๆ ก็มีงานลอยมาถึงมือรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน... ฉากเด่นอลังการขนาดนั้นใครจะกล้าหล่ะ ขืนวาดเละขึ้นมาเป็นเรื่องลำบากคนอื่นอีก

     

                “เฮ้ย แต่พรุ่งนี้เราต้องเอาฉากไปซ้อมแล้วนะเว้ย... นี่จะสอบแล้วด้วย”

     

                “เออใช่ ถ้าไม่ทำวันนี้ไม่มีทางเสร็จอ่ะ”

     

                “เดี๋ยวก็ต้องอ่านหนังสือสอบกันแล้วด้วย คยูวาดไปเหอะ เละไม่เละยังไงค่อยให้ไอ้มินจีมาแก้ก็ได้”

     

                “เออจริง... เสือกอยากหายไปเอง”

     

                “เอ่อ...” คยูฮยอนมองเพื่อนสามสี่คนที่ต่างกดดันเขาด้วยสายตาและคำพูดสารพัดสารพันอันชวนให้คนปฏิเสธไม่เป็นอย่างเขายิ่งขยับปากไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ดวงตากลมพยายามมองซ้ายมองขวาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทที่ยืนขนาบข้างอยู่ทั้งสองด้าน

     

                และสิ่งที่ได้รับก็คือ....

     

                “ว่าไงครับเพื่อนคยู... อย่าทำให้คนทั้งห้องลำบากเลยนะครับ”

     

                “ปลาเน่าหนึ่งตัวเหม็นทั่วทั้งกระด้ง... หากทิ้งไปกลิ่นเน่าคง จางหาย ไปด้วย...”

     

                โอเคครับ.... เพื่อนทั้งสองคนก็ช่างรักผมเสียเหลือเกินเนอะ.... -_________-

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                ผมหิ้วถังสีที่วางทิ้งเอาไว้หลายนาที... อ่าไม่สิ หลายชั่วโมง ขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วถอยหลังไปยืนมองรอยร่างเส้นดินสอของตัวเองที่ยั้วเยี้ยเต็มแผ่นไม้อัดไปหมด จ้องมองเส้นสีเทาเหล่านั้นว่ามันออกมาเป็นรูปคลื่นที่ได้สัดส่วนแน่ชัดแล้วจึงใช้พู่กันป้ายสีลงไปบนแผ่นไม้อัดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

     

                “โอ่ย.... เจ็บอะไรนักหนา...” บ่นพึมพำให้กับอาการเจ็บสะโพกซึ่งเป็นอุปสรรคร้ายกาจที่ทำให้เขาเดินขากระผลกกระเผลกไปมา ขยับร่างกายยืดขึ้นยืดลงก็ไม่คล่องตัวเพราะต้องคอยพะว้าพะวงว่าจะไปชนอะไรเข้าหรือเปล่านี่สิ

     

                “เป็นไรวะคยู ?”

     

                “เจ็บตูด...”

     

    “เอ้อ... ไปโดนไรมา เห็นมึงกะเพลกมาสองสามวันละ”

     

    “ก็พี่ซีวอนอ่ะดิ...เล่น....อุ๊บส์!” รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพราะเกือบจะคายความลับสุดยอดออกไปให้ฮงกิที่นั่งซักอยู่ด้านหลังรู้เสียแล้ว...

     

    “ฮั่นแหน่ะ ! พี่ซีวอนทำอะไรนะ... ถึงได้เดินตูดกะเพลกแบบนี้ ~

     

    “ก็..ก็... ก็พี่...พ...พี่ ซีวอน...เอ่อ....”

     

    “โจวคยูฮยอน ~

     

    “พี่...เอ่อ....อ้อ ! พี่ซีวอนใช้ผมขึ้นไปทำความสะอาดหลังตู้ แล้ว...เอ่อ...ตก...ตกลงมา...ครับ” กลอกตาไปมาเมื่อพยายามหาเรื่องมาโกหกไอ้เพื่อนที่ช่างจะจับผิดเขาด้วยการจ้องเขม็งมาไม่ยอมวางตา ลีฮงกิยังมีการมาทำน้ำเสียงล้อเลียนตอนที่เขาพยายามหาเรื่องโกหกมาตอบคำถามเสียด้วยนะ ยิ่งพาลทำให้เขาลนลานหนักเข้าไปใหญ่ !

     

    “ทำไมเสียงคยูตะกุกตะกักหล่ะ...” เฮนรี่ครับ... บางทีไม่รู้อะไรเลยแล้วอยู่ในโลกแห่งบทกวีต่อไปก็ได้นะครับ T___________T

     

    “นั่นสิ ! ทำไมต้องตะกุกตะกักหล่ะคยูฮยอน ~

     

    “เอ่อ....”

     

    “บอกความจริงมาดีกว่าน้า... ว่านายกับพี่ซีวอนหน่ะ...อะตั๊กอ่ะตั๊กกิ้ววววววว ~” ฮงกิทำท่าล้อเลียนประกอบด้วยการจิ้มนิ้วชี้ทั้งสองข้างเข้าหากันจนคยูฮยอนที่ถือถังสียืนอยู่บนเก้าอี้ต้องรีบกระโดดลงมาโวยวายเสียงดังด้วยความตระหนกตกใจ

     

    “มะ ไม่ใช่นะครับ ! ไม่ได้อ่ะกิ้วกิ้วนะครับ !!

     

    “งั้นยังไงหล่ะ...”

     

    “ก็...เอ่อ....”

     

    “ว่าไงหล่ะคยูฮยอน.....” แม้น้ำเสียงนั้นจะดูเรียบ ๆ แต่ก็แสนจะกดดันโจวคยูฮยอนผู้ปฏิเสธและโกหกไม่เป็นเสียเหลือเกิน ร่างบางก้มหน้าลงเอาตาจ้องปลายเท้าของตัวเองที่จิกพื้นไปมาด้วยพยายามคิดหาเรื่องมาโป้ปดเพื่อนให้แนบเนียนที่สุด แต่สมองของเขามันก็ดันตื้อตันขึ้นมาเพราะความกังวลร้อยแปดประการในหัวจนพาลทำให้คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง

     

    อ่า... สถานการณ์แบบนี้แม่สอนว่าต้องตั้งสติแล้วบอกความจริงสินะ

                เอาวะคยูฮยอน ! โดนมาสองรอบแล้ว มันคงไม่เสียหายหรอก ! .___.

     

                “ก็.... ก็...แบบนั้นแหละครับ”

     

                “แบบไหนวะ คยูฮยอน ~

     

                “อ่ะตึ้ก...กิ้วกิ้วววว ~.////////////////////////////////////.

                ตอบด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มทั้งที่หน้ายังก้มมองพื้น คยูฮยอนทำท่าทางประกอบด้วยการใช้นิ้วชี้จิ้มกันแบบที่ฮงกิทำเมื่อสักครู่แล้วรีบก้าวถอยหลังไปซ่อนอยู่ข้างฉากด้วยความอายระดับหน้าระเบิดได้ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาอีกครั้งแล้วหยิบถังสีขึ้นมาเพื่อระงับความฟุ้งซ่านของตัวเองที่กำลังวิ่งไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อฮงกิกับเฮนรี่หันมาจ้องหน้าเขากันเป็นตาเดียว

     

                “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

     

                “โถ่คยูฮยอน... ความบริสุทธิ์เปรียบได้ดุจกลีบดอกไม้ หากเสียไปแล้วมิอาจทวงคืนได้...”

     

                “ก็...ก็มัน...พลาดไปแล้วนี่ครับ .___.” มือสั่นของเขาประคองพู่กันในมือเตรียมยกขึ้นวาดแต่คำพูดของเฮนรี่ก็แสนจะแทงใจจนเขาต้องยอมปล่อยด้ามของมันลงในถังสี หันไปเบ้หน้าใส่เพื่อนสองคนด้านหลังเสียสักที... นี่โชคดีที่ดึกมาแล้วจนเพื่อนพากันกลับบ้านไปหมด ทิ้งเขาสามคนเอาไว้แต่เพียงลำพังนะเนี่ย

     

                “ย๊า ! คยูฮยอน ! นายต้องเรียกร้องค่าเสียหายนะ!!” ฮงกิรีบโวยวายทันทีหลังจากได้สติคืนมาแล้ว เขาก็แค่คิดเล่น ๆ เท่านั้น ไม่ได้จริงจังมากเท่าไหร่ว่าคยูฮยอนจะโดนอะไรแบบนั้นจริง นี่พอได้ยินเองเต็มสองรูหูก็ถึงกับอยากจะกลับไปเช็คหูใหม่อีกครั้งเลยทีเดียว

     

                “แต่.... ผมก็ไม่ได้เสียหายนะครับ ยังครบ 32 ไม่ได้ขาดไม่ได้เกินนะ...”

     

                “โจวคยูฮยอน ! นี่มันเรื่องใหญ่นะเว้ยยยยยยยย !!

     

                “ต แต่... แต่พี่ซีวอนเค้า...”

     

                “...”

     

                “...เค้าไม่ได้ทำผมเจ็บนี่ครับ -///////////////////-

     

                “ไม่ได้นะเว้ยยย ! ยังไงก็ต้องรับผิดชอบเหอะ ! พี่จงฮุนบอกกูว่าพี่ซีวอนแม่งขี้ม่อด้วยเหอะ ได้มึงแล้วทิ้งนี่ผิดศีลธรรมนะจะบอกให้ !

     

                “แต่.... อ่า แย่แล้ว ! นี่สองทุ่มครึ่งแล้วเหรอครับ !!” พอดีจังหวะที่หันไปจะโต้ตอบกับฮงกิ ดวงตากลมดันเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ฝาผนังซึ่งบอกเวลาดึกเกินควร

     

                “อ่า จริงด้วย...”

     

                “แย่แล้วววววว ~” คยูฮยอนวางถังสีลงบนพื้นอย่างระมัดระวังแล้วดีดตัวลงจากเก้าอี้ไม้เพื่อตรงไปยังกระเป๋าเป้ของตัวเอง เขาล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเล็กด้านในอีกชั้นแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเจอมิสคอลห้าสิบกว่าสายจากพี่ซีวอน

     

                “คยูฮยอน !! กูโทรหาทำไมไม่รับสาย !!!!!!” ยังไม่ทันได้กดโทรกลับไปเสียงเหี้ยมโหดจากเจ้าของห้องที่เขาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวก็ดังมาจากบานประตูด้านหลัง ใบหน้าของซีวอนถมึงทึงจนน่ากลัว ฝ่ามือใหญ่กำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่นจนมันแทบจะปริแตกคามือ ดวงตาคมกริบทอดมองมาทางคยูฮยอนที่ยืนหลังชิดล็อคเกอร์อยู่

     

              *ฮงกิและเฮนรี่กลืนน้ำลายลงคอสองอึกใหญ่*

     

              “ผะ..ผม ผม.....ผม ทำงะ...”

     

                “กลับบ้านเดี๋ยวนี้ !!!!!

     

    ฮรือออออออออออออออออออออออ ! T_______________________T

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

               

                “วันนี้กูต้องไปทำงาน...”

     

                “อ่า...ครับ...”

     

                “ครับห่าอะไร ลงมาเก็บของได้แล้ว !

     

                “ครับๆ... ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ...” คยูฮยอนกุลีกุจอปีนบันไดลงมาจากฉากอันใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโดยมีซีวอนให้ความช่วยเหลือด้วยการยื่นมือขึ้นไปรับร่างบางลงมาท่ามกลางสายตาของเพื่อนทั้งห้องที่เริ่มชินชากับภาพรุ่นพี่มหาวิทยาลัยคยองฮีตัวสูง หน้าคมผู้โด่งดังขึ้นเสียงใส่โจวคยูฮยอน เด็กต่างจังหวัดหน้าเนิร์ดเสียแล้ว

     

                ก็ตั้งแต่สามวันก่อนที่คยูฮยอนอยู่ทำงานจนดึกดื่น ไม่ได้รับโทรศัพท์ห้าสิบกว่าสายของเดือนมหาลัย ชเวซีวอนก็มาเฝ้าคยูฮยอนทำงานทุกเย็น และรับกลับบ้านหนึ่งทุ่มทุกวันจนเพื่อน ๆ ทั้งห้องเขาเอาไปล้อกันถึงไหนต่อไหนแล้วว่ามีแฟนหล่อไม่ยอมบอกกัน คนที่ไม่ค่อยมีปากเสียงอย่างเขา แก้ตัวแค่ไหนก็ไม่มีใครฟังจึงปล่อยเลยตามเลยไปเสีย

     

                แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชเวซีวอนมายืนตะโกนเสียงดังจนเจ้าของฉากหลังท้องทะเลได้แต่วิ่งไปเก็บกระเป่าดุ๊กดิ๊ก

     

                “มาแล้วครับ...”

     

                “เร็วดี !” ผู้ชายตัวสูงคว้าข้อมือของเด็กมัธยมห้าแล้วลากออกไปนอกห้อง คยูฮยอนบกมือบ๊ายบายให้กับเพื่อนในห้องด้วยสีหน้าเขินปนเจื่อนก่อนจะถูกลากให้หายลับไปจากบานประตูเพื่อตรงไปยังยานพาหนะของซีวอนที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน

     

                เจ้าของฝ่ามือใหญ่ยอมปล่อยข้อมือของเขาก็ตอนที่ดึงมาถึงรถแล้ว ซีวอนก้าวขายาวของตัวเองไปยังฝั่งคนขับอย่างรวดเร็วแล้วจัดการไขกุญแจ เปิดประตูรถให้เรียบร้อย ซึ่งเมื่อยูฮยอนได้ยินเสียงปลอดล็อคมือเรียวก็รีบเปิดประตูแล้วดันตัวเองเข้าไปนั่งบนเบาะเรียบร้อย ไม่ให้อีกคนได้บ่นอะไรทั้งสิ้น

     

                “วันนี้กูมีงานต้องไปเล่นดนตรี เดี๋ยวกูเอามึงไปส่งห้องก่อน”

     

                “อ่า... ครับ”

     

                “ช่วงนี้จะสอบแล้ว อ่านหนังสือบ้าง ทำแม่งแต่งานห้อง สอบตกขึ้นมากูจะเฉ่งกบาลให้....”

     

                “...ผมก็อ่านอยู่นะครับ... อ่านวันละนิดละหน่อย”

     

                “ดีแล้ว... วันนี้กลับไปมึงก็ไปอ่านซะ เวลาเหลือเฟือ...”

     

                “ครับ...”

     

                “จะซื้ออะไรไปแดกมั๊ย ?” ซีวอนถามคนที่นั่งตัวลีบตอบคำถามเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเมื่อขับรถผ่านย่านขายอาหารยามเย็น ซึ่งคยูฮยอนก็สะบัดหัวพรืดๆ แทนคำตอบ

     

                “เมื่อเช้าผมห่อข้าวผัดที่เหลือไว้ในตู้เย็นอ่ะครับ... แล้วคืนนี้ฮยองกลับมาจะหิวหรือเปล่าครับ ให้หาอะไรไว้รองท้องไหมครับ ?”

     

                “ไม่ต้อง...” คำตอบสั้นห้วนทำให้คยูฮยอนสะดุ้งไปเล็กน้อยเพราะคิดว่าตัวเองยุ่มย่ามเรื่องของซีวอนมากเกินไปหรือเปล่า ริมฝีปากบางจึงเม้มเข้าหากันอย่างนึกโทษตัวเองที่หลุดถามออกไป และการกระทำนั้นก็อยู่ในสายตาของซีวอนที่กำลังรอให้สัญญาณไฟเปลี่ยนสีอยู่

     

                “...”

     

                “กูหากินข้างนอกได้ มึงกินให้อิ่มก็พอ” ว่าพลางลงเท้าเหยียบลงไปบนคันเร่งแล้วหักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวเข้ามาในซอย คยูฮยอนพยักหน้าสองสามครั้งแล้วรีบเก็บกระเป๋าของตัวเองมาแนบกายเพราะเห็นตึกคอนโดที่คุ้นเคยอันเป็นสัญญาณว่าเขาต้องลงจากรถแล้ว

     

                ยานพาหนะจอดเทียบลงที่ด้านหน้าของคอนโด ร่างบางรีบผลักประตูแล้วพาตัวเองออกมาจากรถโดยเร็วเพื่อไม่ให้พี่ชายตัวใหญ่ได้กร่นด่าเขาอีก แต่กลับกลายเป็นซีวอนที่เปิดกระจกออกมาแล้วตะโกนสั่งเขาเรื่องกินข้าวอีกที

     

                “อย่าลืมกินข้าว... ตั้งใจอ่านหนังสือด้วย”

     

                “ครับผม...อ่ะ...พะ...พี่ซีวอน...ก็...ตั้งใจทำงานนะครับ !” คยูฮยอนคิดหาคำพูดในหัวสมองอย่างหนักเพื่อตอบกลับประโยคนั้นตามมารยาท น้ำเสียงสั่นตะกุกตะกักกับใบหน้างุนงงนั่นทำให้ซีวอนหลุดหัวเราะในลำคอออกมาก่อนที่เขาจะเลื่อนบานกระจกขึ้นแล้วเหยียบคันเร่งเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่อโคจรซึ่งเขามีคิวต้องไปบรรเลงเพลงในคืนนี้

     

                และมันก็บ้ามากจริง ๆ ที่เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมหอมแก้มไอ้เด็กฮยอนก่อนออกมาหน่ะ !

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                “ฮ้าวววววววววววววววว ~” คยูฮยอนอ้าปากกวางเพื่อปล่อยหาวออกมาให้ได้เต็มที่เมื่อความง่วงเข้าครอบงำเขาถึงขีดสุด เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววเจ้าของห้องที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่เลยแม้แต่น้อย ครั้นพอกดโทรศัพท์หาด้วยความกล้าปนกลัว ปลายสายก็ไม่ยอมกดปุ่มเขียวรับเสียที คยูฮยอนก็เลยตีโพยตีพายเอาเองว่าคงทำงานอยู่หล่ะมั้ง

     

                “เล่นดนตรีอะไรนะ... ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่กลับ” บนพึมพำกับตัวเองโดยที่สายตาก็จ้องมองนาฬิกาบนฝาผนังไม่วางตา นี่เขานั่งทำสรุปวิทยาศาสตร์ครบสามหมวดฟิสิกส์ เคมี ชีวะแล้วนะ... เห็นทีคงต้องเข้านอนแล้วหล่ะ

     

                แต่คิดไปคิดมาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตัวเองจะนอนหลับหรือเปล่า ใจมันพะวงหน้าพะว้าหลัง กลัวว่าเจ้าของห้องจะไปเจออุบัติเหตุกลางทางเข้า หรืออาจจะเมามายไม่ได้สติ (นั่นแย่มากเพราะผู้เดือดร้อนคือตูดของเขา) หลงไปที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้ แต่ถ้าจะให้นั่งรอก็เกรงว่าพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทันไปเข้าเรียนอีก

     

                มือเรียวกดโทรศัพท์ต่อสายหาพี่ซีวอนอีกครั้งหนึ่ง ตั้งใจว่าจะเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายสำหรับคืนนี้แล้ว ถ้าหากไม่ติดก็คงจะได้เวลาทิ้งตัวลงนอนเสียที พี่ชายตัวใหญ่ขนาดนั้นคงดูและตัวเองได้แหละ.... มั้ง

     

                (เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....)

     

              “โอ๋ย.. ไปไหนของเขานะ” เบ้หน้าด้วยความรู้สึกขัดใจมากมายที่อยู่ดี ๆ พี่ซีวอนก็ปิดเครื่องไปเสียอย่างนั้น แต่เขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากกระโดดลงมาจากเตียงนอน จัดการดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวเข้านอนเสียที นี่ก็เลยเที่ยงคืนมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้านั่งรออีกมีหวังพรุ่งนี้ไม่ต้องไปเรียนพอดีหน่ะแหละ

     

                คยูฮยอนดีดตัวเองขึ้นมาจากผืนเตียง ตรงไปยังห้องครัว รินน้ำใส่แก้วแล้วกระดกลงคอ เหลือบดวงตากลมมองขนมคุ้กกี้ที่เมื่อตอนเย็นลองเอาแป้งในตู้มาอบดูเผื่อพี่ซีวอนกลับมาแล้วหิว ในใจก็อยากจะโยนทิ้งถังขยะเสียให้รู้แล้วรู้รอดในเมื่อเจ้าของห้องยังไม่ยอมกลับมาเสียที แต่ก็ทำใจตั้งเอาไว้เผื่อพี่ซีวอนอาจจะกลับมาแล้วหิวหน่ะ

     

                คว่ำแก้วกลับไปบนชั้นแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำก่อนจะดับไฟที่หน้าห้อง ลากเท้ามาหยุดที่ปลายเตียงแล้วกระโดดคว่ำหน้าลงไปกับหมอนนุ่มใบใหญ่ จัดการเว้นที่เว้นทางให้คนที่ต้องมานอนด้านข้างเรียบร้อย ปิดท้ายด้วยการเอาหมอนข้างกั้นกลาง สร้างป้อมคอยรักษาความปลอดภัยอีกชั้น (อะไรมันก็เกิดขึ้นได้แหละ) ให้อุ่นใจแล้วจึงปิดลูกตาตัวเองลงทั้งที่สมองยังเอาแต่คิดเรื่องพี่ซีวอนไม่ยอมหยุด

     

                หลับเถอะหน่า........

     

                สุดท้ายคยูฮยอนเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น นอนเหยียดตัวขมวดคิ้วด้วยท่าทางที่ดูไม่ค่อยสบายนัก แต่เพราะเหนื่อยกับการเตรียมงานโรงเรียนมาทั้งวันก็เลยพุ่งไปเฝ้าพระอินทร์ได้รวดเร็วเกินคาด จึงไม่ได้ยินเสียงบานประตูที่ค่อย ๆ แง้มออกมาตอนประมาณตีสองเศษกับร่างสูงโปร่งที่เป็นเงาตะครุ่มที่ย่องมาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง

     

                ซีวอนวางกีต้าร์โฟล์คของตัวเองพิงผนังแบบไม่ค่อยสนใจใยดีนักเพราะความง่วงมันทำให้เขาไม่นึกอยากจะจัดการอะไรกับเครื่องดนตรีราคาแพงสักเท่าไหร่ เหนื่อยกับการเล่นดนตรีแล้วยังเหนื่อยกับกิจกรรมบนเตียงกับสาวสวยสองคนติดที่มาเสิร์ฟถึงที่หลังงานจบ... แต่ก็ไม่ยักพอใจอะไรเท่าไหร่เลยตัดสินใจลุกกลับห้องตอนค่อนคืนเสียดีกว่า

     

                เขาลอบยิ้มในความมืดเมื่อเห็นไอ้เด็กฮยอนตัวขาวนอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียง ร่างผอมกะหร่องเหมือนเด็กเอธิโอเปียนั่นขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มันควรเป็นของเขาสักครึ่งผืนเพราะอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ต่ำเกินควร ซีวอนจึงต้องลากขาตัวเองหารีโหมทแอร์ที่มุมห้องแล้วจัดการเพิ่มอุณหภูมิเสีย

     

                ส่วนตัวเขาที่ผ่านเหล้าผ่านเบียร์มาหลายขวดหน่ะร้อนจนเหมือนอยู่นรกเชียวหล่ะ... ร่างสูงถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองลวก ๆ ให้เหลือแค่กางเกงยีนส์ที่ขาดเป็นริ้ว เขาปลดกระดุมกางเกงเม็ดบนออกเพื่อให้ตัวเองนอนสบายขึ้นก่อนจะหย่อนตัวลงบนที่ว่างข้างไอ้เด็กฮยอนที่ขมวดคิ้วอยู่แล้วจัดการเตะหมอนข้างไปวางไว้ที่อื่นเสียก่อนจะลากเอวคอดกิ่วนั่นเข้ามาใกล้กับอก

     

                “ฮื่ออออ.... อ่า..พี่ซีวอนเหรอ ?”

     

                “อืม...” เด็กนั่นปรือตาขึ้นมามองหน้าเขางง ๆ แล้วหันไปเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังห้องแต่เขาก็ไม่อยากจะเป็นพี่ชายตัวอย่างที่กลับบ้านตอนตีสองกว่าให้น้องเห็นจึงจัดการคว้าหัวกลม ๆ นั่นมาซุกกับอกก่อนที่เจ้าของดวงตากลมจะทันได้หานาฬิกาบนฝาผนังเจอ

     

                “กลับมาแล้วเหรอครับ ~” น้ำเสียงพร่าของคนที่หลับมากกว่าตื่นเอ่ยถามเขาโดยไม่ได้โวยวายเรื่องโดนฉุดเข้ามาไว้กับอกที่มีแต่กลิ่นเหล้าแปร่ง ๆ ใบหน้าคมพยักแทนคำตอบแล้วปล่อยหัวกลมลงบนหมอนนุ่มเหมือนเดิม

     

                “อือ”

     

                “งั้น... ผมนอนนะ”

     

                “ฮะๆ... นอนไปสิ” เขาเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกอยู่บนหน้าผากเนียนของไอ้เด็กฮยอนเพื่อก้มลงแนบริมฝีปากลงไปตรงหว่างคิ้วเสียสักที คยูฮยอนเปิดดวงตากลมสะลึมสะลือของมันขึ้นมาเพื่อมองค้อนผม แต่สายตาง่วงงุนของมันน่ารักเสียจนผมต้องก้มหน้าลงแนบจูบลงไปบนริมฝีปากบางของมันหนัก ๆ เสียสักทีด้วยความหมั่นไส้เกินจะต้านทาน

     

                “อื้ออ ~” คยูฮยอนหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาคมกริบหลังจากที่เรียวปากของตัวเองได้รับอิสระเขามองเห็นรอยลิปสติกสีแดงบนผิวกายเปล่ากับรอยจ้ำบนคอที่เหมือนกับรอยของเขาไม่มีผิด (ตามหลักวิทยาศาสตร์มันน่าจะมาจากเหตุการณ์เดียวกันนะ) และนั่นก็ทำให้หัวใจกระตุกวูบขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ สันจมูกโด่งพรูลมหายใจออกมารดที่อกของอีกคนแล้วแสร้งหลับตาเพื่อตัดขาดการรับรู้อันสร้างความรู้สึกหน่วง ในอก

     

                “นอนซะ...” เสียงสั่งกำชับของซีวอนเตือนสติเขาว่านี่คงจะดึกมากแล้ว ไม่ควรเอาสมองมาคิดอะไรมากมายตอนนี้ คยูฮยอนจึงปิดดวงตาของตัวเองลงไปแล้วปล่อยให้คนที่สั่งว่านอนซะดึงร่างของเขาไปปะทะอกเปล่ากว้าง

     

                และจะด้วยความรู้สึกอะไรก็ตาม คยูฮยอนก็ยกแขนเรียวเล็กของตัวเองขึ้นพาดคร่อมสีข้างของซีวอนเอาไว้ เบียดใบหน้าของตัวเองเข้าหาอกเปล่านั้นก่อนจะพรูลมหายใจรดผิวกายสีแทนของคนที่กำลังลูบเส้นผมนุ่มนิ่มด้วยท่าทีทะนุถนอมสุดหัวใจ

     

                “ฝันดีครับฮยอง ~

     

                ไอ้เสียงแหบพร่านั่นกำลังทำให้ซีวอนเสียสติจนอยากจะวิ่งไปกรี๊ดในห้องน้ำแม่ง !!

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    ตอนนี้ไม่ค่อยมีไรอ่ะ ไม่หนุกเลย -__- แต่ชอบตอนสุดท้ายนะ อีคยูเริ่มละ..... ฟีลลิ่งเริ่มมาละ 5555555555555555555555555555555555555555

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×