ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER VII.

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 56


    CHAPTER VII

    ขวัญเอ๋ยขวัญมา...

     

                “หาอะไรกินแล้วรีบกลับห้อง...”

     

                “ครับผม ไม่ต้องห่วงเลยครับฮยอง ~

     

                “เปล่ากูไม่ได้ห่วงมึง กูห่วงห้องกู...” ซีวอนตอบเรียบๆหวังกวนประสาทไอ้เด็กฮยอนที่ยืนหน้ายุบอยู่ตรงหน้า เขาดีดเข้าที่กลางเหม่งของมันไปทีนึงด้วยนึกหมั่นไส้ท่าทางเหมือนกำลังงอนของมันที่ชักจะมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับวันแรกที่เข้ามาอยู่กับเขา

     

                “...โอเคครับ ผมจะดูแลห้องฮยองอย่างดีเลย”

     

                “ดีมาก กูไปละ”

     

                “สู้ ๆ นะครับ ! พี่ ๆ ทุกคน สู้ ๆ ครับ !!” คยูฮยอนป้องปากตะโกนบอกรุ่นพี่คนอื่นที่ยัดตัวเองเข้าไปในรถกันเรียบร้อย เหลือก็แต่คนขับรถที่ยังยืนควงกุญแจอยู่ตรงหน้าเขานั่นแหละ.... ซีวอนขมวดคิ้วทันทีที่เห็นว่ายูชอนหันมาส่งจูบให้เขาก่อนจะก้มหน้าลงมามองคนตัวผอมที่ยืนยิ้มไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรอยู่ตรงนั้น

     

                “พอได้แล้ว...”

     

                “...” *เบ้หน้า*

     

                “แล้วจะรีบกลับ”

     

                “ครับ จะกินอะไรหรือเปล่า ?”

     

                “...กินมึง”

     

                “ห่ะ..ห๊ะ !!

     

                “หึ... ทำไรมากูแดกหมดแหละ ระวังห้องกูด้วย ของในนั้นมันแพง” พี่ซีวอนสั่งลาแล้วหยิกที่แก้มของเขาก่อนจะบิดตัวเดินหกลับไปทำหน้าที่คนขับรถ เสียงเครื่องยนต์สตาร์ทดังเข้ามากระทบหูของคยูฮยอนก่อนที่รถแวนสีดำคันนั้นจะเคลื่อนตัวออกไป... คยูฮยอนจึงหันกลับมาหาเฮนรี่ที่นั่งอ่านหนังสือกลอนอยู่ใต้ต้นไม้

     

                “กลับบ้านเลยป่ะ ?”

     

                “อืม”

     

                “ไม่ไปหาไรกินด้วยกันจริงอ่ะ ?”

     

                “ยามนี้เหล่าพฤกษากำลังรอข้าอยู่ ใยจะช้าได้เล่า....”

     

                “เออ... กลับไปเถอะ...” คยูฮยอนมองค้อนเฮนรี่ที่พอละหน้ามาจากบทกวีในมือได้ ก็มาทำตัวติสท์ใส่เขาต่ออีก... ปลายจมูกโด่งพรูลมหายใจออกมาเมื่อเห็นเฮนรี่หันหน้าลงไปจมอยู่กับตัวเขียนภาษาจีนในมือต่อโดยไม่คิดขยับตัวไปไหน

     

                “ไหนว่ากลับเลยไง...”

     

                “ยังซึมซับอักษรไม่หมด ข้าก็มิอาจกลับบ้านได้... ความรู้เป็นสิ่งที่เราไม่ควรปล่อยให้หลุดลอยไป...” โจวคยูฮยอนนึกคิดถึงฮงกิขึ้นมาในวินาทีนั้น ทั้งที่ปกติเขาก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับอารมณ์ศิลป์ของเฮนรี่นะ แต่ให้เลือกเผชิญหน้าเพียงลำพังแบบนี้เขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน

     

                ดุจดั่งปะทะราชสีห์ไม่เพี้ยนผิด...

     

     

     

     


                นั่นไง... เริ่มไปตามมันแล้วไหมหล่ะ !! - -

     

                “งั้น... เรากลับแล้วนะ”

     

                “ก้าวเท้าไปข้างหน้า จงระวังเศษฝุ่นเล็ก... นั่นอาจเป็นตะปูดอกใหญ่” เขายิ้มแหยและพยักหน้ารับคำเตือนของเพื่อนสนิทโดยไม่คิดลองพยายามทำความเข้าใจ ขาเรียวก้าวไปตามทางเดินที่ตัวเองเริ่มจะคุ้นชินขึ้นมาบ้างหลังจากใช้มันกลับบ้านมานับอาทิตย์ได้

     

                นี่โชคดีที่อาการปวดตูดของเขามันหายไปแล้วถึงได้กลับมาเดินคล่องปร๋อเหมือนเดิม และเป็นโชคดีชั้นสองมากที่มันหายเป็นปลิดทิ้งทันวันจันทร์ที่ผ่านมาพอดิบพอดี เขาก็เลยไม่โดนฮงกิกับเฮนรี่ซักฟอก (คำว่าซักไซ้มันน้อยไปจริงๆ) จนขาวสะอาดเหมือนครั้งที่แล้วอีก ถึงอย่างนั้นมันสองคนก็ยังตาดีเหลือบเห็นรอยแดง ๆ ตรงต้นคอที่พี่ซีวอนเล่นเม้มเอาไว้ซะแดงจนช้ำ

     

                แล้วเขาก็เลยโบ้ยให้เป็นความผิดของยุงไปเสีย...

     

                จะว่าไป นี่เขาคิดถูกหรือเปล่านะที่เอาคนปากร้ายใจดีอย่างฮงกิส่งขึ้นรถแวนไปกับพวกพี่เขาด้วย... วันนี้มันยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยมั่นคงอยู่ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง....

     

                อ่า... ขอให้ปลอดภัยเถอะนะ... เพี้ยง !

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                กูคิดว่ากูกำลังเจอเนื้อคู่หว่ะ !!

     

                “ฮยองชื่ออะไรนะ ?”

     

                “จงฮุนครับ... ชเว จงฮุน เราคือฮงกิใช่ไหม ?” เนื้อคู่หน้าหล่อหันมายิ้มให้กับผม... ยิ้มจนตากลมโตของเขาหยีลงเหลือเป็นเส้นโค้ง...

     

                อุ้ยตายคุณ ! ดูสิครับ.... เนื้อคู่จำชื่อผมได้ด้วยอ่ะ !

                โครพ่อโคตรแม่เขินเบยยย -///////////-

     

                “ใช่ครับ ฮยองรู้จักผมด้วย...”

     

                “แน่นอนครับ”

     

                “นี่ฮยองมาจากไหน อะไร ยังไงกันครับเนี่ย ?” คือที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องของคนที่เหลือหรอกนะ แต่ในเวลานี้ฮงกิต้องหาเรื่องมาต่อบทสนทนากับพี่ชเวจงฮุนที่นั่งหล่ออยู่ตรงนี้ให้ได้ก่อน การถามถึงเรื่องวงดนตรีของพี่เขาก็น่าจะเป็นเรื่องที่สามารถต่อบทกันไปได้ง่าย... นำพาไปสู่การต่อชีวิตคู่ของเราหลังจากนี้...

     

                อั๊ยย๊ะ ! เขินหว่ะครับ -/////////////////-

     

                “อ๋อ พวกพี่เรียนดุริยางคศิลป์กันครับ แล้วทีนี้ต้องทำโปรเจ็คต์ส่งอาจารย์ ต้องหาที่ปล่อยผลงาน”

     

                “อ่อ...”

     

                “นี่โชคดีมากเลยได้น้องฮงกิมาช่วยไว้นะเนี่ย... พวกพี่อ่ะหาที่ลงผลงานเยอะแยะแต่ไม่ได้สักที ถ้าไม่ได้น้องฮงกิพวกพี่คงจะแย่มากแน่เลยครับ” พี่จงฮุนหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเปี่ยมล้นราวกับว่าผมไปอุ้มท้องพี่เขามาเก้าเดือน โอ้ยยยยย ! อย่าให้อธิบายเลยครับว่าฟินขนาดไหน ณ จุดนี้

     

                “โอ่ย ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

     

                “ขนาดนั้นสิครับ... นี่นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังใจดีอีกด้วยนะครับเนี่ย” เนื้อคู่หน้าหล่อละมุนของผมเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้ก่อนจะขยิบตาส่งสัญญาณรักให้ คุณพระคุณเจ้า ! นี่ถ้าไม่เกรงใจพี่คนอื่นผมนี่อยากจะแก้ผ้าแล้วโถมตัวเข้าหาพี่จงฮุนเสียให้เสร็จกันไปข้างหนึ่ง...

     

                อุ่ย... ไม่ได้ฮงกิ เราต้องรักนวลสงวนตัว

     

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ... ผมเต็มใจ” และเพราะต้องรักนวลสงวนตัวผมก็เลยทำแค่วางมือซ้อนลงไปบนหลังมือของพี่จงฮุน ลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่แค่ผิวเนื้อเนียนตรงนั้น ทั้งที่ใจนี่คลำต่ำไปถึงเป้ากางเกงแล้ว งุงิงุงิ

     

                “งั้นถ้างานนี้สำเร็จ พี่ขอเลี้ยงข้าวน้องฮงกิสักมื้อได้ไหมครับ”

     

                “เห ?”

     

                “ขอเป็นจุดเริ่มต้นหน่ะครับ เพราะแค่เจอกันครั้งนี้พี่ก็อยากเลี้ยงข้าวน้องฮงกิไปตลอดชีวิตแล้วครับเนี่ย”

     

                -////////////////////////////////////////////-

                ฮงกิอยากจะระเบิดตัวเองในทุ่งโกโก้ครั้นช์...

     

                “โหพี่จงฮุนพูดอย่างนี้ฮงกิก็.... เฮ้ยยยยย ! เลยครับ เลยแล้ว ซอยนั้นครับซอยนั้น !” บทสนทนาของฮงกิเปลี่ยนเรื่องไปทันทีเมื่อเห็นว่ายานพาหนะกำลังจะขับเลยซอยบ้านเขาไป เสียงที่ถูกดัดให้หวานแหววเมื่อครู่กลายเป็นเสียงตะโกนห่าใหญ่ที่ทำเอาคนทั้งรถผงะไม่เว้นแม้แต่จงฮุน....

     

                “เอ่อ...”

     

                “แหะๆ.......”

                โถ่เว้ยยยย ! ไอ้พี่ซีวอนนี่ทำชีวิตเขาพังแล้วพังอีกจริงๆเล้ยยยยยยยยย!!

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                “เนี่ยเหรอ ?”

     

                “ครับ”

     

                “ชื่อไรนะ ?”

     

                “Quintessence ครับ...”

     

                “แปลว่าไรวะ ?”

     

                “แก่นสารครับ”

     

                “อ้อ....” ผู้ชายที่กำลังยืนเอาขายันรั้วไม้อยู่เงยหน้าขึ้นมาใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือฝักบัวรดน้ำดีดกรอบแว่นเลนส์กลมทรงคุณปู่ให้รับกับจมูกโด่งสวยที่ดูก็รู้แล้วว่าผ่านมือหมอมาไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง เจ้าของชื่อปาร์คจองซูผู้โด่งดัง (ด้วยคดีจับตูดบอร์ดิการ์ดเจ้าของค่ายเพลง SF Entertainment แล้วโดนต่อยจนดั้งหัก) ผินใบหน้าเปื้อนตีนกามามองเด็กหนุ่มตัวโย่งที่ยืนอยู่เบื้องหลังลูกชายของตน

     

                “ที่ถามนี่ไม่อะไร กูไม่รู้จริง ๆ กูจบแปดปีเพราะติดวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ...”

     

                “อ้อ....”

     

                “ตามนั้นหนุ่ม ๆ เอ้าไหน... ว่ามาซิ”

     

                “ครับ ?” นักดนตรีหนุ่ม 5 ชีวิตถลึงลูกตาออกมาพร้อมกันด้วยใบหน้างงสุดชีวิต... ว่าอะไรของมันวะ ?

     

                “เอ้า... ก็เล่นสิ จะเล่นอะไรให้ฟังหล่ะ ?”

     

                “แต่นี่...เอ่อ...”

     

                “หือ ?”

     

                “นี่มันในสวนนะครับ จะเล่นยังไง ?”

     

                “เออ... นั่นหน่ะสิ... จะเล่นยังไงดีหล่ะ” จองซูเลิกคิ้วไปหาเด็ก ๆ ที่ทอดสายตามองเขาด้วยความงุนงง เขาย่อตัวลงวางฝักบัวรดน้ำในมือลงกับพื้นก่อนจะยืดกายขึ้นมากอดอกท่ามกลางเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ

     

                “...”

     

                “ได้ยินเสียงเพลงนั่นไหม...”

     

                “ห๊ะ ?”

     

                “เมื่อกี้ไง... กระดูกฉันกำลังบรรเลงเพลงให้เธอฟังอยู่”

     

                “=______________=

     

                “ทีนี้ตาพวกคุณแล้ว เล่นอะไรให้ผมฟังได้บ้างหล่ะ...” ผู้อาวุโสไล่สายตาของตัวเองมองหน่วยก้านของเหล่าชายหนุ่มแต่ละคนอย่างประณีตบรรจง ความจริงปาร์คจองซูเห็นแววของเด็กพวกนี้มาตั้งแต่พวกนั้นเหยียบย่างฝ่าเท้าลงบนศิลาแลงบ้านเขาแล้วหล่ะ โดยเฉพะไอ้ผู้ชายหัวฟู หน้าผากกว้างที่ใส่กางเกงเลสีส้มนั่นหน่ะ ฉายแววมาตั้งแต่ท่ามัดกางเกงแล้ว แต่ยังไงซะก็ขอพิสูจน์อะไรเสียสักหน่อย ให้มั่นใจว่าไม่ได้รับคนมาผิด

     

                ในขณะที่ผู้อาวุโสกำลังรอสิ่งที่ทวงถามไป เหล่าห้าหนุ่มห้ามุมที่ยืนถลึงตาหน้ามึนต่างก็พยายามจะสร้างเพลงขึ้นมาอย่างเต็มที่ด้วยการมองต้นไม้ใบหญ้ารอบกาย แต่พวกเขาก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าอะไรคือคำตอบที่ผู้ชายตรงหน้าต้องการกันแน่

     

                กระทั่งจงฮุนเอื้อมมือไปเด็ดใบไผ่ที่สูงระลำคออยู่เบื้องหลังเขามาเป่าเป็นจังหวะ...

     

                ตามด้วยการดีดนิ้วเป็นเสียงดนตรีของซีวอน

     

                ต่อจากนั้นก็เป็นเสียงผิวปากของแทคยอน

     

                และการทำบีทบ็อกซ์ของคริส

     

                ผนวกเข้ากับเสียงผายลมยาวเหยียดของปาร์คยูชอนที่กำลังดึงกางเกงเลของตัวเองมาผูกใหม่

     

                จองซูบอกแล้วว่าเขาประเมินพ่อหนุ่มกางเกงส้มคนนั้นไม่ผิดจริงๆ \^O^/

     

                เสียงดนตรีที่มาจากต่างแหล่งกำเนิดสามารถผสมผสานเข้าหากันได้เป็นจังหวะฟังสนิทหู ไม่ได้ไพเราะถึงขั้นจะเป็นเพลงสักเพลงแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของเหล่าสมาชิกแต่ละคนที่สามารถดึงเอาเอกลักษณ์ของตัวเองออกมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว

     

                “เอาหล่ะ...พอ...” เสียงอู้อี้ของผู้อาวุโสบอกทั้งที่มือยังอุดจมูกอยู่ (โถ... มีคนกำลังตดนะ จะให้เขาสูดกลิ่นก็สงสารพลาสติกบนสันจมูกหน่อยเถอะ)

     

                “โอเค.. ผมจะรับงานของพวกคุณ”

     

                “ห๊ะ ?!

               

                “อืม...” เขาครางรับในลำคอด้วยเสียงนิ่งเรียบก่อนจะย่อตัวลงไปหยิบบัวรดน้ำของตัวเองมาถือไว้แล้วเดินถัดไปยังดอกทานตะวันต้นถัดไป

     

                “แค่นี้เองเหรอครับ ?”

     

                “วันนี้หน่ะแค่นี้  แต่พรุ่งนี้จะเป็นแค่ไหนกูก็บอกพวกมึงไม่ได้หรอก...”

     

                “...”

     

                “เอาเป็นว่า เดอะตุกส์มิวสิคยินดีต้อนรับแล้วกัน” รอยยิ้มหวานสวยคลี่ส่งไปให้กับเด็กหนุ่มทั้งห้าที่ด้านหลังแล้วค่อยบรรจงรดน้ำลงบนต้นดอกทานตะวันที่กำลังแตกช่อออกมา จองซูเชื่อว่าเด็กพวกนี้ก็เหมือนดอกทานตะวันนั่นแหละ.. ต้องหมั่นดูแลเสียหน่อยเพื่อให้โตมาสวยงาม งอกเงยสูงกว่าดอกไม้ชนิดอื่น ชื่อทานตะวันก็บอกอยู่แล้วว่าจะจรัสแสงดั่งดวงอาทิตย์

     

                แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้... ก็ต้องผ่านอะไรมากมายเช่นกัน

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                “เฮ้ย.. ฉลองกันสักหน่อยไหม ?”

     

                “เอาดิวะ ! โหไอ้เหี้ย... ยื่นงานมาเป็นเดือน นี่ไปตดปู้ดเดียวเขารับงาน มีที่ไหนวะสัด !” ยูชอนชะโงกหน้าออกมาจากเบาะหลังรถด้วยน้ำเสียงเริงร่ากับใบหน้าเปี่ยมสุข

     

                หนุ่ม ๆ ต่างหัวเราะสรวลเสเฮฮากันไปตลอดทางโดยที่สารถีก็ยังคงเป็นมือกลองรูปหล่อคนเดิมที่ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อน ๆ ในการขับรถขับรามาแต่ไหนแต่ไรเพราะเป็นคนที่ครองสติได้ดีที่สุดแล้ว

     

                “ร้านไหน ?”

     

                “ร้านพี่เยซองดิ !

     

                “ไอ้ห่า... ไปแดกเหล้าทีไรกูโดนบังคับให้ซื้อแว่นทุกที เย็ดแม่ง... กูงงไปหมดแล้วเฮียแกขายแว่นหรือขายเหล้า...”

     

                “บนหน้ามึงก็ของวายสไตล์ไม่ใช่เหรอวะไอ้แทค...” จงฮุนชี้กรอบแว่นลายเสือดาวบนหน้าของเพื่อนผิวเข้มกล้ามโต ทำเอาเจ้าของแว่นถึงกับผงะ

     

                “ก็.... ตอนนั้นเฮียแกลด 50 เปอร์เซ็นต์นี่หว่า....” ._______.

     

                “มึงนี่เห็นของเซลเป็นไม่ได้... เฮ้ย... มึงว่าไงวะถ้ากูจะจีบน้องฮงกิอ่ะ ?”

     

                “เฮ่ยยยยยยยยยยยยย ! เอาจริงเหรอวะ ?”

     

                “เออ... กูว่าน้องเขาน่ารักดี ไม่ดิ.. น่ารักชิพหายเลยเหอะ”

     

                “เออ มึงว่าดีก็จีบไปเว้ย..”

     

                บทสนทนาจากด้านหลังทำให้สารถีรูปหล่อที่ไม่ได้มีปากมีเสียงอะไรกับใครมานานแล้วตั้งแต่ขึ้นมานั่งซ้อนอยู่หลังพวงมาลัยนึกไปถึงเด็กที่ป่านนี้ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ที่ห้องก็ไม่รู้ จะกินข้าวตามที่เขาสั่งเอาไว้หรือไม่แล้วจะทำการบ้านเสร็จหรือยัง... เอ๊ะ... นี่เขาจะคิดอะไรมากมายวะ -__-

     

                ช่างมันสิ.. ไอ้เด็กฮยอนโตจะเป็นควายอยู่แล้วทำไมต้องสนใจมาก

     

                “เออ มึงได้ยินเรื่องยูริป่ะ ?”

     

                “ยูริ ? ทำไม ?” ซีวอนขานกลับเพื่อหนุ่มที่เอ่ยคำถามขึ้นมาเสียงเบาทันทีเมื่อได้ยินชื่อคุ้นหูของหญิงสาวที่โด่งดังไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ควอนยูริ ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีตำแหน่งอะไรมาการันตีตัวเธอ ไม่ได้เป็นดาวคณะ หรือดาวมหาวิทยาลัยแต่เธอเป็นผู้หญิงที่มีสเน่ห์มากคนหนึ่งจนไม่ว่าใครก็ต้องเหลียวหลังไปมองเมื่อเจอเธอ

     

                ชเวซีวอนเองก็หนึ่งในนั้น.. แต่เพราะเขาคือชเวซีวอนไงหล่ะ

                ผู้ชายที่หวังอะไรชั่วครู่ ชั่วยาม ไม่ชอบการผูกมัดอย่างเขา.. จึงจบลงกับเธอเพียงคืนเดียวเท่านั้น

     

                “ก็ที่บอกว่ามึงกับมันคบกัน”

     

                “เหอะ.... ฝันกลางวัน”

     

                “กูก็ว่างั้น ไม่ค่อยอยากเชื่อที่แม่งพูดเท่าไหร่...” คริสพูดปนรอยยิ้มเพราะเขาเชื่อว่าชเวซีวอนคงไม่ใช่คนที่นิยมผูกมัดตัวเองเอาไว้กับใครอย่างแน่นอน เสียงแว้ดของควอนยูริก็คงจะเป็นแค่ฝันกลางวันของผู้หญิงหน้าตาดีคนนั้นเท่านั้นแหละ

     

                “เชื่อห่าไรไม่ได้หรอก ผู้หญิงแม่งมารยา”

     

                “มึงนี่ก็... เออ.. แต่มึงก็ระวังน้องคยูฮยอนอะไรของมึงเอาไว้หน่อยแล้วกัน แฟนคลับมึงทั้งมหาลัยเขาหมายหัวน้องมึงกันหมด...”

     

                “ทำไมวะ ?”

     

                “หึ.. มึงหนีบน้องมามหาลัยบ่อยขนาดนั้นหน่ะ แม่งน่าสงสัยอยู่เถอะ..” คริสพูดด้วยน้ำเสียงจับผิดที่พอให้ได้ยินกันสองคน ก็เพราะอยู่ใกล้ซีวอนและนิสัยคล้ายกันมากที่สุดถึงได้รู้สึกว่าเด็กคนนั้นมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ชเวซีวอนไม่เหมือนชเวซีวอนเอาเสียเลยสักนิดภายในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น

     

                “น้องเพื่อนสนิทกู กูก็ต้องดูแลดิวะ... มึงก็เห็น ไอ้ห่าฮยอนนั่นแม่งทึ่มจะตายโหง” เขาเหยียบเบรครถหลังจากเลี้ยวเข้ามาในรานประจำของแกงค์ ดวงตาคมสบมองไปยังใบหน้านิ่งเรียบของเพื่อนสนิทที่นานครั้งจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้ได้เห็นสักที

     

                “เหรอ... ไม่ใช่ว่ามึงได้น้องเขาแล้ว...”

     

                “เลอะเทอะใหญ่ละมึงเนี่ย.. ลงไปเลยไป..” ขมวดคิ้วเข้มของตัวเองอย่างมีพิรุธ (โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้เสียด้วยสิว่าแสดงพิรุธออกมาชัดเจนมากเกินไป) พลางใช้มือโบกไล่เพื่อนสนิทของตัวเองที่อุตส่าห์มานั่งหน้าเป็นเพื่อนคนขับ คริสส่งยิ้มกวนประสาทไปให้ร่างสูงที่ซ้อนตัวอยู่หลังพวงมาลัยแล้วก้าวลงเท้าไปรวมกับกลุ่มเพื่อนที่เหลือซึ่งเริ่มทยอยเข้าร้านกันไป

     

                ซีวอนชะเง้อคอมองเพื่อนที่เดินเข้าไปในร้านจนพ้นบานประตูแล้วเขาจึงผลักประตูด้านคนขับออกไปเพื่อเหยียดขาที่เกร็งมานานแสนนาน ฝ่ามือใหญ่คว้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่หน้าคอนโซลรถด้วยคิดว่าจะโทรบอกคนที่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ในห้องของเขาว่าไม่ต้องทำกับข้าวรอเพราะจะกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านเหล้านี่เลย

     

                แต่ข้อความจากควอนยูริก็ทำให้คิ้วของเขากระตุกวูบขึ้นมา... นิ้วยาวรีบสัมผัสลงไปบนหน้าจอเพื่อเปิดข้อความดังกล่าวออกดูและเนื้อความข้างในก็ทำให้เขาชักเท้ากลับขึ้นมาบนรถแทบไม่ทัน

     

              พี่ซีวอน ตอนี้ยูริกำลังจะถึงห้องพี่ซีวอนแล้วนะคะ... ออกมารับยูริหน่อยสิคะ ^^ ~

     

                “ไอ้ชิพหาย !!” ซีวอนโยนเครื่องมือสื่อสารของตัวเองลงบนเบาะข้าง ๆ แล้วรีบสตาร์ทรถ ทันทีที่สียงเครื่องยนต์ทำงานร่างสูงก็รีบบิดพวงมาลัย เหยียบคันแร่งจนแทบจะจมหายลงไปเพื่อตรงดิ่งกลับห้องไปให้เร็วที่สุด

     

                ถ้ามันเป็นอย่างที่ไอ้คริสบอกจริง ๆ เรื่องคยูฮยอนกับยูริหล่ะก็...

                สาบานได้เลย เขาไม่ได้เป็นห่วงไอ้เด็กฮยอนสักนิดเหอะ !!

     

              *เหยียบมิด~*

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                คยูฮยอนพลิกตัวเป็นรอบที่ร้อยแปดสิบ อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะรอซีวอนหรอก แต่มีความรู้สึกว่าการนอนอย่างโดดเดี่ยวบนเตียงกว้างนี่มันน่ากลัวชะมัดยาก ! มันเป็นอารมณ์ต่างถิ่นยังไงไม่รู้ คือถ้ามีใครนอนเป็นเพื่อนด้วย (ซึ่งก็ไม่เคยมีใครนอกจากพี่ซีวอน) เขาก็จะสามารถนอนหลับได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ถ้าจะต้องมานอนคนเดียวหน่ะ มันรู้สึกประหลาดทุกที

     

                “เฮ้อ... นี่จะเสร็จงานหรือยังก็ไม่รู้” คว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองติดมือมาแล้วตัดสินใจเลือกมานอนกลิ้งอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์จอแบนเครื่องใหญ่ดีกว่า.. ร่างบางทิ้งตัวลงบนเครื่องหนังสีแดงสดแล้วหยิบรีโมทมากดเปิด เสียงบรรยายประกอบรูปภาพสัตว์ใต้น้ำทำให้เขาต้องหยุดมืออย่างหลงใหลแล้วเพ่งมองภาพถ่ายทอดชีวิตสัตว์ใต้ทะเลอยู่อย่างนั้น

     

                เพลินเพลินไปกับสีสันตระกาลตาของสารคดีชีวิตสัตว์ใต้น้ำจนถึงช่วงพักโฆษณาถึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาไล่หาเบอร์ของผู้ชายห่าม ๆ ที่ป่านนี้ยังไม่กลับมาเสียที คยูฮยอนเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสองทุ่มซึ่งมันถือว่าดึกดื่นมากแล้ว พลางคิดในหัวว่าดีไม่ดีพี่ซีวอนอาจจะไปกินเหล้าเมายากับเพื่อนต่อที่ไหนก็ได้...

     

                โอ้ไม่ได้เด็ดขาดหล่ะ ! พี่ซีวอนไม่มีสิทธิ์เมาแล้วจริง ๆ !

     

    ปิ๊งป่อง ~

               

                ช่างประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้นะ... คยูฮยอนละมือออกมาจากโทรศัพท์มือถือเมื่อได้ยินเสียงกริ่งประตูซึ่งไม่มีทางเป็นใครคนอื่นไปได้นอกจากพี่ซีวอนแน่ ๆ

     

                ร่างผอมดีดตัวเองขึ้นมาจากโซฟา ชะงักฝ่าเท้าไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตัวเองสวมกางเกงบอลของพี่ซีวอนอยู่ พี่เขาจะโกรธหรือเปล่านะที่แอบเอากางเกงของเขามาใส่... แต่มันไม่มีจริง ๆ นี่นา ก็ปวดสะโพกจะบ้าจนไม่ได้ซักผ้าหนิ ! เขาไม่ผิดเลยสักนิดเถอะ...

     

                ในเมื่อมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ผิด คยูฮยอนก็สาวเท้าก้าวตรงต่อไปยังประตูห้อง ร่างบางรีบปลดล็อคแล้วบิดด้ามจับเพื่อเปิดบานประตูออกโดยไม่ทันส่องตาแมว

     

                “สวัส... อ่ะ... มาหาใครครับ ?”

     

                “พี่ซี.... เอ๊ะ.... แก... แก ! ไอ้เด็กคนนั้น !!

     

                “ครับ ? เฮ่ยยย ! เดี๋ยวสิครับ... คุณจะทำอะไรโผ้มมมมม !” คยูฮยอนตะโกนเสียงดังเมื่ออยู่ดี ๆ ผู้หญิงสวยคนนั้นก็ปรี่เข้ามาคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้แล้วผลักเขาเข้ามาด้านในห้องโดยไม่ทันให้ตั้งตัว

     

                “เดี๋ยวงั้นเหรอ ?! หึ... มันไม่มีเดี๋ยวสำหรับไอ้มารขัดขวางอย่างแกหรอก !

     

                “โอ้ย... เดี๋ยวสิครับ... นี่...คุณพูดเรื่อง...โอ้ย...อะไร !” คยูฮยอนเอ่ยคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะโดนดึงทึ้งเส้นผมพร้อมกับเขย่าตัวไปมาอย่างรุนแรงจนแอบสงสัยว่าผมของเขาจะหลุดคามือของพี่สาวคนนั้นไปด้วยหรือเปล่า ฮืออออ... นี่มันอะไรกันครับเนี่ย ! T__T

     

                “จะเรื่องอะไรหล่ะ... เพราะแกคนเดียว ! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกทำให้พี่ซีวอนไม่สนใจฉัน ! แกทำให้คนทั้งมหาลัยบอกว่าฉันโกหก !!” ยูริปรี่เข้ามาคว้าคอเสื้อของเด็กมัธยมผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร หล่อนเขย่าร่างผอมนั้นด้วยเรี่ยวแรงที่เค้นออกมาจากความโกรธเคืองเบื้องลึกแล้วตบเข้าที่ข้างแก้มนุ่มนั่นเสียฉาดใหญ่จนคยูฮยอนล้มลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง

     

                “เฮ้ยย ! คุณครับ !... ผมไม่รู้เรื่องอะไรของพี่ซีวอนทั้งนั้นอ่ะ... คุณมาตบ..โอ้ย ! เฮ้ยยยยยย !!

     

                “ไม่รู้เรื่องบ้านพ่อบ้านแม่แกสิ ! แล้วที่ใส่กางเกงพี่ซีวอนนี่คืออะไรห๊ะ !! ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ว่าคนอย่างชเวซีวอนหน่ะเขาไม่สนใจหน้าจืด ๆ อย่างแกหรอก !” หญิงสาวหน้าสวยกุมคอเสื้อยืดของอีกคนขึ้นมาแล้วพูดใส่ใบหน้าเรียวหวานของเด็กชายที่ตัวสั่นเป็นลูกนกด้วยความกลัว คยูฮยอนปล่อยให้น้ำตารื่นขึ้นมาบริเวณขอบตาเพราะเจ็บร้าวไปทั้งใบหน้า แถมยังต้องมาโดนดึงเสื้อชิดคอจนหายใจแทบไม่ออกอีก

     

                นี่แค่ใส่กางเกงพี่ซีวอนเพราะไม่มีกางเกงใส่ก็ผิดหรือไงนะ !

                จะให้แก้ผ้าเดินโทง ๆ แบบนั้นได้ยังไงเล่า !

     

                “ฮึก...”

     

                “แกไม่ต้องมาบีบน้ำตาเลยไอ้วิปริต ! ฉันจะบอกให้นะ... แกมันก็อ่อยพี่ซีวอนได้แค่คืนสองคืนนั่นแหละ... เพราะเดี๋ยวพี่ซีวอนก็จะทิ้งแกให้กลายเป็นหมาจรจัด !” แขนเรียวออกแรงเหวี่ยงร่างของคยูฮยอนไปกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะอย่างแรงจนเป็นรอยช้ำสีม่วง

     

                ใบหน้าหวานก้มลงมองสภาพของตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ... คำพูดเหล่านั้นกระทบเสียดแทงคนขวัญเสียอย่างเขาเหลือเกิน... ทำไมต้องเอาเขาไปเปรียบเทียบอะไรแบบนั้นด้วยหล่ะ วันนั้นมันก็แค่ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อยไม่ใช่หรือไง แล้วนี่อะไรอีก อยู่ดี ๆ ก็มาโดนตบโดนเหวี่ยงไปมาแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ ! นี่อีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิงด้วย แม่สอนว่าห้ามทำร้ายผู้หญิง ดังนั้นเขาต้องกลั้นอารมณ์เอาไว้... โจวคยูฮยอน... อย่าอ่อนแอเด็ดขาด !

     

                “แกมันเลว !!” เสียงของคนที่เพิ่งจะเหวี่ยงเขามานั่งกองอยู่แบบนี้ทำให้คยูฮยอนเผลอหยีลูกตาลงเพราะเห็นมือของเธอยื่นเข้ามาใกล้ คงไม่วายหมายจะทำร้ายร่างกายเขาอีกหล่ะสิ...

     

                “มึงนั่นแหละที่เลว !!” แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสความเจ็บที่คาดการณ์ไว้ เสียงของคนที่กำลังเป็นประเด็นหลักของบทสนทนาก็โผล่เข้ามาเสียก่อน คยูฮยอนเปิดเปลือกมองตรงไปยังเบื้องหลังของเขาซึ่งมีร่างสูงกำยำยืนอยู่ เจ้าของห้องคนนั้นคว้าเอากลุ่มเส้นผมหยักศกสีน้ำตาลของผู้หญิงที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อแต่ดันเดินเข้ามาตบเขาเสียฉาดใหญ่ก่อนจะกระชากไปเบื้องหลังโดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะเจ็บหรือเปล่า...

     

                “ซะ ซี..ซีวอน...”

     

                “ทำอะไรคยูฮยอน!” ใบหน้าของซีวอนกราดเกรี้ยว ดวงตาคมคายคู่นั้นฉายแววถมึงทึงออกมาอย่างชัดเจน ร้อนระอุจนแทบจะเผาสิ่งของรอบตัวให้ไหม้ได้เลยด้วยซ้ำ ร่างสูงหันหน้าไปมองควอนยูริที่ทรุดตัวอยู่กับพื้นเพราะแรงเหวี่ยงของเขาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้

     

                “ยูล...ยูล...”

     

                “กูถามว่ามึงทำอะไรคยูฮยอน !

     

                “ยูล...ยูลไม่...”

     

                “ไม่ ?... เหอะ... เห็นอยู่ว่ามึงเหวี่ยงเด็กกูกระแทกโต๊ะ !!

     

                “...” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นความกลัวของเธอเอาไว้... ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าเวลาซีวอนโมโหหน่ะมันน่ากลัวยิ่งกว่าทะเลคลั่งเสียอีก

     

                “พวกขายตัวอย่างมึงมีสิทธิ์มาทำร้ายอะไรคนของกู !

     

                “ซีวอน ! ทำไมว่ายูลแบบนั้น..”

     

                “เพราะมึงเป็นแบบนั้นไง ! ไอ้ที่ใครว่าสวยหน่ะ... กูซื้อมาได้ด้วยเศษเงินสามแสนวอนไม่ใช่เหรอ ?”

     

                “ซะ...”

     

                “มึงต่างหาก... ที่กูใช้แล้วทิ้ง ! เสือกมาเปียกใส่หน้ากูเองทำไม...”

               

                “ซีวอน !!

     

                “ไสหัวไปซะ... อย่าให้กูต้องถีบส่ง !” ขาเรียวยาวยกขึ้นขู่อีกฝ่ายที่อยู่ในห้วงอารมณ์ทั้งโกรธทั้งกลัว ควอนยูริขยับแขนขา คลานกระเสือกกระสนออกไปนอกห้องอย่างลนลานยิ่งกว่าเห็นผี

     

                ร่างสูงพรูลมหายใจออกมาจากปลายจมูกเพื่อระงับความโมโหของตัวเองที่บีบไปทั่วทั้งตัวจนรู้สึกเหมือนผิวจะไหม้ เขาหันหลังกลับไปมองเด็กในปกครองที่นั่งเกาะขาโต๊ะด้วยแววตาหวาดกลัว ดวงตากลมสุกของโจวคยูฮยอนช้อนมองขึ้นมาทางเขาราวกับกำลังมองปีศาจซาตาน ทำท่าเหมือนจะขยับตัวแต่ความตระหนกตกใจก็ตรึงร่างผอมนั่นเอาไว้จนไม่กล้าขยับไปไหน

     

                นี่กูต้องเข้าหามึงก่อนใช่ไหมวะ...

     

                “เฮ้อ... ทำไมไม่สู้คนเลยวะ” เขาใช้โทนเสียงที่นุ่มขึ้นกว่าเดิมในการตำหนิเด็กที่เกิดมาเป็นผู้ชายซะเปล่าแต่ปล่อยให้ผู้หญิงตบฉุดกระชากได้ตามอำเภอใจอย่างนึกเคือง เด็กนั่นเลยยิ่งเบ้หน้าคล้ายจะร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่แต่ก็ยังพยายามตอบคำถามผมด้วยน้ำเสียงสั่น

     

                “ฮึก..กะ..ก็...ก็แม่บอก..ฮึก..ว่าไม่..ฮึก...ไม่ให้ทำ..ฮึก..ผู้หญิง...” คยูฮยอนตะกุกตะกักตอบคำถามปนเสียงสะอื้นออกไป ฝืนก้อนหนืดกับความกลัวที่ตีตื้นขึ้นมาพร้อมกันจนเขาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรด้วยซ้ำ

     

                “หึ... ไอ้งั่งฮยอนเอ้ย ~” ร่างสูงเดินเข้าไปหาไอ้งั่งฮยอนที่ว่าก่อนจะย่อตัวลงไปกอดร่างผอมเอาไว้แนบอก และเพียงแค่นั้นมันก็ทำให้คนที่กำลังขวัญเสียระยะสุดท้ายยกมือขึ้นกำเสื้อเชิ้ตลายสก็อตของอีกคนไว้แน่นเพื่อยึดไม่ให้เจ้าของแผ่นอกกว้างขยับตัวไปไหน เสียงสะอื้นกลับกลายเป็นเสียงร้องไห้โฮใหญ่ที่ล้นทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก เรือนกายผอมบางสั่นงกเงิ่นเหมือนลูกแมวที่กำลังหนีสุนัขร้าย

     

                “โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ... ผมกลัวอ่ะ... ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออ”ส่งเสียงออกมาบอกได้แค่ท่อนเดียวก็ต้องกลับไปปล่อยน้ำตาออกมาอีกครั้งจนซีวอนต้องอุ้มร่างผอมนั่นขึ้นมาไว้บนตักแล้วโยกปลอบเหมือนที่เคยทำ

     

                “ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไรแล้ว..” ริมฝีปากหยักกดจูบลงที่ข้างขมับของอีกคน ไล้ต่ำลงมาที่ปรางแก้มนวลพร้อมกับลูบแผ่นหลังที่ยังคงสั่นตามเสียงสะอื้น เขาละใบหน้าของตัวเองออกมาดูใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกฝ่ายแล้วจึงกดจูบเบา ๆ ลงกับกลีรบปากสีชมพู ดูดคลึงเบา ๆ ให้คยูฮยอนรู้สึกตัวขึ้นมาสักนิด หากแต่คนที่ปล่อยสติเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนกลับเลื่อนมือขึ้นมาขยุ้มคอเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยแรงน้อย ๆ ที่เพิ่งจะเรียกกลับมาได้ไม่นาน

     

                แม่งจะกลายเป็นกูเองนี่แหล่ะที่เปิดเปิง -_____-

     

                ก็ถ้าเด็กมันมาไกลถึงขนาดนี้ ซีวอนก็ไม่นึกอยากจะเรียกอารมณ์ตัวเองกลับหรอกนะ... เขาสอดแขนเข้าไปรองไว้ที่รอบเอวของคนที่กำลังโดนปลายลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปในโพรงปาก คยูฮยอนคร่างอื้ออึงทั้งที่น้ำตายังไหลออกมาเปื้อนบนใบหน้า เด็กนั่นเหมือนจะไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังจะโดนทำมากกว่าจูบ แม้ว่าเขาจะออกแรงยกร่างผอมขึ้นมาวางไว้บนโซฟาแล้วก็ตาม

     





     

     

    NC

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    นี่นอนเขียนอยู่บนรถไฟ มึนหัวและปวดตามาก กว่าจะได้อัพ 55555555555555555555555 ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางจริง ๆ ที่อุตส่าห์แบกโน๊ตบุ๊คมาให้ ใจดีจะไม่ไหว ><

    เจอกันอีกทีหลังกลับไปกรุงเทพนะ งุงิ

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×