คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Come Back!
{ Come Back }
โอเซฮุนจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่เขาฟังเพลงครันทรี่ซาวด์หนักมันคือเมื่อวันใด ปีไหน หรือตอนไหน... เพียงแต่เวลานี้เขากลับเลือกใส่แผ่นซีดีเก่าคร่ำครึ ฝุ่นจับลงไปในเครื่องเล่นตัวเก่าสีดำที่มุมห้องแล้วปล่อยให้เสียงของเมาท์ออร์แกนกับแบนโจขับกล่อมตัวเองอยู่อย่างนั้น
กลิ่นดินลอยอืดขึ้นมาจากบานหน้าต่าง รบกวนการพักผ่อนของเขา... ฝนเพิ่งหยุดไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนจึงไม่น่าแปลกที่จะเปิดหน้าต่างรับลมเย็นเอื่อยที่เป็นผลตกค้างของมัน อากาศที่ค่อนไปทางเย็นมากของวอชิงตันทำให้ร่างผอมสูงคิดว่าตัวเองควรได้ซดเส้นรามยอนอุ่นๆเสียหน่อย
ห้องครัวเคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับเขา หลังจากครั้งล่าสุดที่เข้ามาเหยียบย่างได้เกิดอัคคีภัยขนาดย่อมในหม้อต้มรามยอน ลุกลามไปถึงไมโครเวฟ เผาเอาเครื่องแก้วชุดสวยที่บังเอิญซวยถูกหยิบมาวางไว้แถวนั้นพอดี (ทั้งที่ที่อยู่ของมันโดยปกติแล้วปลอดภัยกว่านี้เยอะ) หลังจากมันหลอมละลายไปต่อหน้าต่อตา และเพื่อนข้างห้องวัยไล่เลี่ยกันโทรบอกรีเซ็ปชั่นวัยทองประจำอพาร์ทเมนต์แล้ว โอเซฮุนคิดว่าเขาไม่น่าจะเหมาะกับการเข้าครัวสักเท่าไหร่
แต่หายห่วงได้เลย... วันนี้จะไม่มีอัคคีภัย
เอมี่ รีเซ็ปชั่นวัยห้าสิบตอนปลายจะไม่ต้องหัวเสียแน่นอน
น้ำซุปกลิ่นเผ็ดทำให้เขารู้สึกคิดถึงเกาหลีขึ้นมาตะหงิดใจ... มันก็นานมากแล้วอีกเหมือนกันนั่นแหละที่เขาไม่ได้กลับไปที่นั่น และอาจเป็นเพราะไม่มีเหตุผลมากพอจะต้องเสียค่าตั๋วชั้นประหยัด พาตัวเองไปนั่งหลังขดหลังแข็งข้ามน้ำข้ามทะเลหล่ะมั้งเขาเลยไม่ได้นึกถึงมันอีก
น้ำเดือดปุดๆเรียบร้อย เซฮุนหย่อนก้อนเส้นสีเหลืองลงไปในนั้น ใช้ตะเกียบอันยาวกดให้มันจมลงไปในน้ำเดือด ใบหน้าหวานเหลือบมองซองพลาสติกที่ลงไปแอ้งแม้งอยู่ในถังขยะใบจิ๋ว เขากลอกตาอ่านตัวอักษรแบบขีดด้วยความรู้สึกเหม่อลอย... ไม่หรอก... เขาไม่ได้คิดถึงเกาหลีอะไรนั่นหรอก บ้านที่ไม่เหมือนบ้าน พ่อเลี้ยงบ้ากามกับน้องสาวที่ชอบส่งแววตาอิจฉาริษยามายังเขาเมื่อได้คะแนนเป็นอันดับท็อปของชั้นเรียนไม่มีอะไรให้ชวนคิดถึงเลยสักนิด
รามยอนรสต้นตำหรับมันทำให้เขานึกถึงอู๋อี้ฟานต่างหากหล่ะ
อู๋อี้ฟานที่ชอบต้มรามยอนตอนตีสาม... คนที่เขาเพิ่งบอกไล่ไปให้พ้นตา
- - - - -
“ใจมึงจะแข็งได้อีกสักกี่น้ำกัน"
“...”
“นี่อี้ฟาน! ทำให้กูรู้สึกว่านั่งกับคนหน่อยสิวะ!” เสียงโวยวายของอี้ชิงก็ยังคงดังได้เสมอต้นเสมอปลายนั่นแหละ แอบสงสัยว่าบุคลิกอะไรที่ทำให้มันสามารถเรียนจบสัตวแพทย์มาได้พร้อมๆกับเขา (ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้ดีกว่ามันไปเท่าไหร่) แต่จางอี้ชิงก็ถือเป็นเพื่อนที่ดีทั้งในสถาบันการเรียนและสถาบันการแพทย์นั่นแหละนะ
“อาฮะ...” เจ้าของชื่ออี้ฟานยอมทำตามคำขอด้วยการขานรับแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจหรือใส่อะไรลงไปมากกว่าน้ำเสียงราบเรียบธรรมดา
“มึงกลับไปเหอะหน่า"
“กลับ?... เซฮุนไล่กูออกมาน้าา~"
“อย่ามาแสดงโง่ได้ไหมวะ!” จางอี้ชิงรู้ดีหรอกว่าเพื่อนตัวโตของเขามันก็โตแต่ตัวเท่านั้นแหละ แท้จริงหัวใจอี้ฟานหน่ะมันดวงเล็กนิดเดียวเท่านั้นเอง... แถวบ้านเรียกขี้น้อยใจ
“...”
“เขาไล่มึงออกมาแล้วมึงก็ออกมา ไอ้ห่า ผัวเมียภาษาอะไร... รู้จักคำว่าง้อไหมห๊า?!"
“...”
“ไม่ต้องมาเถียง เซฮุนยังไม่บอกเลิกมึงนี่... เหอะ... เป็นหมอหมาที่รักษาเมียไว้ไม่ได้ เจริญจังเพื่อนกู" ยกมือขึ้นห้ามเพื่อนตัวใหญ่ที่อ้าปากจะปฏิเสธด้วยประโยคที่เขาเองก็รู้ดีอยู่แล้ว จางอี้ชิงเอื้อมมือหมายจะคว้าแก้วเหล้ามากระดกแก้กระหายแต่กลับโดนมือใหญ่ของใครอีกคนคว้าเอาไปเสียก่อนพร้อกับสายตาค้อนเคืองที่ส่งกลับมา
ก็บอกแล้ว หัวใจอี้ฟานมันเล็กนิดเดียว...
- - - - -
เสียงเคาะประตูสะกิดคนที่ทิ้งตัวอยู่บนโซฟาให้หลุดออกมาจากความฝัน ภาพแรกที่เห็นคือซากชามกระเบื้องที่เขาใช้ใส่รามยอนมานั่งกินเมื่อตอนหัวค่ำกับเสียงเพลงคันทรี่ซาวด์หนักที่เขาเปิดค้างเอาไว้ก่อนหลับไป เซฮุนเบือนหน้าไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง เข็มสั้นยาวชี้บอกเวลาเกือบตีสอง
ลมเย็นยามดึกพัดผ่านผิวกายของเขาที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้อแขนกุดตัวโคร่ง ลืมไปแล้วว่าเพราะอะไรถึงตื่น โชคดีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นซ้ำอีกครั้งโอเซฮุนจึงสะดุ้งตัวด้วยความตกใจแล้วรีบวิ่งกุลีกุจอไปยังบานประตู... ดึกป่านนี้ใครจะมาเรียกกัน
อารามตกใจปนกังวลทำให้ลืมเขย่งตัวดูตาแมวก่อน... มือเรียวรีบปลดสลักออกก่อนจะบิดลูกบิดสีทองอำพันเพื่อแง้มเปิดให้กับผู้มาเยือนยามวิกาล
จางอี้ชิง...
“โทษทีที่มารบกวนนะ"
“...”
“เอาแฟนนายมาส่งหน่ะ" รุ่นพี่ที่ตัวเล็กกว่าเขาอยู่มากพยักเพยิดไปยังร่างที่ยืนเอนซบอยู่กับกำแพงคล้ายจะไถให้ตัวเองซุกเข้าไปหนุนนอนในนั้นให้ได้ ใบหน้าแดงกำผิดวิสัยบอกได้ว่าผู้ชายตัวสูงชะลูดคงดื่มมาไม่น้อย เซฮุนมองใบหน้าคมเข้มอย่างชั่งใจแล้วพรูลมออกจากจมูกก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณ
“รบกวนพี่อี้ชิงอีกแล้ว ขอบคุณนะครับ" เขาโค้งอย่างสุภาพเพราะถือว่าอย่างน้อยก็เป็นคนเอเชียในวอชิงตันเหมือนกัน
“หน่า... แค่สามวันเอง ชิลๆ"
“...”
“มีอะไรก็ค่อยๆคุย... ไอ้ยักษ์นี่มันขี้น้อยใจ" พูดไปมือของพี่อี้ชิงก็ฟาดลงกับไหล่ของไอ้ยักษ์นี่สองสามครั้งเพื่อปลุกให้ได้สติ เซฮุนได้แต่ยิ้มแห้งๆพร้อมกับพยักหน้ารับรุ่นพี่ที่รู้จักเขาดีไปเสียทุกซอกทุกมุม เขาแง้มประตูออกกว้างขึ้นเมื่อเห็นพี่อี้ชิงเข้าไปสอดแขนหิ้วปีกของอี้ฟานเอาไว้ ครั้นจะยืนดูดายก็คงจะไม่ใช่ภาพลักษณ์ของเจ้าบ้านที่ดี เซฮุนจึงสอดแขนเข้าช่วยประคองร่างสูงอีกข้างแล้วพาเดินเข้ามาด้านในห้องนอน
อี้ฟานถูกวางลงบนเตียงผืนกว้างที่มันยับเพียงข้างเดียวมาสามคืน เซฮุนตลบผ้าห่มขึ้นคลุมเหนือเรือนกายกำยำลวกๆก่อนจะปลีกตัวออกไปส่งอี้ชิงที่หน้าห้อง โดยไม่ลืมหาน้ำเย็นส่งให้แก้วใหญ่เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่อุตส่าห์ช่วยแบกแฟนขี้เมาของเขามาส่งถึงห้อง
“พี่กลับยังไงเหรอครับ?”
“เอารถมาหน่ะ ไปดีกว่า...”
“อ่า.. ขอบคุณอีกครั้งนะครับ"
“คนกันเองหน่า... คุยกันดีๆหล่ะ" จางอี้ชิงที่ทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้วก้าวห่างออกไปจากประตูห้อง เซฮุนมองแผ่นหลังรุ่นพี่ตัวเล็กจอมห้าวเคลื่อนหายไปจากหัวมุมเสาสุดท้ายแล้วค่อยผลักประตูปิดลงมา ดวงตาเรียวเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งอย่างชั่งใจว่าเขาควรจะอาบน้ำดีหรือเปล่า... แต่ว่าอากาศหนาวๆของวอชิงตันคงไม่เหมาะกับการอาบน้ำในเวลาเกือบตีสามแน่ๆ
จัดการปิดสวิชต์ไฟของห้องนั่งเล่นให้มืดลงก่อนก้าวขาตรงไปยังห้องนอนของ คนเมาดิ้นถีบผ้าห่มตกลงมาบนพื้นเหมือนอย่างเคยและโอเซฮุนก็คงทำได้แค่ก้มลงเก็บมันขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง ร่างโปร่งถอนหายใจให้กับสภาพดูไม่ได้ของคนรัก ยอมรับว่าเคืองอยู่เหมือนกันที่แฟนไม่ได้เรื่องเมามายขนาดนี้แต่อีกใจก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายเพราะการได้เห็นคนตัวสูงกลับมาทำกร่างบนเตียงกว้างนี่อีกครั้งมันทำให้เขายิ้มออก
“ฮื่อ!” อี้ฟานคำรามออกมาตอนที่เขาสอดตัวเองเข้าไปยังที่ว่างแคบๆ แขนยาวขยับมาพาดอยู่บนตัวของเขาตามประสาคนไม่ได้สติ ริมฝีปากหยักอูมพึมพัมอะไรสักอย่างเป็นภาษาจีนที่จับใจความไม่ได้เพราะเสียงนั้นทั้งแตกพร่าและทุ้มต่ำ แต่ไม่ถึงนาทีทุกอย่างก็เงียบลงไปเหลือเพียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของอี้ฟานและเสียงกรนครืดคราด
ผมขมวดคิ้วเป็นปมเพราะเขาไม่ยอมยกแขนออกไป พอจับยกขึ้นมันก็พาดกลับมาที่เดิมราวกับถูกเซ็ทโปรแกรมเอาไว้ว่าฉันต้องพาดแขนในแนวระนาบแบบนี้ทั้งคืนนะ... สุดท้ายโอเซฮุนก็ต้องยอมคลายปมคิ้วออกแล้วดันตัวเองลงไปกับเตียงกว้าง แขนเรียวยกผ้าห่มที่ขมวดเป็นก้อนอยู่ตรงปลายเท้าขึ้นมาคลุมตัวแต่ยังไม่ทันจัดให้มันเข้าที่เข้าทาง แขนยาวที่เขาเพิ่งจับหลบออกไปก็กลับมาตวัดพาดอยู่ตรงเอวเหมือนเดิม
เซฮุนหัวเราะในลำคอ ยิ้มบางๆให้กับความน่ารำคาญของอี้ฟาน
เขารู้แล้วว่าน่ารำคาญก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย...
- - - - -
ครืด ครืด ครืด...
แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารที่ถูกวางเท้งเต้งอยู่ใต้หมอนทำให้เจ้าของมันขยับตัวยุกยิก อู๋อี้ฟานขมวดคิ้วจนหน้าย่น ปัดป่ายมือข้างที่ว่างอยู่ไปคว้ามันมากดดับไปเสียให้พ้นจากการรับรู้(อันน้อยนิด)
กระนั้นเจ้าเครื่องมืออิเล็คทรอนิกก็เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง ร่างสูงจึงเข้าใจได้ว่ามันคงเป็นธุระสำคัญจริงจังเขาจึงเลื่อนนิ้วสุ่มไปบนหน้าจอยาวเหยียดของมันเพื่อรับสาย ครั้นเมื่อแรงสั่นสงบลง โลหะชิ้นหนาก็ถูกยกมาวางเอาไว้ข้างใบหูโดยไม่ใส่ใจเท่าใดว่ามันจะหลับหัวกลับหางหรือไม่
“ฮัล...โหล...”
(บ่ายสามมีสองนัดตรวจนะครับ)
“อือ" ต่อให้หนักหัวแค่ไหนเขาก็จำได้ดีหล่ะว่าปลายสายเป็นเสียงของใคร จางอี้ชิงเป็นมารขัดความสุขของเขามาตั้งแต่เขาจำความได้แล้ว (และยังไม่รวมที่จำไม่ได้อีกมากโข) นี่ขนาดมานอนค้างห้องมัน แม่งยังกวนตีนโทรศัพท์มาปลุกเขาได้อีก เดินมาสะกิดก็หมดเรื่องแล้วเถอะ
ร่างสูงตัดสายด้วยวิธีง่ายๆคือโยนมือถือไปให้ห่างจากตัว ผืนเตียงกว้างขวางให้ความสะดวกสบายยามขาของเขายืดเหยียดตัวเองออกไปจนสุด ไม่สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาได้สามวันแล้วหล่ะ... เตียงห้องไอ้ห่าอี้แม่งสั้นพอๆกับตัวเจ้าของห้อง
ว่าแต่ทำไมวันนี้เตียงมันยาวได้วะ?
อี้ฟานไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานนัก เขาลืมตาขึ้นมาสู้แสงแดดสลัวที่ถูกมู่ลี่กำบังเอาไว้ ลมหายใจเข้าออกตรงแผ่นอกทำให้ร่างสูงต้องก้มหน้าลงมา และการพบกับสันจมูกโด่งรั้นที่คิดถึงก็ขับไล่ความง่วงงุนของเขาออกไปจนหมดสิ้น
โอเซฮุนมานอนอยู่นี่ได้ไง?
ไม่สิ... เขามานอนอยู่นี่ได้ไง... ต้องถามแบบนี้ถึงจะถูก
“เซ...” แต่เขาก็ตัดสินใจหยุดเสียงพร่าอันน่าเกลียดเอาไว้แล้วทิ้งตัวลงไปเหมือนเดิมเมื่อแขนเรียวเล็กของคนไม่ชอบออกกำลังกายขยับมาวางอยู่ตรงสีข้างของ ใบหน้าเรียวยาวซุกเข้ามาจนปลายจมูกชนเข้ากับแผ่นอกกลิ่นตุ กระนั้นโอเซฮุนก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่จางๆที่ใบหน้ายามสูดหายใจฟุดฟิดด้วยท่าทางแสนเอ็นดู
ฝ่ามือใหญ่วางลงบนกลุ่มผมนุ่มที่มันถูกเปลี่ยนให้เป็นสีแดงเพลิงแล้วลูบเบาๆ ขับกล่อมคนที่น่าจะอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นให้นอนลงไปเหมือนเดิม เพราะถ้าหากเซฮุนตื่นมาเจอเขานอนอยู่ข้างกายแบบนี้ ดีไม่ดีจะโดนขับไล่ไปเหมือนเมื่อสามวันก่อนอีก
ความจริงไม่ได้อยากไปไหน...
แต่มันน้อยใจนี่ เอะอะก็ไล่ โกรธก็ไล่ โมโหก็ไล่ ไม่พอใจก็ไล่...
เห็นอู๋อี้ฟานเป็นหมาหรือไงนะ ทำไมขยันไล่จัง!
ยอมรับว่าตัวเองทำไม่ถูกที่กลับบ้านดึกและลืมวันครบรอบของพวกเขา แต่เซฮุนก็ควรจะเข้าใจบ้างว่างานสัตวแพทย์อย่างเขามันเลือกอะไรไม่ค่อยได้หรอก บทหมาแมวมันจะป่วย ต้องผ่าตัดด่วนขึ้นมาก็คงไม่มีเทพองค์ไหนกระซิบบอกไว้แต่หัววันหรอกนะ ลำพังที่เครียดอยู่แล้วเลยเผลอขึ้เสียงใส่เซฮุนเข้าไปอีกระลอก ผลลัพธ์คือโอเซฮุนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ระเบิดออกมาเป็นคำพูดทำร้ายเสียดแทงหัวใจจนเขาต้องกระชากประตูพาตัวเองออกไปนอกห้องทันที
“ไปไกลๆเลยไป... เบื่อจะเห็นหน้าคนไม่สนใจกันอยู่แล้วหล่ะ!”
เหอะ... โอเซฮุนเอาตรรกะไหนมาพูดว่าเขาไม่สนใจวะ? ทุกวันนี้ก็แทบจะก้มกราบ ถ่ายรูปอัดกรอบไปตั้งบูชาไว้ในห้องทำงานอยู่แล้ว เอาที่ไหนมาพูดว่าเขาไม่สนใจ
อู๋อี้ฟานก็แค่ลืมวันครบรอบแต่ไม่เคยลืมโอเซฮุนหรอกนะ!
ถึงในใจจะตัดพ้อด่าทอไปสารพัด แต่อี้ฟานก็สอดมืออุ่นของตัวเองเข้าไปไล้เกลี่ยบนเส้นผมสีแดงนุ่มนิ่ม เขากดใบหน้าต่ำลงเพื่อมองอีกคนในระยะประชิด ถือโอกาสฉกหอมแก้มขาวนวลไปครั้งหนึ่งทดแทนความคิดถึงในสามวันที่ผ่านมา
โอเซฮุนก็ไม่ได้หน้าหวานสวยเหมือนเคะในอุดมคติเท่าไหร่หรอก ติดจะดื้อดึงตามประสาเด็กขาดความอบอุ่นเสียด้วยซ้ำ ร่างสูงโย่งโก้งที่โตไล่ตามเขามาติดๆนี่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าต้องทะนุถนอมอะไร ตาเรียวก็ไม่ได้ทอแววประกายละมุนอะไรเหมือนอย่างในการ์ตูนตาหวาน...ปากจัดอีกต่างหากเวลาโมโหหน่ะ! แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ เขาถึงได้รักเจ้าเด็กดื้อขี้ไล่นี่นักหนาก็ไม่รู้ โดนไล่ยังไงสุดท้ายเขาก็คิดถึงแต่หน้าโอเซฮุนตลอดสินะ
เป็นอีกครั้งที่สมองกลมๆของสัตวแพทย์ถูกครอบงำด้วยเด็กขี้เซาที่ขยับตัวอยู่ในอ้อมกอด เสียงครางอือในลำคอขาวผ่องบอกได้ว่าเซฮุนกำลังจะตื่นแล้ว ดวงตาคมจึงแสร้งปิดลง แกล้งทำเป็นยังหลับอยู่ไม่ยอมตื่น...
อี้ฟานเดาไม่เคยผิด... เซฮุนลืมตาขึ้นมาท่ามกลางกลิ่นตุของเหงื่อทั้งจากตัวเองและคนตรงหน้า ดวงตาเรียวสะลึมสะลือมองปราดแบบไม่มีจุดหมาย สุดท้ายก็วกกลับมาที่ใบหน้าคมคายของร่างสูงใหญ่ที่พาดมือไว้กับผมของเขา
จะแฮงค์หรือเปล่านะ?
เซฮุนคิดเงียบๆกับตัวเองตอนที่ตาก็มองไล่ไปตามใบหน้าที่ดูโทรมลงไปหน่อย ไรหนวดสั้นขึ้นปรกอยู่ใต้จมูกพาร่างบางเผลอเลื่อนมือขึ้นไปเกลี่ยมันเบาๆโดยไม่รู้ตัว อีกคนเมื่อถูกสัมผัสจึงลองปรือตาขึ้นมองเจ้าของฝ่ามือที่ไม่ได้ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเขา
“ตื่นแล้ว...” เสียงพร่าของเซฮุนพึมพัมเมื่อเห็นเปลือกตาของเขายกขึ้น ร่างผอมไม่ได้คลี่ยิ้มแต่เพียงแค่จ้องมองมาด้วยแววตาลอยๆ
“อือ"
“ปวดหัวป่ะ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบ ฟังดูไม่เจือความรู้สึกเป็นห่วงอะไรอย่างที่คาดหวังไว้ กระนั้นการเอื้อมมือมาแตะเบาๆตรงหน้าผากก็ทำให้หัวใจของเขาชื้นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตากลมกดลงมองเจ้าของฝ่ามือก่อนเอ่ยตอบคำถามออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไม่...”
“...ดีแล้วหล่ะ"
“แต่ปวดใจ" เซฮุนขมวดคิ้วมุ่นเมื่ออีกคนพูดประโยคนั้นออกมาพร้อมกับการคว่ำปากลง อี้ฟานกลอกตาขึ้นมองหน้าเขา จ้องสบกันอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่หลีกหนีไปไหน
“...”
“...ไม่อยากโดนไล่แล้ว...”
“...”
“เสียใจนะ... ตอนโดนละ...” ไม่มีโอกาสให้ริมฝีปากหยักศกได้ขยับเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก เซฮุนจัดการปิดมันด้วยกลีบปากของตัวเอง ปิดเสียงทุ้มต่ำน่ารำคาญด้วยรสหวานของริมฝีปากแรกในเช้าวันใหม่ แขนเรียวคว้าลำคอของอีกคนจัดการบิดเอียงให้มันได้องศาสวยงามพอที่ลิ้นทั้งสองจะได้เกี่ยวกระหวัดกันนานสักสองสามนาที
ไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากเท่านั้นที่แตะสัมผัส ลำกายของทั้งคู่ถูกดูดเข้าหากันจนแนบติด พลิกซ้ายพลิกขวา ผลัดบนผลัดล่างกันอยู่นานสองนาน คนที่ยังไม่ฟื้นฟูจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์ก็โดนจับให้นอนราบลงไปโดยมีร่างเพรียวระหงซ้อนอยู่ด้านบน ริมฝีปากฉ่ำเจ่อของเซฮุนผละออกมาจากกลีบปากหยัก ปลายจมูกรั้นเหมือนนิสัยของเจ้าตัวไซร้อยู่ตรงข้างแก้มของหมอหมาขี้เมาที่เอื้อมมือมาเกลี่ยตามลำคอขาวนวลไม่ยอมหยุด
“ไม่ไล่ไปไหนแล้ว ไม่มีคุณแล้วเหงาจะแย่"
“ฮะๆ...”
“จำไว้นะอู๋อี้ฟาน... ต่อให้วันครบรอบปีหน้าคุณจะไปเดินรักษาหมาอยู่ที่ไหนก็ตามของวอชิงตัน...”
“...”
“ผมก็จะไปตามลากคุณกลับบ้านเราเอง!”
- - - - -
มันเป็นวันช็อตที่แบบ... ง่ายมากจะไม่ไหว 5555555555555
ความคิดเห็น