ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER VI.

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 56


    CHAPTER VI

    บางคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน

     

                คยูฮยอนสะลึมสลือกลิ้งตัวไปมาบนผืนเตียงกว้างอย่างเคยชิน ผิดแต่ว่าวันนี้มันปวดตูดแปลก ๆ... และหลังจากสัมผัสอาการเจ็บร้าวบริเวณสะโพกได้ไม่นาน ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ไหลทะลักกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากอย่างชัดเจน

     

                “โอ้ย !” เขาหลุดเสียงร้องออกมาในตอนที่พยายามจะดันตัวขึ้นนั่ง สะโพกที่ปวดหน่วงและความรู้สึกเหนอะหน่ะภายในช่องนั้นทำให้คยูฮยอนตัดสินใจทิ้งตัวลงบนเตียงเพื่อตั้งหลักใหม่อีกครั้ง

     

                “ลุกได้ไหมหน่ะ...” เสียงทุ้มจากมุมห้องทำให้เจ้าของเรือนกายบางสะดุ้งเล็กน้อยแล้วรีบหันหน้ามองหาเจ้าของเสียง ซีวอนปล่อยกีต้าร์ที่ตัวเองนั่งเกลาอยู่วางลงกับพื้นก่อนจะค่อย ๆ เดินมายืนที่ปลายเตียงซึ่งมันทำให้คนเพิ่งตื่นรู้สึกกลัวจนต้องหดหนีแล้วเอาผ้าขึ้นมาคลุมโปง...

     

                ไม่เอานะ... ท่าทางแบบนั้นมันเหมือนเมื่อคืนเดี๊ยะเลยอ่ะ ! T__T

     

                “กูถามว่าลุกได้ไหม” รู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นอ่อนโยนกว่าเดิม แต่มันก็ยังคงความห่ามเอาไว้อยู่ดี...

     

                “...”

     

                “...นี่ ! กูถามว่ามึงลุกได้ไหม !” ซีวอนถามด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมอย่างนึกหงุดหงิดใจ นี่อุตส่าห์สำนึกผิด ว่าจะทำตัวดีด้วยแล้วนะ แต่มาทำเมินไม่ยอมตอบคำถามเขาแบบนี้หน่ะ มันน่าจับตีตูดแล้วเสียบแม่งซะอีกรอบเถอะ !

     

                “...”

     

                “โจวคยูฮยอน !

     

                “ฮะ..ฮึก....” ด้วยความโมโหที่เกิดจากความเครียดสะสม (ไม่ต้องถามว่าเรื่องอะไรนะ ก็เรื่องของมันนั่นแหละ!) ตั้งแต่สองสามชั่วโมงที่แล้วทำให้ซีวอนตัดสินใจกระชากผ้าห่มผืนหนาออกมาจากร่างของคนที่นอนขดตัวอยู่ นับว่ายังโชคดีอยู่มากที่มันร่นต่ำลงมาถึงแค่ช่วงเอวเท่านั้น แต่ท่าทางรุนแรงของเขาก็ทำให้เด็กที่กำลังขวัญเสียปล่อยเม็ดน้ำตาร่วงเผาะลงมาได้ไม่ยากเย็นเลย

     

                “ฮึก..ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออ !

                เหี้ยซีวอนเอ้ย... ไม่น่ารุนแรงเลยกู -______-

     

                ปลายจมูกโด่งพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทันทีที่เห็นผู้มาอาศัยบ่อน้ำตาแตก แหกปากร้องไห้เหมือนเด็กสามขวบ สมองกลม ๆ ของเขาทำงานอย่างหนักทันทีเพราะเกิดมา 20 ปีไม่ยักเคยต้องนั่งปลอบคนร้องไห้มาก่อนในชีวิต จะต้องเริ่มจากทำยังไงซีวอนยังนึกภาพไม่ออกเลยสึกนิดจึงได้แต่ยืนท้าวเอวมองคยูฮยอนเป่าปี่ด้วยใบหน้าเครียดขรึม

     

                คิ้วที่ขมวดกันทำให้ร่างสูงดูดุดันมากขึ้นกว่าเดิม... พอคยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาเห็นเลยพาลแหกปากหนักเข้าไปใหญ่...

     

                “ฮึก..ฮืออออ...ไม่เอาแล้ว...ฮืออออออ...ไม่เอานะ....” เด็กนั่นจับผ้าห่มปิดขึ้นมาถึงอกแล้วหดขาหนี พยายามไสตูดถอยหลังไปอย่างยากลำบาก ใบหน้าก็บิดเบ้เพราะปวดสะโพกไปหมด...

     

                “เฮ้อ... มานี่ กูไม่ทำไรมึงหรอกหน่า...”

     

                “ฮืออออ....ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ! ไม่เอา ฮะ..ฮืออออ” ซีวอนตัดใจก้าวเข้าหาคว้าร่างผอมมาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้อีกคนหนีเขาไปไหนได้อีก... จำได้ลาง ๆ ว่าตอนเด็ก สมัยที่เขาหกล้มแล้วเจ็บหัวเข่า ป้าแม่บ้านมักจะกอดเขาเอาไว้แล้วปลอบด้วยการโยกตัวไปมา วิธีนี้มันอาจจะใช้ได้หล่ะมั้ง

     

                แม้ว่าโจวคยูฮยอนจะทำหน้าตาเหมือนใกล้ตายตอนโดนลากเข้ามากอดก็เถอะ - -

     

                “ฮึก...ไม่เอาครับ...ฮืออออ..ไม่เอาแล้ว ฮึก..ฮึก...” แขนแกร่งกอดอีกคนผ่านผ้าห่มเอาไว้แน่น เขาตัดสินใจทิ้งตัวเองลงไปนั่งบนผืนเตียงนุ่มข้างอีกคนที่เขากำลังพยายามกดเข้ามาในอกของตัวเองอยู่ โจวคยูฮยอนดูสงบลงมาจากเมื่อครู่มากทีเดียวตอนที่แขนของเขาออกแรงโยกเยกไปมาพร้อมกับใช้ฝ่ามือลูบขึ้นลงบนแผ่นหลังเปล่า

     

                “ฮึก...ฮึก....” สักพักก็เหลือแต่เสียงสะอื้นฮึกฮักออกมาจากลำคอ เด็กนั่นเอนตัวลงซบกับอกกว้างของเขา ป้ายหน้าที่เปื้อนน้ำมูกน้ำตาลงมากับเสื้อกล้ามสีกรมท่าที่เขาสวมอยู่จนมันแฉะไปหมด (น้ำมูกแม่งเลอะมาถึงไหปลาร้าเขาด้วย แต่เก็บไว้คิดบัญชีทีหลังแล้วกัน) มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างที่ตอนแรกเอาแต่ทุบเอาแต่ผลัก หวังให้เขากระเด็นออกไป ตอนนี้เปลี่ยนมากำยึดกำเสื้อของเขาเอาไว้จนเป็นรอยขยุ้มหยุบหยับเต็มไปหมด

     

                “ฮึก...ฮือ....ฮึก...”

     

                “ไม่ต้องร้องหรอกหน่ะ...” สันจมูกโด่งของเขากดลงที่ขมับชื้นเหงื่อของอีกคนพร้อมกระซิบบอกไอ้เด็กฮยอนซ้ำไปซ้ำมาด้วยประโยคเดิม ๆ เขายกแขนขึ้นคล้องไว้รอบเรือนกายผอมบางของคนที่ซุกอยู่ในอกแล้วจับมันขึ้นมานั่งบนตักกว้างเพื่อจะได้โยกปลอบร่างผอมนั่นได้ถนัดถนี่ขึ้น

     

                “ฮื่อ...ฮึก...” ปลายจมูกแดงยังคงซุกอยู่ตรงอกของเขาไม่ยอมห่าง มือก็กำเสื้อของเขาเอาไว้แน่นเหมือนอยากจะกระชากออกมางั้นแหละ มีเบ้หน้านิดหน่อยตอนโดนจับขึ้นมาไว้บนตักแต่ก็เริ่มผ่อนคลายลงตอนที่เขาลูบหลังโอ๋มันเหมือนเดิม... แล้วแม่งก็น่ารักจนเขาต้องเนียนกดจูบเบา ๆ ลงบนแก้มนุ่มนิ่มนั่นไปเสียครั้งหนึ่ง

     

                ไอ้ห่า.... ไม่ประหลาดใจเลยที่เมื่อคืนจับเด็กนี่ปล้ำได้ลง

                แม่งอ้อยขนาดนี้ใครทนได้กูขอเชิญไปนิพพานเลยเถอะ !

     

                “อาบน้ำไหม....” พอเห็นว่าอีกคนเริ่มสงบลงเขาเลยถือโอกาสถามเสียสักหน่อย จะให้นั่งตัวเหม็นอย่างนี้อยู่ต่อไปก็ใช่เหตุนะ แถมตรงช่วงล่างหน่ะค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มันก็ควรจะเอาออกป่ะหล่ะ

     

                “อือ...”

     

                “อาบเองได้หรือเปล่า” ใบหน้าคมก้มกดลงถามคนที่ยังเอนตัวมาซบอกเขาไม่ยอมปล่อยอย่างกับตัวเองเป็นหมีโคอาล่าแล้วเขาเป็นแม่หมีงั้นหล่ะ มือหนาช้อนใบหน้าอีกคนให้เงยขึ้นมาแล้วปาดคราบน้ำมูกน้ำตาเละเทะเหล่านั้นออกไป พยายามทำให้ใจดีที่สุดด้วยการยิ้มบาง ๆ ส่งไปให้คนที่ช้อนลูกตาฉ่ำขึ้นมามองเขาทั้งที่ยังเกาะเอวอยู่

     

                ถ้าปล้ำแม่งอีกรอบกูจะผิดไหมวะ !

     

                “...” ไอ้เด็กฮยอนไม่ตอบคำถามเขา แต่แม่งเสือกทำหน้างงใส่... คิ้วเรียวของมันขมวดจนผูกเป็นปมแน่นเหมือนกำลังใช้ความคิดตัดสินใจอยู่ว่าควรตอบออกไปยังไงดี

     

                “อาบไม่ไหวเดี๋ยวกูอาบให้”

     

                “...อาบได้ !” มันรีบโพล่งขึ้นมาทันทีหลังจากผมว่าจบแล้วตอนนั้นเองที่เหมือนมันจะเริ่มรู้สึกตัวว่าเกาะผมไม่ยอมปล่อย มือบางคลายออกมาจากเสื้อกล้ามแล้วรีบชักกลับไป ดวงตากลมสุกที่ยังรื่นคราบน้ำตากลอกไปกลอกมาอย่างหาทางออกว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อไปดีแล้วก็ลงเอยด้วยการจับผ้าห่มแนบตัวก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้นยืน

     

                “...อ่ะ...เฮ่ย... เจ็บอ่ะ” เด็กนั่นยู่หน้าแล้วทิ้งตัวลงมาทับหน้าตักของผมที่นั่งท้าวแขนไปด้านหลังแล้วขำกับความคิดอันไม่ประสีประสาอะไรของมัน

     

                “ยังอาบเองได้อยู่ไหมหล่ะ ?”

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                “แปรงฟันซะ...” ซีวอนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อลูกอ่อนไม่มีผิดหลังจากยื่นแปรงสีฟันที่เขาบีบยาใส่ลงไปให้เด็กนั่น ดวงตากลมของคยูฮยอนมองเนื้อข้นขาวของยาสีฟันแล้วเอามือป้ายมันออกนิดนึงก่อนจะส่งมันเข้าไปขัดถูฟันในปากโดยมีเขานั่งมองอยู่จากข้างอ่าง

     

                ไอ้เด็กฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตากลมสุกยังแฝงความหวาดระแวงเอาไว้อย่างปิดไม่มิดในขณะที่มือก็ชักแปรงเข้าออกขัดฟันมันทีละซี่ด้วยท่าทางใจเย็นจนเขาอยากจะช่วยแปรงให้ แต่คงไม่ได้หมายถึงใช้แปรงสีฟันแน่หล่ะ... หึ

     

                ฟองขาวล้นออกมาจากริมฝีปากของมันเรื่อย ๆ แล้วร่วงลงไปบนผิวน้ำในอ่างอาบที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ ผมหลุดขำออกมาเมื่อมันยังคงเงยหน้าขึ้นมามองผมสลับกับมองผิวน้ำเหมือนกลัวว่าผมจะมองเห็นอะไรอะไรของมันที่โดนชั้นฟองสบู่กลบอยู่

     

                สิ่งที่มันไม่รู้คือกูเห็นหมดแล้วหล่ะ... ฮริฮริ *__*

     

                “อ๋ออ้ามม” ใบหน้าหวานพยักเพยิดไปทางอ่างล้างมือหลังจากที่ดึงแปรงออกมา ซึ่งผมก็ใจดีเป็นธุระไปรองน้ำใส่แก้วมาส่งให้มันถึงที่ คยูฮยอนรับแก้วน้ำมาบ้วนปาก ไล่ฟองยาสีฟันออกไปจนหมดจดก่อนจะส่งทั้งแปรงและแก้วคืนมาให้เขาแล้วนั่งหน้ามึนอยู่ในอ่าง

     

                “...”

     

                “ฮยอง..ผ ผม... ผมอาบเองก็ได้...” เสียงหวานเอ่ยอออกมาตะกุกตะกักตอนที่ร่างสูงหันหลังไปล้างแปรงสีฟันอยู่ ซีวอนเอี้ยวตัวกลับไปมองเด็กน้อยที่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วเลิกคิ้วขึ้นเหมือนเป็นการถามซ้ำอีกครั้งว่าแน่ใจนะ ซึ่งคยูฮยอนก็พยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ เขาที่มีความผิดติดตัวอยู่จึงตามใจคนในอ่างด้วยการคว้าฝักบัวลงมาให้

     

                “ถ้าจะลุกก็ตะโกนเรียก กูจะออกไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอน”

     

                “ค ครับ..”

     

                “ระวังลื่นล้ม” คนตัวสูงว่าแล้วดึงม่านพลาสติกปิดให้เรียบร้อย คยูฮยอนมองตามเงาตะครุ่มที่เดินห่างออกไปกระทั่งได้ยินเสียงบานประตูปิดลงจึงพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ริมฝีปากยู่เข้าหากันเมื่อก้มลงมองตามผิวเนื้อที่มีรอยแดงเป็นจ้ำและรอยจิกข่วนอีกนิดหน่อยตามเอวของตัวเอง

     

                “ฮึ่ย... ไปกอดพี่เขาแบบนั้นได้ยังไงวะ คยูฮยอน !” เปิดน้ำฉีดใส่หน้าของตัวเองแล้วบ่นงึมงัมให้เสียงดังเนียนไปกับเสียงน้ำอย่างสับสน... อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่หลืบไหนของโลกดี เมื่อเช้านี่กอดพี่ซีวอนไปเต็ม ๆ ทั้งที่เพิ่มโดนเขากระทำชำเรามา แถมยังเอาขี้หูขี้มูกไปป้ายซะเต็มอกพี่เขาอีก โอ้ยย ! พลาดจะไม่ไหว

     

                “แกทำอะไรลงไปวะคยูฮยอน... ทำอะไรลงปายยยยยยยยยยยยย บรื่ออออออออออออออ ~

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                ชำระร่างกายเสร็จครบทุกกระบวนแล้วคยูฮยอนก็ตะโกนเรียกพี่ซีวอนอย่างที่เจ้าตัวสั่งเอาไว้ด้วยเสียงดังก้อง และไม่ต้องรอนานเสียงฝ่าเท้าตึกตักก็ดังใกล้เข้ามา ตามต่อด้วยการปรากฏกายของร่างสูงที่ริมขอบอ่าง

     

                ซีวอนดึงม่านพลาสติกออกอย่างว่องไวก่อนเอื้อมมือไปให้คนที่เอาผ้าเช็ดตัวห่อกายไว้ลวก ๆ จับและเมื่อคยูฮยอนวางมือเกาะข้อแขนไว้เรียบร้อยแล้วจึงออกแรงรั้งให้ลุกขึ้นยืนได้

     

                “โอ่ย....” เด็กนั่นครางแผ่วเพราะโดนอาการปวดสะโพกเล่นงานเข้าให้ตอนที่ต้องเกร็งขาเพื่อยืนขึ้น คยูฮยอนเบ้หน้าเป็นรอบที่ร้อยของวันก่อนจะรีบเอื้อมคว้าบ่ากว้างเอาไว้เมื่อก้าวลงมาบนพื้นแล้วรู้สึกทรงตัวไม่ได้

     

                “ไปแต่งตัวไป...” หันไปสั่งคนที่ยืนถ่างขาแปลก ๆ หลังจากประคองมาถึงปลายเตียงที่ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว บนนั้นมีมีเสื้อผ้าของคยูฮยอนวางอยู่โดยฝีมือของเขาเอง แขนแกร่งปละออกมาห่างตัวอีกคน ซีวอนตั้งใจว่าจะเดินออกไปทำอะไรกินเสียสักหน่อยแต่ฝ่าเท้าของเขาก็เป็นอันต้องชะงักเมื่อโดนเสียงอ้อมแอ้มเอ่ยรั้งจากด้านหลัง

     

                “ฮยองผม.... ยกขาไม่ไหวอ่ะ”

     

                “...”

     

                “ช่วยแต่งตัวได้ไหมครับ...”

     

                “...” ผมตอบตกลงด้วยการเดินถอยหลังกลับมาหามันแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ขึ้นมาขยี้ผมชุ่มน้ำสีน้ำตาล ก่อนจะซับไปตามตัวของมันที่มีหยาดน้ำเกาะพราวไปทั่ว แสงไฟสีขาวที่สว่างกว่าห้องน้ำทำให้มองเห็นรอยจ้ำสีแดงตามตัวได้ชัดเจนขึ้นจนต้องลอบถอนหายใจออกมา... นี่เขาจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรือเปล่า เข้าใจอารมณ์คนร้ายที่แม่งข่มขืนแล้วขู่เหยื่อเลยหว่ะ

     

                ผ้าเช็ดตัวลากต่ำลงไปจนถึงสะโพกที่มีผ้าอีกผืนพันอยู่ ซีวอนตัดสินใจข้ามเลยมันไปแล้วย่อตัวลงเช็ดที่ขาเรียวซึ่งยื่นถ่างอยู่ตรงหน้าโดยที่คยูฮยอนก็ห้ามไม่ทันเสียด้วย

     

                “ฮยองไม่ต้องก็ได้นะครับ...”

     

                “ชื้น ๆ แล้วใส่เสื้อ เชื้อราแดกหมดสิ”

     

                “.____.” ได้ยินซีวอนว่าอย่างนั้นเขาก็เลยไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงอะไรต่อ ยืนนิ่งให้อีกคนเช็ดตัวโดยดุษฎีเพราะไม่อยากโดนดุอีก

     

                 “เช็ดตูดไปสิ...”

     

                “...”

     

                “...ราขึ้นตูดมาเดี๋ยวกูต้องนั่งทายาให้อีก”

     

                “ค ครับ...” เขากดผ้าเช็ดตัวซับบริเวณสะโพกไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ชเวซีวอนที่ยืดตัวสูงขึ้นมาแล้วนึกโมโหไปมากกว่านี้

     

                ซับเนื้อซับตัวจนมั่นใจว่าแห้งและปลอดเชื้อราแล้วคยูฮยอนก็หันไปคว้ากางเกงในที่วางอยู่ขึ้นมาจะใส่ เขาเงยหน้าขึ้นมองซีวอนเพื่อบอกให้หันหลังไปแต่ร่างสูงกลับเลิกคิ้วใส่แล้วคว้าเอาชั้นในสีขาวตัวนั้นมาถือไว้แล้วย่อลงไปพร้อมกับกางมันให้เสร็จสรรพ... เป็นการเข้าใจผิดที่ร้ายแรงมาก ณ จุดนี้

     

                “ยกขามาสิ...”

     

                “คร ครับ...เหวอ ~” รีบยกขาขึ้นมาเลยลืมสนิทเลยว่าจุดศูนย์ถ่วงของเขามันอยู่ในช่วงไม่มั่นคง ร่างบางเซไปมาเหมือนจะล้มและก็โชคดีมากที่สามารถจับบ่าของคนที่อยู่ต่ำกว่าเอาไว้ได้ทัน ไม่หกคะเมนกตีลังกาให้ผ้าเปิดโปงไปเสียก่อน

     

                “จับไว้ก่อนก็ได้..” เขาเงยหน้าขึ้นบอกเด็กขี้เกรงใจที่รีบชักมืนกลับทันทีหลังจากหย่อนขาเข้าชั้นในมาได้ทั้งสองข้าง คยูฮยอนดังหูของมันขึ้นมาสวมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เบี่ยงสายตาหลบคนที่ย่อตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขา ถึงสายตาจะโหดไปหน่อยแต่ท่านั่งย่อลงแบบนั้นมันทำให้คยูฮยอนอดรู้สึกเขินไม่ได้

     

                “ดึงออกนะ” หลังจากอีกคนสวมชั้นในเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ซีวอนก็ไม่เล็งเห็นถึงความจำเป็นของผ้าเช็ดตัวที่ผูกเอวอยู่อีกต่อไป ร่างสูงดึงมันให้หลุดออกมาจากเอวบางโดยไม่คิดถามความเห็นของโจวคยูฮยอนที่ยืนเหวออยู่ตรงนั้นสักคำ

     

                ไม่ต้องดึงออกก็ได้ ผมไม่ได้อยากจะโฆษณากางเกงในขนาดนั้น T__T

     

                เม็ดน้ำที่เกาะอยู่ตรงต้นขาทำให้ซีวอนต้องคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนขึ้นมาซับมันให้แห้งสนิท จังหวะที่เขาเอื้อมไปหยิบกางเกงจะมาสวมให้มันทำให้เขาได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของคนที่ก้มงุดลงมาแล้วเม้มปากจนเป็นเส้นตรง... แล้วไอ้คนที่ชอบเห็นเด็กเขินอย่างเขา มันก็เสือกหมั่นไส้ไอ้ใบหน้าแดง ๆ นั่นขึ้นมาด้วยสินะ

     

    “หึหึ... เห็นหน้ามึงเวลาเขินแล้วกูอยากหว่ะ...” ซีวอนจรดริมฝีปากลงบนผิวเนื้อเนียนละเอียดที่โคนขาส่งผลให้คยูฮยอนสะดุ้งตัวจนล้มพับไปกับเตียง ร่างสูงลากสันจมูกโด่งของตัวเองสูงขึ้นมาจนถึงสะโพก จับข้อเท้าเรียวสองข้างของคนที่พยายามดีดขาถีบเขาสุดชีวิตเอาไว้ด้วยสองมือของเขาแล้วล็อคไว้กับปลายเตียง ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าตกอกตกใจของเด็กขวัญเสียที่แดงก่ำเป็นลูกตำลึง ซึ่งหลับตาปี๋ทันทีเมื่อเขาเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ชั้นในที่เพิ่งจะสวมเสร็จ

               

                “พ พี่ซีวอน !...อย่า... อย่านะครับ !

     

                “อย่าทำหรืออย่าหยุด...” แสร้างถามเสียงเย็นในขณะที่ดันตัวเองขึ้นมาคร่อมอีกคนเอาไว้ ใต้ตาของคยูฮยอนมีหยาดน้ำตาสีใสรื่นขึ้นมาทันทีที่เห็นใบน้าของเขาอยู่ใกล้เกินควร เด็กนั้นพยายามยกมือขึ้นดันอกของเขาให้ขยับออกห่างด้วยใบหน้าว้าวุ่น

     

                “อย่าทำ... อย่าทำนะครับ !

     

                “...” เม็ดน้ำใสหลุดไหลลงมาที่ขอบตาของคยูฮยอนซึ่งมันเป็นสัญญาณบอกว่าเขาควรจะหยุดแกล้งเด็กน้อยตรงหน้าได้แล้ว ซีวอนละมือเลื่อนขึ้นมาใช้ข้อนิ้วปาดเกลี่ยเม็ดน้ำตาที่กำลังร่วงเผาะลงมาแล้วเปลี่ยนไปกดจูบเบา ๆ ลงบนมุมริมอฝีปากสีแดงที่เพิ่งจะคลายออกมาจากการเม้มแน่น คยูฮยอนจ้องดวงตาของเขาอย่างหวาดกลัวเมื่อสันจมูกโด่งขยับไปกดซ้ำที่ข้างแก้มนุ่มสีแดง

     

     

                “...กูไม่ทำหรอกกูรู้มึงเจ็บ... เอาไว้หายก่อน...”

     

                “...”

     

                “ค่อยเลือกว่าท่าไหนดี”

              *ยิ้มเย็น*

     

         “O [ ] O !!!!

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

               

                “พี่เดินช้าหน่อยสิครับ... ผมเจ็บอ่ะ”

     

                “เออลืม” พี่ซีวอนว่าแล้วหยุดเท้าเพื่อรอผมที่เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างเชื่องช้า เขาเอี้ยวตัวกลับมาหาผมแล้วยื่นมือออกมาให้จับเหมือนเวลาที่พ่อเรียกให้ผมวิ่งไปหาตอนเด็ก ๆ ซึ่งพอเห็นแบบนั้น ด้วยความเคยชินเดิม ผมก็เลยจับหมับเข้าที่ฝ่ามือของพี่เขาเรียบร้อยเลย -.-

     

                “อ่า...”

     

                “เดินไหวไหม ? แล้วทำไมไม่บอกว่าเจ็บวะจะได้ไม่พาออกมา” พี่เขาหันมาถามผมด้วยเสียงติดเหวี่ยงแต่ก็ยอมชะลอเท้าให้ช้าลงเพื่อให้ผมก้าวตามได้ทัน... โหย ! ผมบอกแล้วเถอะว่าเจ็บตูดเจ็บตูด แล้วพี่ฟังไหมหล่ะ ลุกมาได้ก็ลากผมถูลู่ถูกังขึ้นรถเมล์มาเลยเถอะ -3-

     

                แต่ผมไม่ได้ตอบคำถามพี่เขาไปแบบนั้นหรอก เพราะรู้ว่าต้องโดนหาว่าเถียงแน่เลยเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นฟุตบาทข้างหน้าแล้วจดจ่อกับการเดินให้เหมือนคนปกติมากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำในตอนนี้แหงหล่ะ ท่าเดินตอนนี้แซ่บจะไม่หยอกเลย คือมันรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ตรงหว่างขาตลอดเวลา พอจะหุบเข้ามาก็แสบอีก ทรมานมากจะไม่ทน มีทางแก้เดียวก็คือต้องเดินถ่างขาอ่ะครับ T___T

     

                “กูว่ามึงขี่หลังกูดีกว่า... เดินเหมือนคนขาโก่งชะมัด เห็นแล้วทุเรศลูกตา” อยู่ดี ๆ พี่ซีวอนก็เกิดอารมณ์ติสท์ หยุดก้าวเท้าแล้วหันกลับมาก้มมองผมพร้อมขมวดคิ้วด้วยขัดใจกับท่ายืนทุเรศลูกตา (อันนี้ผมยอมรับ) ผมตั้งท่าจะปฏิเสธพี่เขาแต่มันก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อพี่ซีวอนหันหลังกว้างมาให้แล้วย่อตัวลงกับพื้นฟุตบาท

     

                “ขึ้นมา”

     

                “ผมตัวหนักนะครับ...”

     

                “เหอะหน่า...”

     

                “งั้น... ขอโทษนะครับ” ผมรู้ดีว่าถ้าหากขัดพี่เขาอีกสักครั้งคงต้องโดนหันมามองด้วยลูกตาอำมหิตแน่ ๆ ทางที่ดี ทำตามคำสั่ง ไหลตามน้ำไปก่อนนั่นแหละดีที่สุด คยูฮยอนเลยขยับตัวเข้าไปใกล้ เอาแขนทั้งสองข้างคล้องรอบคออีกคนก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงไปกับแผ่นหลังกว้างขวางนั่น

     

                “ฮึ้บ !” พี่ซีวอนออกแรงยกผมขึ้นมาจากพื้นก่อนจะเดินเอื่อยไปตามทางฟุตบาทเพื่อตรงไปยังตึกคณะ จากที่จับใจความได้เหมือนว่าพวกพี่ซีวอนกับเพื่อน ๆ ต้องมาคุยกับเรื่องโปรเจ็คต์ที่ยังไม่ถึงไหนกันต่อ รวมทั้งเรื่องเพลงที่พี่ซีวอนต้องแต่งด้วยเช่นกัน

     

                อ่าจริงสิ... ฮงกินยังไม้ตอบกลับเรื่องที่เขาลองขอไปเลยนี่นา แล้วเขาก็ยังไม่ได้บอกพี่ซีวอนด้วย..

                ควรบอกเลยหรือเปล่านะ...

     

                “อ้าวววววว ! น้องคยูคนสวยไปโดนอะไรมาครับนั่น....”

     

                “เอ่อ....”

     

                “เจ็บมากหรือเปล่าครับเนี่ยน้องคยู... พี่เห็นแล้วปวดใจแทนจริง ๆ” แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่ยูชอนซึ่งวันนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ อุจาดตา เหมือนเดิมด้วยการใส่กางเกงเลสีส้มแปร๋นตัดกับเสื้อสีฟ้าน้ำทะเลที่ไม่ได้มีความเข้ากันเลยแม้แต่น้อย

     

                บางทีผมก็นึกสงสัยว่าคนที่บ้านพี่ยูชอนเขาไม่เตือนกันก่อนออกจากบ้านหรือไงนะ....

     

                “เดี๋ยวมึงจะได้เจ็บร้าวไปทั้งตัว หลบ !” ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามพี่ยูชอนสักข้อ คนที่แบกผมมาก็หันไปทำหน้าเหี้ยมใส่เจ้าของกางเกงเลสีส้มแล้วพาผมไปหย่อนลงบนเก้าอี้ไม้เรียบร้อย

     

                “นั่งได้หรือเปล่า”

     

                “ได้ครับ”

     

                “ไม่เจ็บนะ ?”

     

                “ครับ ไม่เจ็บ”

     

                “เออดี...” พี่ซีวอนถามผมด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนต้องการให้รู้กันแค่สองคนแล้วค่อยทิ้งตัวลงนั่งบ้าง สามนาทีให้หลังพี่ ๆ ที่เหลือก็เอาหัวมาสุมเป็นวงกันเหมือนอย่างเคย

     

                “เมื่อวานพวกมึงกลับกันตอนไหนวะ ทำไมกูตื่นมาไม่เจอ”

     

                “เจ็ดแปดโมง เห็นมึงยังไม่ตื่นเลยไม่ปลุก” แทคยอนให้คำตอบเรียบ ๆ เหมือนว่าไม่มีอะไรซึ่งมันถือเป็นเรื่องดีมาก เพราะซีวอนก็ไม่ได้หวังให้มันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังบานประตูเมื่อคืนนั้นหรอกนะ

     

                “เออ... แล้วเรียกมาทำไม ?”

     

                “สองที่ที่กูไปเสนอแม่งไม่รับงานเราเลยหว่ะ... แม่งบอกว่าไม่ใช่แนวทั้งคู่ กูพูดแล้วนะเว้ยว่าเปลี่ยนแนวได้แต่แม่งเหมือนไม่มั่นใจ ทำตาขวางใส่กูอีกสัด !” ยูชอนในโหมดเป็นการเป็นงานแชร์เรื่องที่ตัวเองไปประสบพบเจอมาเมื่อวานหลังจากสร่างเมา เละเอียดจนเห็ยภาพประหนึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นมันตรงหน้าและเพื่อนทุกคนก็จดจ่อตั้งใจฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

     

                คยูฮยอนปล่อยให้พวกพี่ ๆ คุยกันไปเรื่อย เขาแยกตัวเองออกมาจากโลกตรงนั้นด้วยการนั่งเล่นไลน์คุยกับฮงกิเพื่อถามถึงความคืบหน้าของเรื่องที่เขาถามไปเมื่อวันสองวันก่อน ซึ่งก็ได้คำตอบมาค่อนข้างน่าประทับใจมากหล่ะ

     

    Hongki : กูลืมหว่ะ !
                555555555555555555555555555555

               

    Me : -___________-
    เจริญเลย....

    Hongki : เออ รอแป้บ เดี๋ยวถามพ่อให้

    Me : เออ...

     

                ระหว่างรอเลยลองเงยหน้าขึ้นมาดูสภาพแต่ละคนที่นั่งรุมล้อมเขาอยู่แล้วก็ออกจะตกใจนิดหน่อยที่เห็นว่าทุกคนดูมีสีหน้าเคร่งเครียดกันจนมันแผ่ไอออกมาให้เขาสัมผัสได้ ยิ่งพอหันไปเจอหน้าพี่ซีวอนที่นั่งอยู่ข้างกัน

     

                คิ้วขมวด ตาดุ เม้มปาก ถอนหายใจ

                ไม่โอเคอย่างถึงที่สุดเลยหล่ะ...

     

                ตื้อตึ่ง ! .....

     

                “อ่ะ.... ข ขอโทษครับ...” เพราะเผลอกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ไป เสียงประกอบโปรแกรมแชทของเขาเลยดังฝ่าความเงียบขึ้นมา ดวงตา 5 คู่ 10 ข้างหันมามองทางเขาเป็นตาเดียวจนคยูฮยอนรู้สึกเหมือนตัวหดลีบลงไปเหลือสองเซนติเมตร นิ้วเรียวรีบสไลด์หน้าจอเพื่อดูผลตอบกลับจากเพื่อนของตัวเองทันที

     

    Hongki : ยินดีด้วยหว่ะเพื่อน...
                พ่อบอกให้ลองเข้ามาหาที่ออฟฟิศก่อน

               

    Me : ห๊ะ ?!
    สรุปคือได้หรือไม่ได้วะ ?

    Hongki : ได้ ๆ แต่ต้องเข้ามาที่ออฟฟิศก่อน
                พ่อบอกอยากให้มาเล่นให้ดู

    Me : เฮ้ยยยยยยยยย !
    จริงดิ !
    ไม่ได้ล้อเล่นนะ ?!

    Hongki : เออออออออ ! มึงลองถามพี่ซีวอนของมึงดิ๊
                ว่าจะเข้ามาวันไหน พ่อจะได้เตรียมห้องไว้

    Me : โอเคคคคคคค !
    แต้งค์มาก !

     

                “พี่ครับบบบบบ !” เสียงหวานแหวดทะลุความเงียบกลางวงขึ้นมา ทุกสายตาหันกลับมาจับจ้องที่คยูฮยอนอีกครั้งด้วยแววตาเต็มไปด้วยคำถาม

     

                “อะไรครับน้องคยู... จะบอกรักพี่เหรอครับ....โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ! ตีนกูแยกแล้วเชี่ยว๊อนนนนนนนนนนนนนนนนน !” แน่นอนว่าไม่มีใครหรอกนอกจากปาร์คยูชอนที่ยังคงยึดหลักม่อเด็กได้ไม่จำกัดเวลา -___-

     

                “คือ...ผมลองถามเพื่อนผมที่บ้านเขาเป็นค่ายเพลงให้หน่ะครับ.... ว่าจะพอรับงานของพวกพี่ได้ไหม แล้วพ่อเพื่อนเขาบอกแล้วว่าให้พวกพี่เข้าไปลองเล่นให้เขาฟังดูก่อนอ่ะครับ”

     

                “ห๊า !! ค่ายเพลง ?!

     

                “ครับ... ที่ชื่อว่า เดอะตุ๊กส์มิวสิค...”

     

                “เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ! อินดี้จะไม่ไหว กูรู้จัก !!” พี่จงฮุนลุกพรวดขึ้นมาทันทีที่ผมบอกชื่อค่ายเพลงไป ทุกคนหันกลับมามองที่ผมอีกครั้งด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง

     

                “เขาถามว่าพี่จะสะดวกเข้าไปวันไหนอ่ะครับ”

     

                “วันไหนดีวะ....”

                “กูว่าเราควรซ้อมกันก่อนนะเว้ย”

                “เออจริง...”

                “แต่ให้เขารอนานก็ไม่ดีนะ”

                “เออ งั้นซ้อมก่อนวันนึงไหมหล่ะ ?”

                “วันอังคารดีป่ะ ?”

                “เออ วันอังคาร เหมาะสุด เจ๋งสุด !

                “เออดี กูสัมผัสได้ถึงญาณดีในวันอังคาร... เชื่อแทคเถอะแทคสัมผัสได้....”

     

                “วันอังคารครับ !

     

                “ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกเพื่อนให้” คยูฮยอนรัวนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ข้อความส่งกลับไปท่ามกลางความลุ้นระทึกของรุ่นพี่แต่ละคนที่นั่งรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อ แล้วเมื่อฮงกิพิมพ์ตอบกลับมาว่าตกลง พี่ทุกคนก็ร้องเฮพร้อมกัน ไม่เว้นแม้แต่พี่คริสที่เห็นนั่งเงียบมาตลอดวงยังทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นมารำวง  - -

     

    แต่ที่กินใจสุดเห็นจะเป็นพี่ซีวอนที่ยิ้มกว้างออกมาได้เนี่ยแหละ
    คือเวลาพี่เขายิ้มแล้ว..... หล่อมากอ่ะ
    .///////////.

     

                “น้องคยูนี่เป็นนางฟ้าของพวกพี่จริง ๆ เลยนะครับเนี่ย” พี่แทคยอนว่าแล้วหันมาส่งยิ้มเหยินให้กับผม.... ตอนนั้นแหละครับที่พี่ซีวอนหุบยิ้มลงแล้วเปลี่ยนมาทำหน้าขรึมก่อนจะกัดฟันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงชวนเสียวสันหลัง

     

                “มึงอยากเจอซาตานไหมแทค...”

     

                “อุ่ย................”

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                ผมลงมาจากรถเมล์ในสภาพไม่ต่างอะไรจากทหารสมัยสงครามโลก แข้งขาง่อยเปลี้ยใกล้เป็นอัมพาตเพราะยืนนานเกินไป บวกกับอาการปวดสะโพกที่แม้จะหายไปเยอะแล้วแต่ก็ยังตกค้างอยู่เวลาที่ต้องยืนนาน ๆ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นทำให้ท่าเดินของผมมันยิ่งน่าเกลียดเข้าไปหนักกว่าเดิม

     

                “โอยยย... คนเยอะมากเลยเนอะครับ” หันไปพูดกับคนที่สมบูรณ์ทุกประการ แตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง พี่ซีวอนหันหน้ามามองผมที่เดินขาถ่างอย่างเชื่องช้าขนาบข้างมา ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับคว้าข้อมือเล็กของอีกคนเอาไว้เพื่อสั่งให้คยูฮยอนหยุดฝ่าเท้าของตัวเอง

     

                ชเวซีวอนคิดว่าการเดินอย่างเก้กังด้วยท่าทางแบบนั้นรังแต่จะทำให้คยูฮยอนเจ็บหนักไปมากกว่าเดิม หนำซ้ำยังนึกอายสายตาของคนที่เดินสวนไปสวนมาอีกด้วย เขาจึงหันหลังแล้วย่อตัวลงคุกเข่าหน้าร่างผอมนั่นเหมือนที่ตัวเองทำเมื่อตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย

     

                “พ พี่ซีวอน !!

     

                “ขึ้นมาเร็ว ๆ ดิวะ”

     

                “อ่ะ..เอ่อ...” คยูฮยอนที่ปฏิเสธอะไรไม่ได้ย่อตัวลงคล้องแขนไว้รอบคอร่างสูงแล้วปล่อยให้อีกคนยกเขาขึ้นไปพยุงไว้บนหลังโดยไม่ขัดขืนอะไร

               

                เด็กมัธยมปลายผู้ซึ่งอยู่ในช่วงสับสนในชีวิตวางปลายคางของตัวเองลงบนบ่ากว้างของอีกคนแก้เมื่อย แอบเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าคมคายที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดูดีมากมายเหลือเกินจนทำให้เขาหน้าแดงขึ้น ตอนที่ซีวอนกลอกดวงตาคมมาเหลือบมองเขา... เสียงหัวใจเต้นรัวหนักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายดังมากับสายลมเอื่อย

     

                “หนักหรือเปล่าครับ... ผมเดินเองก็ได้นะ”

     

                “ไม่หนัก...” เสียงทุ้มห้าวห้วนตอบกลับมา ปิดบทสนทนาทั้งหมดลงไปในทันที คยูฮยอนพยักหน้าหงึกหงัก ควานหาเรื่องในสมองด้วยคิดว่าจะชวนอีกคนคุยแต่หัวของเขามันก็ตื้อไปหมด ยิ่งตอนที่ซีวอนเดาะเขาขึ้นมาเพื่อกระชับให้แน่นขึ้นมือก็เผลอไปคว้าลำคอของอีกคนแล้วเกาะเสียแน่นเพราะกลัวตกลงมา จนปลายจมูกโด่งรั้นเผลอกดเข้าที่หลังลำคอของอีกคนที่มีรอยสักพาดอยู่

     

                “...”

     

                “...” ไม่มีบทสนทนาใดถูกยกขึ้นมาอีก ได้ยินแค่เสียงลมกับเสียงรถยนต์ที่วิ่งไปวิ่งมา คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองอาคารสูงอันเป็นที่พักชั่วคราวของเขาซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าที่อยู่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

     

                “ขอบคุณ... เรื่องเพลง...” พี่ซีวอนพูดฝ่าความเงียบขึ้นมา มันทำให้ผมได้ยินคำพูดพวกนั้นเต็มสองหู ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินคำประเภทนี้หลุดออกมาจากปากพี่เขาซะแล้ว...

     

                “ครับ ?”

     

                “ขอบคุณที่ช่วยเป็นธุระให้... แล้วก็ขอโทษที... ที่ทำมึงเจ็บตูด...” เขาพูดด้วยเสียงฟังชัดที่เย็นลงกว่าทุกครั้งเพราะต้องการให้คยูฮยอนได้ยินจริง ๆ ใบหน้าหวานขยับพยักขึ้นลงเป็นอันว่ารับรู้ก่อนที่เจ้าของแขนเล็กจะคล้องลำคอแกร่งเอาไว้แน่นขึ้นแล้วขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เพื่อพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหู

     

                “ไม่เป็นไรครับ... เอ่อ...ขอบคุณเหมือนกันนะครับ ที่ให้ขี่หลัง”

     

                “หึหึ...” ซีวอนหัวเราะในลำคอให้กับท่าทางเด็ก ๆ ของคนที่เกาะอยู่บนแผ่นหลังก่อนจะตะแคงหน้าไปหอมแก้มนุ่มนิ่มเข้าสียหนึ่งที... เดาได้เลยว่าเดี๋ยวไอ้เด็กฮยอนมันคงหน้าแดงแล้วหาที่ซุกหน้าร้อนฉ่าของมันแน่

     

                นั่นไง... ซุกมาบนบ่าเขาจนได้... หึ

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ไอ้เด็กฮยอนมันอ้อยไม่หยอกจริง ๆ นะ อยากจะหยิกสักสักสองสามที.... ฮริฮริ

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×