คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER FOUR
Under the monument is empty
EXO
/ Kai x Sehun / PG17 / spoil
note : ไม่ได้ต้องการเสียดสีหรือพยากรณ์
IV
พวกผู้ปกครองมีคำสั่งปล่อยโดรนแสกนค้นหาไปทั่วเมือง
จงอินได้รับคำสั่งในช่วงเช้าของวันให้เข้าไปเช็คสภาพพร้อมใช้งานของโดรนเหล่านั้นร่วมกับปาร์คชานยอล
เพื่อนร่วมงานคนสนิท
มันจึงเป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่ทั้งสองได้ใช้เวลากันตามลำพังภายในโกดังลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่แวดล้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยชั้นยอด
“ต้องตรวจสอบคำสั่งไหม?”
“ไม่เห็นมีหมายบอกนะ” ชานยอลตอบหลังจากที่เขาพยายามละเลียดหาช่องทางในการเจาะเข้าไปดูคำสั่งว่ามันมีที่ไปที่มาอย่างไร
อย่างน้อยก็อยากรู้ว่าการค้นหาเซฮุนคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เพราะโดรนพวกนี้จะถูกฝังข้อมูลมากที่สุดเท่าที่ฝ่ายรัฐบาลรู้เอาไว้
แน่นอนว่าเป็นประโยชน์ต่อการค้นหา
แต่ในอีกแง่หนึ่งมันเป็นเสมือนเม็มโมรี่การ์ดที่ถูกสำรองเอาไว้พร้อมรับมือหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
“แล้วแบบนี้จะมั่นใจได้ยังไงวะ?”
“นั่นสิ... แต่เขาไม่ได้สั่ง ก็คงไม่ต้องทำมั้ง”
เพื่อนสนิทยังคงตอบกลับมาด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรซึ่งมันก็เป็นเอกลักษณ์ของชานยอลอยู่แล้ว
หมอนี่ไม่เคยคิดมากกับเรื่องอะไรทั้งสิ้นจึงมักโดนเพื่อนร่วมงานคนอื่นแซะว่าเพราะอย่างนี้ถึงได้เป็นแค่ช่างซ่อมโดรน
แต่แน่นอนล่ะ เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดมากอะไรกับคำพูดพวกนั้นอยู่ดี
จงอินยักไหล่ให้กับคำตอบแล้วปลีกตัวเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อนเข้าใช้คอมพิวเตอร์
ร่างโปรงลังเลใจว่าควรจะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลหรือไม่
การเข้ารหัสของเขาจะถือเป็นเรื่องนอกขอบเขตหรือเปล่าแล้วถ้าหากจับได้เขาจะอ้างกับฝ่ายสอบสวนว่าอย่างไร
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มได้เลือกกดนิ้วเข้ารหัสของตัวเองลงไปเรียบร้อย
ตัวอักษรขนาดเล็กจิ๋ววิ่งไล่ไปบนหน้าจอ คล้ายกับกำลังแสกนหาอะไรสักอย่าง
ดวงตาคู่คมกวาดมองพวกมันอย่างรวดเร็วเพื่อหวังจับความผิดปกติ
กระทั่งระบบหยุดการทำงานเมื่อเข้ามาถึงหน้าสุดท้ายของการป้อนคำสั่ง จงอินเคาะนิ้วลงใส่รหัส
เขาหวังว่าตำแหน่งหัวหน้าช่างซ่อมโดรนของตัวเองจะสูงพอในการดูโค้ดลับที่ถูกบรรจุลงมา
เป้าหมาย : กล่องเหล็กขนาดใหญ่ประทับตรากระทรวงวิทยาศาสตร์
วัตถุมีเครื่องติดตามยังไม่ได้เปิดใช้งาน
วิธีการ : แสกนหาแร่ Titanium 0.08% พร้อมตรวจจับเนื้อเยื่อ
เอกลักษณ์ : แผลเป็นเส้นโค้งยาว 3 ซ.ม. บริเวณกกหูด้านซ้าย
เขาเลื่อนนิ้วลากเข้าไปดูในส่วนของไฟล์โฮโลแกรมสร้างภาพจำลอง
โล่งอกไม่น้อยพบว่ายังไม่มีข้อมูลบรรจุเข้ามา คาดการณ์ได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าโอเซฮุนหน้าตาเป็นเช่นไร
มีเพียงรายละเอียดปลีกย่อยที่ระบุไว้ตามแบบข้อมูลที่อยู่ในแผ่นกระดาษส่งตัวเท่านั้น
ทว่าเมื่อเหลือบสายตาไปยังเบื้องล่างตัวอักษรที่ิวิ่งอยู่เบื้องล่างก็ทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้ว
“เฮ้ๆ มีคำสั่งใส่รูปพรรณวันพรุ่งนี้บ่ายว่ะ”
เสียงตะโกนของชานยอลฟังดูเบาไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ประมวลผลอยู่ในสมอง
สายตาเอาแต่จับจ้องตัวเลขนับถอยหลัง 33 ชั่วโมงด้านล่าง มันกำลังวิ่งรอข้อมูลรูปประพรรณซึ่งหลังจากนั้นจะถูกจำลองออกมาเป็นภาพโฮโลแกรมเสมือนจริง
โดนรนจำนวนห้าสิบนายจะรู้จักโอเซฮุนเหมือนกับที่เขาเห็นด้วยตาเปล่าในอีก 33
ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น
ไม่มีทาง... โอเซฮุนไม่มีทางรอดแน่นอน
- - - - -
“คุณหาเขาไม่เจอหรอก” น้ำเสียงแผ่วเบาทว่าหนักแน่นเอ่ยลอดซี่กรงออกมาโดยที่คนด้านนอกไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมองเห็นใบหน้านั้นด้วยซ้ำ
“...”
“ในโลกที่พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้กำหนดชะตากรรม พวกคุณเองก็ถูกกำหนดมาก่อนให้เชื่อเช่นนั้น”
“อย่ามาเล่นลิ้นศาสตราจารย์จาง! ผมถามคุณแค่ไอ้กบฎนั่นเป็นใคร
หน้าที่ของคุณคือตอบคำถาม!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวพร้อมแรงปะทะกับขอบซี่กรงก้อนไปทั่วยอดโดมสูง
แสงสว่างเดียวจากไฟฉายของนายทวารไม่ได้ช่วยให้คู่สนทนามองเห็นกันมากขึ้นในเมื่อหนึ่งในนั้นยังคงหันหน้าเข้ากำแพงดังเช่นที่ทำมาตลอดหลายปีในห้องแคบอับชื้นแห่งนี้
“คุณก็รู้ดีว่าทำไมตัวเองยังมีชีวิตอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งของลูกศิษย์คุณ ป่านนี้คุณคงนอนตายอยู่ที่โลกล่าง”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอ... ผมอยากตายที่บ้านเกิดนะความจริง”
“เราจะไม่นอกประเด็นกันไปมากกว่านี้แล้วศาสตราจารย์...” ซุ่มเสียงนั้นฟังดูเหลืออด
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อี้ชิงสะทกสะท้านเขารู้ดีว่าคนพวกนี้ไม่มีทางฆ่าเขาตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้ข้อมูลในสมอง
ข้อมูลที่เขาไม่คิดจะฝากไว้กับโดรนตัวไหนเพราะมันเป็นความทรงจำแบบภาพเคลื่อนไหว
ไม่ใช่กระจุกดาต้าแบบที่โลกแห่งนี้เป็น “บอกรายละเอียดเกี่ยวกับโอเซฮุนที่คุณรู้มาเดี๋ยวนี้!”
อี้ชิงเสใบหน้าไปยังด้านหลัง
มองเงามืดของชายหนุ่มที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยโทสะมากกว่าความอยากรู้อยากเห็น เขาเหยียดยิ้มมุมปากเบียดรอยบากจากการต่อสู้ให้โค้งงอเมื่อต้องกับแสงไฟฉายที่ส่องตรงมา
ดวงตาเรียวปิดลงเพราะไม่อาจสู้แสงสว่างนั้นก่อนจะหันหน้ากลับไปมองยังกำแพงเบื้องหน้า
“ผมก็บอกสิ่งที่ผมรู้มาตลอด”
“...”
“โอเซฮุนไม่ใช่กบฎ เขาแค่เดินตามกฎของธรรมชาติที่พวกคุณโละทิ้งไปแล้ว”
เสียงเหล็กปะทะก้องดังสนั่นไปทั่ว
อี้ชิงได้ยินอีกฝ่ายกัดกรามขบฟันแน่นก่อนจะกระชากตัวเองออกไปจากห้องขังลืม
พร้อมกับสบถงึมงัมเป็นภาษาหยาบคายออกมา และนั่นมันก็ทำให้เขาอดเยาะเย้ยไม่ได้
ทุกคนล้วนมาจากโลกล่างกันทั้งนั้น เราล้วนเป็นสัตว์ที่ต่ำต้อยมาแต่กำเนิด
ไม่ตัวเราก็บรรพบุรุษของเรา เลือดเนื้อเชื้อไขของเรา
ทว่ายิ่งนานวันเข้าเราก็เย่อหยิ่ง
แบ่งแยกเดรัจฉานจากตัวเองและเยินยอว่าตนเป็นสัตว์ประเสริฐ
มันจึงเป็นเหตุผลที่ตำราของดาร์วินชี่กลายเป็นหนังสือต้องห้าม
ทุกคนที่นี่รับไม่ได้ว่าสายเลือดที่ไหลวนในร่างกายของพวกเราวิวัฒนาการมาจากลิง
พวกพูดไม่เป็นภาษาและไล่เที่ยวฟาดตีสร้างความวุ่นวายไปเรื่อย
วรรณกรรมหลายเรื่องนำเสนอภาพของพวกมันเทียบเคียงไปกับความหายนะซึ่งเขามองไม่ออกเลยว่ามันต่างอะไรจากมนุษย์ตรงไหน
ทุกคนเอาแต่บอกว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐ
หลงลืมไปหมดแล้วว่าเราต่างก็มาจากโลกล่างทั้งสิ้น
คล้อยหลังเสียงฝีเท้านับสิบที่หายไปกับความมืด
มีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสเป็นเจ้าของเงาตะคุ่มที่พาดคล้องไปกับลูกกรง
คริสย่อตัวลงในระดับเดียวกับอาจารย์ของเขาแล้วถอนหายใจออกมา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นหมายเอื้อมสัมผัสใบหน้าของคนที่อยู่ด้านหลังซี่เหล็กที่อยู่ไกลเกินเอื้อมคว้า ทว่าอีกฝ่ายกลับถดกายหนี ซุกเบียดเข้าสู่มุมมืดของห้องขังอีกครั้ง
“เราอย่าทำร้ายตัวเองเลย" คริสทิ้งกายลงกับพื้นเย็นเฉียบ
ทอดมองใบหน้าที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหม่แล้วถอนหายใจออกมา "บอกเขาไปเถอะนะ ถ้ารู้อะไรก็พูดออกไปเถอะ...”
“...”
“วันนึงตำแหน่งของพี่มันอาจจะไม่พอคุ้มกันเราไว้ได้อีก"
“ผมก็ไม่เคยขอให้พี่มาคุ้มครองผมนี่ครับ"
“...อี้ชิง"
“อีกอย่าง โอเซฮุนไม่ได้เป็นกบฏ เขาแค่เดินตามกฎธรรมชาติที่มันควรจะเป็น...”
เสียงสูดลมหายใจของอี้ชิงฟังดูเจ็บปวดได้พอๆกับสายตาที่ทอดมองออกมาผ่านซี่ลูกกรง
ดวงตาคู่เรียวอันแสนบอบช้ำที่จงใจจ้องมองลูกศิษย์อายุมากของตัวเองในชุดกาวน์ขาวสะอาด
มีดาวประดับเหนือบ่ากว้าง ระบุตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงวิทยาศาสตร์และการทดลองที่มันทำให้เขาเจ็บแปล๊บในอกทุกครั้งที่เห็นแสงสีทองสะท้อนเข้ามาในดวงตา
เขานึกตัดพ้อว่าตัวเองไม่เคยเป็นอะไรที่ดีเลยสำหรับคริส
ในฐานะคนรักเขาไม่เคยทำให้มันดูดีเลยสักครั้ง หรือแม้กระทั่งในฐานะอาจารย์
เขาล้มเหลวกับการสอนศิษย์คนนี้ให้ได้ตามแนวทางที่ควรจะเป็น
“ในขณะที่พี่
เอาความรู้ทั้งหมดไปรับใช้ไอ้พวกคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าตัวเอง"
x x x x x
จงอินไม่รู้ว่าเขามีเวลามากแค่ไหนสำหรับการกระทำบ้าบิ่นที่ผุดขึ้นในหัวและเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะพอมีเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จไหม
แต่หลังจากขบคิดอยู่นานจนทำงานผิดพลาดไปสองเคสเขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอะไรให้ตัดสินใจใดๆทั้งนั้น
ทันทีที่ยานลงจอดลงบนแท่น เขาปรี่วิ่งเข้าไปยังบานประตูกระจก
เซฮุนในชุดลำลองแสนสบายกำลังเก็บกวาดข้าวของและเตรียมมื้อเย็น
ใบหน้าได้รูปนั่นดูประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเจ้าของบ้านกลับมาก่อนเวลางานแต่ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม
จงอินก็ก้าวตึงตังขึ้นไปที่ชั้นสองด้วยท่าทางรีบเร่ง
“ขึ้นมาหน่อยสิเซฮุน!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกก่อนจะถามมาด้วยเสียงปึงปังคล้ายมีข้าวของร่วงหล่น
เหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดภายในเวลาที่เร็วเกินกว่าจะประมาณหรือคำนวน
เสื้อผ้าจำนวนหนึ่งถูกยัดใส่กล่องพร้อมกับอาหารสำเร็จรูปจำนวนหนึ่งลัง
จงอินวางมันไปกลางห้องซึ่งเป็นพื้นที่วงกลมแล้วฉายลำแสงเพื่อโหลดของเหล่านั้นไปที่ท้ายโดรนขับมือ
“นี่มะ--"
“คิดว่าอยากได้อะไรอีกมั้ย?”
“เอ่อ...” ร่างบางมีท่าทีอ้ำอึ้ง
เขามีคำถามมากมายแต่ดูจากสถานการณ์แล้วจงอินคงไม่สามารถตอบมันได้ตอนนี้
"คิดว่าไม่นะครับ" ดวงตาเรียวกลอกมองไปโดยรอบ
พยายามใช้ความคิดเท่าที่คำถามครอบคลุมเท่านั้น
“ดีงั้นเรา...”
“โอ๊ะ จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมอยากได้หนังสือ...” ประโยคสุภาพยังเอ่ยไม่ทันจบ
ปืนลำแสงในมือของชายหนุ่มก็ฉายตรงไปยังชั้นวางหนังสือ
ดูดปึกกระดาษกว่าครึ่งหนึ่งในตู้ให้หายไปในพริบตา
“มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
“ไม่แล้วครับ" ผู้มาเยือนเริ่มเข้าใจได้ว่าสถานการณ์อาจไม่ดีพอจะใช้คำพูดโต้ตอบอย่างสุภาพ
ประโยคนั้นจึงถูกขานรับไปด้วยใจความกระชับ มนุษย์แห่งโลกบนพยักหน้า
เอื้อมแขนเข้ามาคว้าข้อมือบางไว้ก่อนจะพาวิ่งลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
ท่าทางลุกลี้ลุกลนของจงอินทำให้เซฮุนรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
กระนั้นเขาก็ทำได้เพียงแค่วิ่งทำตามคำบอกของอีกฝ่ายไปจนสุดท้ายก็ลากร่างเข้ามานั่งอยู่ในโดรนขับ
ช่าซ่อมโดรนหันกลับมากำชับให้เขารัดเข็มขัดให้เรียบร้อยแล้วตรวจสอบมันด้วยสายตาของตัวเองอย่างถี่ถ้วนก่อนที่ยานกระปุกทรงกลมจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วชนิดที่เซฮุนไม่คิดว่ามันสามารถทำได้
คนจากโลกล่างกลั้นหายใจอยู่หลายอึก
เขาสวดมนต์ภาวนาขอให้ตัวเองปลอดภัยและไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งที่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดนักว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความคิดหนึ่งโผล่เข้ามาในหัว ขอร้องให้จงอินไม่จับพาเขาไปส่งให้กับคนพวกนั้น
แต่มันก็หายไปโดยพลันราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อนในสมองเมื่อยานเข้าสู่ความเร็วคงที่ซึ่งถนอมไส้และพุงเขามากกว่าเดิม
“นายอาจจะตกใจแต่ฉันอธิบายอะไรละเอียดมากไม่ได้
เพราะเราจะถึงปลายทางภายในสิบนาที" จงอินตะแคงหน้ากลับมามองผู้โดยสารที่ยังคงเกร็งแข็งและเอาแต่จับยึดพนักวางแขนไว้แน่น
"ที่ๆจะพาไปมันเรียกว่าที่กบดาน ไม่มีใครรู้จัก
มันเป็นที่ๆผมพบเข้าโดยบังเอิญและมันยังอยู่นอกสำรวจของพวกผู้ปกครอง
แต่ทางทีดีคุณไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้ออย่างเช่นจุดไฟหรือสร้างควัน"
“ครับ"
“เมื่อตะกี้นี้มีคำสั่งค้นหานาย ดูเหมือนคนพวกนั้นมีรายละเอียดของนายอยู่ด้วย...
ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองพลาดประเด็นอะไรไปหรือเปล่าแต่ช่างมันก่อน
เพราะอีกสามสิบสามชั่วโมงข้างหน้าคนที่นี่จะรู้จักนายเหมือนที่พวกเขารู้จักผู้ให้ความบันเทิง...”
“...”
“เซฮุน
ฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือเปล่าแต่ฉันคิดออกแค่นี้จริงๆตอนนี้"
ใบหน้าคมคร้ามที่เต็มไปด้วยความสับสนก้มลงแนบกับกระจกโดรน
จงอินขยี้หัวของตัวเองยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง
คงไม่ต่างอะไรไปจากสติของเจ้าตัวที่ไม่อยู่ในระบบระเบียบอีกต่อไปแล้วในเวลานี้
“ไม่เลย... ไม่เลยจงอิน คุณทำดีที่สุดแล้วจริงๆ ผมขอบคุณคุณมาก
ที่คุณช่วยผมมันมากเกินไปแล้ว และ... พระเจ้า!
ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรอดมาถึงวันนี้ด้วยซ้ำ" เซฮุนเลื่อนมือไปกุมมือของอีกฝ่ายมาถือเอาไว้แล้วกำแน่นเขาเลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่
“ฉันพยายามแล้วเซฮุน พยายามที่สุดแล้ว"
“แค่นี้ก็พอแล้วครับ" มือหนาถูกยกขึ้นมาแตะแนบกับริมฝีปากบางเฉียบ
เซฮุนก้มลงแนบหน้าผากไว้กับฝ่ามือนั้นก กลั้นน้ำตาที่มันใกล้จะไหลบ่าออกมาเอาไว้ด้วยเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตกใจ
ทั้งโดรนตกอยู่ในความเงียบกระทั่ง แหล่งกบดาน
ที่จงอินว่าปรากฎขึ้นแก่สายตาของพวกเรา
มันเริ่มจากปลายยอดไม้ที่ให้ความรู้สึกประหลาด เซฮุนไม่คุ้นว่าบนโลก Blue
World มีต้นไม้สูงใหญ่ ตำราและอาจารย์ไม่เคยกล่าวถึงมัน แต่แล้วมันก็ยิ่งประหลาดมากขึ้นเมื่อเบื้องล่างปรากฎแอ่งน้ำขนาดกลาง
กินพื้นที่แนบกว้างยาวเป็นวงรีคดๆ โดรนจอดอยู่เหนือผืนดินที่ปกคลุมไว้ด้วยหญ้าเขียวชะอุ่มผิดหูผิดตาและที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือกระท่อมทรงสามเหลี่ยมที่ถูกสร้างต่อจากซักปรักหักพังของอาคารหิน
มันดูสะอาดสะอ้านราวกับได้รับการดูแลอย่างดีมาตลอด
“ฉันมาที่นี่บ่อย อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง แต่หลังจากนี้คงต้องมาทุกวัน"
เซฮุนพยักหน้ารับ แต่เขาเทความสนใจทั้งหมดไปกับภายในของซุ้มกระโจมมากกว่า
ด้านในมีฟูกนอนพร้อมหมอนและผ้าห่มเรียบร้อย ตามขอบมุมรายล้อมไปด้วยวัตถุหายากที่บางชิ้นเขาเชื่อว่ามันมีอยู่แค่ในโลกล่างเท่านั้น
"มัน... ค่อนข้างเกินความคิดผมไปไกลเลย...
คุณไปได้ของพวกนี้มาจากไหนครับ?”
“ร้านค้า พวกของที่คนทิ้งแล้วน่ะ" จงอินให้คำตอบแล้วสาวเท้าเข้าไปจับผ้าคลุมสีตุ่นเปิดออกเผยให้เห็นด้านในเต็มตา
ปืนลำแสงถูกหยิบออกมาจากเอวอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มฉายมันไปตรงกลางสุดของกระโจม
กลุ่มแสงสว่างเหล่านั้นเริ่มทำงานอีกครั้ง
มันใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่เซฮุนจะเห็นข้าวของทั้งหมดครบตามจำนวน "ที่นี่คงต้องรบกวนคุณสักหน่อย"
“ไม่ต้องห่วงเลยครับ"
“ฉันไม่มีเวลาแล้ว เอาเป็นว่าจะกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"
จงอินจับไหล่บางแล้วดันให้อีกฝ่ายเข้าไปอยู่ใต้กระโจม
เขาย่อตัวลงปลดปืนเลเซอร์อันเล็กข้างรองเท้าบูทและประแจอีกสามเล่มยื่นตามไปให้
"ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ใช้มันแล้วหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้"
เซฮุนรับของประหลาดเหล่านั้นมาแล้วขมวดคิ้ว
ด้วยความคิดที่ว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นและมันคงเป็นบางอย่างที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
"จงอินหมายความว่า...”
“ฉันจะหาทางส่งนายกลับลงไปที่โลกล่างให้ได้ ที่ๆเราจะไม่ต้องผ่านด่านตรวจ
ฉันรู้จักมัน
แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เกี่ยวกับมันมากพอและคงหมายความว่าฉันอาจต้องถอนตัวออกจากการเป็นช่างซ่อมโดรน"
“มันเสี่ยงเกินไปแล้วจงอิน มัน...”เซฮุนรู้ความหมายของประโยคนั้นอย่างแจ่มแจ้งเพียงแค่มองใบหน้าจริงจังของคนตรงหน้าเขาก็อ่านออกทั้งหมดว่าจงอินต้องการอะไร
“มันจำเป็นเซฮุน... อะไรสักอย่างบอกฉันว่านายเป็นคนสำคัญมากๆ
มันมีกลิ่นทะแม่งตั้งแต่ที่พวกเขาประกาศราคานั้นสำหรับวัตถุทดลอง
มันไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาบรรจุข้อมูลใส่โดรน ความรู้ที่คุณมีอยู่ในนี้แล้วไหนจะ...ความ...ฝัน....
ความฝันในกะโหลกหนาๆนี่อีก มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ เราต้องลงไปที่นั่น"
“แต่มันไม่คุ้มเลยกับที่คุณจะต้องเสี่ยง มันมากเกินไปแล้วจงอิน
เขาจะฆ่าคุณเมื่อไหร่ก็ได้นะ!”
“ใช่! เขาฆ่าผมเมื่อไหร่ก็ได้แต่เขาจะต้องไม่ฆ่าคุณ!!” จงอินแทบไม่รู้ตัวตอนที่เขาเผลอตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่เจือความโมโห
ไม่บ่อยครั้งนักที่ช่างซ่อมโดรนผู้ใจเย็นจะสัมผัสกับอารมณ์นี้
หน้าที่การงานตั้งค่าให้เขามีขีดความอดทนสูงเพื่อเผชิญกับสายไฟหลายร้อยเส้นและมันบ้ามากที่ตรงนี้ไม่มีสายไฟสักเส้นแต่เขากลับรู้สึกเหมือนว่าเส้นเลือดจะระเบิดออกมาเพียงเพราะเซฮุนนึกห่วงเขามากกว่าตัวเอง
“...จงอิน"
“มันมีแค่นั้นแหละ" ร่างสูงพรูลมหายใจออกมา
"พวกเขาต้องไม่ฆ่านายเพราะนายเป็นคนสำคัญ...
อย่างน้อยก็สำหรับฉันในตอนนี้ นายต้องสำคัญที่สุด"
“...”
“เซฮุนต้องรอดจำไว้แค่นี้พอ" เสียงทุ้มกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นก่อนจะจับผ้าสีฝุ่นนั่นให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินถอยหลังออกมา
“งั้นเดี๋ยวก่อนจงอิน!” เซฮุนรั้งอีกคนเอาไว้ก่อนจะรีบหันกลับไปที่กองของ
มือเล็กป่ายปัด รื้อพวกมันขึ้นมาจนเจอปากกากับดินสอหนึ่งแท่ง จัดการเขียนข้อความสั้นๆใส่ลงไปในนั้นแล้วฉีกมันยื่นให้กับคนตรงหน้า
"จางอี้ชิง คุณต้องตามหาเขา...”
“จางอี้ชิง? นักโทษน่ะเหรอ?”
“ใช่! เขานั่นแหละ...” เซฮุนพยักหน้ายืนยัน
"เขาเป็นอาจารย์ของผม"
“...”
“เขาเป็นคนสร้าง Blue World”
x x x x x
หลังจากหายไปนานก็คัมแบคมาอย่างสั้นๆ
#UMETKH
ความคิดเห็น