ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] KRISHUN STORAGE'

    ลำดับตอนที่ #4 : Coagulation III

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 56


    { Coagulation }

     

     

    ยังมีอีกหลายเรื่อง
    ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ

     

     

    เล่นเกมส์กันไหมเซฮุน..’ เสียงหวานเอ่ยรั้งเด็กนักเรียนที่ยังคงอยู่ในเครื่องแบบ รองเท้าหนังหุ้มข้อปิดหัวหยุดลงแล้วหันหลังกลับไปมองยังที่มาของเสียง ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น

     

    ครับ ?’

     

    นายแอบชอบคิมจงอินอยู่ไม่ใช่เหรอ.... เล่นกับฮยองสักเกมส์ ดีไม่ดีความรักของนายอาจจะสมหวังก็ได้นะเจ้าของเกมส์หน้าหวานร่างเล็กก้าวเท้าเข้ามาประชิดเด็กหนุ่มที่คาดว่าอายุคงจะน้อยกว่าเขาสักหนึ่งปี พยอนแบคยอนช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวานที่มีกรอบแว่นคาดทับไว้ด้วยสายตาเปี่ยมเลศนัย แต่น่าเสียดายที่เด็กน้อยอย่างเซฮุนไม่เข้าใจคำว่าเลศนัยมากเท่าที่ควร

     

    หมายความว่าไงครับ?’

     

    ก็ถ้านายทำให้จงอินรักนายได้.. ฮยองก็จะเลิกกับจงอิน

     

    ‘…’

     

    คิมจงอินก็จะเป็นของนายไงเซฮุน...’ เจ้าของชื่อเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงพร้อมกับใช้ดวงตาของตัวเองจ้องมองร่างตรงหน้าเหมือนต้องการหาหลักฐานอะไรบางอย่างที่จะยืนยันความจริงแท้ของคำพูดเหล่านั้น ซึ่งดวงตาแข็งกร้าวที่ส่งผ่านมาหาเขาก็แข็งมากพอที่จะยืนยันทุกอย่าง

     

    ‘...’

     

    ‘...พี่ชื่อแบคยอน... มันก็เกมส์สนุกๆหน่าเซฮุน มันจะจริงจังก็ต่อเมื่อนายชนะเท่านั้นแหละเสียงหวานยังคงพร่ำบอก กระนั้นท่าทีนิ่งสนิทของอีกฝ่ายก็ทำให้แบคยอนเริ่มหวั่นใจในข้อเสนอของตัวเอง

     

    ‘…’

     

    เอาเป็นว่า ถ้านายตกลง.... ก็โทรมาหาพี่แล้วกันมือเล็กยัดเศษกระดาษที่มีเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองเขียนอยู่ลวกๆใส่ลงในมือของเครื่องมือคนสำคัญที่เขาอุตส่าห์ควานหาตัวแทบตายในช่วงวันสองวันนี้ ก่อนจะเปิดโอกาสให้เซฮุนได้ทบทวนอย่างจริงจังด้วยการก้าวเดินห่างออกไป

     

    เดี๋ยวครับ!’ ยังไม่ทันจะก้าวได้ครบ 5 ก้าว เสียงของนักเรียนหนุ่มก็เอ่ยเรียกเขาเอาไว้

     

    ‘…’ แบคยอนผินใบหน้าหกลับมามองคนที่รั้งเขาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงดังกังวาน ดวงตากลมเหลือบเห็นริมฝีปากของโอเซฮุนขยับยุกยิกเหมือนคนลังเลใจ ก่อนที่มันจะอ้าออกพร้อมกับประโยคที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง

     

    ผมตกลงครับ! เกมส์เริ่มเมื่อไหร่ บอกผมด้วยนะครับ...’

     

    - - -

     

    แบคยอนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง มองบรรยากาศฟ้าครึ้มที่ชวนนอนมากกว่าเรียน กลอกดวงตาเรียวเล็กมองภาพผู้คนเบื้องล่างที่เดินขวักไขว่ไปมาอย่างเบื่อหน่ายโดยปล่อยให้เสียงพูดของอาจารย์เป็นดั่งเพลงบรรเลงขับกล่อมเขาให้เข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    แบคยอน... ชานยอลฝากมาบอกว่าเย็นนี้ให้แบคไปเจอที่ร้านเลยนะจงแดหันมากระซิบกับเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วๆเพื่อไม่ให้มันรบกวนคนอื่นที่อยู่ในห้อง ใบหน้าหวานตวัดกลับไปมองเพื่อนร่วมชั้นที่หันไปจดจ่อกับบทเรียนแล้ว เขาพยักหน้าให้คนด้านข้างรู้ว่าเขาได้ยินแล้วก่อนจะเสใบหน้าของตัวเองกลับไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม

     

    เจ้าของชื่อที่อยู่ในประโยคเมื่อครู่ปรากฏขึ้นในกรอบสายตาของพยอนแบคยอนโดยบังเอิญ... ปาร์คชานยอลสะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเข้ม ยืนพักขาอยู่ใต้ต้นไม้ที่ปลูกกีดขวางทางเดินได้อย่างน่าโมโห ใบหน้าของพยอนแบคยอนเปื้อนยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนรักกำลังกระชับกระเป๋าเข้ากับบ่าของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ชานยอลดึงดูดสายตาของเขาได้เสมอ... และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ดวงตาของเขาก็จ้องมองเพียงแค่ปาร์คชานยอลเท่านั้น

     

    เขาเผลอใช้นิ้วเกลี่ยบานกระจกเย็นเฉียบ เหมือนพยายามจะสัมผัสชายหนุ่มซึ่งเป็นที่รักจากตรงนี้ แต่แล้วมือเรียวก็ต้องสะดุดลงเมื่อร่างเล็กของใครบางคนวิ่งปรี่เข้ามาซุกอยู่กับแผ่นอกกว้างที่เขาชอบกดจูบซ้ำไปซ้ำมาจนมันเป็นรอยแดง... คิ้วของพยอนแบคยอนขมวดเข้าหากันและรอยยิ้มหวานก็หุบลง

     

    บทสนทนาเริ่มขึ้นสองสามคำ แบคยอนที่อยู่ไกลห่างหัวใจของตัวเองมากขนาดนี้ก็มิอาจรับรู้เลยว่ามีคำพูดอะไรกลั่นออกมาจากทั้งคู่บ้าง ลมหายใจพรูออกมาจากปลายจมูกและได้แต่หวังว่าเวรกรรมที่เขาก่อไว้จะไม่สนองคืนมาเร็วนัก...

     

    แต่เขาก็คิดผิดเมื่อปาร์คชานยอลผู้ครอบครองหัวใจของเขาเอาไว้รั้งร่างผอมนั้นเข้าไปจูบ ริมฝีปากที่แบคยอนเคยเข้าใจว่าเป็นของเขาเพียงลำพังมาได้สามสี่ปีตอนนี้เป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น ผู้ชายตัวผอมผมสีน้ำตาลคาราเมลคนนั้นยกแขนขึ้นโอบรอบคอของชานยอลเอาไว้ คล้องคอหลวมๆโดยไม่กลัวว่ามันจะหลุดลงมา... แบคยอนหันกลับมามองหน้าห้องแล้วสะกดสิ่งที่อยู่ในละคอให้กลับเข้าไป พลางสวดภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก

     

    หลายเดือนแล้วที่เขาได้ยินเรื่องชานยอลกับลู่หานจากปากของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ราวกับคนพวกนั้นต้องการให้เขารับรู้ แต่พยอนแบคยอนเก่งเรื่องการทำหูทวนลมมากเกินกว่าจะใส่ใจ ปาร์คชานยอลเป็นความรักที่เขาทุ่มเทให้ทั้งหมดทั้งมวลเท่าที่ตัวเองจะมี แววตาละมุนละไมคู่นั้นที่มองมา จริงใจกับเขาเสมอจนเขาไม่กล้าจับผิด... ต่อให้เสียงลือเสียงเล่าอ้างเหล่านั้นจะดังมากกว่าคำว่ารักที่ชานยอลบอกเขา แต่มันก็ไม่สำคัญ

     

    แล้วทุกอย่างก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบางที ความคิดของเขามันอาจจะผิดไป... เขารักปาร์คชานยอล เขาเป็นแฟนปาร์คชานยอล แต่ชานยอลอาจจะไม่ได้รักเขา และไม่ได้เป็นแฟนของเขาอีกต่อไปแล้ว

     

    น่าประหลาดเหลือเกิน ที่ตอนนี้เขาเห็นคิมจงอินอยู่เต็มไปหมด...

     

     

    คิมจงอินมีน้ำตา....

     

     

    คิมจงอินกำลังเอื้อมมือมาคว้าเขาเอาไว้....

     

     

     

    คิมจงอินนั่งลงข้างเขาแทนจงแด....

     

     

     

     

     

     

    คิมจงอินปรากฎตัวที่หน้าห้อง ข้างอาจารย์...

     

     

     

     

     

     

     

     

    คิมจงอิน คุกเข่าลงอ้อนวอน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อย่าไปนะพยอน... อย่าทิ้งผมไปนะ

     

     

     

     

     

    เสียงทุ้มกังวานไปทั่วโสตประสาทของเขา... เสียงอ้อนวอนปนสะอื้น เรียกชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเพลงในแผ่นเสียง คิมจงอินเอื้อมมือออกมา พยายามจะกอดเขาเอาไว้ และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคิมจงอินไปแล้วอีกคน....

     

    ไม่! ไม่จริง!!!!” เสียงหวานตะหวาดก้องออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู พยอนแบคยอนยันตัวขึ้นจากเก้าอี้ท่ามกลางสายตาของเพื่อนในห้องที่มองมา เรือนกายที่ชื้นเหงื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก้าวถอยหลังออกไปจากโต๊ะก่อนจะนั่งลงงอตัวที่พื้นห้อง... ความเจ็บปวดที่อกรัดรึงอย่างร้ายกาจเสียจนเขาหายใจไม่ออก

     

    ก่อนจะหมดสติ... เขารู้สึกว่าคิมจงอินประคองใบหน้าเขาเอาไว้

    สัมผัสนั้นกระด้างแข็ง และไม่สบายเอาเสียเลย

     

     

     

     

     

    นี่ใช่ไหม... ความเจ็บปวดที่จงอินต้องแบกรับ

     

     

     

     

     

     

    นี่จงอินรักเขามากขนาดนี้เลยหรือไงกัน

    - - -

     

    “...”

     

    เป็นอะไร...” คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอ่ยทักเมื่อเปลือกตาบางเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาเจ้าเล่ห์เจ้ากลที่บัดนี้กำลังปรือขึ้นมองเขาอย่างยากลำบาก คริสวางฝ่ามือของตัวเองลงบนกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลเข้มแล้วลูบเบาๆขัดกับประโยคแข็งห้วนที่ตัวเองเลือกใช้

     

    อ่ะ... อี้...อี้ฟาน...”

     

    หืม... เป็นอะไรไปพยอน...” นิ้วโป้งเลื่อนลงมาเกลี่ยเม็ดน้ำตรงหางตา เขามองหาคำตอบจากดวงตากลมสิ้นฤทธิ์อย่างยากเย็นเพราะพยอนตัวเล็กไม่ยอมหันมาสบตากับเขาเสียที

     

    “...”

     

    โอเค พักไปก่อน.... เดี๋ยวกูโทรบอกให้ชานยอลมารับ

     

    ไม่....”

     

    กูบอกไอ้ชยอลไปแล้วว่ามึงหมดสติ อยู่ห้องพยาบาล... หมอนั่นแทบบ้าคริสไม่ทันได้ฟังคำคัดค้านจากริมฝีปากบางเฉียบ ร่างสูงพยายามสร้างสถานการณ์ให้ดีขึ้นด้วยเสียงหัวเราะในลำคอที่พยายามจะสื่อว่าน้ำเสียงตระหนกของปาร์คชานยอลนั้นน่าขันมากแค่ไหนตอนที่เขาบังเอิญเจอหมอนั่นนั่งเกลากีต้าร์อยู่ใต้ต้นไม้

     

    “...”

     

    แต่ชยอลมันมีธุระ อีกสักพักคงมาแหละ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนมึงก่อน...” เขาก้มลงมองคนป่วยที่เสใบหน้ามาทางเขามากขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ทันได้ตั้งตัว แบคยอนก็ลุกขึ้นมากอดเขาเอาไว้เสียแน่นด้วยเรี่ยวแรงมากมายจากไหนไม่รู้ ทุกอย่างเงียบลงเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะตามมาด้วยเสียงสะอื้นฮักระลอกใหญ่ที่ทำให้คริสต้องยอมยกแขนของตัวเองขึ้นกอดตอบ

     

    เขากดสันจมูกของตัวเองลงที่ขมับชื้นเหงื่อของเพื่อนสนิทแล้วเบนหน้าไปมองร่างบางที่นั่งอยู่ด้านหลัง แววตาว่างเปล่าของเซฮุนกำลังจ้องมาที่เขา แต่ในช่วงนาทีนั้นเขาไม่มีเวลามานั่งตีความหาเศษหาเลยกับดวงตาเรียวคู่นั้นให้มากนัก คริสพยักหน้าให้เซฮุนเล็กน้อยเป็นการขอเวลา และโอเซฮุนก็เข้าใจมันได้โดยเร็ว ร่างบางจึงขยับปากให้คำตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     

    ผมรอข้างนอกนะครับโครงหน้าเรียวขยับรับรู้หลังจากได้รับคำตอบอันน่าพึงใจ ร่างโปร่งบางปิดบานประตูลงอย่างเบามือที่สุด ทิ้งภายในห้องที่ตลบอวลไปด้วยกลิ่นยาฉุนให้เหลือเพียงพยอนแบคยอนและอู๋อี้ฟาน

     

    อ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดคนป่วยอยู่ค่อย ๆ คลายออก อู๋อี้ฟานตัดสินใจใช้ดวงตาของตัวเองควานหาคำตอบอีกครั้ง แต่แบคยอนก็เอาแต่สะอื้นเสียงขาดจนตัวโยนซ้ำไปซ้ำมาพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หยุดไหลไม่ได้อย่างลวก ๆ

     

    ใจเย็นก่อน...”

     

    ฮึก...ฮึก...”

     

    พยอนอ่า...”

     

    อี้ฟาน...ฮือออ.... อี้ฟาน...”

     

    “...” เขาจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อพบว่าเพื่อนตัวเล็กไม่ยอมทำตามที่เขาบอกเลยสักนิด และมันก็เป็นเรื่องน่าโมโหอันเป็นเอกลักษณ์ของพยอนแบคยอนนั่นแหละ

     

    ชานยอล...ฮึก...ชานยอล จะ ฮือ...จะทิ้งฉัน....ฮืออ

     

    อ่า แบค...”

     

    ฮึก...เขาจะทิ้งฉัน..ทิ้ง ฮือ... เหมือนที่ฉัน ฮึก...ฉันทิ้งจง...ฮือ จงอินคริสวางฝ่ามือลงบนแผ่นหลังอุ่น เขาสัมผัสความชื้นจากคลื่นเหงื่อที่ซึมซาบออกมานอกผ้าคอตต้อนก่อนจะรั้งร่างของอีกคนเข้ามาซุกในอกของเขาอีกครั้ง... น้ำตามากมายทำให้แผ่นอกกว้างเย็นเฉียบเพราะมันเปียกเปรอะ

     

    คริสสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว
    บางอย่างในดวงตากลมใสที่ร้ายเสมอ....

     

    ได้อันตรทานหายไปแต่มี ปาร์คชานยอล ปรากฎขึ้นมาแทน

     

     

    - - -

     

    อ่า... นายชื่ออะไรนะชานยอลที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหนื่อยหอบเอ่ยถามคนหน้านิ่งที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งพร้อมกับประมวลกฎหมายเล่มโต เซฮุนขยับแว่นสายตาที่เหมือนจะช่วยปรับสภาพการมองเห็นเฉพาะกับหนังสือเท่านั้นออกแล้วจ้องมองใบหน้าของผู้ชายตัวโปร่งอีกครั้ง

     

    เซฮุนครับเขาให้คำตอบออกไป... ผู้ชายคนนั้นทำท่าเหมือนจะนึกออกแล้วขยับเข้ามาใกล้เขาอีกก้าว

               

    นั่นสิ! โอเซฮุน!! เฮ้อ...เหอะๆ แบคยอนอยู่.... อยู่หรือเปล่า?” ชานยอลท้าวแขนทั้งสองข้างลงกับหัวเข่าของตัวเอง เสียงหอบหายใจในประโยคเหล่านั้นเรียกความสนใจจากใบหน้านิ่งได้เป็นอย่างดี... เขาจำชานยอลได้ ปาร์คชานยอลคือคนรักของแบคยอนฮยอง... เขาจดจำผู้ชายคนนี้เอาไว้ด้วยคำๆนั้น

     

     

    ทั้งที่เขาก็ยังสงสัย.... แล้วจงอินหล่ะ ?

     

     

     

    จงอินเป็นอะไรสำหรับแบคยอนกันแน่...

     

     

    อยู่ด้านในครับเขาให้คำตอบกับผู้ชายที่ในดวงตาสีชาคู่นั้นเต็มไปด้วยสุนทรียภาพบางอย่าง ทันทีที่ได้คำตอบชานยอลก็ทำท่าทำทางเหมือนจะวิ่งปราดเขาไป... แต่อะไรบางอย่างในร่างกายของโอเซฮุนก็สั่งให้แขนเรียวรีบเอื้อมไปคว้าข้อมือของชานยอลเอาไว้ให้ทันการณ์

               

    แต่...พี่คริสกำลังคุยกับพี่แบคยอนอยู่

     

    “...”

     

    รอแป้บนึงดีกว่านะครับโอเซฮุุนไม่ใช่ผู้ชายเข้าใจอะไรยาก เพียงแต่วินาทีนี้เขารู้สึกว่าในลำคอเล็กๆของตัวเองกำลังตีบตันเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ในนั้น บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเขานึกภาพระหว่างคริสและแบคยอนกับคำเรียกอันแสนสนิทสนม

     

     

    อะไรคือสิ่งที่เซฮุนไม่รู้เกี่ยวกับสองคนนี้... สิ่งนั้นนั่นแหละ

    ต้นเหตุที่ทำให้ลำคอของเขา... ตีบตัน

     

     

    อ่าว... ชยอลเจ้าของน้ำเสียงโทนเบสที่ตราประทับอยู่ในความคิดเอ่ยเรียกผู้ชายอีกคนที่เขาจดจำในฐานะคนรักของแบคยอน เซฮุนเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงโปร่งซึ่งกำลังสาวเท้าตรงเข้ามาหลังจากที่ปิดบานประตูเรียบร้อยแล้ว คริสใช้ดวงตาปรายมองฝ่ามือของเขาที่จับข้อมือของชานยอลเอาไว้ คิ้วเข้มขมวดเข้ามาหากันโดยอัตโนมัติ

     

    สายตาประหลาดนั่นทำให้โอเซฮุนปล่อยมือออกมาแล้วรีบขยับกายออกห่างราวกับการอยู่ใกล้ชิดคนอื่นเป็นเรื่องผิดบาปที่พระเจ้าบัญญัติไว้ในข้อห้าม

     

    ฝากพยอนด้วยหล่ะ

     

    แบคไม่เป็นไรมากใช่ไหม ?”

     

    คำถามนั้นกูต้องเป็นคนถามมึงต่างหากชานยอล...” ฝ่ามือใหญ่ตบที่บ่าของปาร์คชานบอล ดวงตาของคริสมีนัยของการบอกใบ้บางสิ่งบางอย่างที่ชานยอลรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องผิดปกติ... สิ่งนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แบคยอนต้องนอนอยู่ในห้องพยาบาล... ชานยอลบอกตัวเองอย่างนั้นก่อนจะรีบกล่าวคำขอบคุณอันแผ่วเบาแล้วผลักบานประตูเข้าไป

     

    “... ป่ะครับ เรากลับกันก่อนดีกว่าคริาขยับตัวเข้าใกล้คนที่นั่งขดตัวอยู่บนม้าแล้วยื่นมือของตัวเองไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้...

     

    ครับเสียงหวานต่ำขานรับพลางหอบประมวลกฎหมายขึ้นมาติดตัว ร่างผอมถูกแรงไม่มากไม่น้อยรั้งให้ลุกขึ้นยืนรวดเร็ว... แม้ว่ามือของคริสจะจับข้อมือของเขาเอาไว้อยู่แต่โอเซฮุนก็ขยับเท้าในจังหวะที่ช้าลงกว่าคนตัวโตหนึ่งระดับ

     

    เพื่อลอบยิ้มบางๆให้กับความอุ่นรอบข้อมือ

     

    - - -

     

    มึงบ้าไปแล้วหรือไงวะ?!” อู๋อี้ฟานตะโกนเสียงดังพร้อมกับฟาดฝ่ามือของตัวเองลงบนโต๊ะ เสียงกังวานของมันทำให้คนทั้งโรงอาหารต่างจับจ้องมา มวลสายตามากมายสะกิดให้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้วหย่อนตัวคืนสู่ที่นั่งของตัวเองอีกครั้ง

     

    ช่วยฉันหน่อยเถอะนะอี้ฟาน....”

     

    เล่นเป็น....แฟนมึงเนี่ยนะ? พี่จงอินจะรู้สึกยังไง?!”

     

    เจ็บไง....”

     

    ...”

     

    นะอี้ฟาน... นายก็รู้ว่าฉันรักชานยอลไม่ใช่พี่จงอิน ที่ฉันยอมคบกับพี่เขาก็แค่ความสงสารต่างหาก ตอนนี้มีคนมาแทนฉันแล้วนะ มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องปล่อยพี่เขาไปแล้วทำตามใจตัวเองสักที...” คำอธิบายของเพื่อนร่างเล็กทำให้เขาต้องหรี่ตามองอย่างไม่วางใจ

     

    ...ทำไมนายไม่ลองคุยกับพี่จงอินดีดีก่อน

     

    นายก็รู้ว่าพี่เขาไม่ปล่อยฉันไปแน่

     

    ...ใครที่จะมาแทนนาย?” อู๋อี้ฟานชะงักรองเท้านักเรียนของตัวเองเอาไว้ เขาหันหน้าไปมองเพื่อนตัวผอมที่คบกันมานานแสนนานแล้วเพ่งมองเข้าไปในดวงตากลมคู่นั้นเพื่อสร้างความมั่นใจกับตัวเองว่าพยอนแบคยอนจะไม่ใช่เล่ห์กลอะไรหลอกลวงให้เขาติดกับ

     

    โอเซฮุนไง...”

     

    ...”

     

    น้องเซฮุน เขาตกลงเล่นเกมส์กับฉันแล้วนะแบคยอนยิ้มอย่างพึงใจเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานของรุ่นน้องที่ตนเองเพิ่งจะไปทาบทามมาได้เมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่มีข่าววงในหลุดเข้าหูเขามาว่าโอเซฮุนคนนั้นแอบปิ๊งอดีตประธานนักเรียนคิมจงอินมานานแสนนาน... “นายรู้จักหรือเปล่า ?”

     

    อื้ม...ก็เคยได้ยินมาบ้าง

     

    แล้วเป็นไงหล่ะ? ผ่านมั๊ย? น้องเขาชอบพี่จงอินมานานแล้วด้วย

     

    เหรอ...” อี้ฟานไม่ได้ตั้งใจต่อปากต่อคำด้วยคำตอบห้วนสั้นเหล่านั้น แต่เสียงของเขามันกำลังถูกความจริงบางอย่างกลืนให้หายไปจากลำคอ... ร่างกายสูงโปร่งเริ่มจะชาเชือนไร้ความรู้สึก ทำไมเขาจะไม่รู้จักโอเซฮุนคนนั้นหล่ะ...

     

    บ้าหรือไง.... แบคยอนทำไมชอบถามอะไรบ้าๆนะ

    เป็นไปไม่ได้หรอก ที่เขาจะไม่รู้จักหัวใจของตัวเอง

     

    - - -

     

    ฮยองหิวเหรอครับ ?” เซฮุนเปิดบทสนทนาท่ามกลางความเงียบระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟขึ้น เขามองท่าทางร้อนรนของคริสที่พยายามชะเง้อคอมองไปยังโซนครัวของร้านเพื่อตามหาบิบิมบับที่ตนเองสั่งไป

     

    นิดหน่อยหน่ะ ตอนเที่ยงไม่ได้กินข้าว

     

    ทำไมไม่กินหล่ะครับ? มันไม่ดีเลยนะครับ ฮยองไม่ควรอดอาหารแม้แต่มื้อเดียวสีหน้า ท่าทางและน้ำเสียงจริงจังของเซฮุนทำให้คริสขำพรืดออกมา ให้ตายสิ... เขาไม่เคยเห็นคนที่จริงจังอะไรกับการกินอาหารครบ 3 มื้อได้มากขนาดนี้เลยนะ

     

    ลืมหน่ะ มัวแต่ทำนั่นทำนี่เพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ต้องเรียนแล้วเขาตอบไปตามความจริงที่เกิดขึ้น และได้แต่หวังว่าความจริงนั้นจะทำให้คนตรงหน้าคลายปมคิ้วออกได้บ้าง หากแต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะโอเซฮุนยังคงเพ่งสายตามองใบหน้าเขาเขม็งด้วยแววตาซึ่งแสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน

     

    นั่นไม่ดีเลย...” ร่างบางยังพึมพำได้ไม่ทันจบก็ถูกขัดด้วยบิบิมบับในกระทะร้อนที่ยกมาเสิร์ฟพอดี

     

    เอาหน่า~” คริสปัดความสนใจของตัวเองปันลงมาให้กับจานข้าวกระทะร้อนตรงหน้า มือหนาจับตะเกียบลงไปคลุกข้าวยำอย่างคล่องแคล่วแล้วลองพุ้ยคำแรกขึ้นมาชิมว่ารสชาติของมันพอเหมาะพอดีหรือยัง...

     

    เซฮุนเองก็ก้มหน้าลงไปคลุกในจานของตนเองเช่นกัน แต่ปมคิ้วเรียวก็ยังคงขมวดเข้าหากันเป็นโบว์อยู่ เขาไม่ชอบเลยจริงๆเวลาที่คริสละเลยตัวเองแต่กลับใส่ใจเขาได้ครบทุกอย่าง มันค่อนข้างทำให้โอเซฮุนรู้สึกเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองไม่สามารถดูแลร่างสูงนี้ให้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่

     

    เจ้าของปลายตะเกียบเหล็กแบนยังคงคลุกกับข้าวให้เข้ากันอย่างค่อยเป็นค่อยไปสะดุ้งกายเมื่อพบว่าลำคอของตัวเองถูกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโอบรั้งเอาไว้ อี้ฟานวางอาวุธในมือลงข้างจานกระทะร้อนพร้อมกับบังคับให้ใบหน้าของเขาเงยขึ้นมา

     

    ดวงตาคมคายสบมองลงตรงหว่างคิ้วก่อนจะกดจูบลงไปเพื่อคลายปมของมันออก ริมฝีปากหยักแนบซ้ำลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะไล่ต่ำมาจนถึงปลายจมูกโด่ง อู๋อี้ฟานขบมันเบาๆต่างท่าทีหยอกเอินก่อนจะเคลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปาก... ทิ้งระยะห่างเอาไว้ช่วงหนึ่งให้ลมหายใจร้อนเป่ารดกันจนคุ้นชินแล้วค่อยแนบกลีบปากลงมาช้าๆอย่างนุ่มนวล

     

    ปลายลิ้นร้อนซอกซอนแซะไซร้ไปตามกลีบปากหยุ่นนุ่มสีชมพูที่ค่อยๆเผยอออกอย่างน่ารัก เหมือนกับฝ่ามือที่เลื่อนขึ้นประคองบังคับใบหน้าเรียวเอาไว้ในอุ้งมืออย่างค่อยเป็นค่อยไป ลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปภายในริมฝีปาก สัมผัสความชื้นหวานฉ่ำภายในที่มาพร้อมกับแรงกวัดตอบเบาบางจากปลายลิ้นของอีกคน

     

    เซฮุนยกมือของตัวเองขึ้นเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาบนใบหน้าคมคายขึ้นไปทัดใบหูพร้อมกับเอียงใบหน้าของตัวเองให้เข้ารับกับองศาที่จะช่วยให้รสจูบนั้นกดลึกเข้าไปได้มากกว่าเดิม

     

    เป็นเวลานานกว่าที่คริสจะยอมผละริมฝีปากออกมาเมื่อเสียงครางเครือที่ไม่ได้มาจากลำคอของเขาเองประท้วงหาอากาศหายใจ สันจมูกโด่งเคลื่อนย้ายไปที่ข้างแก้มแล้วสูดกลิ่นหอมจากผิวเนื้อเนียนเสียฟอดใหญ่ก่อนจะพาตัวเองกลับมา... ทั้งตัวและหัวใจ

     

    อย่าคิดมากเลยครับ คราวหน้าพี่จะไม่ลืมแล้ว

     

    ครับรอยยิ้มของคริสประทับลงกับจอประสาทตาของเขา แต่ก็รู้สึกราวกับมันได้สลักเข้ามาในดวงตาของโอเซฮุนเสียแล้ว.... เสียงหวานพร่าขานรับออกไปด้วยคำตอบรับสั้นๆที่ช่างให้ความรู้สึกไม่ได้ดูดำดูดีอะไรกับคำพูดจากคริส แต่มันเปล่าเลย....

     

     

    มันเป็นเพราะหัวใจของเซฮุนกำลังเต้นแรงมากเกินไปต่างหาก

     

    - - -

     

    เซฮุนพลิกตัวไปมองผ่านบานหน้าต่าง ท้องฟ้าสีดำสนิททำไม่ได้น่ามอง หากแต่เขากำลังหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับบรรยากาศภายในห้องที่รังจะทำให้ใบหน้าของผู้ชายตัวสูงที่ตอนนี้ชำระกายอยู่ในห้องน้ำปรากฏชัดเจนขึ้นมาในสมองของเขา

     

    ขาเรียวก่ายบนหมอนข้างสีน้ำตาลที่คริสใช้วางกั้นตรงขอบเตียง เรียวแขนเล็กโอบกอดมันเอาไว้ประหนึ่งว่าหมอนข้างนั้นมีชีวิต... เซฮุนจินตนาการไปถึงใบหน้าของคิมจงอินที่เคยก้มลงมองเวลาเขาซุกตัวเข้าไปหาอ้อมอกนั้น ดวงตาละมุนละไมฉาบสะท้อนไปด้วยภาพของโอเซฮุน

     

    เหมือนจะสำเร็จ... ภารกิจของเขาเหมือนจะไปได้ดีและสวยงาม จงอินเหมือนจะรักเขาแล้วเมื่อตอนนั้น อ้อมแขนอุ่นๆกับฝ่ามือที่ยกขึ้นลูบหัวเขาเต็มไปด้วยความรักมากมาย รอยจูบตรงข้างแก้มทำให้หัวใจของเซฮุนเต้น เรียกเสียงหัวเราะของคิมจงอินได้เช่นกัน

     

    เขาคิดว่ามันคือความรัก...

     

    แต่แล้วใบหน้าของคริสก็ฉายซ้อนขึ้นมาเหมือนกับมีภาพใหม่ถูกแปะวางลงไป คริสที่เต็มไปด้วยความรักและในดวงตาคู่นั้น เซฮุนได้เห็นตัวเองยืนอยู่เต็มไปหมด อ้อมกอดของคริสก็อุ่นเหมือนกับกอดของจงอิน จนบางครั้งเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะละลายไปกับอกกว้างที่มีเสียงหัวใจดังรัวอยู่ในนั้น

     

    รสจูบของคริสหวานเหมือนน้ำผึ้งแต่พอมันลึกซึ้งก็แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่ทำให้เขาทรงตัวไม่ได้ ผิดกับจูบเพียงผิวเผินของคิมจงอินที่ไม่เคยแตะลงมาบนริมฝีปากของเขา...

     

    โอเซฮุนสะดุ้งตัวเมื่อนึกถึงความจริงข้อนั้น

     

    จริงสินะ... คิมจงอินไม่เคยสัมผัสได้เขาได้ลึกซึ้งมากไปกว่าการหอมแก้มเลย ในขณะที่อู๋อี้ฟานครอบครองและเป็นเจ้าของทุกสัดส่วนของร่างกายเขาด้วยรอยรักสีแดงไปแล้ว

     

    เหม่ออะไรอยู่ครับ...” อ้อมแขนแกร่งเลื้อยเข้ามาโอบอยู่ที่รอบเอวของเขาเหมือนเคย กลิ่นสบู่บนหัวไหล่เปลือยของร่างสูงกำยำทำให้เขาต้องผินหน้ากลับไปมองเจ้าของร่างใหญ่ที่ทำให้เตียงนุ่มยวบยุบลงไป

     

    คิดเรื่อยเปื่อยครับ... ไม่มีอะไรหรอกเซฮุนให้คำตอบก่อนจะเอื้อมไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ตรงลำคอของคริสมาถือไว้ เขาดันตัวเองขึ้นอย่างยากลำบางเมื่อเสื้อยืดตัวใหญ่ของคริสรั้งต้นขาเรียวไม่ให้ขยับได้ดั่งใจ เช็ดผมก่อนครับ

     

    ไม่อยากลุกเลยคนตัวใหญ่กว่าพึมพำออกมาเมื่อพบว่าร่างกายที่ทิ้งราบลงไปกับเตียงของเขามันยากต่อการดันตัวขึ้นมานั่งอีกครั้งแม้จะมีโอเซฮุนถือผ้ารออยู่ก็ตามที... วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ

     

    แต่นอนแบบผมเปียกไม่ได้นะครับ ฮยองจะไม่สบายคนที่ผมแห้งแล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง... วันนี้อี้ฟานดูดื้อดึงผิดปกติและมันคงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการวิ่งวุ่นเพราะพยอนแบคยอนเมื่อตอนเย็น ทันทีที่คิมจงแดโทรเข้ามา คริสก็ดีดตัวเองจากม้านั่งแล้ววิ่งตรงไปยังห้องพยาบาลทันทีแต่ก็ต้องวิ่งกลับไปกลับมาเพื่อเก็บกระเป๋าของแบคยอนออกมาจากห้องเลตเชอร์ด้วย

     

    เหนื่อยเกินจะลุกแล้วจริงๆครับ...” แขนยาวยืดออกไปเรียกคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ให้เอนตัวลงมานอนและเลิกขัดใจเขาเสียที เซฮุนมองการกระทำออดอ้อนนั้นด้วยใบหน้าที่พยายามตีให้เรียบเฉยที่สุดเท่าที่ความสามารถของตัวเองจะเอื้ออำนวย สุดท้ายร่างบางเลือกขยับขาไปนั่งคร่อมอยู่บนหน้าขาของอีกคนเอาไว้แล้วโน้มตัวลงไปเอาผ้าเช็ดผมคลุมบนศีรษะชื้น

     

    “...” ท่าทางยากลำบากของโอเซฮุนที่พยายามเอี้ยวลงมาหาเขาทำให้คริสเผลอคลี่ยิ้ม แขนยาวสอดเข้าไปโอบไว้รอบเอวคอดที่โน้มลงมาจนปลายจมูกรั้นชิดกับอกกว้าง เซฮุนเกยคางมนของตัวเองไว้บนแผ่นอกราบในขณะที่ฝ่ามือของตัวเองก็ขยี้เส้นผมสีเข้มด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กอย่างไม่ถนัดถนี่นัก

     

    ฮะๆ... ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้นะเซฮุนนาเสียงหัวเราะของคริสทำให้คนที่พยายามจะเช็ดผมให้ต้องขยับกายขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่มันก็สายเกินไปแล้วเมื่อแขนแกร่งกอดเขาเสียแน่นแล้วพลิกกายขึ้นมาคร่อมทับเอาไว้

     

    “...” เซฮุนหาคำตอบให้กับร่างสูงไม่เจอ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์ที่ต้องทำตามคำสั่งซึ่งก็คือการเช็ดผมให้แห้ง ฝ่ามือยังคงจับผ้าขนหนูในมือลงบนศีรษะของคริสอีกครั้งแล้วค่อยๆขยี้เบาๆให้เส้นผมของคนที่คร่อมทับอยู่นั้นหมาดลงไป

     

    ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นก้มลงมาประชิด ปลายจมูกที่มีลมหายใจอุ่นซุกที่ต้นคอก่อนจะเลื่อนสูงขึ้นมาตามแนวกราม ความร้อนรุ่มที่ราดรดลงมาบนผิวเนื้อทำลายเรี่ยวแรงที่มีอยู่ให้สลายไป ฝ่ามือไม่อาจกุมผ้าขนหนูเอาไว้ได้ โอเซฮุนจำนนต่อผัสสะเร้าอารมณ์นั้นด้วยการวางฝ่ามือของตัวเองแนบลงกับกลุ่มผมเปียกชื้น เลื่อนนิ้วตัวเองลงมาเกลี่ยที่หลังคอของอีกคน

     

    ริมฝีปากลากขึ้นมาจูบที่ปลายคาง คริสเลื่อนมันให้สูงขึ้นเพื่อกดจูบลงบนริมฝีปากเรียวสวย เขาขบเม้มเบาๆบนกลีบกุหลาบนุ่มที่เผยอออกอย่างไม่คิดจะแทรกเข้าไปภายในเพื่อสร้างความลึกขึ้ง

     

    รู้มั๊ยเซฮุน.. เป็นตัวแทน...มันเจ็บนะเสียงทุ้มพึมพำตัดกับเสียงลมหายใจร้อนที่รดรินอยู่ตรงปลายจมูก แต่ถ้าเป็นแล้วพี่จะได้อยู่ใกล้นาย... พี่จะยอมบางทีการสัมผัสเซฮุนมากเกินไปก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดทุกที ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่... ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเหมือนจงอินมากเท่านั้น

     

    เจ้าของริมฝีปากที่ถูกเม้มเอาไว้จนแน่นเปิดเปลือกตาขึ้นมองร่างที่คร่อมอยู่เหนือตัวเอง เซฮุนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมของคริสเหมือนที่เขาอยากจะทำเมื่อต้องการความมั่นใจคืนมา เพราะในดวงตาคู่นั้นสะท้อนเพียงภาพของเขา... ก้อนเนื้อมีชีวิตที่อกข้างซ้ายทำงานอย่างหนักพอกับสมองที่เอาแต่แปะภาพสลับระหว่างจงอินกับคริสซ้ำไปซ้ำมา

     

    ริมฝีปากบางได้รับอิสระหลังจากที่คริสถูกจ้องมอง ร่างสูงซึ่งท้าวแขนอยู่ข้างหัวของเขาปล่อยท่อนแขนของตัวเองออกและกำลังจะทรุดตัวลงไปแต่ฝ่ามือบางก็รั้งคนตรงหน้าเอาไว้ด้วยการออกแรงกดที่ต้นคอ นิ้วเรียวเกลี่ยลงบนอกเปล่าเปลือยของอีกคนแล้ววางลงที่ตำแหน่งหัวใจ

     

    ผม..ไม่ได้ให้ฮยองเป็นตัวแทนนะครับ

     

    “...”

     

    ฮยองเป็นอู๋อี้ฟาน... อี้ฟานของผม

     

     

    เซฮุนไม่แน่ใจว่านั้นคือการยอมแพ้หรือเปล่า...แต่เสียงหัวใจก็สั่งให้เขาพูดออกไปแบบนั้น

     

     

     

    To Be Continue

     .ใกล้จบแล้วหล่ะ -.-  รู้แล้วใช่ไหม แบคชอบใคร อิอิ -.-

     

    stroberi
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×