ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER III.

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 56


    CHAPTER III

    บทลงโทษของแมวซื่อผู้ดื้อรั้น

               

    การไปโรงเรียนในเช้าวันนี้นับเป็นการไปโรงเรียนที่สบายที่สุดตั้งแต่โจวคยูฮยอนมีชีวิตมา เพราะพี่ซีวอนที่ชอบตวาดเสียงดัง นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว และชอบแต๊ะอั๋งด้วยการจูบตรงนั้นทีตรงนี้ที (แน่นอนว่าหลังจากตอนนั้นคยูฮยอนก็โดนฉกปากไปอีกหลายครั้งเชียวหล่ะ) ก็ยังพอมีดีอยู่บ้าง อุตส่าห์ขับรถอ้อมมหาวิทยาลัยมาส่งเขาถึงประตูโรงเรียนที่อยู่ถัดออกมาประมาณ 3 กิโลเมตร (ขอย้ำว่าใจดีมาก !) แม้จะด้วยใบหน้าบึ้งตึงตลอดทางก็เถอะ

     

    “เดี๋ยวตอนเย็นมารับ”

     

    “...อ่อ แล้วพี่ไม่มีเรียนเหรอครับ ?”

     

    “ไม่มี นายเลิกกี่โมง ?”

     

    “ประมาณ 5 โมงครับ”

     

    “รออยู่ใต้ตึกนั่นแหละ”

     

    “พี่รู้จักเหรอครับ ?” คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตั้งใจจะบุกไปที่ตึกของเขาในตอนเย็นเพื่อให้แน่ใจว่าชเวซีวอนจะไม่เดินหลงในโรงเรียนอันกว้างแสนกว้างแห่งนี้

     

    “ถ้ากูไม่รู้จะพูดไหมว่าไปหา ?! ทำไมชอบถามไรไม่คิดวะ...” ชเวซีวอนซึ่งอารมณ์ไม่ดีอย่างมากในเช้าวันนี้เพราะถูกนาฬิกาของไอ้เด็กเจ้าปัญหานี่สะกิดให้ลุกขึ้นมาจากเตียงแต่เช้าตวัดเสียงขึ้นใส่เจ้าของนาฬิกาปลุกที่นั่งตาแป๋วอยู่ข้างเขา คยูฮยอนสะดุ้งวาบทันทีเมื่ออีกฝ่ายหันมาส่งเสียงดังใส่ด้วยท่าทางดุดันขึงขัง เห็นทีเขาต้องรีบลงจากรถเสียแล้วหล่ะ ก่อนจะโดนพี่ซีวอนเอ็ดไปมากกว่านี้

     

    “อ่า..ครับ... งั้นผมไปเรียนก่อนนะครับ” ผงกหัวอย่างสุภาพให้คนที่นั่งตาตู่ขมวดคิ้วอยู่หลังพวงมาลัย คยูฮยอนเอี้ยวตัวไปหมายจะเปิดประตูรถแต่ก็ต้องชะงักมือไว้เมื่อคนที่เพิ่งจะตวาดเสียงดังคว้าไหล่ของเขาเอาไว้

     

    “คระ..อื้อ !!” ยังไม่ทันจะขานรับได้สุดคำ ริมฝีปากสีชมพูอิ่มก็ถูกปิดด้วยกลีบปากของคนขี้โมโหที่ไม่รู้ว่านึกสนุกอะไร ชเวซีวอนไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการขบไปรอบผิวเนื้อหยุ่นสองสามครั้งก่อนจะปลอบโยนไอ้เด็กฮยอนหน้ามึนด้วยการถอนริมฝีปากมาจูบเบา ๆ ที่มุมปากเป็นการลงลายเซ็นเหมือนเช่นเคย

     

    ช่วยไม่ได้... ไอ้เด็กฮยอนอยากทำตัวน่าจูบทำไม

     

    “ตั้งใจเรียน” พูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงห้วนหลังจากถอนริมฝีปากแล้วเอี้ยวตัวกลับมาพิงพนักเบาะดังเดิม คยูฮยอนเผลอถลึงตาโตใส่คนที่ชอบขโมยจูบเขาไม่รู้เวล่ำเวลาก่อนจะลนลานเปิดประตูรถคันหรูเพื่อพาตัวเองออกไปสูดอากาศข้างนอกโดยไม่คิดจะหันไปกล่าวคำร่ำลาคนที่นั่งอยู่ด้านในยานพาหนะแม้แต่น้อย

     

    ร่างผอมในชุดนักเรียนก้าวเท้ายาว ๆ เพื่อทิ้งระยะห่างของตัวเองจากรถคันนั้นที่คนแก่ขี้ขโมย(จูบ) เขายกมือข้างที่ไม่ได้ถือกระเป๋าขึ้นมาคลึงเบา ๆ ที่ริมฝีปากนุ่มของตัวเองและเมื่อพบว่ามันยังคงมีไออุ่นจางๆ ตกค้างอยู่ตรงนั้น

     

    โอ้ย... ใจเต้นแรงอีกแล้วนะคยูฮยอน !

     

    “การบ้านเสร็จไหม ?”

     

    “คุณพระคุณเจ้าช่วย !” คนที่กลังเหม่อลอยเพราะโดนชิงจูบอุทานออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ ๆ ใครบางคนก็กระซิบถามหาการบ้านเข้าที่ข้างหู คยูฮยอนเหลือกตากลมของตัวเองมองเพื่อนหน้าหมีที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

     

    “ฮงกิอ่า... มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง”

     

    “ฮงกิมีเสียงน้า แต่คยูไม่ได้ยินเอง ~” ลีฮงกิทำท่าทางน่ารักด้วยการเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างจิ้มที่แก้มของตัวเองแล้วเอียงคอส่ายหน้าไปมา... เอาตรง ๆ นะ ในสายตาของคยูฮยอนเขาคิดว่ามันไม่ได้ดูน่ารักน่าชังเลยสักนิดเดียวหล่ะ -___-

     

    “...ก็คยู...”

     

    “แอบเห็นด้วยนะ ว่าวันนี้มีคนมาส่ง...” นอกจากจะพูดจาไม่เข้าหูด้วยการทักเรื่องที่เขาไม่อยากให้ทักแล้วฮงอกิยังทำมารยาทแย่ด้วยการเอาไหล่มาแซะเขาจนแทบจะกระเด็นตกทางเดินด้วยแหน่ะ

     

    “อะไร... แล้วนี่เฮนรี่ไปไหน”

     

    “อยู่บนห้องจ่ะ... บอกมาเลยนะ ว่าเจ้าของบีเอ็มสีดำคนนั้นใครน้า ~” แม้พยายามเปลี่ยนเรื่องแล้วแต่เขาก็โดนเพื่อนสนิทหน้าหมีล็อคคอพาลากเข้าประเด็นเดิมอีกจนได้ คือไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่พอพูดถึงเจ้าของบีเอ็มสีดำแล้วมันทำให้โจวคยูฮยอนนึกไปถึงจูบเมื่อเช้าหน่ะสิ

     

    ฮุ่ย ! คือไม่อยากใจเต้นแรงไงครับ T//////////T

     

    “เพื่อนพี่คิบอม... เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง”

     

    “สัญญาแล้วนะ ?”

     

    “อืม”

     

    “งั้นส่งการบ้านมาเดี๋ยวนี้เลย....” โดนลากถูลู่ถูกังมาถึงหน้าห้องเรียน แล้วสุดท้ายคยูฮยอนก็ต้องเสียสมุดการบ้านของตัวเองไปให้เพื่อนสนิทที่มีความเกรงใจระดับศูนย์...

     

    เห็นแบบนี้ฮงกิก็เป็นคนดีนะ......

     

     

     

     

     

     

    ถึงเขาจะนึกไม่ค่อยออกก็เถอะ... ว่ามีเรื่องอะไรบ้างของฮงกิที่ดีหน่ะ .___.

     

     

     

     

     

    พอถูกแย่งสมุดไป โจวคยูฮยอนก็กลายเป็นเชลยผู้ถูกทอดทิ้ง ระเห็จตัวเองไปนั่งกับเพื่อนสนิทอีกคนที่เขาเพิ่งจะถามถึง เฮนรี่หลัวมักจะนั่งพิงหน้าต่างในยามเช้า เสียบหูฟังไอพอดสีขาวที่เขาเดาว่าน่าจะเปิดเพลงบรรเลงเบา ๆ (เคยพยายามแอบฟังอยู่หลายหนแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงคนร้องสักที) แล้วที่สำคัญก็คือบทกวีภาษาจีนบนตักที่เจ้าตัวอ้างว่าอ่านเพื่อรำลึกถึงบ้านเกิด

     

    “เฮนรี่อ่า...” สะกิดหัวไหล่อีกคนเบา ๆ เพื่อขอพื้นที่ด้านข้าง เฮนรี่ที่กำลังเพลิดเพลินในรสกวีและเสียงเปียโนจากเพลงบรรเลงค่อย ๆ ไถตูด ขยับตัวอย่างมีศิลปะ (นี่พูดจริงนะ ! เฮนรี่ให้อารมณ์ศิลปินตลอดเวลาแม้แต่ท่าขยับตูดเลยเถอะ) เพื่อเอื้อเฟื้อพื้นที่ริมหน้าต่างให้กับเขา

     

    แต่วันนี้โลกคงจะเย็นจนแข็งแน่เพราะเฮนรี่กระตุกหูฟังแล้วหันหน้ามาหาเขา !

     

    “นี่คยูฮยอน...”

     

    “ห๊ะ ?!” เขารีบขานรับเพื่อนด้วยน้ำเสียงตกใจ ตั้งแต่เรียนที่นี่มาได้ปีกว่าเขาไม่ยักเคยเห็นเฮนรี่กระตุกหูฟังเพื่อคุยกับใครมาก่อนเลยนะ ! นี่โจวคยูฮยอนกำลังได้รับเกียรตินั้นอยู่เชียว

     

    “ถามอะไรหน่อยสิ”

     

    “อ๋อ.. ถามดิ”

     

    “เมื่อเช้าอ่ะ”

     

    “...”

     

    “ใครมาส่งเหรอ เห็นจูบกันด้วย ?” จบคำถาม คยูฮยอนก็แทบจะยัดหูฟังคืนใส่หูเฮนรี่ นี่อยากจะตบท้ายด้วยการกางหนังสือบทกวีแล้วจับคอหันออกไปนอกหน้าต่างเหมือนเดิมด้วยนะ

     

                เฮนรี่หลัวววววว ! ตาดีไปนะ บ่องตง !! T/////////////////T

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                มัธยมคยองฮีไม่มีออดดังบอกเวลาเลิกเรียน แต่มีเสียงระฆังเคาะเป้งดัง ๆ เป็นสัญญาณของการหมดชั่วโมงเรียนในแต่ละวัน ซึ่งคยูฮยอนมักจะแอบคิดอยู่เสมอว่าภาพตอนที่ระฆังดังแล้วนักเรียนต่างกรูกันออกมาจากห้องมันให้อารมณ์เหมือนผีดิบโดนปลดปล่อยยังไงชอบกล

     

                ก็ลองดูหน้าฮงกิสิ.....

     

                “กูจะตายห่า... ครูดงวานสอนอะไร ฟังไม่รู้เรื่องเลย”  ฮงกิว่าพร้อมกับคลานไปคลานมาเอาตัวไปไสกับโต๊ะเก้าอี้ในห้องแล้วช้อนลูกตาปรือ ๆ (เพราะเพิ่งตื่นนอน) ขึ้นมามองหน้าเขาอย่างขอความเห็นใจ

     

                “ไม่เห็นมึงจะฟังอะไร... มึงไม่ได้ฟังหรือฟังไม่รู้เรื่อง” เฮนรี่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือกวีแล้วตบฮงกิด้วยคำพูดที่ผมอยากจะมอบโล่ให้เป็นรางวัล...

     

                “กลิ้งกลับแผ่นดินแม่มึงไปเลยป่ะ... -_______-“ ฮงกิผลักไหล่เพื่อนตัวกลมจอมคารมและปากคมเหมือนมีดโกนยิลเลตให้กระเด็น หากแต่เฮนรี่ผู้มั่นคงก็ยืนต้านทานได้ไม่ไหวติง

     

                “ขุนเขาจะโอบอุ้มคนดี....” นี่ไม่พูดเปล่าด้วยนะ เฮนรี่มีการยกมือสองข้างขึ้นมาแล้วทำหน้าฟินประกอบคำพูดอีกต่างหาก

     

                “กลับบ้านเถอะครับ....” ผมที่เพิ่งจะเก็บกระเป๋าเสร็จรีบเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างเพื่อนสนิททั้งสองที่เริ่มทำสงครามขุนเขาพนาไพรอะไรกันสักอย่างเอาไว้ อันที่จริงพวกเราสามคนก็สนิทและรักกันดีนะครับ แต่เฮนรี่กับฮงกิหน่ะชอบกัดกันบ่อย ๆ แล้วก็ทำตัวเหมือนไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกัน ซึ่งมันไม่จริงอย่างที่ตาเห็นเลยเพราะส่วนมากสองคนนั้นก็ไปไหนด้วยกันตลอดเวลานั่นแหละ มาโรงเรียนก็มาด้วยกัน กลับบ้านก็กลับพร้อมกัน เหมือนญาติดีกันได้แค่นอกรั้วโรงเรียนเท่านั้น... ซึ่งอย่าไปสนใจเลยครับ เพราะผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน -___-

     

                “เออนี่ ! มึงยังไม่ได้เล่าเรื่องเพื่อพี่คิบอมให้ฟังเลย” เดินห่างออกมาจากห้องเรียนได้นิดเดียว ฮงกิก็ทวงถามเรื่องเมื่อเช้ากับผมอีกแล้ว... โอ้ย ! ทีเรื่องอย่างนี้ทำไมความจำดีกันนักนะ

     

                “จริงด้วย คยูฮยอนยังไม่ได้บอกเลย...” เฮนรี่ที่เมื่อกี้ยังเถียงฮงกิอยู่ฉอด ๆ ผันตัวมาเป็นลูกคู่กันเฉยเลย แถมมีการส่งสายตาคาดคั้นมามองเขาไม่หยุดอีกด้วยนะ

     

                “อ่า...”

     

                “เล่า เล่า เล่า เล่า....” << นี่มันสองคนประสานเสียงกันพูดเลยนะครับเนี่ย

     

                “....คือ....”

     

                “เล่า เล่า เล่า เล่า เล่า....”

     

                “โอเคครับ ๆ !... คือเขาเป็นเพื่อนของพี่คิบอมครับ”

     

                “ชื่อหล่ะ ?” ถามเยอะแบบนี้หน่ะ ลีฮงกิเลย....

     

                “พี่ซีวอนครับ... พี่ชเว ซีวอน เป็นเพื่อนของพี่คิบอม”

     

                “แล้วทำไมเขาต้องมาส่ง....” นี่ก็ฮงกิถามอีกนั่นแหละครับ เรื่องอะไรที่ไม่ใช่เรื่องเรียนฮงกิจะถามเก่งและรู้ดีมาก.... ย้ำเลยนะครับ ทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเรียน

     

                “พี่คิบอมไปมิซิสซิปปี้ครับ... ก็เลยเอาเราไปฝากไว้กับพี่ซีวอน”

     

                “อ่อ....”

     

                “แล้วจูบกันทำไม....”

               

    O/////[ ]/////O !!!!
    !@#$%^&*()_+_)(*&^%$#@!


     

                “อุ่ย โทษที ลืมไปไม่น่าถาม....”

     

    ไม่ทันแล้วครับเฮนรี่ =_______________=

     

                “ห๊า ! จูบกันด้วยอ่อออออ ? *___________*” ทีนี้ฮงกิเลยหันขวับกลับมามองผม ทำตาโตใส่เหมือนไม่อยากจะเชื่อแล้วเขย่าไหล่ผมไปมาใหญ่เลย.... แทนที่เรื่องจะจบลงแล้วผมจะได้ไม่ต้องเขินอีกครั้ง....

     

                อาหลัวนะ.... อาหลัวนะ..... *กัดฟัน*

     

                “มะ...ม มัน..มัน...มัน....”

     

                “คายู๊ววววววววววววววววววววววววววววววว !! ~

     

                “มะ...มัน มัน...อ้อ ! มันเป็นอุบัติเหตุหน่ะครับ” ผมว่านั่นเป็นคำโกหกที่น่าจะฟังดูขึ้นมากที่สุดแล้วในตอนนั้น แม้ว่าฮงกิจะเปลี่ยนมาหรี่ตามองผมแบบไม่ค่อยอยากเชื่อภายในเวลาอันสั้น

     

                “จริงอ่ะ...”

     

                “จริงสิครับ !

     

                ปี๊ด ปี๊ดดดดดดดด !

     

                เสียงแตรรถเรียกให้เราสามคนหันขวับกลับไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่ซีวอนพญายักษี(?) ต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องมาโดนซักฟอกจนเกือบขาวอยู่อย่างนี้

     

                “เอ่อ... งั้น เรากลับแล้วนะ”

     

                “เฮ้ยเดี๋ยวดิ !

     

                “เดี๋ยวไม่ได้หรอก พี่ซีวอนดุ ! กลับดี ๆ นะ” คยูฮยอนตอบกลับไปทันทีแล้วรับวิ่งตรงไปยังรถบีเอ็มสีดำที่จอดเทียบอยู่ตรงนั้น เขาเปิดประตูออกแล้วรีบสอดตัวเข้าไปนั่งด้านในอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้อารมณ์ของพี่ซีวอนมันพุ่งปรี๊ดและที่สำคัญคือ ไอ้เพื่อนสองตัวนั่นจะได้ไม่ต้องมาซักฟอกอะไรเขาต่ออีก

     

                เสียงหอบแฮ่ก ๆ ทำให้ห้องโดยสารที่เงียบสงัดมีบรรยากาศอึดอัดขึ้นมา คยูฮยอนปล่อยเสียงหอบของตัวเองให้ดังถี่เป็นระลอกเสียจนหายเหนื่อย ซึ่งมันก็ตอนที่ชเวซีวอนขับรถห่างออกมาได้สักระยะนึงแล้ว

     

                “สวัสดี..ครับ”

     

                “พรุ่งนี้ก็ได้...”  สัมผัสได้ทันทีว่าคนที่สวมแว่นดำ จ้องถนนอยู่ข้าง ๆ เขาอารมณ์ไม่ดีแน่ ๆ คยูฮยอนก็เลยได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับไปเท่านั้น... โหย มาถึงก็โหดเลย

     

                “...”

     

                “...จะไม่เปิดปากพูดอะไรหน่อยไง๊ ?”

     

                “อ่ะ...เอ่อ...คือ”

     

                “...อ้ำอึ้งหาเตี่ยมึง ?”

     

                “ปละ...เปล่านะครับ....”

     

                “...” ซีวอนเหล่ตามองเด็กแมวตัวขาวที่นั่งตาลีตาเหลือกอยู่ด้านข้างแล้วเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกำลังมีคำถาม แต่เพราะเขาใส่แว่นดำอยู่ คยูฮยอนก็เลยพาลจินตนาการออกทะเลไปว่าพี่ซีวอนคงจะกำลังเคืองโกรธที่เขาสวัสดีช้าแน่ ๆ

     

                “เป็นเหี้ยไรของมึงเนี่ย...”

     

                “...” คยูฮยอนเริ่มเม้มปากเมื่ออีกคนยังคงพ่นคำหยาบโลนออกมาไม่หยุดหย่อน เขาไม่ชอบคำหยาบคายพวกนั้นเลย ยิ่งพอพี่ซีวอนทำตัวนิ่งชากับเขาแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ก็ถ้าไม่อยากให้มาอยู่ด้วยก็น่าจะบอกกันตรง ๆ ได้นี่นา...

     

                ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ...

                จนไม่ได้สังเกต ว่าพี่ซีวอน.........

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียบบลูทูธอยู่...

     

                “...ฟังภาษาคนไม่ออกไง  กูถามว่ามึงเป็นไร เงียบทำไม ?!

     

                “ปละ..เปล่า...ฮึก...เปล่าครับ...”

     

                “...เชี่ย พิลึกคน !.... อ่าวเฮ้ย ! ร้องไห้ไมวะ ?... เฮ้ย เชี่ยคังแค่นี้ก่อนเดี๋ยวกูโทรไป...” พอรถติดไฟแดงเลยได้หันไปมองกับไอ้เด็กฮยอนที่งึมงำอะไรอยู่เมื่อครู่ไม่รู้ เขาก็ไม่ทันฟังเพราะมัวแต่เคลียร์กับคนในสาย พอรถติดไฟแดงปุ๊บ หันไปอีกทีก็เจอเด็กแมวแม่งนั่งน้ำตาคลอซะแล้ว

     

                “ฮึก...พี่ พี่...พี่ดุผมอ่ะ....”

     

                “ดุ ?”

     

                “ฮึก...อือ...” ไอ้เด็กแมวพยักหน้าจนหัวแทบโขกคอนโซลรถจนผมต้องเอื้อมไปคว้าคอมันมาก่อนที่จะได้เจ็บตัวกันไปข้าง

     

                “กูดุห่าอะไร...”

     

                “ก็...ก็พี่ถาม...ว ว่า.. ว่า อ้ำอึ้งหาเตี่ยเหรอ...”

     

                “...”

     

                “แล้ว...แล้ว...”

     

                “นี่... ไอ้ฮยอนบ๊อง ! กูคุยโทรศัพท์ไม่ได้คุยกับมึง...” ซีวอนละมือออกมาจากพวงมาลัย ถอดแว่นกันแดดของตัวเองออกแล้วตะแคงหน้าไปให้คยูฮยอนดูว่าที่หูของเขามันมีบลูธูทเสียบอยู่ มืออีกข้างก็หยิบมือถือขึ้นมาเขย่ากึก ๆ ให้ดู

     

                “..อ่ะ..อ่าว...”

     

                “กูคุยกับเพื่อน ไม่ได้คุยกับมึง.... ห่า ร้องไห้เป็นเด็กสามสี่ขวบ” ซีวอนเอื้อมมือไปปาดน้ำตาออกมาจากแก้มนุ่มขาวของเด็กฮยอนบ๊องที่นั่งอ้าปากค้าง ตกตะลึงกับความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของตัวเอง

     

                “....อ่า...”

     

                “ฮะ ๆ ไอ้บ๊องเอ้ย !” ซีวอนคิดว่าแก้มที่เขาจับอยู่มันนุ่มมากเกินไป หลังจากสบถล้ออีกคนเสร็จเขาก็เลยถือโอกาสสำหรับการรอไฟแดง 5 วินาทีสุดท้ายโน้มตัวลงไปหอมแก้มขาวนุ่ม ที่ตัดกับปลายจมูกแดงๆ ของไอ้เด็กฮยอน... ดูไปดูมาแม่งน่ารักจนอยากจะจับปล้ำถ้าไฟแดงมันต้องรอสักครึ่งชั่วโมงคงดี

     

                แต่ให้ตายสิ... มันนุ่มและหอมมากจนเขาต้องหอมอีกข้างด้วย !

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                หลังโดนหอมแก้ม คยูฮยอนก็นั่งเงียบไม่ปริปากพูดมาตลอดทาง มาเริ่มมีเสียงพูดได้ก็ตอนที่พี่ซีวอนจอดแวะร้านจาจังมยอนฝั่งตรงข้ามคอนโดเพื่อหาซื้ออะไรไปกินข้างบนก็เลยได้ปริปากบอกออกไปว่าตัวเองอยากกินอะไร แต่ก็ไม่วายโดนมุกหื่น ๆ ของพี่ซีวอนอีกรอบจนได้

     

                ใครมันจะไปอยากกิน จาจังซีวอน เล่า ! -3-

     

                “เดี๋ยวผมล้างจานให้เอาไหมครับ ?” จาจังมยอนที่ถูกโซ้ยจนหมด เหลือแต่ชามกระเบื้องเปล่าสองใบ... ผมที่รู้สึกเกรงใจเจ้าของห้องไม่น้อยจึงเสนอตัวเป็นคนล้างจานให้ ซึ่งพี่ซีวอนก็ยักไหล่ให้ว่า ตามใจผม... ผมก็เลยแบกชามกระเบื้องเข้ามาล้างในห้องครัว

     

                “ล้างเสร็จก็ไปอาบน้ำซะ...”

     

                “ทำการบ้านก่อนไม่ได้เหรอครับ ?” เพราะไม่ใช่เรื่องที่ทำเป็นประจำคยูฮยอนก็เลยเผลอถามขัดคำสั่งออกไปอย่างลืมตัว เพิ่งจะมานึกได้ว่าไม่น่าพูดอย่างนั้นก็ตอนที่เดินออกมาจาครัวแล้วเผชิญกับหน้านิ่ง ๆ ของคนที่เอนตัวอยู่ตรงหน้าทีวีแล้ว

     

                “มีการบ้านเหรอ..”

     

                “ครับ มีนิดหน่อย”

     

                “วันนี้เรียนอะไร ?”

     

                “ก็... ฟิสิกเรียนเรื่องโปรเจ็คไทล์ครับ”

     

                “รู้เรื่องหรือเปล่า... นั่งสิ” ซีวอนตบโซฟาข้าง ๆ เป็นสัญญาณให้คนที่ยืนเช็ดมือกับกางเกงให้นั่งลง คยูฮยอนก็ยอมหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่แต่ทิ้งระยะห่างเอาไว้เล็กน้อยเพื่อเป็นการป้องกันตนเอง... เขาไม่ลืมหรอกนะ ว่าบนโซฟาตัวนี้หน่ะมันมีของอันตรายร้ายแรงแดงเจอรัสอยู่ หน่ะ !

     

                “ก็รู้เรื่องครับ... แต่ยากมากเลย...โอ๊ะ ! ฮยอง ดูเรื่องนั้นก่อนนะครับ” คยูฮยอนรีบชี้จอโทรทัศน์เพื่อหยุดอีกคนเอาไว้ ซีรี่ส์เรื่องที่เขากำลังติดฉายอยู่พอดี

     

                “...โจวคยูฮยอน ไปทำการบ้าน”

     

                “ฮยองเรื่องนี้สนุกจริงนะ”

     

                “...”

     

                “....นะฮยอง”

     

                “คยูฮยอน... ทำการบ้าน อาบน้ำ”

     

                “....ฮยองอ่า....”

     

                “...นับหนึ่งถึงห้า... อย่าให้ต้องขยับขา” ซีวอนหันหน้ามาจ้องอีกคนที่มองทีวีไม่ยอมปล่อย เขากดปิดโทรทัศน์เครื่องใหญ่แล้วหันมามองเด็กในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่นั่งขมวดคิ้ว เม้มปากอยู่ข้างกัน

     

                “ง่า...”

     

                “...”

     

                “หนึ่ง...”

     

                “นะฮยองนะ...”

     

                “สอง สาม สี่ ห้า...ลุก !

     

                เดี๋ยวนะ..... บ้านฮยองเขานับกันแบบนี้เหรอครับ ! -____-

     

                คยูฮยอนยกแขนกอดอกอย่างคนโดนขัดใจที่ไม่กล้าเอาแต่ใจ เขามองค้อนซีวอนไปลูกใหญ่ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นมาจากโซฟา กระนั้นก็ไม่ทันคนที่ลั่นวาจาไว้แล้วว่า อย่าให้ต้องขยับขา อยู่ดี

     

                ซีวอนคว้าร่างผอมมาอุ้มขึ้นพาดบ่าโดยแทบไม่ต้องออกแรงอะไรมากมายให้มันยุ่งยาก คยูฮยอนลอยหวืดขึ้นมาอยู่เหนือบ่ากว้างภายในเวลาไม่กี่วินาที คราแรกก็พยายามจะดิ้นขลุกขลักให้อีกคนปล่อยเขาลงแต่สุดท้ายก็ต้องยอมหยุดชะงักเมื่อมือใหญ่ตะปบเข้าที่แก้มก้น

     

                “หยุดดิ้น ไม่งั้นก^ปล้ำมึงแน่...” คำขู่เพียงประโยคเดียวทำเอาโจวคยูฮยอนเกร็งตัวแข็งขึ้นมาในพริบตา ภาพหนังสือและซีดีเมื่อหลายวันก่อนผลุบขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้งจนเขาเริ่มเผลอคิดฟุ้งซ่าน

     

                ไม่นะ... ยังไม่อยากทำแบบนั้น

                โจวคยูฮยอนยังไม่อยากเล่นหนังเอวี T_______________________T

     

                โดนพาตัวเข้ามาในห้องนอน (ตอนแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกันแต่นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนหน่ะ) ซีวอนวางอีกคนลงบนพื้นห้องน้ำก้อนจะเอื้อมไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ตรงราวมาส่งให้ ดวงตากลมโตมองตามการกระทำของร่างสูงทุกย่างก้าวด้วยสายตาระวาดระแวง ซึ่งมันทำให้คนขี้แกล้ง อยากจะแกล้งมันอีกสักที

     

                ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มออกมาเมื่อคยูฮยอนยื่นมือมารับผ้าเช็ดตัวโดยสายตาก็จ้องหน้าเขาไม่ยอมไหวไปไหน ดูก็รู้ว่าเจ้าลูกแมวคงกำลังกลัวคำขู่เมื่อครู่นี้มากและเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ไอ้เด็กฮยอนสติแตกไปมากกว่านั้นเลยจริง ๆ นะ... จริง ๆ นะ ~

     

                ซีวอนก้าวเท้าเข้าไปยืนอยู่ในพื้นห้องน้ำกับอีกคนด้วย ซึ่งมันก็ทำให้คนที่เพิ่งจะโดนขู่เข็ญบังคับให้อาบน้ำสะดุ้งอย่างแรงจนจับสังเกตได้ คยูฮยอนสอยเท้าถอยหลังเข้าไปด้านในเหมือนหนูตัวน้อยที่กำลังโดนแมวใหญ่ต้อนเข้าให้ มือไม้ที่จับผ้าเช็ดตัวอยู่สั่นไปหมด ดวงตาก็พยายามจะเหลือบมองหาทางหนีทีรอดซึ่งตอนแรกมันคือบานประตูไม้โอ๊คอันนั้น

     

                แต่มันก็จบลงเมื่อซีวอนผลักปิดบานประตูดังปัง...

     

                “เด็กดื้อต้องโดนลงโทษ... จริงไหม ?” ตอนที่ซีวอนถามย้ำด้วยคำว่าจริงไหม คยูฮยอนก็พบว่าแผ่นหลังของตัวเองมันแนบลงไปบนผนังห้องเย็นเฉียบเสียแล้ว มองไปทางซ้ายเจอชักโครกขนาดใหญ่ขวางทางอยู่แล้วเมื่อมองไปทางขวาก็เป็นอ่างอาบน้ำที่ไม่น่าจะช่วยอะไรเขาได้เลยสักนิด... นี่ไม่ตลกเลยนะพี่ชาย ! T_____T

     

                อากาศของเขาถูกทำให้น้อยลงเมื่อร่างสูงดันตัวเข้ามาใกล้เสียจนรู้สึกได้ว่ามีลมหายใจเป่ารดอยู่ตรงกลุ่มผมของตัวเอง คยูฮยอนไม่กล้าช้อนหน้าขึ้นมองเพราะเดาได้ว่าหน้าของซีวอนคงจะอยู่ใกล้มาก เขาจึงเอาแต่ก้มหน้าลงมองพื้นห้องน้ำสีขาวไม่ขยับหัวไปไหน แต่ก็ช่างโชคร้ายเมื่อซีวอนเอื้อมมาจับที่คางแล้วเป็นฝ่ายช้อนหน้าเขาขึ้นมาแทน

               

                ใบหน้าอยู่ใกล้กันในระดับที่ดวงตาหาโฟกัสไม่เจอ ภาพสันจมูกโด่งได้รูปของร่างสูงตรงหน้าพร่ามัวจนคยูฮยอนต้องพยายามกระพริบตาถี่แต่ยังไม่ทันได้เห็นอะไรชัด ชเวซีวอนก็กดริมฝีปากแนบลงมามอบสัมผัสเย็นเฉียบให้เขาเสียแล้ว

     

                ริมฝีปากหยักขบลงบนผิวเนื้อนุ่มหยุ่นสีชมพูของลูกแมวขี้ตื่นซึ่งสั่นระริกไม่แพ้กับมือบางนั่น เขาสอดมือเข้าไปรั้งท้ายทอยของอีกคนอย่างชาญชำนาญเพื่อประคองลำคอนั้นเอาไว้ให้ได้องศาที่ต้องการและเมื่อทุกอย่างลงล็อคของมันแล้ว ลิ้นชื้นก็เริ่มชอนไปเลียรอบริมฝีปากก่อนจะสอดเข้าไปด้านใน

     

                คยูฮยอนตัวกระตุกเมื่อริมฝีปากของตัวเองโดนอีกฝ่ายพยายามแหวกเข้ามาและด้วยความเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ เขาก็เผลอเผยอริมฝีปากออก เป็นผลให้ซีวอนสามารถสอดลิ้นของตัวเองเข้ามาด้านในได้โดยไม่ต้องลำบากแซะอยู่นาน...

     

             เรียวปากหยักคู่สวยทั้งเม้มทั้งคลึงอยู่ภายนอก ปลายลิ้นก็ดุนดันอยู่ข้างใน.... การจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เด็กน้อยที่สติเปิดเปิงไปไกลแล้วเริ่มขาดความสามารถในการทรงตัวไปทีละเล็กละน้อยจนต้องรีบคว้าจับเอาบ่ากว้างของอีกคนไว้เป็นที่มั่นโดยหารู้ไม่ว่าการกระทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้ซีวอนมีอารมณ์หนักขึ้นกว่าเดิม

     

                “อื้ออออ...อื่ออ” เสียงครางก้องในลำคอสะกิดให้ชเวซีวอนถอนริมฝีปากออกมาก่อนที่จะทำไอ้เด็กฮยอนขาดใจตายไปเสียก่อน เขาถอนจูบมาคลอเคลียอยู่ข้างแก้มของคนที่หอบเหนื่อยจนตัวแดงไปหมด ตอนแรกตั้งใจจะพอแค่นั้นแต่พอผละออกมาแล้วเจอคราบน้ำใสติดอยู่ที่มุมปากบวมเจ่อแดงช้ำซึ่งยืดติดมากับริมฝีปากของเขา ประกอบกับดวงตาปรือปรอยของเจ้าแมวมึนซึ่งยังหาโฟกัสไม่ได้และปลายจมูกชื้นเหงื่อที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

     

                เชี่ย........ น่ารักจะไม่ทน !

    จูบแม่งอีกทีแล้วแล้วกันวะ

     

    “พี่ซี.... อื้อออออออออออออออ !!

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    เป้าประสงค์ของตอนนี้คือการเปิดตัวเพื่อนของคยูฮยอน มีฮงกิที่ออกจะขี้เล่นขี้อ้อน ส่วนเฮนรี่นี่ออกแนวนักปราชญ์... ส่วนดีพคิสตอนท้ายมันเป็นของแถมสำหรับเด็กดื้อเฉย ๆ 5555555555555555555555555555555555555 คุณคยูแม่งอ้อยจะไม่ไหว... นึกภาพเด็กเรียบร้อยที่พยายามจะเอาแต่ใจตัวเองอ่ะ คุณคยูเป็นแบบนั้นเลย -..-

    เรื่องนี้จูบทั้งเรื่องอ่ะ ทำใจเถอะ.... พี่ซีวอนเป็นพวกปากว่างไม่ได้ -..-

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×