ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Winter's Killer

    ลำดับตอนที่ #4 : .winter's killer {third}

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 55


            
    -third

    เจ็บแล้วจำ..
    มนุษย์ส่วนมากเป็นแบบนั้น

              ฮยอกแจตื่นขึ้นมาด้วยกลิ่นยาอันชวนเวียนหัวของโรงพยาบาลและเสียงของหมอที่กังถกเถียงกันจากด้านนอกห้องพัก ดวงตาเรียวปรือขึ้นมองไปรอบกายที่มีแต่สีขาวเต็มไปหมด พยายามมองหาใครสักคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเผื่อว่าเขาจะได้เรียกให้มาดูหน่อยว่าอาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรบ้าง

              “ทงเฮ... ทงเฮหรือเปล่า...” สายตาสะดุดเข้ากับผู้ชายที่ยืนอยู่ห่างออกไปจากปลายเตียงไม่ไกลนัก น้ำเสียงพร่าพยายามเปล่งออกมาเรียกให้อีกคนได้ยิน... ร่างโปร่งหันกลับมาตามคำเรียกแต่เหมือนว่าจะไม่ใช่ทงเฮ โครงหน้าเรียวนั้นมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยจนน่ากลัว หัวใจกระตุกวูบทันทีที่สบตากับชายคนนั้นโดยตรงและเขากำลังคิดว่าควรจะแกล้งหลับลงไปอีกรอบดีกว่า

              “ฮยอกแจ... ฮยอกแจฟื้นแล้วเหรอ ?” ยังไม่ทันได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ เจ้าของชื่อทงเฮก็โผล่ออกมาจากบานประตู รีบวิ่งกุลีกุจอเข้ามาหาเขาซึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง ฝ่ามือของผู้ชายตรงหน้ากุมมือของเขาเอาไว้แน่นและนั่นทำให้ฮยอกแจรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างที่ไม่ต้องอยู่ในห้องเพียงลำพังกับผู้ชายที่มีสายตาเหมือนน้ำแข็งคนนั้น

              “คยูฮยอน ตามหมอให้หน่อย...”

              “อืม...” ผู้ที่ถูกขอร้องให้ช่วยพยักหน้ารับแล้วเดินไปกดออดเรียกพยาบาล น้ำเสียงของคนที่ชื่อคยูฮยอนนุ่มทุ้มเหมือนกับกำลังร้องเพลงอยู่แม้ว่าเมื่อครู่จะเป็นแค่การขานรับคำเดียวเท่านั้น ฮยอกแจรู้สึกแบบนั้นตอนที่ร่างโปร่งกรอกเสียงโต้ตอบกับนางพยาบาลผ่านทางเครื่องสื่อสารเหนือหัวตียง แต่ในทางกลับกันเขารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ยิ่งคยูฮยอนเข้ามาใกล้เขามากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกถึงอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

              “ซังอุนหล่ะ... ซังอุนอยู่ไหน...” เพราะรู้สึกว่าอันตรายฮยอกแจจึงพอจะนึกได้ว่าก่อนเขามาที่นี่เพื่อนของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ใบหน้าหวานเสมองไปข้าง ๆ รอบกายด้วยหวังว่า ควอน ซังอุนจะอยู่ในที่นี้เช่นกันหากแต่มันไม่ใช่เพราะนี่คือห้องพักเดี่ยวของโรงพยาบาล

              “ไม่รู้เหมือนกัน... เพื่อนนายวิ่งออกไปตอนที่พานายมาหาผม... เขาคงเอาตัวรอดได้”

                “เหอะ...” คยูฮยอนแค่นหัวเราะให้ทั้งสองคนได้ยินก่อนจะสาวเท่าเดินไปยังประตูโดยไม่พูดอะไร ประจวบเหมาะกับที่พยาบาลและหมอเข้ามาดูอาการของเขาพอดี คำถามของฮยอกแจจึงได้แต่ติดค้างอยู่ในลำคอ ก่อนที่ร่างบางจะลืมมันไปเมื่อหมอจัดการให้ยาแก้อักเสบกับเขาและสั่งให้นอนพักผ่อน... และก่อนที่ตาจะปิด เหมือนว่าทงเฮจะออกไปจากห้องเสียแล้ว

     

     

     

     

              “อย่าทำให้มีพิรุธได้ไหม.. ขอร้องหล่ะ ฮยอกแจเขาไม่เกี่ยวอะไร...”

              “ไม่เกี่ยว ? เกี่ยวเต็ม ๆ เลยหล่ะ กูไม่อยากจะพูดให้มันมากความหรอกนะทงเฮ แต่มึงก็น่าจะรู้ว่าชเว ซีวอนหน่ะเป็นใครแล้วฮยอกแจก็อยู่กับมัน !” คยูฮยอนขึ้นเสียงใสคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง ดวงตากลมดื้อรั้นวาวโรจน์ด้วยความโกรธจนทงเฮคิดว่าหากตนเองพูดอะไรออกไปตอนนี้คงไม่ทำให้คยูฮยอนพึงพอใจเป็นแน่แท้

              “แต่นายก็ได้ตัวซีวอนแล้วนี่ ?”

              “มันเอาแต่บอกว่ามันชื่อซังอุนจนกูหัวเสีย... มันทำเหมือนไม่รู้เรื่อง หรือมันชื่อซังอุนจริง ๆ ก็ไม่รู้” ลดระดับน้ำเสียงของตนเองลงมาจากเมื่อครู่ ฝ่ามือบางลูบกลุ่มผมของตนเองขยี้ไปมาเมื่อนึกภาพใบหน้ากวนประสาทของคู่กรณีที่เขาจับมาได้เมื่อหลายวันก่อน... ไอ้กิริยาทองไม่รู้ร้อนเหล่านั้นทำให้เขาขาดความมั่นใจไปทีละนิดจนตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลงเมื่ออยู่ใกล้มัน !

              “แล้วไงหล่ะ ?”

              “ฮยอกแจก็เรียกหมอนั่นว่าซังอุน แล้วคนแถวนั้น... ก็รู้จักมันในชื่อของซังอุนทั้งนั้น... กูต้องการฆ่าชเว ซีวอนและสำหรับคนชั่วอย่างมัน... ไม่สมควรที่จะมีคนมาตายแทน” คยูฮยอนเบือนใบหน้าของตนเองไปอีกทาง ใช้ปลายลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเหมือนคนที่พยายามใช้ความคิด

              “ลองเช็คประวัติดู... กูจะลองช่วยอีกแรง แต่กูขอร้องหล่ะ อย่าทำแบบนี้กับฮยอกแจอีกเพราะมันไม่ปลอดภัยกับคนที่กูรัก” แววตาของทงเฮแข็งกว่าครั้งไหน คยูฮยอนสัมผัสได้ เขารู้สึกว่าอี ฮยอกแจช่างจะสำคัญกับลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้เหลือเกิน และในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่สำคัญกับชเว ซีวอนที่เขากำลังตามล่าอีกด้วย... นึกไม่ออกเลยว่าควรจะสงสารหรือหัวเราะเยอะคนที่ช่างบอบบางคนนั้นดีที่บังเอิญต้องมาอยู่ท่ามกลางสนามรบซึ่งตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

              “รักนักรักหนาเหลือเกินนะ”

              “ถ้านายรักใครสักคน... นายจะรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง” ทงเฮตบบ่าของคยูฮยอนสองสามครั้งก่อนจะเดินออกจากทางหนีไฟเพื่อกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง... ร่างบางกว่าซึ่งเพิ่งได้รับคำสั่งสอนแค่นหัวเราะออกมาอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าหวานบิดเบ้พร้อมๆ กับที่ริมฝีปากพรั่งพรูคำบ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง... ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าแค่คน ๆ นั้นทำให้ทงเฮเปลี่ยนไปได้มากถึงขนาดนี้เชียวหรือไง ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อะไรคือความดี... อะไรคือความชั่ว
    มีบันทึกเล่มไหนบัญญัติไว้อย่างนั้นเหรอ ?

                “ผมชื่อซังอุน...” แววตาคมดุจเหยี่ยวเหลือบขึ้นมองใบหน้าของคนที่เขาเคยเจอด้วยรอยยิ้มกว้างที่แสนจะดูเป็นมิตรแม้ว่าตนเองจะมีสภาพสะบักสะบอมและได้รับบาดแผลจากการโดนไล่ล่า... คยูฮยอนจรดสายตามองร่างนั้นอย่างไม่เชื่อ คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อพยายามคิดหาหลักฐานว่าผู้ชายคนนี้คือ ชเว ซีวอนหรือเปล่า... แต่เพียงเสี้ยวหน้าเสี้ยวเดียวที่สะท้อนกับแสงจันทร์ในคืนนั้น... แค่รู้ว่าชื่อ ชเว ซีวอนก็บุญโขแค่ไหนแล้ว

              “นายสารภาพมาเสียดีกว่า...ว่านายฆ่าโจว อินซอง !

              “...” ยังคงเป็นเหมือนเดิม แววตาของคนที่ถูกจับมาแข็งกร้าวหากแต่ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนว่าจะกินเลือดกินเนื้อใคร คนที่เอาแต่บอกว่า ผมชื่อซังอุนยกยิ้มให้กับคำถามดังกล่าวจนคยูฮยอนนึกแปลกใจ... มาถึงตรงนี้ความมั่นใจของเขามันเริ่มถอยหลังเข้าคลองไปทุกที ผนวกเข้ากับการที่ทงเฮไม่สามารถหาข้อมูลของชเว ซีวอนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้อีก... เขายิ่งขาดความมั่นใจ

              “...”

              “...” ความเงียบปกคลุมห้องใต้ดินอีกครั้ง คยูฮยอนปรายตามองใบหน้าของซีวอนด้วยแววตาที่ไขว้เขว ยิ่งทำให้ซีวอนสามารถยิ้มออกมาได้มากขึ้นกว่าเดิม... ในเมื่อพูดอะไรออกไปก็มีแต่จะทำให้น่าสงสัยมากขึ้น ซีวอนจึงเลือกใช้วิธีทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความมั่นใจไปเองดีกว่า แม้ว่ามันจะใช้เวลานานหน่อย... แต่สำหรับเขามันจะให้ผลระยะยาวที่น่าพึงพอใจไม่น้อย...

              “ถ้านายคือควอน ซังอุน... ฉันจะปล่อยตัวนายไป”

              “...”

              “อย่างน้อยถ้านายโกหก... จะจับมาอีกครั้งก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร.. จริงไหมหล่ะ ?”

     

     

     

     

     

                ร่างสูงโปร่งถูกพากลับมาส่งที่หน้าสนามเด็กเล่มทรุดโทรมตามคำสัญญา ชายร่างใหญ่สองสามคนหิ้วปีกเขาซึ่งอยู่ในสภาพขัดขืนไม่ได้มาทิ้งเอาไว้ในลานทรายร้างที่ปลอดผู้คน ครั้นเมื่อถึงที่หมายร่างของเขาก็ถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดีลงบนกองเม็ดทรายละเอียดและสิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่สบตามองอีกคนที่นั่งอยู่บนรถลีมูซีนคันหรู... แสงไฟสลัวสาดส่องลงมาบนพื้น

              เขายันตัวขึ้นปัดขากางเกงเปื้อนทรายของตนเองสองสามทีในขณะที่ดวงตาคมยังคงจ้องมองไปที่กระจกหลังของรถ ที่ซึ่งเจ้าของชื่อโจว คยูฮยอนนั่งอยู่ตรงนั้นในความมืด ยานพาหนะยังคงไม่เคลื่อนตัวไปไหนราวกับว่าต้องการให้เขาเดินลับตาไปเสียก่อน... ได้สิ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร

              กระจกอัตโนมัติเลื่อนขึ้นบดบังใบหน้าของคยูฮยอนไปเกือบค่อน ร่างบางเสสายตามองตรงไปข้างหน้าเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเบนสายตากลับมามองที่เขาอีกครั้ง... ซีวอนกระชับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ของตนเองเข้ามาแล้วดึงปกเสื้อขึ้นปิดใบหน้า ขายาวสาวเข้าไปหาแสงไฟหากแต่เลือกที่จะยืนคร่อมระหว่างความมืดกับความสว่าง ปล่อยให้แสงหลอดนีออนสาดลงบนใบหน้าของเพียงครึ่งซีก ให้เหมือนกับคืนนั้นที่แสงจันทร์สาดส่องใบหน้าของเขาเพียงเสี้ยวเดียว

              ฉันพลันในวินาทีนั้นร่างสูงกรีดรอยยิ้มที่มุมริมฝีปากแล้วเดินจากไปในความมืด ไม่ได้หวังให้คยูฮยอนจดจำเขาได้แต่ในขณะเดียวกันฝ่าเท้านั้นก็ก้าวเร็วกว่าปกเผื่อว่าความจำของเด็กน้อยจะดีพอที่จะจดจำ ฆาตรกร คนนี้ได้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความเชื่อใจเป็นเรื่องที่เปราะบาง
    ถ้าหากแตกไปแล้ว...ต่อใหม่อย่างไรก็ไม่เหมือนเดิม

              “ทงเฮ...”

              “หืม ?”

              “ทงเฮว่าซังอุนจะทิ้งเราไหม ?” ฮยอกแจเบือนใบหน้าของตนเองออกจากหน้าต่างจ้องมองไปยังู้ที่เพิ่งสงเสียงขานรับ ดวงตาเรียวนั้นเต็มไปด้วยแววตาของความทรมานและอัดอั้นจนทงเฮรู้สึกว่าเสียงของตนเองกำลังหายไปจากลำคอจนไม่สามรารถพูดอะไรออกไปได้อีก

              “...”

              “ซังอุนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา.. ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

              “เขาต้องปลอดภัยอยู่แล้ว... ไม่ต้องห่วงหรอกฮยอกแจ... เชื่อผมนะ” ทงเฮพยายามใช้ความสามารถในการโกหกของตนเองมากที่สุด เขาพยายามจ้องสบเข้าไปในดวงตาที่ค่อนข้างเหม่อลอยนั้นเพื่อหยิบยื่นสายตาอบอุ่นของตนเองเข้าไปแทน แต่ดูเหมือนว่าอี ฮยอกแจที่เขารักได้พยายามสร้างกำแพงขึ้นมากั้นตัวเขาออกไปทีละเล็กละน้อย

              “เขาหายไปสี่วันแล้ว...แต่เขาก็ยังไม่กลับมา...”

              “เขาอาจจะรอฮยอกแจอยู่ที่บ้านก็ได้นะ... ฮยอกแจต้องรีบ ๆ หายนะครับ จะได้กลับไปเจอซังอุนที่บ้านไงครับ” ทงเฮส่งรอยยิ้มกว้างไปให้คนรักที่นั่งนิ่ง... รอยยิ้มเป็นอีกหนึ่งวิธีการโกหกที่ใช้ได้ดีเสมอ ยิ่งกับคนที่ค่อนข้างใสซื่ออย่างฮยอกแจแล้ว รอยยิ้มมีอิทธิพลในการทำให้เชื่อเป็นอย่างมาก... ร่างบางคลี่ยิ้มส่งกลับมาให้เขา ดวงตาที่หยีลงนั่น... ไม่รู้เหมือนกันว่าในขณะรี้อี ทงเฮอยู่ตรงส่วนไหนของมัน

              “นั่นสิ... ซังอุนอาจจะอยู่ที่บ้านและรอฮยอกแจอยู่ก็ได้”

              “ครับ... ต้องอย่างนี้สิ...”

              “ฮี่ ๆ ~

              “อ่า... เดี๋ยวผมลงไปหาอะไรกินก่อนนะครับ ฮยอกแจอยู่คนเดียวได้นะ ?”

              “อื้อ... รีบ ๆ กลับมานะทงเฮ”

              “ครับ...” ริมฝีปากหยักกดลงที่ขมับนุ่มก่อนจะผละตัวเองออกมาแล้วเดินตรงไปยังบานประตู ทงเฮไม่ลืมที่จะส่งยิ้มกลับไปให้ผู้ป่วยตัวบางบนเตียงที่นั่งโบกไม้โบกมือให้เขาเหมือนว่าตนเองยังเป็นแค่เด็กแปดขวบ... เขาฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วค่อย ๆ ปิดบานประตูลง กั้นฮยอกแจออกจากโลกของความจริง...

              “อี ทงเฮ...” เสียงทุ้มต่ำที่เขาไม่คุ้นเอ่ยเรียกชื่อของเขาก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะปรากฏอยู่ตรงหน้า ซีวอนปัดผมม้าของตนเองที่ยาวลงมาปิดตาข้างซ้ายเพื่อใช้ดวงตาทั้งสองข้างสบมองหน้าของทงเฮให้ชัดเจน ฝ่ามือใหญ่ที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้ทงเฮรู้สึกไม่ไว้วางใจสถานการณ์และพยายามคิดหาทางหนีทีรอดซึ่งไม่ประเจิดประเจ้อมากนัก

              “...”

              “ผมมารับอีฮยอกแจ...”

              “นายคือชเว ซีวอน”

              “...” ใบหน้าคมเข้มยังคงเรียบและนิ่งสนิทราวกับผู้ที่ไร้ความรู้สึกไปแล้ว ซีวอนไม่มีแววตาที่แสดงความตกใจ หรือท่าทีหวาดหลัวที่เขารู้ความจริงเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำบนกรอบหน้าหล่อเข้มราวรูปสลักในสมัยโรมันยังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มละมุนที่ช่างดูอ่อนโยนเสียเหลือเกิน

              “...”

              “นายคือชเว ซีวอนจริง ๆ สินะ”

              “ไม่ว่าผมจะเป็นใครมันไม่สำคัญเท่ากับว่าตอนนี้... ฮยอกแจเป็นอย่างไร”

              “นายอย่ามาทำเป็นว่าห่วงฮยอกแจนักเลยถ้าหากนายยังโกหกเขาทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวนาย” ทงเฮไม่สามารถควบคุมตนเองได้เมื่อรู้ว่าคนที่ตนเองรักนั้นอยู่ใกล้กับนักฆ่าอันตรายเลื่องชื่อ ดวงตาของเขาจ้องมองใบหน้าซีวอนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย นัยน์ตาเจ้ากรรมทรยศเขาด้วยการสะท้อนทุกความรู้สึกออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตอนนี้เขากังวลมากแค่ไหน

              “เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่ต้องการให้ฮยอกแจอยู่กับความจริงอย่างนายไงหล่ะ...”

              “นายยอมรับแล้ว...”

              “ต้องจริงแค่ไหนเหรอ ? ถึงจะผ่านมาตรฐานของตระกูลโจวหน่ะ...” แขนแกร่งซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามยกขึ้นกอดอก ซีวอนเอนตัวเองพิงกับขอบกำแพง ทอดสายตามองใบหน้าของทงเฮซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคยูฮยอน... แต่เพราะว่าแม่ของทงเฮซึ่งเป็นน้องสาวของโจว อินซองแต่งงานกับตระกูลอี ลูกชายจึงไม่มีโอกาสได้ใช้นามสกุลโจว... ซึ่งซีวอนเห็นว่ามันเป็นความโชคดีของคนตรงหน้าไม่น้อย

              “...”

              “ต้องดีแค่ไหนกันเชียว...”

              “...”

              “หึ... พ่อของผม... คงจะดีไม่พอจริง ๆ” เป็นคำสารภาพที่ยากจะเข้าใจ ซีวอนหมุนตัวหันกลับไปยังบันไดหนีไฟ แขนแกร่งเอื้อมไปดึงบานประตูหนักเข้าหาตัวก่อนจะแทรกกายเข้าไปในช่องว่างนั้นโดยไม่ได้สนใจคู่สนทนาของเขาพยายามจะพูดอะไรออกมา...

              “นี่ ! ซีวอน...”

              “ผมไม่เชื่อคุณแล้ว อี ทงเฮ... แต่ได้โปรดเชื่อผมว่าฮยอกแจจะปลอดภัย” ซีวอนปล่อยบานประตูนั้นให้มันกั้นปิดเหมือนเดิม ขายาวก้าวลงบันไดไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ทงเฮเพิ่งตีความหมายประโยคเมื่อครู่ออก แขนเล็กกว่าดึงบานประตูเหล็กออกมาพยายามจะไม่โวยวายเสียงดังแต่การที่มองลงไปแล้วไม่เห็นร่างของชเว ซีวอนมันทำให้เขาหัวเสียจนต้องลงหมัดกับกำแพงสีครีมหม่น...

    __________Winter Killer__________

    อึนเฮทั้งดุ้นนน ! 555555555555
    แอบฟีทวอนฮยอกเบา ๆ ด้วย –w-
    ตอนนี้เป็นอดีตหมดเลยนะคะ ตอนหน้าจะเริ่มไม่อดีตแล้ว

    แล้วก็เดี๋ยวให้วอนคยูมาจัดหนักตอนหน้าด้วยละกัน ! 555555555

    THE' FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×