คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Coagulation II
{ Coagulation }
เหมือนขุดหลุมลึกเกินไป
ลึกจนกองดินฝังตัวเอง
‘เซฮุน นายมาโรงพยาบาลเร็ว จงอินอยู่ไอซียู !’
ตึก ตึก ตึก ตึก...
ตึก...
ตึก...
ตึก....
ตึก....
ตึก...
ผลัก !
‘จงอิน...’
‘จงอิน...ฮึก...จงอินนนนนนนนน !!’
‘ฮยองอย่าทิ้งฮุนสิ...ฮึก... อย่าทิ้ง ฮือ.... อย่า...ฮึก ไม่เอา ฮืออ ฮุน ฮึก...’
“ฮึก... จงอิน!!” ร่างบางสั่นสะท้านผวาลุกขึ้นท่ามกลางความมืดมิดที่บดบังทุกอย่าง คราบน้ำหยาดกลิ้งที่หางตาให้ความรู้สึกยุบยิบเกินทนจนฝ่ามือบางต้องยกขึ้นปาดมันออก แต่ไม่ว่าจะพยายามทำยังไงหยาดน้ำเล็กๆเหล่านั้นก็เหมือนจะยิ่งไหลลงมาไม่มีหยุด
“ฝันร้ายเหรอ...” เสียงทุ้มโทนเบสกับอ้อมแขนที่เข้ารัดรึงรอบเอวของเขาทำให้โอเซฮุนรู้ตัวว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว ใบหน้าหวานตะแคงมองไปเบื้องหลังเพื่อพยายามมองหาเจ้าของอ้อมแขนท่ามกลางความมืด แต่การมองผ่านม่านน้ำตาของตัวเองออกไปมันก็ช่างยากเหลือเกิน
“...”
“ฝันร้ายต้องกลับหมอนนะ” อู๋อี้ฟานเปล่งเสียงบอกคนตัวบางที่ยังคงงอกายไม่ต่างอะไรจากกุ้งลวกสุก เขาปัดป่ายฝ่ามือไปทั่วหัวเตียงเพื่อกลับหมอนตามคำบอกพร้อมๆกับที่รั้งเอาร่างผอมบางเข้ามาไว้ในอ้อมอกแล้วกดจูบลงบนขมับคลายความตึงเครียดที่โปนปูดผ่านเส้นเลือด
กระนั้นดวงตาหวานที่เคลือบม่านน้ำใสเอาไว้กลับแสดงท่าทางหวาดกลัวจนหัวใจของเขากระตุกวูบ
“อย่าคิดถึงมันสิเซฮุน... ไม่ต้องไปคิดถึงมัน” แรงของคริสถูกใช้อีกครั้งในการกดแนบร่างบางให้เอนตัวลงบนผืนเตียง โอเซฮุนขัดขืนหน่อยๆแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเอนกายลงไปเมื่อร่างสูงสอดแขนแกร่งเข้ามารองที่ท้ายทอยของเขาเอาไว้ อย่างน้อยอ้อมแขนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยจากความฝันของตัวเอง
“ผมหยุดคิดไม่ได้” เสียงหวานพร่ากล่าวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา และเจ้าตัวก็อายมากเกินกว่าที่จะเงยหน้าของตัวเองขึ้นมองอีกฝ่าย ใบหน้าคมเข้มกดลงมองคนที่ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกของเขาก่อนจะใช้ริมฝีปากอุ่นๆจูบไปบนหน้าผากกว้างเพื่อปลอบประโลมอีกครั้ง
“…”
“ถ้าทำได้... ผมคงทำมันไปตั้งแต่วันแรกแล้ว...”
คำตอบผะแผ่วนั่นทำให้อี้ฟานนรู้สึกเหมือนถูกเตะลงไปในหลุมศพ ก้อนดินสีน้ำตาลเข้มพวกนั้นคงไม่ต่างอะไรกับก้อนหนืดในลำคอของเขาที่จุกแน่นจนไม่รู้ว่าจะหายใจอย่างไร แขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางเอาไว้แน่นเพื่อกล่อมให้เจ้าของสรรพางค์ที่ยังคงว้าวุ่นกับความฝันหลับตาลงได้อีกครั้ง ในขณะเดียวกันเขาเองก็พยายามจะข่มตาหลับโดยการกกกอดร่างนั้นเอาไว้ด้วยเช่นกัน
อู๋อี้ฟานก็คนๆหนึ่ง
อู๋อี้ฟานก็อ่อนแอเหมือนกัน
- - -
ร่างสูงโปร่งที่เพิ่งจะได้เรียนรู้ว่าการได้นอนเพียงแค่สี่ชั่วโมงมันทรมานขนาดไหนค่อยๆก้าวเท้าเข้ามายังตึกคณะที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่คอยให้ร่มเงา ดูเหมือนว่าอากาศชื้นในวันนี้จำทำให้แบคยอนระแคะระคายตัวเป็นพิเศษจนเจ้าของร่างเล็กต้องขยับตัวมานั่งอยู่ทีม้าหินอ่อนด้านนอก ไม่ใช่คอมม่อนคณะอย่างที่เจ้าตัวชอบ
“นายเลิกเรียนกี่โมงเหรอเซฮุน?”
“วันนี้ถึงสี่โมงเย็นครับ”
“งั้นเดี๋ยวฮยองไปรอที่หน้าคณะนะ...” เขาวางฝ่ามืออุ่นของตัวเองลงบนกลุ่มผมของอีกคนก่อนจะจับให้ใบหน้าหวานเงยขึ้นมารับจูบจากริมฝีปากหยัก อี้ฟานรู้ดีว่าเซฮุนอาจจะพูดอะไรออกมาหรือปฏิเสธคำบอกของตน การชิงปิดริมฝีปากนั้นเสียก่อนคงจะช่วยทำให้หัวใจไม่ร่วงลงไปที่ตาตุ่ม
“...” คนที่โดนป้อนจูบเสียจนริมฝีปากช้ำเจ่อขมวดคิ้วเข้าหากันคล้ายจะไม่พอใจ แต่เจ้าตัวก็คลายมันออกอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาว่ามันเหลืออีกไม่กี่นาทีเท่านั้นก่อนบทเรียนจะเริ่ม โอเซฮุนจับสายกระเป๋าของตัวเองให้เข้าที่แล้วเอ่ยรับคำอีกฝ่ายไว้ก่อน
“จะรอนะครับ”
ดวงตาคมทอดมองแผ่นหลังแคบของคนที่ก้าวฉับๆห่างออกไป นิ้วเรียวไล่ลงบดที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ความอุ่นของมันยังคงทำให้ปลายนิ้วเย็นเฉียบของเขารู้สึกดีเสมอ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีทีเดียวหรอก เพราะสายตาของใครบางคนที่กำลังตะแคงคอมองอยู่... ทำไมแบคยอนถึงชอบทำให้เขาหนาวด้วยแววตาแบบนั้นอยู่เรื่อยเลย
“ไหนใครว่าหาทางไม่เจอกันนะ”
“สาบานว่านี่คือคำทักทาย?” หนังสือในอ้อมแขนสองสามเล่มถูกปล่อยลงไปกับโต๊ะหินอ่อน ร่างเล็กวางโทรศัพท์มือถือซึ่งอยู่ในระดับสายตาลงแล้วช้อนดวงตากลมขึ้นมองหน้าเพื่อนสนิทที่ดูเหนื่อยกว่าวันอื่น
“ทำไมหน้าแย่อย่างนั้นหล่ะ”
“นอนน้อย...”
“มันคลุมเครือนะอี้ฟาน คิกคิก” เสียงหัวเราะของแบคยอนน่ารัก ถ้าไม่นับแววตาเจ้าเล่ห์ที่ฉายมองมาพร้อมกันนั้นมันจะฟังดูน่าพิสมัยมากทีเดียว แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ พยอนแบคยอนให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยตลอดเวลาอย่างที่ใครต่อใครต่างขนานนามไว้
“...”
“ใครจะเชื่อว่าโอเซฮุนจะนอนที่คอนโดนาย... โอเซฮุนคนนั้นตัวจริงหรือเปล่านะ”
“...”
“เซฮุนก็ชอบฝันแต่เรื่องพวกนั้นนั่นแหละ...” แบคยอนที่ดูเหมือนจะรู้อะไรดีกว่าที่เขารู้อยู่หลายเท่าพลิกใบหน้าของตัวเองที่ตะแคงลงไปให้กลับมาตั้งตรงอีกครั้ง ดวงตากลมซุกซนมองมาทางเขาพร้อมกับฝ่ามือที่เลื่อนมาขีดเขียนบนหลังมือหนา
“...”
“ก็ถ้านายจะตายเพราะเจ้าหญิงองค์นั้น”
“...”
“ก่อนตาย ฉันฝากนายลบความฝันพวกนั้นออกไปด้วยนะ”
แล้วอัศวินที่มีแต่เสื้อเกราะอย่างเขา
จะเอาอะไรไปสู้กับคิมจงอินผู้เป็นอมตะได้หล่ะ
- - -
จงอินชอบทุ่งดอกไม้แม้ว่ามันจะทำให้เจ้าตัวอาการกำเริบทุกครั้งที่มาเยือนก็ตาม กลีบของดอกหญ้าริมทางพวกนั้นทำให้ดวงตาคมเข้มแปรสภาพเป็นครึ่งเสี้ยวดวงจันทร์เมื่อรอยยิ้มน่ารักน่าชังปรากฎขึ้นบนริมฝีปาก... และโอเซฮุนก็รักรอยยิ้มนั้นมากพอๆกับที่เขารักจงอิน
“ฮัดชิ้ว...”
“ฮยองนี่ดื้อจังเลยนะ...” เสียงบ่นของนักเรียนตัวผอมกระหร่องที่ยังอยู่ในชุดเครื่องแบบเรียกความสนใจจากคิมจงอินไปได้เป็นอย่างดี ร่างสูงหันหลังกลับไปมองคนที่เอาแต่เกาะเขาเหมือนลูกลิงแล้วขอซ้อนมอเตอร์ไซค์มาด้วยที่ยืนบิดเบ้อยู่เบื้องหลัง... เขาเอื้อมไปคว้าร่างนั้นมาเป็นที่วางพาดแขนอย่างเคยชิน
“มันสวยมากหน่า”
“แต่ไม่คุ้มกับจมูกแดงๆของฮยองเลยสักนิด”
“ทำไมน้องชายของฮยองถึงได้ดุอย่างนี้นะ...” ฝ่ามือหนาตบปุลงบนไหล่ลาดที่ห่อลงเมื่อถูกเขารั้งเข้ามาไว้ในวงแขน เซฮุนยังคงเบ้ปากไปมาจนเขาต้องจัดการใช้มือบิดรูปบิดร่างของมันพร้อมกับเสียงหัวร่อไปมา...
“อย่าหน้าบึ้งสิโอเซฮุน ~”
“อย่าหน้าบึ้งแบบนั้นสิพยอน นายทำพี่ใจไม่ดี...”
“ฮยองก็ไม่เคยใจดีกับผมอยู่แล้วนี่!”
“พยอนอ่า... ไม่พูดอย่างนี้สิ พี่รักนายนะ... พี่รักแค่นายคนเดียว”
“ฮยองรักผมแล้วฮยองไปกับเซฮุนทำไม! ทำไมฮยองต้องสนใจเซฮุนมากกว่าผมหล่ะ?!”
“แบคยอน... ใจเย็นก่อนสิ”
“ใจเย็นงั้นเหรอ? มันต้องมีใครสักคนตาย! ใจผมมันถึงจะเย็น!!!”
ชายเสื้อกันหนาวของพยอนแบคยอนสะบัดเพราะแรงลม ขาทั้งสองข้างก้าวยาวเกินกว่าที่คนป่วยอย่างคิมจงอินจะคว้าไว้ แล้วเขาก็ได้รู้ความจริงในวันนั้นเอง.... คิมจงอุนไม่เคยคว้าพยอนแบคยอนได้เลยสักครั้งเดียว
- - -
โอเซฮุนทอดสายตามองคนที่บอกว่าจะมารอเขาหลังเลิกเรียนที่ล้มหลับคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา ใบหน้าของอู๋อี้ฟานปื้อนคราบฟองนมที่มุมปากและมันชวนให้เขาเผลอเอื้อมไปใช้นิ้วชี้สะกิดคราบฟองนมนั้น... แต่สัมผัสบางเบาก็ทำให้เจ้าชายรูปงามของเขาได้สติขึ้นมา
“อ่ะ...อ่า... นายมานานหรือยัง”
“ไม่ครับ เพิ่งมาเมื่อครู่” เขาโกหกคำโตออกไปแล้วเอนตัวลงพิงกับพนักด้านหลัง คริสหันซ้ายหันขวาเพื่อมองบรรยากาศด้านนอกพร้อมกับมองหานาฬิกาสักเรือนที่พอจะบอกได้ว่าโลกดำเนินไปได้ไกลแค่ไหนเมื่อยามที่เขาเผลอทิ้งสติไป
“นายเลิกเรียนช้าจัง”
“...” โอเซฮุนไม่ให้คำตอบกับร่างตรงหน้าที่กำลังส่งรอยยิ้มมาทางเขา คริสเป็นเหมือนทูตสวรรค์ประจำตัวที่คอยมากระซิบข้างใบหูในยามที่หัวใจดวงน้อยๆถูกบีบรัดด้วยอะไรบางอย่างทุกครั้ง และมันก็คงจะดูแย่ไปมากเชียวถ้าเขาคิดจะโป้ปดทูตสวรรค์ของตัวเองเป็นครั้งที่สอง
“ไปกันดีกว่า... กลับห้องกันนะ”
“ฮยองครับ...”
“หืม?” ร่างสูงขานรับหลังจากที่หยัดตัวยืนขึ้นมาเต็มความสูง อี้ฟานเอี้ยวตัวกลับไปมองเจ้านายหัวใจของตัวเองที่ยังคงนั่งทื่ออยู่บนโซฟา ริมฝีปากบางของเซฮุนเม้มแน่นจนมันเหยียดเป็นเส้นตรง ท่าทางเหมือนกับคนที่มีอะไรอยู่ในใจ... นั่นทำให้เขากลัวเหลือเกิน
“วันนี้ไปห้องผมได้ไหมครับ...”
“...” เขาหยุดเสียงของตัวเองเพื่อรอฟังประโยคต่อไป แต่โอเซฮุนก็ตัดสินใจปิดริมฝีปากลงเป็นสัญญาณว่าคำพูดของตนจบลงแล้ว ดวงตากลมช้อนขึ้นมองเขาด้วยแววตากึ่งขอร้องกึ่งบังคับ
“...”
“ได้สิ... พี่จะไปส่งนายที่ห้องนะ”
“..ผมหมายถึง...”
“...”
“ฮยองไปนอนที่ห้องผมได้ไหมครับ”
อย่าฆ่าอัศวินด้วยมนตราสิเซฮุน
พระเจ้าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ก็คุ้มครองหัวใจของเขาไม่ได้หรอกนะ!
- - -
“อื้ออออ...” เสียงครางนั่นกำลังทำให้เขาเป็นบ้า คริสรู้สึกเหมือนคนประสาทกลับที่ต้องการยากล่อมประสาทสักห้าหกเม็ด ดวงตาคมเหลือบลงมาร่างที่ซ้อนกายอยู่ข้างตัวของเขา หัวไหล่ขาวเนียนที่ถูกประทับรอยแดงคลอนโยกไปตามจังหวะของสะโพกที่เขาสร้างขึ้น
เม็ดเหงื่อที่ขมับของเซฮุนไหลหยาดลงมาตามแนวกราม เขาใช้ข้อนิ้วปาดมันให้หลุดออกไปก่อนจะกดจูบลงที่ขมับ เสียงครางอื้ออึงกำลังทำให้เขาเป็นบ้าอีกครั้ง... อีกครั้ง และอีกครั้ง กระทั่งใบหน้าหวานผินมาหาพร้อมกับกดจูบที่เหนือริมฝีปากหยักอย่างเย้ายวน
“อ่า...” เสียงพร่าแตกกระซิบที่ข้างใบหูก่อนที่สองร่างจะเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง ร่างสูงถดสะโพกของตัวเองออกห่างหากแต่วงแขนเรียวก็เอื้อมมากอดเขาเอาไว้เหมือนไม่ต้องการให้ไปไหน ดวงตาหวานฉ่ำปรือมองมาที่ใบหน้าคมคาย ริมฝีปากแดงสดเผยอออกเหมือนจะเอ่ยคำพูดอะไรสักอย่างแต่มันก็ช้าไปเพราะเขาชิงปิดริมฝีปากนั้นลงเสียก่อน
ลิ้นร้อนไชเข้าไปภายในโพรงปากแล้วกวาดเอาทุกคำพูดในนั้นออกมา อี้ฟานรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เมื่อรสขมเฝื่อนในนั้นยังไม่ได้จางหายไปไหน อ้อมแขนแกร่งรึงรัดเอารางเล็กตรงหน้าเข้ามาแนบจนสนิทกับอก เขาออกแรงรัดเสียจนคนในอ้อมอกอุ่นร้อนไปทั่ว
“ฮยอง...”
“...”
“...”
“...”
“จงอินฮยอง...” เสียงเรียกหวานๆนั่นทำให้เขาเผลอบดขยี้ริมฝีปากลงไปอีกครั้ง แรงทั้งหมดถ่ายออกมาจากฝ่ามือแกร่งลงสู่หัวไหล่ที่มีแต่รอยรักสีแดง เขาจับร่างนั้นทุ่มลงกับผืนเตียงก่อนจะแยกเรียวขาสวยให้ชันขึ้นมา ร่างสูงแทรกตัวเข้าไประหว่างกลางก่อนจะกดสัมผัสร้อนรุ่มของตัวเองลึกลงไปจนคนเบื้องล่างจุกอัด
“อย่าเรียกชื่อนั้นสิเซฮุน...” สะโพกหนาทำงานอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เตียงไม้คลอนไหวไปตามกำลังที่เจ้าตัวใส่ลงไป แต่เหมือนว่าเสียงโทนเบสของเขาจะไม่เข้าหูคนที่อยู่เบื้องล่างเลยแม้แต่น้อย โอเซฮุนยังคงเพรียกหาจงอินฮยองซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับเอื้อมมือมาโน้มใบหน้าคมคายของของอีกคนให้ลงมาป้อนจูบให้กับเขา
คริสชนปลายจมูกของตัวเองเข้ากับปลายจมูกของอีกคน เขาหอบหายใจในระยะประชิดเพื่อย้ำเตือนคนที่อยู่เบื้องล่างว่าเขาเป็นใคร แต่โอเซฮุนก็ทำตัวใจร้ายด้วยการเรียกแต่ชื่อของใครคนนั้นที่หายจากโลกนี้ไปเสียแล้วซ้ำไปซ้ำมา... ฝ่ามือหนาจับใบหน้าของอีกคนตรึงไว้ก่อนจะปิดดวงตาลงแล้วปล่อยให้หยาดน้ำตาของตัวเองไหลลงไปอยู่ที่หางตาเรียวคู่ล่างที่ไม่เคยจะสะท้อนภาพของเขาเลย
“อ๊ะ...ฮยอง...”
“ฮึ...” เขากลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่ เพราะไม่ว่าจะพยายามลบเสียงครางใต้ร่างนั้นอย่างไรคริสก็พบว่าตัวเองเป็นก้อนยางลบที่หมดประสิทธิภาพเหลือเกิน
“ฮยอง...”
“...”
“คริส...อ๊า...คริสฮยอง ~” เขาปล่อยความต้องการทั้งหมดเข้าไปในร่างของอีกคนก่อนที่จะรีบถอนกายออกมา ดวงตาเรียวฉ่ำมองเขาอย่างไม่เข้าใจ กระนั้นคริสก็เลือกที่จะไม่ให้ความสนใจใยดีกับมันอีก หลังมือยกขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออก แล้วลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ตรงเก้าอี้ หากแต่เจ้าของร่างบางกลับชันตัวขึ้นมา... ใบหน้านั้นยังคงเปื้อนเศษน้ำตาของเขาอยู่เลย
“ฮยองครับ...” เซฮุนเอ่ยเรียกพร้อมกับรัดแขนแกร่งเอาไว้ ดวงตากลมเริ่มจะมีน้ำตารื่นขึ้นมาที่ขอบตาร้อนผ่าว โถ่เว้ย.... เขาสบถในใจเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังปล่อยให้สายน้ำไหลออกมาจากดวงตาของตัวเอง โอเซฮุนเล่นอะไรกับหัวใจของเขาอยู่นะ
“...”
“...อีกนิดเดียวนะครับ...”
“...”
“...รักผมอีกนะครับ ...ความรักของฮยองหน่ะ”
“...”
“...อบอุ่นเหมือนจงอินเลย”
“หึ...” เขาถมเสียงหัวเราะของตัวเองออกมาพร้อมกับดวงตาที่น่าหวาดกลัว อี้ฟานออกแรงดึงคนที่ทำให้เขาตายซ้ำซ้อนมาปะทะกับอกก่อนจะจับร่างนั้นกระแทกลงบนพื้นห้อง เพียงแต่เซฮุนไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับสัมผัสเหล่านั้นสักนิด กลับกัน เรียวขาขาวเนียนกลับแยกออกกว้างเผยให้เห็นช่องทางที่เขาทิ้งความต้องการของตัวเองเอาไว้จนมันทะลักล้นออกมา
“นะครับฮยอง...”
“...”
“ช่วยผมนะครับ...”
“ฮยองช่วยนายอยู่แล้วโอเซฮุน” ร่างสูงเดินเข้าไปประชิดร่างที่ทิ้งตัวอยู่อย่างนั้น ลูกแมวตัวขาวที่ใจร้ายใจดำกับเขามากตลอดเอื้อมมือมาคว้าสะโพกของเขาก่อนจะใช้ริมฝีปากครอบครองท่อนเนื้อเข้าไป โอเซฮุนไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนหน้าตา...คริสรู้ความจริงข้อนั้นตอนที่ริมฝีปากบางห่อเข้ามาเพื่อรูดรั้งส่วนสำคัญซึ่งจมอยู่ในโพรงปากขมขื่น
โดยไม่มีใครได้ยิน...โอเซฮุนป้องปากร้องเรียกชื่ออู๋อี้ฟานเบาๆ
เสียงฟ้าฟาดทำให้ดวงตาคมกริบปิดสนิทเบิกโพล่งขึ้นท่ามกลางความมืด คริสสะบัดใบหน้าของตัวเองสองสามครั้งแล้วก้มลงมองเจ้าของลมหายใจสม่ำเสมอในวงแขน ริ้วรอยแดงเถือกยังคงปรากฎให้เห็นบนแผ่นหลังเปล่าของร่างบางที่ซ่อนกายเอาไว้ใต้ห้วงนิทรา...
ดวงตาคมกวาดมองไปรอบกาย ความเย็นของห้องทำให้ร่างกายเปลือยเปล่าของเขารู้สึกปวดแปล๊บ แขนแกร่งเอื้อมคว้าผ้าห่มที่รุ่นลงไปขึ้นมาคลุมตัวแล้วปันมันให้กับลูกแมวที่ขดตัวหนาวอยู่ข้างกาย
เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังเอื่อยๆอยู่ที่หัวเตียง ร่างสูงปรายตามองมันอย่างไม่ใยดีนัก และเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอเขาก็เลือกตัดสายมันทิ้งก่อนจะตัดปัญหาด้วยการปิดเครื่องไปเสีย.... พยอนแบคยอนที่ชอบทำให้เขาวุ่นวายใจอยู่เรื่อยไม่สมควรได้รับเสียงตอบกลับ
โอเซฮุนก็แค่น้องชายที่คิมจงอินรักมาก
แต่แบคยอนหน่ะ.... คือคนรัก คนรักที่หักหลังจงอินไปได้อย่างเลือดเย็น
มันไม่แปลกอะไรเลย...ถ้าจงอินจะเลือกจบชีวิตลง
จงอินทนไม่ได้หรอกถ้าพยอนแบคยอนไปกับผู้ชายคนอื่น
จงอินทนเห็นแบคยอนครางเสียงหวานอยู่บนร่างของเขาไม่ได้หรอก
แล้วมันก็เป็นแบบนั้น
คิมจงอินตายเพราะภาพนั้นจริงๆ
‘อึก.... อี้ฟาน...อ๊า....อี้..ฟาน.’
‘อะไร...อืม...’ สะโพกกลมกระแทกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงคลอนของผืนเตียงไม่ทำให้ทั้งสองร่างที่กำลังเสพย์ตัณหารับรู้ถึงการมาของใครอีกคน
‘ฟาน..อ๊า....อ๊า...’
‘...’ คิมจงอินร้าวไปทั้งหัวใจ... เสียงหวานที่เคยครางเรียกชื่อเขา ถูกใส่ชื่ออื่นลงไปในนั้น พยอนแบคยอนที่มีแต่รอยรักของเขามีรอยรักของคนอื่นเข้ามาแทนที่
แล้วมันจะเหลือเหตุผลอะไรที่ทำให้คนขี้โรคซึ่งจะตายวันตายพรุ่งอย่างเขาต้องอยู่ต่อหล่ะ... สู้รีบตายเสียตั้งแต่วันนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องทรมานอีกแล้ว
“ไม่รับโทรศัพท์เหรอครับ” เซฮุนลืมตาขึ้นมามองหน้าของเขาที่ก้มลงแทบจะแนบกับใบหน้าของตัวเองก่อนจะกลอกดวงตากลมขึ้นไปมองเครื่องมือสื่อสารที่เมื่อครู่มันส่งเสียงครางครืดคราด
“ไม่สำคัญหรอก...”
“...”
“นอนเถอะ...” คริสกดเปลือกตาของตัวเองให้ปิดลง แต่เขาก็รู้สึกว่าต้องเปิดมันขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบกำลังสัมผัสไล้ไปบนโครงหน้าของเขา ลมหายใจอุ่นของโอเซฮุนกำลังเป่ารดลงมาทาบทับสัมผัสเย็นวาบที่เจ้าตัวทิ้งเอาไว้เหมือนต้องการลบความหนาวเหน็บนั้นออกไป
“ฮยองนอนไม่หลับเหรอครับ”
“หลับตา...ก็หลับ”
“แต่ผมนอนไม่หลับ”
“...” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อโอเซฮุนทอดสายตามองเข้ามาในดวงตาของเขา มือบางนั้นประคองเรียวหน้าของเขาเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เขาเบือนหน้าหนีไปไหน ถ้าล็อคดวงตาคมเข้มเอาไว้ได้ เซฮุนคงจะทำไปแล้ว
“...”
“ทำไมหล่ะ ฝันร้ายเหรอ ?”
“ฮยองไม่ใช่เหรอครับที่ฝันร้าย...” เจ้าของประโยคกดริมฝีปากบางของตัวเองลงมาบนกลีบปากของเขาก่อนจะผละออกมาอย่างอ้อยอิง
“...”
“มีอะไรอยากจะบอกผมหรือเปล่าครับ... ฝันร้ายของฮยองอาจจะหายไปก็ได้นะ” เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมที่สะท้อนใบหน้าของเขาชัดเจนในลูกปัดสีน้ำตาล คริสได้แต่หวังว่าภาพสะท้อนบนนั้นจะมีเพียงแค่เขาตลอดไปแต่นั่นก็เป็นความคิดที่โง่งม และการบอกสิ่งที่เขารู้ออกไปก็คงจะเป็นเรื่องโง่งมอีกเช่นกัน
“ฮยองไม่ได้ฝันร้ายหรอกเซฮุน... นอนเถอะ”
หลับตาซะก่อนที่นายจะต้องฝันร้ายอีกครั้ง
เพราะความจริงที่อู๋อี้ฟานจะพูดออไป มันเป็นยิ่งกว่าฝันร้ายของโอเซฮุนเสียอีก
- - -
อากาศหนาวยามเช้าทรมานกว่าที่คิดเมื่อร่างกายไม่มีเสื้อผ้าปกปิดเหมือนอย่างเคย เซฮุนเปิดเปลือกตาขึ้นมาเพราะแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องผ่านแผ่นหลังกว้างของเจ้าของอ้อมแขนที่รัดร่างของเขาเอาไว้ ดวงตาคมเข้มของอู๋อี้ฟานยังคงปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอที่บ่งบอกได้ว่าห้วงนิทราของร่างสูงคงจะอยู่ลึกลงไปไกลแสนไกล
นิ้วเรียวยกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมที่ร่วงลงมาปิดใบหน้าคมคายเบาๆ เหน็บมันขึ้นไปไว้เหนือหน้าผากก่อนจะเลื่อนดวงตาของตัวเองมาสำรวจใบหน้าคมในระยะประชิด
ใบหน้าของคริสคงเป็นตัวแทนผลงานจากพระเจ้าได้ดีที่สุด จมูกโด่งได้รูปนั้นโค้งได้สวยงามไร้ที่ติ แพรขนตาที่เรียงตัวกันลงมาประดุจผืนผ้าที่ถูกถักทอจากตรึงสายตาของเซฮุนไม่ให้ได้เบนหนีไปทางไหนอีก
โอเซฮุนไม่เคยได้เห็นอี้ฟานในระยะประชิด ทั้งที่รู้จักชื่อนี้มานานแสนนาน เขาไม่เคยรู้เลยว่าร่างสูงกำยำที่มีใบหน้าเข้มคมจะอบอวลไปด้วยไออุ่นที่มากมายขนาดนี้มากเสียจนบางครั้งเขาเผลอลืมใบหน้าของคิมจงอินไปได้ในชั่วขณะหนึ่ง
แต่พระเจ้าก็ช่างใจร้ายที่มอบน้ำตาและความเจ็บปวดมาให้กับผู้ชายคนนี้เสมอ บางทีถ้าอู๋อี้ฟานไม่รักเขามากขนาดนี้ ริมฝีปากหยักสวยที่เหมือนกับภาพวาดของจิตกรเลื่องชื่อก็คงไม่ต้องบิดเบ้หรือคว่ำลงมาบ่อยครั้งนักหรอก
“เลิกรักคนอย่างผมเถอะนะครับ..” เสียงหวานกระซิบแผ่วเหมือนจะไม่แน่ใจว่าต้องการให้คนในอ้อมแขนได้ยินดีหรือไม่ กระนั้นมันก็สายไปเสียแล้วเมื่อแพคนตาหนากระพริบถี่ก่อนค่อยๆเปิดออก... ดวงตาคมเข้มนั้นสบมองไปยังเจ้าของประโยคที่ยังคงทอดสายตาลงมามองเขาไม่ห่าง
“ทำไมหล่ะ?”
“ฮยองจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดไงครับ”
“จริงเหรอ...” เขาย้อนถามคนที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอันแหบพร่า อี้ฟานเบียดกายใต้ผ้าห่มเข้าหาคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะรั้งร่างนั้นเข้ามากอดเอาไว้แน่นอแนบทุกอนูเนื้อที่สัมผัสกันเต็มไปด้วยความร้อนที่เหมือนจะแผดเผากันละกันได้
“...” โอเซฮุนไม่ให้คำตอบเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าการทำแบบนั้นจะช่วยได้จริงหรือเปล่า ร่างบางจึงกลอกสายตาไปมาเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนคาดคั้น
“การไม่รักนายมันเจ็บปวดกว่ามาก... มากกว่าที่นายไม่เคยรักพี่เสียอีก” ปลายจมูกของคริสแนบลงบนแก้มนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมอ่อนๆอันมีเอกลักษณ์ทำให้เขาไม่สามารถถอนใบหน้าออกมาได้และต้องค้างผัสสะของตัวเองไว้เช่นนั้น
เซฮุนหลับตาลงแล้วพยายามรับรู้ถึงลมหายใจที่คลอเคลียอยู่ตรงข้างแก้ม มวลอากาศที่ลอยอยู่ในพื้นที่แคบๆอุ่นเสียจนต้องเอื้อมแขนออกไปรั้งเจ้าของเอาไว้ไม่ให้หายไปไหน โอเซฮุนซุกตัวเข้าไปในอ้อมอกของร่างสูงใหญ่จนแทบจะจมหาย เขาไม่สนใจว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสูงแค่ไหน อากาศจะหนาวเพียงใด หรือนี่มันเวลาอะไร.... การที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของคริสโดยมีลมหายใจอุ่นเป่าคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มมันทำให้เขาลืมทุกอย่างไปได้
ลืมแม้กระทั่ง คิม จงอิน
To Be Continue
stroberi ★
ความคิดเห็น