คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER II.
CHAPTER II
คนดุร้ายที่คิดค่าเดินไปมินิมาร์ทฝั่งตรงข้าม
คยูฮยอนปรือตาขึ้นรับแสงแดดจ้าซึ่งส่องสะท้อนผ่านบานหน้าต่างมาตกบนเปลือกตาของเขาอย่างเชื่องช้า ร่างผอมบางขยับตัวไปบนผืนเตียงนอนกว้างที่ไม่ค่อยคุ้นชิน รวบรวมสติสักพักเพื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่พอจะจำได้ลางๆว่าพี่คิบอมเอาเข้ามาฝากไว้ที่ห้องของเพื่อนสนิทซึ่งมีหนังสือและซีดีโป๊เกลื่อนกลาด... เจ้าของห้องชื่อชเวซีวอน
“อ่า...” พลิกตัวกลับข้างเพื่อมองไปยังอีกฝั่งของเตียงที่ควรจะมีพี่ซีวอนนอนอยู่ตรงนั้น แต่ตอนนี้พื้นที่ดังกล่าวกลับว่างเปล่า มีเพียงรอยยับย่นกับผ้าห่มที่ขดเป็นเกลียวเท่านั้น
ความจริงแล้วคยูฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะถือวิสาสะมานอนเตียงเดียวกับเจ้าของห้องเลยสักนิด แล้วก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นด้วยตั้งแต่เจอหนังสือกับซีดีอะซัมบาราฮึ่ยพวกนั้น.... (ไม่กล้าพูดหรอกนะว่ามันคืออะไร) แต่หลังจากโดนลากตัวลงไปกินข้าวเย็นข้างล่างแล้วถูกไล่ให้ขึ้นมาอาบน้ำบนห้องเมื่อตอนหัวค่ำ พี่ซีวอนที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีห้องว่างอีกห้องหนึ่งจึงบอกกับเขาว่า…
“ที่นี่มีห้องนอนห้องเดียว แล้วก็มีเตียงเดียว”
“งั้นผมนอนโซฟาก็ได้ครับ...”
“ไม่ต้องหรอก แชร์กันคนละครึ่งเตียงก็ได้... ฉันโอเค”
“...” ผมนี่แหละครับที่ไม่โอเคหน่ะ T___T
“ตามนั้น”
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น โจวคยูฮยอน...”
หลังจบบทสนทนาแล้วพี่ซีวอนก็ทำหน้าตาขมึงทึงใส่ผมก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้แล้วค้อมตัวลงมาจนหน้าเราสองคนแทบจะชิดกัน หัวใจผมนี่เต้นแรงมากเหมือนจะหลุดออกมาเซิ้งตรงกลางห้องแล้วครับ ยิ่งตอนที่พีเขาเลิกคิ้วขึ้นมาเหมือนจะถามว่ามีปัญหาอะไรไหมผมก็ได้แต่ส่ายหน้ารัวๆ พยายามก้าวถอยหลังจนตัวเกือบจะชิดผนังห้อง ตอนนั้นเองที่ผมได้เรียนรู้แล้วว่าสถานการณ์อันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อพี่ซีวอนโน้มหน้าลงมา
อันที่จริงผมจะกล้าเถียงพี่เขาต่ออีกสักนิดถ้าพี่เขาไม่ได้มีผ้าขนหนูผูกเอวอยู่ผืนเดียวเพราะกำลังเตรียมตัวจะเข้าไปอาบน้ำ... การแต่งกายแบบนั้นมันพร้อมเผด็จศึกกันเลยนะครับ ผมควรสงบปากสงบคำไว้ดีกว่า
“หิวหรือยัง ?”
“เฮือก !” ระหว่างที่ความคิดกำลังกลิ้งตัวไปไกลแสนไกล เสียงทุ้มต่ำที่คยูฮยอนจดจำได้ขึ้นใจว่าเป็นเสียงจากเจ้าของห้องสูทหรูแห่งนี้ก็ดังขึ้นมาที่ข้างหูทำให้คนที่เพิ่งตื่นนอนสะดุ้งจนตัวโยน ใบหน้าหวานเผลอสะบัดกลับไปดูแล้วก็ต้องตกใจเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบสามเท่าเมื่อไอ้คนที่มีแค่ผ้าขนหนูพาดเอวแบบเมื่อคืนยืนคร่อมเขาจากข้างเตียง แขนแกร่งที่มีมัดกล้ามให้เห็นชัดเจนพาดมาคร่อมอยู่แถว ๆ สีข้าง ปล่อยหยดน้ำตามเส้นผมและลำตัวหยดแหมะมาบนเสื้อนอนของคยูฮยอน
“หืม... หิวหรือเปล่า ?” ชเวซีวอนก้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกรั้นของคนเพิ่งตื่น ใกล้จนได้กลิ่นสบู่ที่ติดตัวมา ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตที่ยังมีขี้ตาติดอยู่นั้นเบิกโพล่ง ท่าทางตื่นตระหนกตกใจเหมือนลูกแมวกลัวน้ำของคยูฮยอนมันทำให้ซีวอนรู้สึกหมั่นเขี้ยวเสียเหลือเกิน
น่าฟัดเหี้ย ๆ เลยเหอะ...
“ค คระ..ครับ” หัวกลมทุยกดศีรษะลงไปแทบจะจมหายไปกับหมอน พยายามขยับใบหน้าพยักเป็นการตอบคำถามแต่มันก็เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะใบหน้าคมเข้มนั้นอยู่ใกล้กับเขามากเกินไปซึ่งมันทำให้คยูฮยอนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยสักนิด… นี่ไงครับ สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ T__T
“สกปรกจริง...” คนที่ยืนคร่อมอยู่ในท่าทางอันแสนจะเซ็กซี่ (?) ถอนตัวขึ้นมาเล็กน้อยเพื่ออิงสะโพกข้ากับขอบเตียงแทนมือข้างที่ใช้ค้ำยันอยู่ ซีวอนเกลี่ยขี้ตาก้อนโตของเด็กน้อยที่นอนตัวแข็งตัวเกร็งจมเตียงอยู่ใต้เงาด้วยปลายนิ้วของตัวเองแล้วถือโอกาสโน้มใบหน้าไปกดริมฝีปากลงบนแก้มนุ่มขาวผ่องที่มีสีแดงระเรื่อให้เห็นอยู่อ่อน ๆ ซึ่งแม่งน่ารักมากจนเขาไม่คิดจะทนให้เปลืองความพยายาม
“O[]O!!”
“ลุกไปอาบน้ำซะ... เดี๋ยวจะออกไปหาอะไรให้กิน” พูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงนิ่งเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำเมื่อครู่ แต่คนที่นอนฟังอยู่นั้นช็อคมากเกินกว่าจะขยับตัวไปไหนแล้ว ชเวซีวอนผละกายขึ้นมาจากเตียง หันหลังให้คนที่นอนแผ่อยู่แล้วจับผ้าเช็ดตัวของตัวเองผูกให้กระชับขึ้นก่อนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าตรงผนังห้อง และการได้เห็นแผ่นหลังของซีวอนชัดเต็มสองตามันก็ทำให้คยูฮยอนเห็นรอยสักเป็นข้อความภาษาอังกฤษที่พาดคร่อมบ่าของซีวอนอยู่
“Virginity can be lost by a thought”
“อย่าให้ฉันต้องอุ้มนายเข้าห้องน้ำนะโจวคยูฮยอน...” สมองช้า ๆ ของคนง่อยภาษาอังกฤษยังไม่ทันจะประมวลผลแปลความหมายอะไรกับข้อความนั้น เสียงทุ้มจากร่างสูงที่ไม่รู้ว่าใส่เสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ก็เบนความสนใจของลูกแมวที่กำลังสติแตกออกมา ซีวอนสบตาคยูฮยอนด้วยแววตาดุดันของตัวเองผ่านบานกระจกตรงหน้า ยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับประโยคที่เอ่ยขู่เมื่อสักครู่แล้ว คยูฮยอนยิ่งกลัวหนักเข้าไปใหญ่
“คระ..ครับ !” กุลีกุจอดีดตัวเองขึ้นมาจากผืนเตียงเพื่อวิ่งตรงไปยังห้องน้ำด้วยความตื่นกลัว แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปเจ้าของห้องก็เอ่ยรั้งเอาไว้เสียก่อน
“อย่าลืมผ้าเช็ดตัว...”
“อ๋อ...อ๋อ...ขอบ ขอบ... ขอบคุณครับ !” รีบคว้าเอาผ้าที่วางอยู่ใกล้มือที่สุดมาแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ กระแทกบานประตูปิดดังปังใหญ่อย่างลืมตัวก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าบานกระจกเหนืออ่างล้างมือ คยูฮยอนหอบหายใจหนักหน่วงจนอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วและได้ยินเสียงหัวใจชัดเจนเต็มสองรูหู
ดวงตากลมมองสภาพยุ่งเหยิงของตัวเองในกระจกแล้วถอนหายใจออกมาหลายเฮือกด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเนื้อที่สามารถหนีรอดกรงเล็บของสิงโตมาได้ มือเรียวยกขึ้นทาบที่ข้างแก้มซึ่งเมื่อครู่มันโดนปลายสัมผัสด้วยริมฝีปากที่ชอบยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ไม่ต่างอะไรจากดวงตาคมคู่นั้นที่ทำให้ขนลุกซู่ได้เพียงแค่เหลือบมอง คยูฮยอนหลับตาปี๋ สะบัดหัวไปมาสองสามครั้งไล่ภาพชเวซีวอนผู้อันตรายอย่างสุดซึ้งจากสมองแล้วพาดผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ไปบนราวที่ผนัง
แต่ก็ต้องผงะเมื่อพบว่าไอ้ผ้าที่เขาคว้ามานั้น...
มันคือผืนที่ผูกเอวพี่ซีวอนอยู่เมื่อตะกี้นี้ ! T[]T !!!!!!!!!!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็กินเวลาไปสักพักเพราะต้องรอจังหวะที่ได้ยินว่าพี่ซีวอนออกไปจากห้องนอนเพื่อก้าวออกมาเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวเป็นผืนใหม่ คยูฮยอนแต่งตัวในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวใหญ่สบาย ๆ เดินออกมาจากห้องนอนของอีกคนอย่างเชื่องช้า เหลือบมองเข้าไปในครัวก็เห็นคนตัวสูงนั่งจิบกาแฟอยู่บนโต๊ะอาหารและตรงหน้าก็มีแก้วกระเบื้องสีขาววางนิ่งอยู่
“อันนี้...”
“ของนายนั่นแหละ” เด็กน้อยชะโงกหน้าลงไปดูในแก้วว่ามันบรรจุอะไรอยู่ กลิ่นหอมของโกโก้ทำให้ร่างบางเผลอคลี่ยิ้มออกมาเพราะมันคือของโปรดที่นาน ๆ ครั้งถึงจะได้กินที ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าโกโก้มันเป็นของแพง ลำพังบ้านที่ขายกับข้าว ทำร้านอาหารเล็ก ๆ อย่างเขาจะซื้อกินนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกิน พอย้ายมาอยู่ในโซล พี่คิบอมวันก็ชงแต่น้ำขิง สลับกับกินเหล้ากินเบียร์ โกโก้ไม่ต้องพูดถึงหรอก คนอย่างพี่คิบอมไม่แยแสด้วยซ้ำว่าเขาชอบหรือไม่ชอบกินอะไร -___-
“ขอบคุณครับ ^^” ลืมวินาทีเสี่ยงตายในห้องนอนไปจนหมดสิ้นเพียงแค่ได้เห็นของกินที่ชอบ คยูฮยอนหย่อนตูดลงนั่งบนเก้าอี้บาร์ตัวสูง ใช้สองมือประคองแก้วกระเบื้องตรงหน้าขึ้นมาเป่าฟู่ไล่ความร้อน
“ขนมปังแยมหรือทูน่า ?” คนตัวสูงผละออกมาจากโต๊ะเพื่อตรงไปเตรียมอาหารเช้าหันมาถามลูกแมวฝากเลี้ยงที่นั่งอยู่ด้านหลัง คยูฮยอนหันหน้ากลับไปมองตรงที่ซีวอนยืนอยู่ซึ่งเขาพบว่ามันมีขนมปังปิ้งหลายแผ่นวางคู่กับกระป๋องทูน่าและแยมสตรอเบอรี่
แหม่... ก็เกรงใจอะนะ แต่ชอบทั้งสองอย่างเลยอ่ะ -..-
“เอาอย่างละครึ่งได้ไหมครับ ?”
“แมวตะกละ...”
“-3-” พ่อครัวตัวสูงบ่นพึมพำออกมาแบบไม่จริงจังอะไรก่อนจะหันไปป้ายทูน่าลงบนแผ่นขนมปัง แต่ไอ้คนที่ได้ยินคำนั้นกลับยู่หน้าเข้ามาหากัน... อะไรกัน เขาไม่ใช่แมวตะกละสักหน่อย นี่อุตส่าห์กินอย่างละครึ่งแล้วนะ... ถ้าเขาตะกละจริงหล่ะก็ เขาขออย่างละชิ้นไปแล้วเหอะ ! -3-
ไม่นานเกินรอ อาหารเช้าซึ่งทำง่ายที่สุดในโลกก็ร่อนมาวางอยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อย (มันต้องใช้คำว่าร่อนจริง ๆ เพราะพี่ซีวอนโยนมามาจากตรงที่ตัวเองยืนได้อย่างแม่นยำ) พ่อครัวจำเป็นสาวเท้าเดินอ้อมมานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะเริ่มประเดิมแซนด์วิชนั่นก่อนเป็นคนแรกตามมารยาทแล้วคยูฮยอนค่อยหยิบมากินบ้าง
มื้ออาหารไร้บทสนทนาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าก้มตาละเมียดละไมกับขนมปังสามสี่แผ่นของตัวเองโดยไม่คิดจะพูดจะจาอะไรกันสักคำ คยูฮยอนก็ได้แต่เคี้ยวตุ้ย ๆ เงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียงไปรบกวนเจ้าของห้องที่นั่งเปิดหนังสืออะไรสักอย่างเกี่ยวกับดนตรี พลิกอ่านไปทีละหน้าอย่างใจเย็นพร้อมกับกัดขนมปังเข้าปากทีละคำเล็ก ๆ เท่านั้น (ต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงเลยหล่ะ...)
“นายเรียนที่ไหน ?” อยู่ดี ๆ ซีวอนที่กำลังเพ่งมองตัวหนังสือในแผ่นกระดาษมาเกือบครึ่งชั่วโมงก็เงยหน้าขึ้นมาถามเขาที่ซดโกโก้เย็นชืดในแก้วลงคออยู่ คยูฮยอนรีบกลืนน้ำสีน้ำตาลข้นลงไปแล้วตอบคำถามอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าเดี๋ยวซีวอนจะไม่พอใจเข้า
“มัธยมคยองฮีครับ...”
“อ่าว ก็ข้างมอพี่หนิ ?”
“ครับ ผมอยากต่อที่คยองฮีหน่ะครับ แหะๆ...”
“ต่ออะไรหล่ะ ?”
“ก็ยังไม่แน่ใจเลยครับ ที่จริงผมอยากเรียนทางด้านศิลปะแต่ที่บ้านเขาอยากให้เรียนวิศวะไม่ก็บริหารอ่ะครับ จะได้มีงานทำ” คยูฮยอนตอบคำถามคนช่างซักที่ยอมละใบหน้าออกมาจากหนังสือเพื่อมองหน้าเขา ดูสิ... แม้แต่ตอนคุยเรื่องธรรมดาทั่วไปทำไมยังรู้สึกกลัวซีวอนอยู่ดีก็ไม่รู้
“แม่งขี้ขลาดหว่ะ...”
“...”
“ดูสิ... ขนาดฉันพูดยังหลบตา... ชอบอะไรเรียนไปดิ เดี๋ยวมันมีงานให้ทำเองนั่นแหละ ถ้าไม่มีงานเขาจะเปิดมาทำไม...” ซีวอนใช้หางตาปรายมองเด็กขี้ขลาดตรงหน้าราวกับว่าเมื่อสักครู่คยูฮยอนไปทำความผิดอะไรมา คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคอพลางเหลือบมองเจ้าของเสียดแทงที่ทำให้เขากระตุกวูบไปเพราะรู้สึกเหมือนโดนแทงใจจนพรุน... ก็ดูหางตาเมื่อตะกี้นี้สิ ! แค่คิดก็ขนลุกแล้วอ่ะ T__T
“...”
“...”
“ละ..แล้ว.. แล้วฮยองเรียนอะไรเหรอครับ ?” คนขี้ขลาดในสายตาของซีวอนพยายามจะแก้ต่างให้ตัวเองด้วยการเค้นเสียงถามซีวอนกลับไปบ้าง อันที่จริงคยูฮยอนก็รู้คำตอบอยู่แล้วหล่ะแต่เขาไม่อยากเป็นคนขี้ขลาดในสายตาซีวอนก็เลยพยายามรวบรวมความกล้าช้อนลูกตาตัวเองขึ้นมาจ้องแล้วถามออกไป ครั้นเมื่อร่างสูงหันมาเห็นแววตาสั่น ๆ ที่พยายามจะหลบเมื่อเขามองกลับมาบ้างก็ได้แต่แค่นยิ้มและเลือกที่จะช่วยเด็กน้อยผู้น่าฟัดเสียให้แก้มยุบไม่ตกใจตายไปเสียก่อนด้วยการก้มหน้าลงไปมองหนังสือเหมือนเดิม
“ดุริยางค์ เอกดนตรีสมัยนิยม...”
“อ่า.. มันเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ ?”
“ก็พวกเพลง ทำเพลงเพื่อการแสดง เพลงเพื่อโฆษณา เอาง่าย ๆ ก็เหมือนเรียนแต่งเพลง”
“อ้อ.. ถึงว่าฮยองมีเครื่องดนตรีเยอะมากเลย” คยูฮยอนหันหน้าออกไปมองเครื่องดนตรีที่วางอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของห้องตามที่เขาได้สำรวจมาเมื่อวาน... ดูยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซีวอนหน่ะเรียนดนตรงดนตรีอะไรทำนองนั้น เขาจำได้ว่าพ่อเคยบอกว่าคนที่เล่นดนตรีจะใจดี ใจเย็นเหมือนพ่อ (พ่อเขาเป็นอดีตศิลปินเชียวนะ แค่ไม่ดังเท่านั้นเอง) แต่พี่ซีวอนนี่ตรงกันข้ามกับพ่อเลยเหอะ
หน้างี้เครียดยิ่งกว่านักวิทยาศาสตร์สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมอีก !
“อืม มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น”
“แล้วพี่ซีวอนจบไปจะไปทำอะไรอ่ะครับ...”
“...” หันไปต่อบทสนทนากับคนที่ยังก้มหน้าอยู่กับหนังสือแต่ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อชเวซีวอนไม่ได้ตอบคำถามนั้นทันทีเหมือนอย่างที่เขาคิด กลับกัน ร่างสูงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือในมือแล้วมองมาด้วยสายตาน่ากลัวจนคยูฮยอนไม่กล้าสบตาคู่นั้นและต้องแสร้งทำเป็นก้มลงมองขนมปังในมือของอีกคน (แซนด์วิชเขาเพิ่งหมดไปเมื่อตะกี้นี้เองอ่ะ ไม่น่ารีบกินเลย .___.)
“ก็เพิ่งบอกอยู่ว่าชอบอะไรให้เรียนไป ! เรื่องงานอย่าไปคิดมัน !”
“.____.” *นั่งก้มหน้านิ่งประหนึ่งฟังเทศน์*
“ถ้าชอบอะไรก็ทำไป ทำได้ดีแล้วอนาคตมันก็ดีเองแหละหน่า ! พูดจาไม่รู้เรื่องหรือไง...”
“... คระ.. ครับ” พยักหน้ารับคำเสียงอ่อนเมื่อโดนขึ้นเสียงใส่...
“จริง ๆ เลย ว่าจะอารมณ์ดีสักหน่อย... ไป ๆ ลุกได้แล้ว” ซีวอนขมวดคิ้วจนย่นแล้วปิดหนังสือในมือของตัวเองลงก่อนจะยัดขนมปังที่เหลืออยู่ครึ่งแผ่นเข้าปาก เขาดันตัวเองขึ้นมาจากเก้าอี้เพื่อตรงไปยังซิงค์ล้างจานพร้อมกับแก้วและจานของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ
คยูฮยอนเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นว่าซีวอนดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เขาพยายามรวบรวมความกล้าของตัวเองอีกครั้งเพื่อหยิบแก้วเดินตามซีวอนไปที่ซิงค์ล้างจานแล้วค่อย ๆ วางแก้วน้ำลงไปในอ่างในขณะทีเจ้าของห้องยืนใช้ฟองน้ำถูจานอยู่
“พี่ซีวอนจะไปไหนเหรอครับ ?”
“ไปไหนห่าอะไรหล่ะ... จะเก็บห้อง ! หรือนายจะเอาข้าวเอาของไว้ในกระเป๋าอย่างนั้นตลอดจนเชี่ยคิบอมกลับมารับหรือไงห๊า ?!!” ซีวอนหันใบหน้าไม่สบอารมณ์กลับมามองหน้าเด็กที่เตี้ยจากเขาประมาณข้อศอกแล้วพูดเสียงดัง ถลึงตาใส่จนคยูฮยอนต้องหดคอหลับตาปี๋ คนที่ยืนหน้าเบ้อยู่แล้วยิ่งเบ้หน้าหนักเข้าไปใหญ่แต่ก็ทำใจแข็งยิ้มแหย ๆ ออกไปสู้กับเสียงดังโครมครามเหมือนฟ้าลั่น... หูย ! เขาชักสงสัยแล้วว่าพี่ซีวอนนี่หูดับหูบอดหรือเปล่า ทำไมชอบขึ้นเสียงใส่จังนะ !
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
กับคนที่โดนบังคับมาตลอดชีวิตอย่างเขาหน่ะ... การหนีรอดออกมาจากบ้านใหญ่หลังนั้นมันเหมือนสวรรค์มากแค่ไหนไม่มีใครรู้หรอก !
“ยังไงซะมันก็เป็นธุรกิจของเราทั้งนั้น ! ลูกคิดว่าแม่จะยอมยกมันให้น้าอึนบีหรือไง !”
“แม่ก็รู้ว่าผมไม่ได้ชอบบัญชีหรือบริหารอะไรนั่นนี่ครับ ! แม่บังคับผมไปมันก็เท่านั้น สมบัติแม่ตายไปยังไงก็เอาไปไม่ได้อยู่แล้วอ่ะ !” เสียงทุ้มต่ำของเด็กชายวัยมัธยมปลายที่สะพายกีต้าร์ไว้กับหลังตะโกนขึ้นเถียงผู้เป็นแม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมคายที่เหมือนกับผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยน้ำตาที่รื่นอยู่ตรงขอบตาของตัวเองที่กำลังหมดทางเลือก
“แล้วดนตรีมันมีอะไรดีนักหนาห๊ะ ! อนาคตแกมันก็เป็นได้แค่นักดนตรีไส้แห้งเท่านั้นแหละ !!”
“แล้วผมจะทำให้ดูแล้วกันว่าดนตรีมันไม่ได้ทำให้ใครไส้แห้ง !” กระแทกฝ่าเท้าดังปึงปังออกไปนอกบ้านแม้จะได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเองตามหลังมาแล้วก็ตาม เด็กชายชเวซีวอนยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากดวงตาคมกริบของตัวเองท่ามกลางฝนที่สาดกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้า
เขาน้อยใจพระเจ้าชะมัดที่ส่งเขาลงมาอยู่ในบ้านตระกูลชเว
บ้านที่ร่ำรวย มั่งคั่ง มั่นคง แต่ไม่มี ความสุขเลยสักนิดเดียว...
“พี่ซีวอน สรุปผมวางรูปตรงนี้ได้ป่าวครับ ?” เขาถูกสะกิดให้หลุดขึ้นมาจากห้วงความคิดด้วยเสียงของเด็กเจ้าปัญหาที่นั่งอยู่ข้างกันบนเตียง คยูฮยอนชูกรอบรูปที่ว่าขึ้นมาเพื่อถามย้ำเขาอีกครั้งและมันก็ทำให้ซีวอนได้ปรายตามองรูปในกรอบไม้อันนั้นได้เต็มตา
“วางไปสิ... ทำอย่างกับจะมาอยู่ถาวรเชียวนะ” วางโน้ตเพลงที่ตัวเองเพิ่งจะเขียนมาได้แค่สองห้องกลับเข้าไปในแฟ้มแล้วเอ่ยประชดประชันออกไปด้วยความอิจฉาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เห็นว่าโจวคยูฮยอนช่างเป็นเด็กที่มีบ้านอันแสนอบอุ่น รอยยิ้มของทุกคนในรูปดูจริงใจและมันก็ทำให้คนมองอย่างเขาอดไม่ได้ที่จะจดจ้องอยู่อย่างนั้นสักพัก
“ก็ผมคิดถึงแม่นี่ครับ...” คยูฮยอนให้คำตอบในขณะที่มือบางก็วางแหมะมันลงไปบนหัวเตียงที่เขาเพิ่งจะตกลงว่าพื้นที่ฝั่งซ้ายติดโคมไฟเป็นของคยูฮยอน ส่วนฝั่งขวาติดหน้าต่างเป็นของเขา (ซึ่งไอ้เด็กเจ้าปัญหานั่นแอบโวยวายเรื่องตัวเองไม่ได้นอนติดหน้าต่างแล้วก็แขวะเขาออกมาสองสามคำ)
“ไหนไอ้คิบอมวะ ?”
“อ๋อ.. พี่คิบอมไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ หรอกครับ ที่จริงผมมีพี่ชายอีกคน แต่เขาหนีไปแต่งงานกับฝรั่งแล้วครับ...” ว่าไปก็ชี้หน้าไอ้พี่ชายแท้ ๆ ตัวดีที่ยืนโอบแม่ยิ้มแฉ่งอยู่ในรูป คยูฮยอนเบ้หน้าขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความจงเกลียดจงชังพี่ชายคนโตของตัวเองแต่ก็ไม่อยากแสดงออกมามากมายนักเพราะเกรงว่ามันจะดูไม่เหมาะสม
“อ่อ..”
“พี่คิบอมเป็นลูกของคุณป้าที่เลี้ยงผมตอนเด็ก ๆ ครับ”
“อ่อ มันเลยใช้คนละนามสกุลกับนาย ?”
“ครับ...”
“อืม แต่ท่าทางนายแม่งไม่เหมือนลูกคนเล็กเลยหว่ะ”
“เหรอครับ... คงเพราะผมไม่ค่อยอยู่กับพี่ชายมั้งครับ”
“คงงั้นมั้ง” ยักไหล่กว้างแทนการทิ้งท้ายให้กับคำถามปลายเปิดของตัวเองแล้วลุกขึ้นมาจากผืนเตียงเพื่อตรงไปจัดการตะกร้าผ้าที่มุมห้องซึ่งมีกองผ้ามหึมาเอ่อล้นออกมา “จะเอาผ้าลงไปส่งร้านข้างล่าง นายจะซักอะไรไหม ?”
“ไม่เป็นไรครับ... ผมชอบซักเองมากกว่า แหะๆ” ยิ้มแหยให้กับอีกคนที่ยืนเก็บผ้าลงไปในตะกร้าอยู่ ซีวอนเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ทำให้คยูฮยอนต้องเริ่มอธิบายให้รายละเอียดเพิ่มเข้าไป “ผมไม่ค่อยไว้ใจเครื่องหน่ะครับ บางทีมันก็ไม่สะอาด”
“แต่ฉันไม่มีแฟ้บ...”
“งั้นถ้าพี่ซีวอนลงไปผมฝากซื้อแฟ้บกับน้ำยาปรับผ้านุ่มได้ไหมครับ ?”
“ไอ้แมวนี่.... -____-” ดวงตาคมมองไอ้แมวตัวขาวที่นั่งยิ้มตาหยีอยู่บนเตียงนอนของเขาอย่างน่าฟัด ซึ่งท่าทางน่ารักแบบนั้นมันทำให้แล้วสมองกลม ๆ ของซีวอนก็คิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาออก... ถึงแม้จะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันดีสำหรับคยูฮยอนหรือเปล่าก็ตาม
ร่างสูงหิ้วตะกร้าผ้าไปหยุดยืนที่ข้างเตียงก่อนจะวางมันลงบนพื้น มือหนากร้านจับปลายคางเรียวของไอ้เด็กฮยอนหน้าแมวขึ้นมามองหน้าเขาทางตรง แน่นอนว่าเด็กนั่นก็แสดงสีหน้าเหรอหราที่พอมองใกล้ ๆ แล้วแม่งอยากฟัดให้เสียสาว (?) ออกมาชัดเจน ซีวอนได้ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกครั้งก่อนจะแนบริมฝีปากตัวเองลงกดจูบแน่น ๆ บนเรียวปากสีชมพูอิ่มคู่นั้น
คยูฮยอนเบิกตากลมที่โตอยู่แล้วให้โตหนักขึ้นมาเป็นไข่ห่านเมื่อโดนอีกชิงจูบไป หนำซ้ำไอ้คนที่ยืนจูบเขาอย่างไร้เหตุผลยังค้างริมฝีปากเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมมีการขบเบา ๆ ลงมาบนเนื้อนุ่มหยุ่นตรงนั้น ทำให้ความคิดจะขัดขืนเหมือนโดนกลืนเข้าไปด้วย เลยได้แต่นั่งนิ่งขยับไปไหนไม่ได้อยู่อย่างนั้น... รู้ตัวอีกทีก็ตอนคนที่บอกว่าจะเอาผ้าไปซักผ้าถอนริมฝีปากออกมาแถมจุ๊บเบา ๆ ตรงมุมปากซ้ำอีกครั้ง
“ค่าเดินไปมินิมาร์ทฝั่งตรงข้ามแล้วกันนะ” พี่ซีวอนยกยิ้มร้ายกาจ (มาก!!!) ออกมาก่อนจะหิ้วตะกร้าขึ้นมาถือไว้แล้วเดินออกไปจากห้อง... ทิ้งเขา(อีกแล้ว) ให้นั่งหน้ามึนเหมือนคนโดนวางยาอยู่บนเตียง คยูฮยอนยกนิ้วขึ้นมาแตะปากตัวเองย้ำไปย้ำมาด้วยความไม่อยากเชื่อว่าเมื่อสักครู่นี่มีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น
เฮ้ยเดี๋ยวก่อน... เมื่อตะกี้มันใช่ที่ในละครเรียกว่า ‘จูบแรก’ หรือเปล่านะ
T/////////////////////////////////T
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
จูบเร็วไปป่าววะ ? 555555555555555555555555555 แต่เรื่องนี้ทุกอย่างต้องไวไฟค่ะ เพราะพี่ซีวอนเราออกตัวแรงมากซะขนาดนั้น ฮ่า ๆ
เอาจริง ตอนนี้เหมือนเท้าความ (เขียนไง ?) ชีวิตของพระนาง(?)มากกว่า ซีวอนหนีมาจากครอบครัวเก็บกดก็เลยดูจะก้าวร้าวอะไรทำนองนั้น ส่วนคุณคยูนี่เป็นเด็กหัวอ่อนที่ใครว่าอะไรก็เชื่อ... -..- เฮ้ย ที่จริงเรื่องนี้มีสาระนะ... อย่างที่บอก คุณคยูอยู่ ม.5 ขึ้น ม.6 เป็นช่วงที่ต้องเลือกทางเดินในชีวิต ซึ่งบอกเลยว่าความเด็ดเดี่ยวพี่ซีวอนจะมีผลต่อความคิดความอ่านของนางมากในเนื้อเรื่องตอนถัด ๆ ไป
นั่งอ่านคอมเมนต์แล้วขำมากอ่ะ คือไม่มีใครสงสารคุณคยูเลยแม้สักคนเดียว มีแต่คนเชียร์ให้พี่วอนจับนางอะซัมบาราฮึ่ยเร็ว ๆ 55555555555555555555555555
ตอบคำถามนะ คณะดุริยางคศิลป์ เอกดนตรีสมัยนิยม เนี่ยมันไม่มีจริงที่คยองฮีหรอก แต่มันมีที่มหิดลฯบ้านเรานี่แหละ ! จีนไปยืมชื่อมามิกซ์เพื่อให้ซีวอนดูเท่ห์เฉย ๆ เพราะที่คยองฮีเอกนี้มันอยู่ในคณะ ศิลปกรรม (Fine Art) ชื่อว่า เอกดนตรีสมัยนิยม (Modern Music) ที่คุณคยูฮยอนของเราเรียนอยู่นั่นแหละ อย่าจริงจังมาก จีนแค่อยากทำให้พี่ซีวอนดูเท่ห์ด้วยคำว่า ดุริยางคศิลป์เฉย ๆ บอกพี่ซีวอนคณะศิลปกรรม มันให้ความรู้สึกเซอะร์ ๆ ยังไงไม่รู้ -.-
ปล. เรื่องคำผิดอ่ะ ช่วยเช็คได้เลยนะ จีนสะกดผิดเยอะมากจีนรู้ตัวดี (แต่ขี้เกียจหา 55555) ใครรู้คำไหนเขียนยังไงให้ถูกช่วยบอกด้วยอันนี้ขอร้องเลย -/\-
ความคิดเห็น