ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Winter's Killer

    ลำดับตอนที่ #3 : .winter's killer {second}

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 55


              

    -second

    เวลาไม่ได้เปลี่ยนความคิด
    แต่ทำให้ได้คิดมากขึ้น

                ดวงตามองกวาดไปท่ามกลางความมืดรอบกายในสถานที่ที่เขาไม่ค่อยคุ้นชินนัก ถึงจะเป็นเช่นนั้น ฝ่าเท้าที่ถูกหุ้มเอาไว้ด้วยรองเท้าผ้าใบกลับยังคงเหยียบย่ำลงไปบนพื้นทางเดินอย่างเชื่องช้า ลมหายในพ่นพรูออกมาจนเห็นควันลอยอยู่ในระดับเดียวกับสายตาของตนเอง... ซีวอนยังคงมีเวลาที่จะคลี่ยิ้มให้ตัวเองในขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางลอยชาย

                กลิ่นเหม็นอับที่ต้องทนสูดเข้าไปกว่าสี่วันเพื่อแลกกับอาหารเช้า กลางวัน เย็นฟรี ๆ ทำให้จมูกของซีวอนรู้สึกสดชื่นขึ้นมากมากกว่าปกติเมื่อออกมาเดินอยู่ด้านนอกอาคาร เขาสูดหายใจเข้ามาจนเต็มปอดเมื่อลองคิดเล่น ๆ กับตัวเองดูว่าความหอมของดอกไม้ริมทางที่แสนจะเบาบางอาจพอช่วยขับกลิ่นอับที่ติดอยู่ภายในจมูกออกไปได้

                ใบหน้าคมเข้มหันกลับไปมองด้านหลัง อาคารเก่าซึ่งเขาเพิ่งจะเดินออกมาลับสายตาไปแล้ว นั่นอาจหมายถึงความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ส่วนระดับสองก็คือการที่ถนนเบื้องหลังของเขายังคงว่างโล่งโจ้ง ปลอดผู้คนอยู่ในเวลานี่เพราะนั่นหมายความว่าไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาอย่างซึ่ง ๆ หน้าได้... หากแต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับการที่มีใครสักคนซุ่มอยู่ที่ด้านหลังพุ่มไม้แล้วเล็งปืนมาทางเขาหรอก

                สมองที่หนักอึ้งอยู่แล้วจากการโดนทำร้ายด้วยสันกระบอกปืนเมื่อผนวกเข้าลมเอื่อยที่หอบเอาอากาศหนาวเย็นติดมาด้วยนั้นทำให้ซีวอนรู้สึกเหมือนตัวเองโดนกดที่ศีรษะย้ำไปย้ำมา... สัญญาณนี้ไม่ใช่ฤกษ์ดีของการสอดมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินทอดน่องแน่นอน ขายาวทั้งสองข้างจึงตัดสินใจก้าวฉับฉับตรงไปข้างหน้าเร่งความเร็วไปตามเส้นทางที่มืดมิดซึ่งไม่เคยถูกระบุเอาไว้ในความทรงจำ

                เขาไม่ได้มีเวลามากขนาดที่จะมานั่งรำลึกถึงเส้นทางที่ก้าวออกมาเรื่อย ๆ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เรียกว่าอะไร หรือรายละเอียดยิบย่อยอะไรก็ตามแต่ไม่ได้เข้ามาภายในหัวสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย ถึงจะเป็นอย่างนั้น ความจำก็ไม่ได้สั้นเสียจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปง่าย ๆ ในเวลานี้ซีวอนที่หอบลมหายใจ วิญญาณ และร่างกายของตนเองกลับมาถึงอพาร์ทเม้นต์ของตัวเองจึงได้แต่นั่งพักด้วยการกุมแก้วดินเผาเคลือบซึ่งบรรจุโกโก้เอาไว้ขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากและใช้ความคิดทบทวนไปถึงเรื่องราวสี่วันซึ่งเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

                “กูบอกแล้วให้ระวัง... เป็นไงหล่ะมึง ! เกือบเอาชีวิตไม่รอด ไอ้เด็กอมมือ... นี่ยังดีที่พวกนั้นฝีมือกระจอกงอกง่อย ลองให้คนในของคยูฮยอนมาคุมสิ มึงไม่เหลือชิ้นดีหรอกซังอุน... มันน่าโมโหมั๊ยเนี่ย ! มันน่าโมโหมั๊ยเนี่ยยยยยยย !! ฮึ่ยยยยย ~” ผ่านไปกี่ปี ควอน จียงก็ยงคงเป็นเหมือนเดิม... ไม่แสดงความรู้สึกของตนเองออกมาโดยตรงอย่างง่าย ๆ แต่จะขอให้ได้บ่นก่อนแล้วเมื่อพอใจเมื่อไหร่...

                “เป็นห่วงแทบแย่รู้มั๊ย... นึกว่าแกจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” เจ้าของชื่อซังอุนเหลือบตาขึ้นมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ด้วยแววตาขี้เล่น ไม่ได้ยี่หระกับความเสี่ยงสี่วันในห้องขังเลยแม่แต่น้อย... ทำไมหน่ะเหรอ ? เพราะว่าโจว คยูฮยอนก็จับไปได้แค่ตัวของชเว ซีวอนเท่านั้นแหละ ได้แค่ตัวของชเว ซีวอนแต่ไม่เคยได้รู้เลยว่า ควอน ซังอุน ทำอะไรเอาไว้บ้าง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความลับอาจมีค่าเท่ากับเรื่องโกหก
    คนที่มีความลับ... จึงมักพูดโป้ปด

              “นายชื่ออะไร ?”

              “ผม... ผมเหรอ ?”

              “เออสิ... กูถามไอ้ชองมั้ง !

              “...”

              “ผม... ซังอุนครับ”

              “สกุล ?”

              “ผมเป็นเด็กกำพร้า”

              “บัดซบสิ้นดี ฮ่า ๆ ! เด็กกำพร้าอยากจะฆ่า โจว อินซอง เรื่องตลกในตำนานกรีกเท่านั้นแหละ... บอกมาดีกว่า ! ซังอุน นามสกุลแกคืออะไร ?!” เหมือนว่าจียงจะไม่พอใจกับคำตอบแล้วแววตาแข็งกร้าวที่เจือความกังวลเอาไว้ในเบื้องลึกเท่าใดนัก จนคนที่ต้องตอบคำถามตัวสะดุ้งวาบด้วยความตกใจ... อย่างไรก็ตาม ซีวอนยังคงสามารถสงวนท่าทีเป็นกังวลของตนเองเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนเช่นเคย

              “ผมไม่มีนามสกุลจริงๆ...”

              “...” ชอง ยุนโฮบุคคลที่มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบหันหน้ามามองใบหน้าของเขาราวกับต้องการเค้นคำตอบ สายตาคมเฉียบสบเข้ามาในม่านตาของเขาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะหันไปมองหน้าจียงแล้วส่ายหัวเป็นการยืนยัน...

              “โอเค... งั้น... ต่อจากนี้ แกคือ ควอน ซังอุน เป็นเกียรติเลยนะที่ฉันยกนามสกุลให้นายมาร่วมหารด้วยเนี่ย...” เจ้าของฉายาซังอุนเหลือบมองใบหน้าของผู้ชายตัวผอมตรงหน้าด้วยท่าทางประหลาดใจ จียงทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเป็นครั้งที่สองในรอบปีนี้ แม้จะไม่ใช่ด้วยการมอบผ้าห่มหรืออ้อมกอดที่ทำให้ผิวเนื้อหยาบกร้านพ้นจากลมหนาวแต่เป็นไปด้วยคำพูดหยาบกระด้างที่เจือปนกับแววตาที่ทอดมองใบหน้าเขาราวเป็นลูกเป็นหลาน

              “...” ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะคลี่รอยยิ้มให้กับคนที่ตัวเล็กกว่า แขนผอมกระหร่องนั้นเอื้อมขึ้นมาลูบแก้มของผมสองสามครั้ง ตบบ่าอีกสักที ความสนิทสนมเกิดขึ้นภายในห้องเก็บเสียงในช่วงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น... แต่ป๊าสอนผมว่า มิตรภาพในสถานที่แบบนี้คงมีเพียงแค่ความฝันเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไรที่ควอน จียงจะต้องรู้ชื่อเสียงเรียงนามและประวัติแท้จริงของผม

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้าหากเรารู้อนาคตอยู่แล้ว
    เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย

                ลูกพี่... ในความคิดของผมก้าวออกจากห้องไปแล้วในตอนนี้และทิ้งให้ผมได้พักผ่อนอย่างสงบเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวจากอากาศหนาวเหน็บที่ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติก็ไม่เคยจะคุ้นชินเสียที ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อครู่ เดินตรงไปยังบริเวณครัวเพื่อวางแก้วโกโก้ของตนเองลงในอ่างล้างจานให้เรียบร้อย และไม่ให้เสียเปล่าเขาจัดการเปิดก๊อกน้ำ วักเอาน้ำเย็นนั้นขึ้นมาสัมผัสปะทะบนใบหน้าของตนเอง สลัดความรู้สึกแปลกประหลาดทั้งปวงออกไป

                เสียงประตูปิดลงนั้นเบาเสียจนซีวอนไม่สามารถได้ยิน หากแต่เขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่ลอดผ่านเข้ามาในช่วงจังหวะหนึ่ง ใบหน้าคมคายหันขวับไปทันทีพร้อมกับอิงแผ่นหลังของตนเองเข้าที่อ่างล้างจาน พยายามหลบซ่อนตัวเอาไว้หลังรอยนูนของเสาที่โผล่ออกมากั้นระหว่างครัวกับทางเดินเอาไว้ หากแต่เมื่อรองเท้าหนังคุ้นตานั้นย่างเหยียบเข้ามาเกยอยู่บนพื้นพรมแล้ว ลมหายใจที่จุกอัดอยู่ก็ถูกพ่นออกมา ซีวอนก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนเพื่อคว้าผ้าเช็ดหน้าของตนเองขึ้นมาซับหยาดน้ำเย็นออกไป

                “มีอะไรหรือเปล่า”

                “...” บุคคลผู้เข้ามาใหม่พร้อมกับไอเย็นโยนซองสีน้ำตาลให้กับเขา ชอง ยุนโฮไม่เคยตอบคำถามของใครจนเขาสงสัยว่าผู้ชายตัวสูงตรงหน้าที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กรอบแว่นกันแดดสีชานั้นอาจพิการทางด้านเสียงหรือการพูด แต่เปล่าเลย... ควอนจียงยืนยันกับเขาทุกประการแล้วว่ายุนโฮนั้นปกติดีและสามารถพูดได้เหมือนคนทั่วไป แต่เพราะว่า ไอ้ชองมีความเชื่อปักอกที่ว่าหากเราพูดอะไรออกไปแล้วคำพูดจะเป็นนายของเรา... ชองยุนโฮไม่ต้องการให้มีใครมากยืนค้ำหัว เขาจึงเลือกที่จะไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาจนกว่าจะพบว่าสิ่งที่ตนเองต้องเอ่ยออกมานั้นเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ

                “...” ในเมื่อเขารักที่จะอยู่กับความเงียบผมจึงสงเคราะห์มันด้วยการเปิดซองนั้นโดยไม่ตอบอะไรออกไป แฟ้มสีน้ำตาลขนาด A4 ที่มีรอยยับเล็กน้อยถูกหยิบขึ้นมาช้า ๆ ด้วยมือหยาบเย็นของผม ผมใช้ปลายนิ้วกรีดพลิกหน้ากระดาษออกมาเพื่อจะสำรวจเนื้อห้าด้านในที่อยู่ใต้รูปภาพของควอน จียง

                ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้านิ่งเรียบของยุนโฮ เขาอยากจะปรี่เข้าไปดึงแว่นกันแดดสีชานั้นออกมาจากใบหน้าเรียวเสียเหลือเกิน อยากจะจ้องเข้าไปในดวงตาว่าชอง ยุนโฮกำลังมีความรู้สึกอะไรอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นกันแน่... แฟ้มสีน้ำตาลแบบนี้ ในวงการใต้ดินเรียกมันว่าบัญชีดำ มันคือสิ่งที่เจ้านายใช้ในการสะสมประวัติและรายละเอียดของเป้าหมายในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตอนนี้ชื่อกับรูปของควอน จียงปรากฏอยู่ด้านใน หัวใจของซีวอนเต้นเร็ว ร่างสูงกำลังภาวนาขออย่าให้เจอสิ่งสุดท้ายซึ่งเหล่านักปลิดชีพเพื่อนมนุษย์รู้จักกันดีในฐานะ ใบเสร็จเพราะนั่นอาจหมายความว่านักฆ่าตรงหน้าเขาคงจะเก็บมันมาได้จากที่ไหนสักแห่งเท่านั้น แต่ก็ต้องฝันสลายลงเมื่อมือสัมผัสเข้ากับกระดาษเรียบเนียนที่แปะอยู่ด้านหลัง


    “ควอน จียง
    3 เดือน    แนบเนียนที่สุด”

                “คุณจะทำยังไงต่อ...” ผมจ้องหน้าเขา เป็นครั้งแรกที่ผมพยายามมองผ่านแว่นตาสีชานั้นเพื่อจับให้ได้ว่าอวัยวะอันได้ชื่อว่าเป็นหน้าต่างของหัวใจกำลังแสดงปฏิกิริยาใดโดยมิได้รู้สึกประหม่าอายเหมือนอย่างเคย ในขณะที่อีกฝ่ายเบนสายตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นนั้นมาทางเขาแล้วจ้องกลับ

                ดวงตาเรียวราวหลังกรอบแว่น สะท้อนความกังวล สงสัย และเสียใจเอาไว้เต็มเปี่ยมผ่านกระจกสีน้ำตาลอ่อนที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก... แม้ไม่ใช่คนที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของผู้คนแต่เขากลับสัมผัสได้ว่าชอง ยุนโฮอยากจะพูดอะไรออกมาบ้างเท่านั้น เขาจึงได้แต่ลดระดับสายตาแข็งกร้าวของตนเองลง สัมผัสแววตาคู่นั้นด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป... และตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นน้ำสีใสกำลังไหลรินออกมานอกกรอบแว่นสีน้ำตาลของผู้ชายเย็นชาที่ชื่อว่า ชองยุนโฮ

               

     

     

     

     

     

                ตีสองสี่สิบห้านาที... ร่างสูงโปร่งทอดตัวอยู่บนโซฟาของตนเอง ฝ่ามือเล็กถูกใช้ทุ่นแรงในการประคองศีรษะของตนเองเอาไว้ให้สามารถตั้งตรง ฝืนอาการปวดหน่วงที่รุมเร้าอยู่รอบขมับทั้งสองข้างอย่างทรมาทรกรรม ดวงตากลมเปิดปิดสลับซ้ำไปมาไม่หยุดในจังหวะที่ถี่ขึ้น โดยหวังว่าทุกอย่างจะเป็นแค่เรื่องในความฝันเท่านั้น

                เสียงบานประตูที่ถูกผลักเข้ามาให้คยูฮยอนรู้สึกตัวขึ้นมา เบนสายตาเย็นเฉียบไปที่บานประตูเพื่อมองร่างของผู้ที่กำลังเดินเข้ามา แขกผู้มาเยือนส่งยิ้มให้กับเจ้าของใบหน้าเรียวก่อนจะโค้งอย่างสุภาพเป็นการทักทายและทำความเคารพในเวลาเดียวกัน หากแต่ชายผู้นั้นกลับได้รับเพียงสายตาแข็งทื่อที่หันเหไปอีกทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา

                “...” บทสนทนาไม่ถูกเริ่มขึ้นเสียที บรรยากาศภายในห้องจึงอึดอัดมากขึ้นไปอีก คยูฮยอนยังคงเบนหน้าออกไปทางหน้าต่างและหลับตาลงสนิทเพื่อตัดการรับรู้ เขาไม่อยากฟังเรื่องของแขกผู้นี้มากเท่าใดนัก และถ้าหากจะให้พูดแบบตรงไปตรงมาก็คือเขาเกลียดขี้หน้าของลีทงเฮเสียจนไม่อยากจะทนสูดอากาศที่ปอดของคนตรงหน้าฟอกออกมาเลยด้วยซ้ำ

                “...นายเรียกฉันมาเพื่อเมินใส่” เป็นการเปิดบทที่ไม่สวยงามเลยแม้สักตารางนิ้วเดียวแต่ทั้งสองกลับคุ้นชินวาจาแบบนี้ไปเสียแล้ว ทุกครั้งที่ต้องมาเจอกันทงเฮไม่เคยเปิดประเด็นได้ดี ในขณะที่คยูฮยอนก็ไม่เคยนึกจะถนอมคำพูดของตนเองเพื่อรักษาน้ำใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จะไปสนใจทำไมในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองมันไม่มีอะไรชัดเจนเลยตั้งแต่แรก... พร่ามัวเสียจนไม่กล้าไว้วางใจซึ่งกันและกัน

                “ไม่ต้องเรียกมาฉันก็เมินใส่นายอยู่แล้ว”

                “เหอะ... อย่าเอาเรื่องที่เหยื่อแกหนีไปมาพาลใส่ฉัน” มุมของริมฝีปากสีซีดยกขึ้นในจังหวะที่แผ่นหลังของทงเฮเอนลงซบบนพนักพิงโซฟาด้วยท่าทีสบายใจ ผิดกับคยูฮยอนที่ตวัดสายตาขึ้นมามองคู่สนทนา ดวงตากลมฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างโจ่งแจ้งเสียจนทงเฮต้องแค่นหัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นมัน

                “มันไม่ได้เกี่ยวกัน”

                “อ๋อเหรอ... ฉันก็นึกว่านายกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับพระเอกที่หายไปเสียอีก”

                “เขาไม่ใช่พระเอก !

                “แต่นางเอกอย่างนายก็ปันใจให้... เห๊อะ ! นิยายน้ำเน่า...” ริมฝีปากแค่นยิ้มขยับพูดประโยคที่ไม่สมควรพูดออกมาให้คนที่กำลังหนักสมองได้ฟัง คยูฮยอนกระแทกฝ่าเท้าลงบนพื้นพรมด้วยความไม่สบอารมณ์ แขนเรียวที่เมื่อคู่ยังคงใช้ท้าวคางปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อเชิ้ตของทงเฮเอาไว้และขยุ้มมันเสียจนเป็นรอยยับยู่

                “ลีทงเฮ แกอย่ามาทำเป็นรู้ดีว่าฉันคิดอะไร... เสือกเรื่องของฉันไม่ได้ทำให้แกอยู่ดูโลกได้นานตามอายุขัยแน่” ขบกรามแน่นในขณะที่เปล่งเสียงพูดรอดไรฟันออกมา อารมณ์ขุ่นเคืองฉายออกมาบนใบหน้าเรียวชัดเจนราวกับถูกสลักเอาไว้ ดวงตากลมหรี่จนเรียวเล็กและจ้องเข้าไปที่ลูกตาของอีกฝ่าย

                “นายมันก็ทำตัวเองทั้งนั้นคยูฮยอน... ตรงนี้ของนายมันอ่อนแอเอง” ฝ่ามือของทงเฮวางลงที่อกข้างซ้ายของร่างโปร่ง สัมผัสเสียงเต้นระรัวของมันก่อนจะฟาดฝ่ามือลงเสียสองสามครั้งเพื่อให้ผู้ที่อายุน้อยกว่าได้รู้สึกตัว คยูฮยอนสะบัดมือของตนเองออกจากคอเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะผลุนผลันลุกออกจากโซฟาไปโดยไม่ลืมที่จะโยนรูปถ่ายที่วางอยู่ตรงโต๊ะให้กับทงเฮ

                “ตามหาชเว ซีวอนซะ...”

                “หึ...” ทงเฮก้มลงมองภาพถ่ายในมือ ผู้ชายตัวสูงที่นั่งอย่างสงบอยู่ภายในมุมห้องใต้ดิน ดวงตาคมประดุจวิหคนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยและทงเฮจำมันได้ดีเกินกว่าที่จะต้องมาพึ่งรูปถ่ายที่รุ่นน้องโยนให้มา

                “ตราบใดที่ซีวอนไม่ยอมเปิดปาก... ฮยอกแจก็ไม่มีทางปลอดภัย”

                “... นายมันชอบอ้างเรื่องของคนอื่นมาปิดบังความต้องการของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องรู้เรื่องของนายไง คยูฮยอน... นายมั่นใจมากเกินไปว่าทุกสิ่งที่นายทำมันเป็นเรื่องดี แต่นายไม่สนใจหรอกว่ากว่าที่ผลลัพธ์ของความดีที่นายวางไว้จะออกมา นายต้องฆ่ามากแค่ไหน มีกี่คนที่ต้องเจ็บ สุดท้ายนายก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น...” อีทงเฮไม่เงยหน้าขึ้นมาสบใบหน้าของคยูฮยอน ถึงกระนั้นเขาก็เดาได้ว่าคนตรงหน้าคงกำลังจะขบกรามเอาไว้แน่น กลั้นมิให้ตนเองลั่นเสียงตะโกนออกมาอย่างที่เจ้าตัวมักจะทำเมื่ออยู่คนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความพยายาม ไม่ได้นำผลสำเร็จมาทุกครั้ง
     

                “ทงเฮไม่เห็นบอกฮยอกแจเลยว่าจะไปกับเพื่อน...”

              ( มันกะทันหันจริง ๆ ครับ ทงเฮขอโทษนะ... เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ทงเฮจะไปรับฮยอกแจนะ )

              “ก็ได้ ๆ งั้นฮยอกแจจะรอทงเฮนะ.. พรุ่งนี้ตอนเย็น ได้ไหม ?”

              ( ได้สิครับ... ดูแลตัวเองด้วยนะฮยอกแจ )

              “อื้อ ทงเฮด้วย รักนะครับ”

              ( รักเหมือนกันครับ )

              “ฮิฮิ... บ๊ายบาย” นิ้วเรียวสัมผัสลงบนหน้าจอที่บริเวณปุ่มวางสาย โทรศัพท์มือถือถูกเก็บลงไปในกระเป๋าเสื้อกั๊กสีทองเหลืองก่อนที่เจ้าของเครื่องจะเดินออกมาจากซอกเก็บของอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ว่าจะระวังมากแค่ไหนมันก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์ไปได้

              “คุยกับแฟนก็หวานตล๊อด !

              “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย ซังอุนมั่ว”

              “บอกรักซะขนาดนั้น ยังจะปฏิเสธอีก... ฮยอกแจบอกเรามาดีกว่าว่าคบกับคุณทงเฮอยู่หน่ะ” ดวงตาคมหรี่มองร่างบอบบางที่ถือโถเชคเอาไว้ในมือ ปรางแก้มขาวจนเกือบซีดขึ้นสีเลือดฝาดเล็กน้อยเพราะความเขิน ฮยอกแจไม่ยอมตอบคำถามของเพื่อนตัวสูงแต่กลับสาวเท้าเดินไปอีกทางเพื่อหยิบแก้วขึ้นมารินเครื่องดื่ม... มีนัยแฝงคือการเลี่ยงไม่ตอบคำถามของ ควอน ซังอุน ที่ยั่งคงหรี่สายตาจับผิดเขาอยู่เสมอ

              “...”

              “ปากแข็งจริง ๆ...”

              “ไม่แข็งเลย... ไปเลยซังอุน ! ป๋านายมานู่นแล้ว” ดวงหน้าหวานพยักเพยิดออกไปทางประตูทางเข้าซึ่งผู้ชายร่างใหญ่กำลังเดินเข้ามา ซีวอนในชื่อซังอุนเหลือบมองผู้ชายที่มักจะออฟเขาออกไปนั่งดริ้งค์เป็นประจำด้วยหางตา เขาหันหน้ามาส่งยิ้มกว้างให้กับคนปากแข็งพร้อมสั่งเสียอีกสองสามประโยคก่อนจะรีบเดินออกไปยังเป้าหมาย

              “อย่ากลับเองนะ เดี๋ยวเราจะกลับมารับ ถ้าช้าก็ต้องรอโอเคไหม ?”

              “รู้แล้ว ซังอุนรีบไปเถอะ” ร่างสูงใหญ่พยักหน้ารับแล้วรีบสาวเท้าออกไปจากบาร์เพื่อตรงไปยังเป้าหมาย ฮยอกแจมองเพื่อนตัวโตของตนเองที่ค่อย ๆ กลืนไปกับฝูงมหาชนที่ออกมาเริงรมย์ในยามค่ำคืนจนลับสายตาก่อนจะกลับมาให้ความสนใจกับเครื่องดื่มในมือของตนเองต่อไป

             

     

     

     

              “กลับไปแล้วเหรอครับ... โอ่ย... บอกให้รอแท้ ๆ เลย...” ซีวอนบ่นกะปอดกะแปดเพราะครั้งนี้เสี่ยกระเป๋าหนักคนนั้นดันพาเขาออกนอกเส้นทางไปด้วยหวังผลประโยชน์ทำให้เขากลับมาช้ากว่าปรกติเพราะเสียเวลาไปกับการเอาตัวรอดและหาทางกลับมาคลับให้ถูกต้อง ร่างสูงโค้งให้กับหัวหน้าพนักงานที่เพิ่งจะให้คำตอบกับเขามาว่าฮยอกแจไปไหน ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าของตนเองออกไป โดยไม่สนใจเสียงร้องท้วงของคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย...

              ขายาวก้าวฉับ ๆ ไปตามทางเดินกลับบ้านที่ตนเองรู้แน่นอนว่าฮยอกแจจะใช้มันทุกครั้ง ด้วยความเร็วกว่าปรกติซีวอนจึงคาดหวังว่าฝีเท้าของเขาคงจะเร็วพอจนสามารถตามฮยอกแจไปได้ทัน เครื่องมือสื่อสารถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อต่อสายหาร่างบาง... อย่างน้อยตอนนี้เขาควรจะได้ยินเสียงของลีฮยอกแจสักนิดก่อน

              “........... ฮยอกแจ ! บอกให้รอก่อนไง ทำไมนายไม่รอหล่ะ”

              ( อ่อซังอุน... พอดีตอนนี้เราอยู่กับคุณทงเฮหน่ะ )

              “อ๋อออ ! แล้วจะกลับกี่โมงหล่ะ ?”

              ( แค่แป้บเดียวเอง คุณทงเฮแวะเอาของมาให้เฉย ๆ เดี๋ยวก็กลับแล้ว )

              “งั้นนายอยู่ไหน เราจะไปหา”

              ( ตรงร้านเค้กที่เราผ่านเวลากลับห้องอ่ะ... )

              “อื้ม... งั้นเดี๋ยวเราไปหา รอที่นั่นนะ”

              ( อื้ม แค่นี้นะ )

              “อือ” ซีวอนกดวางสาย... อย่างน้อยเขาก็วางใจไปได้แล้วระดับหนึ่งว่าเพื่อนของเขาจะปลอดภัยจากอันตรายเพราะว่ามีทงเฮอยู่ด้วย แน่นอนว่าเขาไว้ใจทงเฮและเชื่อว่าทงเฮสามารถปกป้องเพื่อนตัวเล็กของเขาได้เหมือนกับที่เขาคอยทำ เขาจึงไม่กังวลมากหากรู้ว่าฮยอกแจกำลังอยู่กับทงเฮซึ่งเขารู้จักดีจากบัญชีดำในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของโจว คยูฮยอน

              สาเหตุหนึ่งที่เขาเป็นห่วงฮยอกแจนั่นก็เพราะว่าเขาเป็นนักฆ่า... ฮยอกแจไม่รู้เรื่องนี้ ร่างบางซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่อจริงว่าอะไร บางครั้งคนใกล้ตัวของฮยอกแจที่หายไปก็ล้วนเป็นฝีมือของเขาทั้งนั้น... และยิ่งเมื่อทงเฮรู้จักมักจี่กับฮยอกแจ นั่นหมายความว่าเรื่องราวของร่างบางอาจจะไปถึงหูของคยูฮยอนได้โดยง่าย ดังนั้นเขาจึงต้องปกป้องเพื่อผู้ซึ่งมีโลกอันบริสุทธิ์เอาไว้อย่างดี... ฮยอกแจคือจุดอ่อนของเขาเพราะผู้ชายคนนี้คือเพื่อนคนเดียวที่เขาเคยมี

              ซีวอนเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นเมื่อพบว่าตนเองได้มากถึงร้านที่ฮยอกแจบอกเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงกระชับเสื้อโค้ทของตนเองแล้วซ่อนตัวที่หลังเสา รอให้ทงเฮออกจากพื้นที่ตรงนี้ไปก่อน เขาไม่ต้องการให้ทงเฮเห็นใบหน้าของเขาเพราะนั่นเป็นเรื่องโง่เง่าสิ้นดีที่จะเอาตัวเองไปเข้าใกล้ความเสี่ยงโดยไร้ผลประโยชน์ แม้จะดูไม่แฟร์สำหรับทงเฮที่ไม่เคยรู้จักรูมเมทของคนที่ตนเองรักแต่เหมือนว่าร่างโปร่งนั้นก็มิได้บ่นอะไร

              ประตูฝั่งคนขับปิดลงแล้วและฮยอกแจถอยห่างออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ยานพาหนะเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ฮยอกแจยกมือขึ้นโบกลาทงเฮพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ครั้นเมื่อเห็นว่ารถยนต์เคลื่อนตัวออกไปได้ระดับหนึ่งร่างบางก็ถอยหลังกลับเข้ามายืนอยู่หน้าร้าน ทำทีทำท่าเหมือนจะกดโทรศัพท์ซึ่งแน่นอนว่าเบอร์นั้นต้องเป็นเบอร์ของเขาแน่นอน

              “ฮยอกแจอ่า !

    ~ ปัง... ปังปัง !

              “ซะ... ซังอุน...” น้ำเสียงนั้นตื่นตระหนกหากแต่คนตัวบางยังคงประคองสติได้ดี... ซีวอนไม่รู้ว่ากระสุนมาจากทางไหนหรือใครเป็นคนลั่นมันออกมา แต่สิ่งที่เขาต้องทำคือวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อเข้าไปคว้าตัวเพื่อนของเขาให้หลบลูกกระสุนที่คาดว่าจะต้องตามมาอีกเป็นแน่แท้... โชคดีเหลือเกินที่มีรถวิ่งมาจอดเทียบพอดีทำให้ฮยอกแจซึ่งอยู่ในฐานะเป้านิ่งสามารถไหวตัวหลบได้ทัน

              “ฮยอกแจ ! มานี่” แขนแกร่งโอบเอารอบเอวบางมาแนบอกแล้วใช้ตนเองกำบัง ซีวอนสาวเท้าก้าวหลบเข้าไปในตรอกด้านข้าง มือหนากุมด้ามปืนที่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวในเอาไว้แน่นโดยไม่ลืมที่จะสำรวจมองผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเอง... โชคดีมากที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญและฮยอกแจเพียงแค่เลือดออกเยอะมากเท่านั้น

    ~ ปัง !        ปังง !!

              ซีวอนทิ้งจังหวะให้อีกฝ่ายยิงออกมาเพื่อจับว่าเสียงของลูกกระสุนมาจากทางไหน แล้วจึงชักปืนออกมายิงโต้กลับไปอย่างฉับไวเมื่อรู้ว่าผู้ร้ายคนนั้นซุ่มอยู่ ณ ถนนฝั่งตรงข้าม ขายาวสาวเข้ามาในซอยลึกขึ้น เตะถังขยะให้ล้มลงกับพื้นเพื่ออำพรางตัวเองโดยที่พยายามประคองฮยอกแจเอาไว้ให้ตามมากับเขาให้ได้ทัน

              “ซะ.. ซังอุน เราเจ็บแผล” เสียงเล็กนั้นแหบพร่า ซีวอนก้มลงมองเลือดที่ไหลเป็นทางแล้วกระชับอ้อมกอดของตนเองเข้ามาแน่นขึ้นอีก เขาพยายามวิ่งออกมาจนถึงปากซอยอีกด้านจนประสบความสำเร็จ และพบรถของทงเฮที่จอดอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี ดวงตาของลีทงเฮดูตื่นกลัวเมื่อเจอเขาในระยะใกล้และมันยิ่งตระหนกหนักกว่าเก่าเมื่อเห็นว่าฮยอกแจนั้นได้รับบาดเจ็บ... จะอะไรก็ช่าง... เขายัดฮยอกแจลงไปในรถคันหรูแล้วตีบ่าของทงเฮอย่างแรงเพื่อเรียกสติให้กับชายตรงหน้าก่อนจะรีบวิ่งออกไป

              “พาฮยอกแจไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ !! และฉันจะไม่มีวันให้อภัยนาย ลีทงเฮ !!” ซีวอนส่งเสียงตะคอกใส่หน้าของทงเฮ ดังไปทั่วบริเวณก่อนที่ตนเองจะรีบวิ่งหลบวิถีกระสุนห่างออกไป สิ่งเดียวที่ชเว ซีวอนเชื่อในตอนนั้นคือ ฮยอกแจจะปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ทงเฮ

     

    __________Winter Killer__________

    ตอนนี้แอบยาวเนอะ ว่าป่ะ ? -0-

    บอกก่อนว่า ชเว ซีวอน = ควอน ซังอุน นะคะ (:
    เรื่องเริ่มเข้มขึ้น (หรือเปล่า ?) ฮ่า ๆ รออ่านต่อไป -..-
    ดีใจที่เห็นหลายคนพยายามเดาว่าเกิดอะไรขึ้น -////-
    ขนมจีนก็จะเงีบยบเอาไว้และไม่บอกต่อไป เอ้ววว ! ไว้ลุ้นกันเรื่อย ๆ


    ปล. จริง ๆ เรื่องนี้แอบ
    Ft. อึนเฮด้วยนะเนี่ยยยย ~

    THE' FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×