ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #21 : CHAPTER XX.

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 56


    CHAPTER XX
    ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

     

                “เฮ้ย... ต่อกันป่าววะ?”

     

                “ต่อไร?”

     

                “เอ้า! ไม่สักหน่อยเหรอออออออ สอบอีกทีตั้งอีกสองวัน... คืนนี้เอามันส์หน่อยหน่า” ปาร์คยูชอนที่กำลังขดสายไมค์เก็บของอยู่เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนคนอื่นๆซึ่งวุ่นวายอยู่กับอุปกรณ์เพลงของตัวเอง คงเป็นเพราะพรสวรรค์ของแต่ละคนที่มีติดตัวกันมาอยู่มากโขทำให้การซ้อมเพลงนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่างฝ่ายต่างก็ก็สามารถท่องจำ บรรเลงส่วนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบได้กันจนครบ ซ้อมกันอีกคนละนิดคนละหน่อยก็เอามาผสมโรงรวมเป็นวงเดียวกันได้อย่างไม่ยากเย็น

     

                “เอาวะ มึงไปกูก็ไป” แทคยอนเดินไปกอดคอไอ้เพื่อนที่สวมกางเกงเลครอบตูดแต่ริชวนไปผับต่อได้อย่างไม่อายฟ้าอายดิน แหงหล่ะ... ปาร์คยูชอนหน่ะไม่เหลืออะไรให้อายแล้วจริงๆ

     

                “เอ้า ไปก็ไป... แล้วมึงว่าไง?” จงฮุนหันหน้าไปถามคริสที่กำลังพับคีย์บอร์ดลงใส่กล่อง หนุ่มร่างสูงโปร่งพยักหน้ารับคำชวนแล้วตะแคงหน้าไปหาซีวอนที่เพิ่งจะลุกออกมาจากหลังกลองชุด

     

                “ไม่หล่ะ... กูกลับห้องดีกว่า” ร่างสูงว่าพลางเดินเอื่อยเฉื่อยไปยังกระเป๋าเป้ที่วางเอาไว้อยู่เพื่อสอดไม้กลองใส่ลงไป ดวงตาแปดข้างสี่คู่จ้องเขม็งมองไปทางชเวซีวอนราวกับเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ความผิดร้ายแรงก่อนที่ต้นเรื่องอย่างยูชอนจะเริ่มพูดจาโน้มน้าวหว่านล้อมซีวอนอีกครั้ง

     

                “เฮ้ยยยย เปิดใหม่เลยนะเว้ย... รับรองมันส์แน่”

     

                “...” ไม่มีเสียงตอบกลับ ร่างสูงเพียงแค่ส่ายหัวไปมายืนยันการปฏิเสธซ้ำอีกครั้ง

     

                “ซีวอน พักนี้มึงเป็นห่าไรวะ? แดกยากแก้ซนหรือไง...” แทคยอนช่วยด้วยอีกแรงโดยว่าไปตามสภาพที่เห็น อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะบีบบังคับอะไรเพื่อนตัวสูงหรอกนะ แต่หมู่นี้ใบหน้าคมๆนั้นไม่มีเนื้อมีนวลเหมือนก่อน แถมยังเก็บตัวเงียบหนักเข้าไปมากกว่าเดิมอีก

     

                “เออ... ระวังคุณชายซีวอนผู้ซุกซนจะไม่กลับมาตั้งตรงนะเว้ย~

     

                “...” ผู้ถูกชวนยกกระเป๋าขึ้นสะพายบนหลังแล้วส่ายหัวอีกครั้งก่อนจะบิดตัวกลับหลังหันเพื่อชิงเดินไปยังบานประตูแต่ยังไม่ทันจะก้าวขาจงฮุนซึ่งอยู่ในระยะประชิดตัวของซีวอนมกที่สุดก็เอื้อมไปคว้าต้นแขนที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเอาไว้

     

                “เฮ้ย...” ฝ่ามือยาวกุมจับไหล่ของอีกคนเอาไว้แน่นแล้วเอ่ยร้องทัก “ถือว่าไปฉลองเพลงที่มึงแต่งไง... ลุงจองซูชมมึงให้ฟังจนหูกูจะบอดแล้วเนี่ย...”

     

                “เออ... ไปฉลองด้วยกันดิวะ มึงคนเขียนนะเว้ย”

     

                “ไปเหอะ เดี๋ยววันนี้กูเลี้ยงมึงก็ได้...นิดๆหน่อยๆไม่สะเทือนคอหอยหรอกหว่ะ” เสียงหว่านล้อมจากคนอื่นยังคงดังให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลาจนสุดท้ายซีวอนก็ต้องพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วหันหน้ากลับไปเข้าวง

     

                “เออ... ไปก็ไปวะ...”

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                เสียงดนตรีดังกระหึ่มกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลตรงหน้าทำให้บรรยากาศกลางคืนวันนี้พิเศษกว่าคืนอื่นเป็นไหนๆ ทั้งแทคยอนและยูชอนต่างสนุกสนานไปกับการส่งสายตาวับแวมไปทางลูกค้าที่เข้ามาในร้านเพื่อหวังว่าคืนนี้มือทั้งสองข้างคงจะมีอะไรให้พอยึดจับกลับห้องไปกันบ้าง ส่วนจงฮุนที่มีเจ้าของหัวใจแล้วก็ได้แต่นั่งเอนกายจิบคอกเทลรสเลิศไปพลางๆ รอขำไอ้เพื่อนสองคนที่แดกแห้วลูกที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

     

                “กูบอกแล้วว่าเขาคงเล่นกับมึงหรอก... คนห่าอะไรใส่กางเกงเลเข้าผับ”

     

                “คนอินดี้ ฉีกแนว หน้าตาดี หน้าผากกว้างอย่างปาร์คยูชอนไงเว้ย~

     

                “คนประหลาดสิไม่ว่า...ฮ่าๆๆๆๆๆ!” สงครามน้ำลายขนาดย่อมจากยูชอนและแทคยอนก็เป็นอีกสีสันหนึ่งที่ทำให้โต๊ะไม่เงียบเหงา คริสหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นว่าไอ้คู่ซี้ยังคงกัดกันเหมือนเป็นลูกหมาตัวน้อยแล้วยกมาร์ตินี่ของโปรดกระดกเข้าปากตามไป

     

                “นี่...”

     

                “...”

     

                “ไม่คิดจะพูดไรหน่อยไง?” อู๋อี้ฟานวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะกระจกเบื้องหน้าเพื่อเปลี่ยนไปหยอดคำถามสี่คนตัวสูงที่นั่งเอนหลังพิงพนักเบาะอยู่ ซีวอนเลิกคิ้วสูงขึ้นด้วยใบหน้าติดไปทางจะหน่ายเซ็ง แต่ก็ยังดีที่แสดงออกมาให้รับรู้กันบ้าง

     

                “...”

     

                “ชวนมาเที่ยวนะเว้ย ไม่ได้ชวนมาวิปัสสนา ทำตัวเหมือนอยู่วัดป่าไปได้” จงฮุนว่าขำๆแล้วดันแก้วเหล้าเพียวไปให้เพื่อนตัวสูง ซึ่งคนได้รับคำท้าก็ไม่เคยจะปฏิเสธเครื่องดื่มฤทธิ์แรงนั่นเท่าไหร่ นิ้วยาวเกี่ยวมันเข้ามาไว้ในอุ้งมือก่อนจะกระดกลงคอรับรดฝาดเฝื่อนลงไปอย่างไม่ลังเล

     

                “บอกแล้วว่าไม่อยากมา...” ตอบกลับไปด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอนหลังให้ตัวจมลงไปกับโซฟาเหมือนอย่างเดิมเมื่อจัดการกับของเหลวสีอำพันจนหมดแก้ว ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองไปบนฟลอร์เต้นซึ่งมีหลากหลายเรือนร่างสะบัดกายไปตามจังหวะเพลงอยู่บนนั้นเพื่อพยายามจะทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกสนานเหมือนเช่นเมื่อครั้งก่อนเก่าซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขามากเท่าไหร่นักหรอก

     

                ชเวซีวอนกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่ถูกสั่งเพิ่มลงคออีกครั้งเพื่อฆ่าเวลาที่วิ่งผ่านไปอย่างเชื่องช้า คริสยังคงทำหน้าที่เพื่อนที่ดีด้วยการไม่ปริปากพูดอะไรแต่นั่งจิ้มโทรศัพท์ของตัวเองไปเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา ส่วนจงฮุนก็มองตามคู่ซี้สองคนที่ชวนกันถือแก้วเหล้าหายเข้าไปในฝูงมวลชนบริเวณฟลอร์เต้นเรียบร้อยแล้ว

     

                “เหี้ยเถิกกับเหี้ยเหยินแม่งหายไปไหนวะ...” จงฮุนพึมพัมเมื่อรู้สึกว่าคู่หูคู่ซี้เตลิดเปิดเปิงจนหายไปนอกกรอบสายตาของเขาเรียบร้อยแล้ว ซีวอนยักไหล่แทนคำตอบ ตัดสินใจคว่ำแก้วลงบนโต๊ะเพื่อเป็นการยุติลงของคืนนี้ เขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเวลาเพื่อเตรียมจะปลีกตัวกลับ

     

                “เฮ้ยยยยยยยยยยย~ เซวอนนนนนนนนน...” ความคิดว่าจะลุกออกไปจากโต๊ะเป็นอันพังลงเมื่อเสียงยาคางของยูชอนดังมาแต่ไกลก่อนที่เขาจะได้เห็นหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้าของเจ้าตัวเสียอีก ครั้นเมื่อหาเจ้าของเสียงเจอเขาก็พบว่าที่แขนทั้งสองของมันมีผู้หญิงเกาะติดมาด้วยทั้งสองข้าง

     

                “เมาแล้วเรื้อนตลอดหน่ะมึง...” แอบด่ามันเสียสักนิดในเวลาที่สติสตางค์ไม่เต็มเต็ง ก็อย่างว่าแหละนะ คนเมามันจะไปสนใจอะไร... แถมยังมีการส่งยิ้มยักคิ้วหลิ่วตามาให้เขาเสียอีกด้วยซ้ำ

     

                อยากจะคาราวะให้กับความร็อคของแม่งจริงๆ...

     

                “เออดี... นี่...กูยกให้... คุณน้องคนสวยช่วยไปดามหัวจายพ่อรูปหล่อให้พี่ทีนะคะนะคะฟอดดด~” ขี้เมากางเกงเลหอมแก้มผู้หญิงคนหนึ่งที่เกาะแขนตัวเองมา เจ้าหล่อนหัวเราะคิกคัก ทำท่าทีเหมือนจะเขินอายแต่กลับสลัดแขนของปาร์คยูชอนออกมาอย่างรวดเร็ว(คงรอเวลานี้มานาน)เพื่อตรงมาที่เบื้องหน้าของเขา

     

                “สวัสดีค่ะ...” เธอเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนหวานแต่กลับแสดงท่าทางร้อนแรงด้วยการคร่อมขาเพื่อนั่งลงมาบนตักของเขา แขนเรียวเล็กนั้นเอื้อมมาคล้องพาดไว้ที่รอบลำคอแกร่งกำยำก่อนที่ใบหน้าเรียวสวยจะขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มหวานที่มองไม่ออกเลยว่าเสแสร้งหรือจริงใจ

     

                “...” ซีวอนนิ่งเงียบและมองเจ้าหล่อนคนกล้าด้วยสายตาเฉยชา ร่างสูงเบือนหน้าไปยังเพื่อนสนิทที่ยอมละออกมาจากโทรศัพท์เพราะเสียงเรียกของยูชอนอย่างขอความเห็น คริสเพียงแค่ยกยิ้มให้เขาจางๆ เอ่ยคำบอกลาสั้นๆ ก่อนจะก้มลงไปสนใจกับโปรแกรมแชทบนหน้าจอตามเดิน

     

                “ราตรีสวัสดิ์...”

     

                “อื้ม... ราตรีสวัสดิ์” ซีวอนคล้องแขนของตัวเองไปรอบเอวคอดของหญิงสาวตัวบางที่เกาะเกี่ยวอยู่กับลำคอของเขา ใบหน้าคมคายกดลงที่ข้างแก้มของหล่อนเบาๆแล้วขบที่ติ่งหูอย่างหากำไร ขยำมือฟ้อนเฟ้นไปตามสะโพกกลมกลึงแล้วประคองเอาไว้ไม่ให้หล่อนตกลงมาตอนที่เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งทั้งที่เธอยังเกี่ยวขาอยู่รอบเอว

     

                “เฮ่ย.... เห็นแม่งเงียบๆไหงเป็นงี้วะ...”

     

                “มันไม่ทำหรอก...”

     

                “ไม่ทำบ้านมึง แม่งเดินขึ้นชั้นสองไปแล้วเห็นป่ะ!” จงฮุนชี้นิ้วตามแผ่นหลังกำยำของมือกลองหน้าคมที่กำลังเดินหายขึ้นไปตรงบันไดมุมร้านโดยที่ยังมีสาวอึ๋มอกบึ้มคนนั้นเกาะเกี่ยวอยู่รอบเอว

     

                คริสมองตามแผ่นหลังของเพื่อนที่เคลื่อนหายไปจนลับตา เขายักไหล่ด้วยรอยยิ้มไม่จริงจังสักเท่าไหร่พลางก้มหน้าลงมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอย่างใจเย็น

     

                “งูที่เจอรูของมันแล้วมันก็ไม่เข้ารูอื่นหรอก... เชื่อกูเถอะหน่า”

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                ทั้งที่คิดว่าจะหาทำอะไรแก้เบื่อสักยกสองยก แต่กลับกลายเป็นซีวอนส่งร่างของสาวอกบึ้มลงบนเตียงภายในห้องพักโซนวีไอพี เขายืนบิดกายเอี้ยวซ้ายเอี้ยวขวาคลายความเมื่อยล้าแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาชักแบงค์หมื่นวอนออกมาห้าใบยื่นส่งให้กับคนบนเตียงที่นั่งหน้าอึน

     

                “ของเธอ...”

     

                “แต่...เรายัง...”เธอตะกุกตะกักและมีท่าทางลังเลเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายยัดเงินใส่ลงมาบนมือ มันดูดีก็จริงแต่ก็ไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ จะมีมนุษย์คนไหนที่อุ้มผู้หญิงบริการอย่างหล่อนมาวางบนเตียงแล้วจ่ายเงินให้ฟรีๆแบบนี้หล่ะ... ขนาดสามีในกฎหมายของเธอยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย

     

                “ถือเป็นค่าพาฉันออกมาจากโต๊ะได้ก็แล้วกัน...” ซีวอนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วเดินไปปิดประตูลงเมื่อขับตัวเองออกไปอยู่ข้างนอกเรียบร้อย ร่างสูงตัดสินใจใช้ทางลงด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคนหมู่มากในห้องที่เต็มไปด้วยแสงสี

     

                ขายาวก้าวออกมาเบื้องนอกอาคาร ตรงไปยังมอร์เตอร์ไซค์คันใหญ่ที่จอดเด่นเป็นสง่าอยู่ในลานกว้าง ขายาวขึ้นคร่อม มือเอื้อมหมวกกันน็อคมาสวมเอาไว้ก่อนจะสตาร์ทรถเพื่อขับเคลื่อนตัวเองออกจากสถานที่อโคจรแห่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ

     

                เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเอามากขนาดนี้เลยค่อยข้างหัวเสียเล็กน้อยแล้วเผลอบิดแฮนด์เร่งเครื่องยนต์ให้ไต่ระดับความเร็วสูงขึ้น ความตั้งใจแรกเมื่อถูกขาเรียวของหญิงสาวพาดคร่อมบนหน้าขา ซีวอนคิดว่าคืนนี้คงจะต้องพาตัวเองกลับเข้าสู่วิถีเดิมอีกสักครั้งเผื่อจะคืนจิตวิญญาณแห่งยอดชาย(?)คืนกลับมาได้อีกครั้งแต่พออุ้มเธอเดินขึ้นมาชั้นสอง ใบหน้าของหล่อนกลับถูกแทนที่ด้วยโจวคยูฮยอนและมันก็ทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาเฉยๆ

     

                ผิดที่กำลังจะสัมผัสคนอื่นที่ไม่ใช่โจวคยูฮยอน

     

                “บ้าชิบ...” สบถให้เสียงก้องกลิ้งไปมาในหมวกกันน็อคที่สวมครอบไว้รอบศีรษะด้วยนึกหัวเสียพาลเร่งเครื่องยนต์ให้ทำงานหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม ร่างสูงบังคับรถให้หักเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถกว้างของคอนโดและเมื่อได้ที่ทางอันเหมาะเจาะเขาก็จัดการลงหลักปักฐานให้กับยานพาหนะคันโต

     

                ขายาวเดินกระฟัดกระเฟียดไปกดลิฟท์เพื่อพาตัวเองไปถึงห้องให้เร็วมากที่สุด ทันทีที่บานประตูของห้องโดยสายเคลื่อนที่ด้วยสายพานเปิดออกเขาก็ก้าวฉับตรงไปที่หน้าห้องของตัวเอง หยิบคีย์การ์ดขึ้นมาแสกนตามความเคยชินแล้วผลักประตูออกด้วยอารมณ์ปรวนแปร

     

                เขาแพ้.... สุดท้ายก็แพ้ให้โจวคยูฮยอน

                เด็กงั่งที่ไม่เคยรู้เลยว่ามีผลอะไรต่อหัวใจของเขาอย่างมากมหาศาล

     

                โทรศัพท์มือถือถูกล้วงออกมาจากกระเป๋าหลังทิ้งร่างกายยาวเหยียดของตัวเองลงสู่เตียงกว้าง โปรแกรมแชทที่ไม่ค่อยได้เปิดเข้าไปสำรวจดูบ่อยครั้งสักเท่าไหร่ถูกเรียกใช้งานโดยปลายนิ้วยาวเรียว ซีวอนกวาดตาไล่หาชื่อคุ้นเคยแล้วรีบกดลงเริ่มบทสนทนาทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่าจะได้ใช้ช่องทางนี้ในการติดต่อสื่อสารกับใครนอกจากเพื่อนในกลุ่ม

     

    Today

    Me
    นอนหรือยัง... ทำไรอยู่

     

                มือหนาวางโทรศัพท์เครื่องเย็นลงเหนือหัว พยายามจะทำเป็นไม่สนใจมันแต่อีกไม่กี่วินาทีถัดมานิ้วของเขาก็เข้าไปลูบๆคลำๆที่ปุ่มปลดล็อค คอยกดย้ำเช็คดูว่ามีข้อความอะไรตอบกลับเข้ามาบ้างไหม

     

    ~ ติ๊ด ติ๊ด

     

    Gaemgyu <3

    ยังครับ อ่านหนังสืออยู่
    ฮยองยังไม่นอนอีกเหรอ

     

    Me
    อืม เบื่อๆหน่ะ
    อ่านอะไรดึกดื่น?

    Gaemgyu <3

    ทฤษฎีศิลปะครับ
    แต่เดี๋ยวจะนอนแล้วหล่ะครับ ง่วงมากเลย

    Me

    เออดี คราวหลังอย่านอนดึกอีก

    Gaemgyu <3

    ครับผม

     

                ปิดความรู้สึกดีของตัวเองไม่อยู่จนต้องยิ้มกว้างออกมา ซีวอนจิ้มนิ้วพิมพ์ข้อความลงไปแต่พอนึกได้ว่าอีกคนกำลังอ่านหนังสืออยู่เขาจึงตัดสินใจลบมันทิ้งแล้วจัดการกดล็อคโทรศัพท์เพื่อดับหน้าจอที่สว่างไสวลงแล้วพาตัวเองเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ

     

                เสียงผิวปาดอย่างอารมณ์ดีดังคลอไปกับเสื้อผ้าที่ถูกเขวี้ยงสะเปะสะปะลงไปในตะกร้าผ้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้รู้สึกงุ่นง่านหงุดหงิดอยู่หลายวัน แต่พอยอมเสียฟอร์มทักไลน์ไปก่อนกลับรู้สึกดีจนเหมือนจะมีปีกผุดมากลางหลังเสียอย่างนั้น

     

                พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ สิ่งแรกที่ทำก็คือการทิ้งตัวลงบนเตียง ลืมกีต้าร์ กลอง เปียโน หรือแม้แต่หนังโป๊ที่ห้องนั่งเล่นไปเสียหมด เพราะเป้าหมายของเขาก็คือโทรศัพท์มือถือที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนอนนั่นแหละ

     

                “ไอ้เหี้ย กูไม่น่าลุกเลยสัด!” สบถอย่างหัวเสียออกมาทันทีเมื่อเห็นข้อความที่ส่งกลับมาเมื่อประมาณ 5 นาทีที่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร่างสูงหัวเสียหนักสักเท่าไหร่ ขายาวหนีบเอาผ้าห่มขึ้นมาให้ใกล้มือแล้วจับมันคลุมทับลงบนแผ่นอกเปลือยเปล่า เขาจิ้มนิ้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไปสั้นๆแล้วกดแคปสกรีนหน้าจอเอาไว้แม้ช่วงหนึ่งจะคิดว่ามันเป็นเรื่องพิลึกไม่น่าทำ แต่พอรู้สึกตัวอีกครั้ง ภาพแคปสกรีนรูปนั้นก็กลายมาเป็นพื้นหลังของหน้าเมนูเสียแล้ว

     

    Gaemgyu <3

    ผมนอนก่อนนะครับฮยองตาจะปิดแล้ว
    ดีใจที่ฮยองทักมานะครับ
    ผมคิดถึงฮยองมากๆเลย ฝันดีนะครับ
    จุ๊บ
    <3

    Me

    ฝันดีไอ้งั่ง....
    จุ๊บ
    <3

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                “เหยดดดดด... คุณคิบอมมาเว้ยขรั่บ!” คนที่อาสาลุกไปเปิดประตูให้ตะโกนเสียงหลงต้อนรับเพื่อนต่างคณะที่วันนี้ฉายเดี่ยวมาในชุดอยู่บ้านแบบสบายๆพร้อมกับขนมถุงใหญ่ที่คาดว่าคงเป็นของฝากจากแดนไกลอเมริกา

     

                “อ่าว มาทำไรวะ?” คริสเบือนหน้าออกมาจากเปียโนเพื่อมองตรงไปหาเพื่อนเก่าผู้กำลังก้าวอาดตรงมายังเขา สวมกอดกันครั้งหนึ่งแล้วผิดท้ายด้วยการตบเบาๆที่บ่าอย่างลูกผู้ชายก่อนจะแถลงให้อีกคนฟังถึงสาเหตุที่มาอยู่ที่นี่ได้

     

                “เอาของมาฝากหน่ะ ไม่ได้เจอพวกมึงเลย มัวแต่วุ่นๆอยู่กับฝ่ายทะเบียน”

     

                “เขาจะไล่มึงออกเหรอ?”

     

                “ปากมึงเนอะ...” ประชดประชันปาร์คยูชอนที่ปากเปิกไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ก่อนจะเคลื่อนตัวไปหาเพื่อนสนิทคู่ใจอย่างชเวซีวอนที่นั่งเหม่ออยู่หลังกลอง พักนี้เพื่อนเขาเป็นอะไรไปหรือเปล่า เมื่อวันก่อนที่เดินผ่านไปหน้าคณะก็เห็นแม่งนั่งกอดกีต้าร์เหม่ออยู่บนชั้นสอง ตะโกนเรียกจนยามจะไล่เขาเพราะคิดว่าเป็นคนบ้าอยู่ละ

     

                คิบอมเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ซีวอนก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะพอได้สติแล้วหันกลับมาอีกครั้ง คนขวัญแข็งก็เผลอสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อพบใบหน้าของเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์โผล่ผลุบอยู่เหนือฉาบสีทอง

     

                “เฮ่ย... มาได้ไง?”

     

                “ขี่อูฐมา” คิบอมยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาด้วยท่าทีกวนประสาทก่อนจะยื่นถุงขนมที่จัดแจงเป็นพิเศษมาให้แทนสินน้ำใจที่ยอมให้เขาฝากน้องชายคนดีเอาไว้เป็นเวลาร่วมเดือนมือหนารับมันมาด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยจะสนใจนักแล้ววางลงพิงไว้กับกระเป๋าเป้ของตัวเองก่อนจะหันกลับมาสนใจเครื่องดนตรีตรงหน้าต่อ

     

                “เป็นไรวะ หน้าตาเหมือนหมีมีเล็บขบ?”

     

                “เปล่า”

     

                “หน่ะๆ โกหกหกูตลอดหล่ะมึงหน่ะ”

     

                “อะไร... โกหกไร?”

               

                “มึงทีเรื่องทุกข์ใจ....”

     

                “...”

     

                “ใช่ไหมหล่ะ! โถ่ววว พี่กล้ามครับ... แค่นี้ผมดูพี่ออกหรอกครับ”

     

                “หึหึ...” ซีวอนส่งเสียงหัวเราะแห้งๆออกไปให้คนที่ตอนนี้ขยับตัวไปนั่งอยู่บนพื้นตรงหน้าเพราะขี้เกียจจะเอาคางเกยฉาบให้เสียวไส้เล่นว่าจะโดนไฟดูดเมื่อไหร่

     

                “มีไรก็บอกดิวะ...”

     

                “...”

     

                “นี่ศิราณีคิมคิบอมมาหาถึงที่แล้วนะครับ~

     

                “อยากรู้มึงก็ไปถามน้องมึงดิเหี้ยบอม...” แทคยอนแกล้งเอาขาเตะสะโพกของคนที่เดินมานั่งเกะกะสายไฟไม่ถูกจุดแต่ก็สาดประโยคเด็ดเข้าให้จนมือกลองกล้ามใหญ่ทำไม้กลองหลุดมือ ดวงตาคมมองเพื่อนร่วมวงอย่างคาดโทษ หวังจะหยุดริมฝีปากที่ยังคงขยับไปมาให้หุบลงแต่แทคยอนกลับยียวนคนสติหลุดด้วยการยักคิ้วใส่อย่างไม่เกรงกลัว

     

                “น้องกู? คยูเหรอ?”

     

                “เออไงครับ...”

     

                “น้องกู...ทำไมวะ?” คิบอมพลิกหน้าหันซ้ายหันขวาไปมาด้วยความไม่เข้าใจ มองสลับระหว่างใบหน้าของเพื่อร่วมวงคนอื่นๆกับซีวอนที่เมื่อสักครู่นั่งนิ่งเป็นก้อนหินสโตนเฮนจ์เริ่มจะลุกขึ้นมาถลึงตาใส่เพื่อนบ้างแต่ก็ยังไม่อาจหยุดปากของคนอื่นๆได้อยู่ดี

     

                “ก็ไม่ทำไมหรอกหว่ะ...” ยูชอนวางไมค์ลงกับพื้นแล้วปั้นใบหน้าจริงจังมองคิบอมที่ยังคงงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ท่ามกลางบนสนทนาอันกำกวม

     

                “ไอ้วอนมันมีความในใจกับน้องมึงหน่ะ” คนที่เฉลยคำตอบกลับกลายเป็นเพื่อนผู้ได้ชื่อว่าสนิทกับซีวอนมากที่สุดในกลุ่ม คริสยักคิ้วให้ร่างสูงหลังพาตัวเองลุกออกมาจากคีย์บอร์ดได้ไม่กี่ก้าวแล้วก็รีบทำหน้าที่เพื่อนคนดีด้วยการกวาดต้อนคนอื่นๆออกไปจากห้อง เคลียร์พื้นที่ภายในนั้นให้เหลือเพียงคู่กรณีสองคน

     

                บรรยากาศในห้องเข้าสู่สภาวะน้ำแข็ง สองเพื่อนสนิทที่แชร์ประสบการณ์ชีวิมาร่วมสิบปีจ้องหน้าจ้องตากันอย่างไม่ลดละ แม้ไม่ใช่ความโกรธแต่มันก็มีหลากหลายอารมณ์ผสมปนเปจนทำให้สภาพบรรยากาศค่อนข้างหนักหน่วง ชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

     

                “หมายความว่าไง?” ผู้เป็นประเด็นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคิมคิบอมที่เริ่มตระหนักได้ว่าบางทีเรื่องนี้คงจะยาวเหยียดเหนือระยะเวลาเดือนเศษที่เขาหายไปจากประเทศเกาหลี ร่างโปร่งจึงคว้าหาเก้าอี้มานั่งปักหลักเพื่อรอฟังคำตอบของมือกลองร่างสูง

     

                “...” ซีวอนพยายามจะเรียบเรียงคำพูดให้ออกมาฟังรื่นหูที่สุดในชีวิต (สาบานว่าไม่ใช่เรื่องถนัดของเขาเลยสักนิด) กระนั้นก็ยังคงชั่งใจอยู่หลายครั้งว่าเนื้อหาส่วนไหนที่ควรแบน ควรเซ็นเซอร์ดี

     

                “...”

     

                “...”

     

                “...กูชอบน้องมึง”

     

                “ห๊ะ?”

     

                “ไม่สิ กูรักน้องมึง”คำสารภาพนั้นทำให้คิมคิบอมหน้าชาไปหลายนาทีกว่าจะสามารถดึงสติกลับเข้าร่างมาได้เหมือนเดิม ร่างโปร่งยกหน้าขึ้นสบมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มที่กลิ้งหลีกสายตาของเขาอยู่แต่แล้วก็ต้องละดวงตากลับมาเมื่อแววตาของชเวซีวอนไม่สะท้อนอาการล้อเล่นอะไรออกมาเลย

     

                ห้องซ้อมดนตรีถูกทิ้งให้อยู่ในความเงียบราวกับป่าช้า ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาในเมื่อสิ่งที่ต้องการบอกมันถูกพูดออกไปแล้วและคนฟังก็ยังช็อคกับคำบอกนั้นไม่หาย...

     

                คิมคิบอมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นเพราะดวงตาของซีวอนไม่ได้บอกเช่นนั้น กลับกันมันชัดเจนเสียจนคนนอก (นอกเหนือไปจากซีวอนและคยูฮยอนหน่ะ) อย่างเขาหยั่งไม่ถึง บางทีอาการเซื่องซึมเหมือนหมาป่วยของคยูฮยอนอาจจะมีสาเหตุมาจากแถวนี้ก็ได้ เรื่องที่คิดเอาไว้มันคงจะเป็นเรื่องจริงก็ได้

     

                “กูมีอะไรกับน้องมึง... ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มากกว่านั้นเยอะ... จะต่อยกูก็ได้ กูโบกหน้ามาแล้ว แต่ขอกูพูดให้จบก่อน”

     

                “...”

     

                “กูรักน้องมึงจริงๆ ถึงครั้งแรกมันจะเป็นไปอย่างไร้สติก็ตามที... แต่ชีวิตกูไม่เคยมีใครเข้ามาวุ่นวายได้มากขนาดนี้อีกแล้ว ทีแรกกูก็รำคาญ ไอ้เหี้ย...คยูฮยอนแม่งภาระ...แต่พอนานเข้ากูรู้สึกว่ามันไม่ใช่”

     

                “...”

     

                “เขาทำให้กูหยุดตัวเองและอยากเปลี่ยนไอ้บรมเหี้ยซีวอนให้กลายเป็น ชเวซีวอน คนที่ดีพอจะประคองชีวิตคนได้... แม่งทำให้กูกลัวความว่างเปล่าในห้องที่กูเคยเชื่อว่าแค่คนเดียวก็เกินพอ ชีวิตกูมีอะไรเข้ามาเยอะแยะไปหมดเพราะน้องมึงถึงมันจะผิดความเป็นกูไปมากชิพหายก็เถอะ”

     

                “...”

     

                “มึงอาจจะไม่เชื่อกูก็ได้ แต่กูแค่อยากบอกและยืนยันกับมึงว่ากูรักน้องมึงมากจริงๆ....”

     

                “...” ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากันของคิบอมชวนให้ซีวอนตีโพยตีพายไปไกลว่าตัวเองคงถูกโกรธเข้าเสียแล้ว กระนั้นลูกผู้ชายที่ทำผิดด้วยการไปล่วงละเมิดตูดน้องชายของเพื่อนสนิทก็เลือกที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคิบอมเพื่อขอโทษให้กับความพลั้งเผลอของตัวเอง

     

                “กูขอโทษ... กูไม่มีคำอื่นนอกจากคำนี้”

     

                “...”

     

                “กูทำให้มึงหมดความไว้ใจ”

     

                “ไอ้ระยำหมา...” สิ้นคำพูดของซีวอน เสียงทุ้มก็สวนกลับไปด้วยความโมโห แม้จะเบาหวิวแต่มันก็หนักแน่นพอๆกับหมัดที่ฟาดลงมาบนใบหน้าคมคาย ซีวอนไม่ปฏิเสธขัดขืนหรือพยายามวิ่งหนี แขนแกร่งยันตัวเองให้ทรงตัวหกลับมาหลังตรงเช่นเดิมเพื่อเตรียมรับหมัดมือที่น่าจะตามต่อมายิ่งกว่าแพคเกจสุดคุ้ม

     

                “...”

     

                “กูเชื่อว่าถ้ากูซัดมึงอีกหมัด คยูฮยอนต้องร้องไห้ตอนเห็นหน้ามึงแน่....”

     

                “...”

     

                “คนที่มึงควรคุกเข่าตรงหน้าไม่ใช่กู แต่เป็นคยูฮยอน... มึงควรจะไปคุกเข่าตรงหน้าน้องกูแล้วทำอะไรให้มันถูกพิธี! สิ่งที่มึงควรทำคือรับผิดชอบตูดน้องกูที่โดนแทงทะลุ! ไม่ใช่มาอมพะนำแล้วเอาแต่หดหัวหลบหน้าน้องกูแบบนี้ คยูฮยอนแม่งแดกข้าวน้อยกว่าแมวดมอีกมึงรู้ไหมไอ้สัด!” คิบอมเชื่อทันทีว่าตัวเองคงจะเข้าใจอะไรไม่ผิดอีกแล้วหล่ะว่าคนที่ทำให้คยูฮยอนหกลายเป็นเด็กหน้าเศร้าคือเพื่อนของเขาเอง มิเช่นนั้นโจวคยูฮยอนคงจะต้องพยายามสุดวิถีทางเพื่อพาตัวเองออกมาให้พ้นชเวซีวอนตั้งแต่เสียประตูหลังครั้งแรกแล้วหล่ะ

     

                แต่ถ้ายอมให้ทำซ้ำหลายครั้งและมีอาการมากขนาดนี้หล่ะก็...

     

                “...”

     

                “โถ่เว้ย! ซีวอนเรื่องแบบนี้มึงไม่ควรโง่เลยหว่ะ!” แม้จะยังมีน้ำโหอยู่บ้างแต่คิบอมก็พยายามควบคุมสติของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางแล้วดึงเพื่อนตัวโตที่ยังคงคุกเข่าให้ลุกขึ้นมายืนในระดับเดียวกับเขาที่นั่งกระฟัดกระเฟียดโมโหดินฟ้าอากาศไปเรื่อยเปื่อย

     

                ความสงบภายในห้องทำให้เพื่อนๆที่ต่างเฟดตัวออกไปเบื้องนอกไหลทะลักกลับเข้ามาอีกครั้ง(ความจริงแอบฟังอยู่ทุกประโยค) ทุกคนเข้ามายืนล้อมอยู่รอบสองคู่กรณีที่ไม่ได้จัดหนักรุนแรงอะไรไปมากอย่างที่คิด เพียงแต่ยังคงมีรอยริ้วของความเคืองโกรธให้เห็นบ้างประปรายบนใบหน้า

     

                “เฮ้ย... ซีวอน... พวกกูมีตัวช่วยให้มึง” อคแทคยอนเป็นตัวแทนที่กล้าโพล่งฝ่าความเงียบงันออกมาพร้อมกับชูบัตรกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาในมือของตัวเอง ร่างสูงยื่นส่งมันให้กับซีวอนที่นั่งก้มหน้าอยู่

     

                “นี่บัตรงานเปิดตัวเพลงของเรา... ยังไงซะเพลงนี้มึงก็เขียนขึ้นมาเพราะเขา มึงก็ควรจะให้น้องเขาได้มาฟังนะเว้ย...” จงฮุนว่าเมื่อเห็นร่างสูงจับแผ่นกระดาษมาพลิกดูพลางยกสายตาขึ้นสบมองกับคิบอมที่นั่งอยู่เบื้องหน้าอย่างชั่งใจ

     

                คนตรงหน้าทอดสายตานิ่งสนิทกลับมาจนสัมผัสได้ว่ามันค่อนข้างเย็นชา กระนั้นคิมคิบอมก็ยังคงเป็นเพื่อนที่พร้อมจะให้โอกาสเพื่อนอยู่เสมือ ฝ่ามือของนักศึกษาวิศวกรรมเลื่อนมาตบที่บ่าของเพื่อนซี้เบาๆแล้วค่อยขยับปากพูดซ้ำอีกครั้งในสิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อ

     

                “กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง แต่กับคยูฮยอนมึงต้องไปขอโอกาสจากเขาเอง”

     

                “...”

     

                “ค่าเบิกตูดน้องกูมึงก็คงต้องจ่ายด้วยการดูแลคยูฮยอนระดับสุพีเรียเวิลด์คลาสตลอดชีวิต!

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                คิมคิบอมผลักประตูห้องนอนที่ไม่ได้ใส่กลอนเอาไว้ของน้องชายออกเพื่อพาตัวเองเดินเข้าไปด้านใน กองหนังสือเกี่ยวกับทฤษฎีศิลปะมากมายทำให้เขาต้องระมัดระวังไม่เดินไปเตะมันเข้า ขายาวก้าวข้ามฉับๆตรงไปยังเตียงนอนที่มีเด็กวัยมัธยมปลายกำลังนอนหนุนแขนตัวเองมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่

     

                “คยูฮยอน”

     

                “ห๊ะ! คระ...ครับ...” โจวคยูฮยอนหันหน้ากลับมามองผู้มาเยือนด้วยความตกใจเพราะถูกกระชากให้หลุดออกมาจากห้วงความคิด เด็กน้อยรีบดันตัวเองขึ้นนั่งเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่ชายของเขาซึ่งนานปีทีหนจะโผล่เข้ามาเหยียบย่างในห้องสักที

     

                “กินข้าวหรือยัง?”

     

                “ผมไม่หิวครับ...พี่คิบอมมีอะไรหรือเปล่า?” คยูฮยอนเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นว่าพี่ชายที่ปกติไม่ค่อยจะสนใจยุ่มย่ามเข้ามาในห้องของเขาถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงแล้วเอื้อมมือมาลูบบนหัวด้วยท่าทางประหลาดๆ

     

                “เปล่าหรอก แค่จะมาชวนนายไปงานหน่ะ แต่นายควรจะกินข้าวให้เยอะขึ้นนะ...”

     

                “ครับผมจะกิน... งานอะไรเหรอครับ?”

     

                “งานเปิดตัวเพลงหน่ะ” คิบอมพูดยิ้มๆแต่ก็ยังไม่ยอมให้รายละเอียดทั้งหมดออกไปเพราะต้องการจะจับสังเกตปฏิกิริยาของน้องชายที่เขาไม่ค่อยนึกสนใจเท่าใด

     

                “อ่อ... ผมคงไปไม่ได้หรอกครับ ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือเยอะ”

     

                “งั้นเหรอ... นี่ได้บัตรเข้างานมาสามใบด้วยสิ”

     

                “ฮยองไม่ลองให้พี่ทงเฮชวนเพื่อนไปหล่ะครับ หรือไม่ฮยองก็ลองชวนเพื่อนคนอื่นไปดูไงครับ” พยายามหาทางออกให้กับพี่ชายที่ก้มหน้าลงมองตั๋วในมือด้วยท่าทางเสียอกเสียดาย

     

                “ก็เปล่าหรอก....”

     

                “...”

     

                “พอดีซีวอนมันบอกว่าให้มาชวนเราหน่ะ แต่ถ้าเราไม่วะ...”

     

                “งานวันไหนนะครับ!” พอได้ยินชื่อซีวอนหลุดออกมาจากปากเท่านั้นแหละ คยูฮยอนก็ดีดใบหน้าของตัวเองขึ้นมองพี่ชาย กลบเกลื่อนความรู้สึกตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ไม่ได้เลยสักนิด นี่ถ้าคยูฮยอนยั้งมือไว้ไม่ได้เขาเชื่อว่าตั๋วในมือคงจะโดนฉกชิงกันไปซึ่งๆหน้าเสียแล้ว

     

                “อาทิตย์ที่จะถึงนี้หน่ะ...”

     

                “ผม..เอ่อ... ผมก็น่าจะว่างนะครับ....คงไปกับฮยองได้แหละครับ”

     

                “อ่า... งั้นก็ดีเลย แล้วเราไม่ต้องอ่านหนังสืออะไรแล้วเหรอ?”

     

                “หนังสือ...หนังสือ...เอ่อ....ผม....เดี๋ยวผมอ่านตอนเช้าก็ได้ครับ แล้วตอนเย็นก็ออกไปกับฮยองไง...”

     

                “อาฮะงั้นก็ตามนั้น” คิบอมยิ้มร่าออกมาเพราะนอกจากเขาจะสามารถชวนน้องชายที่เอาแต่ขลุกเป็นนาง(?)ห้องให้ออกไปงานตามแผนได้แล้วยังสามารถจับสังเกตแววตาดีอกดีใจของคยูฮยอนตอนได้ยินชื่อชเวซีวอนอีกด้วย... แปลว่าข้อสันนิษฐานของเขาไม่ผิดแน่นอน

     

                โจวคยูฮยอนถวายหัวใจยกให้ไอ้เหี้ยวอนไปแล้วแน่ๆ!

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ตอนหน้าคงจะมาช้าหน่อย ช่วงนี้งานเยอะมาก T_T รายละเอียดรวมเล่มอยู่ตอนถัดไปนะ เดี๋ยวเอามาลงให้ ^^

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×