คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : field 01
01
ทุกเรื่องมีจุดเริ่มต้น
บางเรื่อง เราหาจุดนั้น ไม่เจอ
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขากองอยู่ที่ปากทางโดยฝีมือของเจ้าบ้านที่ยังคงมีผ้ากันเปื้อนหมิ่นเหม่คลุมอยู่ด้านหน้า เด็กชายตาฟ้าวิ่งวุ่นไปมาอีกเล็กน้อยเพื่อจัดการเตาแก๊สในห้องครัวให้มันหยุดส่งเสียงหอนดังและกลิ่นหอมฉุย เจ้าของสถานที่เดินออกมาดันถุงขยะสีดำออกไปให้พ้นทางก่อนจะย้ายตัวเองกลับมายืนอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาอีกครั้ง ชเวซีวอนจึงได้มีเวลาพิจารณาเคหะสถานของตัวเองอย่างถี่ถ้วน
ห้องนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าคอนโดหรูที่เพิ่งจะถูกทิ้งร้างเอาไว้ในโซล นับว่าเล็กกว่ามากด้วยซ้ำ ขนาดของมันเปรียบได้กับแค่ห้องน้ำและมีกลิ่นอับแบบชาวบ้านฝังอยู่ในทุกซอกทุกมุม เขาเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อพบว่าทั้งสามด้านของห้องเต็มไปด้วยหนังสือมากมาย จัดวางอย่างเป็นระเบียบบ้างไม่เป็นระเบียบบ้าง กระนั้นคนไร้ทางเลือกก็ได้แต่พยักหน้าอย่างจำนนต่อชะตากรรม ก้าวขาเข้าไปสำรวจส่วนที่เหลือด้วยอาการปลงตก
ผนังของห้องเป็นสีฟ้าทะมึนเหมือนผ้ากันเปื้อนเจ้าของบ้านไม่มีผิดเพี้ยน แต่มันก็เข้ากันได้ดีกับผ้าม่านสีขาวและชั้นวางของที่เป็นไม้อัดสีขี้ไก่ เตียงนอนของเขาไม่ได้เป็นเตียงนอนจริงๆ มันถูกดัดแปลงมาจากลังไม้วางของแบนๆที่พบเห็นได้ตามห้างสรรพสินค้า โปะด้านบนด้วยฟูกนอนแผ่นหนาและผ้านวมสีขาวซึ่งถ้าจะมองว่ามันเป็นสไตล์ก็คงพอผ่านอยู่
“อาจจะเล็กไปสักหน่อยนะครับ...” เจ้าบ้านตัวผอมเอ่ยขึ้นมาหลังเคลื่อนตัวเองไปนั่งแหมะอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็รู้แน่ว่ามันเป็นงานประดิดมือ ซีวอนพยักหน้ารับ... ความจริงเขาคิดว่ามันไม่ได้เล็กไปสักหน่อยแต่มันเล็กไปมากเลยหล่ะ
โดยเฉพาะเตียงนอน...
ขาเขาอาจจะยาวออกมานอกฟูกนอนด้วยซ้ำ
“ผมบอกคนที่ฟาร์มให้เอาลังมาปูเพิ่มให้แล้วเพราะคุณกีโฮบอกว่าคุณซีวอนสูงร้อยแปดสิบกว่า... มะรืนนี้น่าจะได้ของ เอ่อ... ผมหมายถึงคุณอาจจะต้อง...”
“โอเคๆ ฉันเข้าใจ" ร่างสูงหยักหน้า เอ่ยแทรกบทพูดของอีกคนขึ้นมาแล้วปัดประเด็นนั้นออกไปด้วยการทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนของตนเองซึ่งมันแทบไม่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวเลยสักนิด "นายชื่ออะไร?” เขายิงคำถามไปขณะสบมองดวงตาของคนที่นั่งชันขาอยู่บนเก้าอี้ฐานกลมที่มุมห้อง
“มาร์คัสครับ" เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างออกมาแล้วยืดอกยามบอกชื่อของตัวเองออกไปให้อีกคนได้รับรู้
“มาร์คัส?...”
“ครับ"
“ไม่ใช่คนเกาหลีเหรอ?”
“เอ่อ...” คำถามนั้นทำให้เจ้าของชื่ออ้ำอึ้งที่จะตอบ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันทันทีเมื่อสมองกลมๆต้องใช้ความคิดอย่างหนักในการตอบคำถาม เด็กน้อยก้มหน้าลงมองมือของตัวเอง ยู่ริมฝีปากเข้ามาและขดคิ้วจนมันผูกเป็นเส้นแน่น
“...”
“คือ...ผม...เป็นเด็กกำพร้า...”
“...”
“คุณพ่อที่โบสถ์เรียกผมว่ามาร์คัส" ดวงตาสีฟ้าช้อนขึ้นมองคนตัวสูงบนเตียงนอนที่ดูเหมือนจะอึ้งไปสักเล็กน้อย ซีวอนกลอกดวงตาของตัวเองไปมา หลีกเลี่ยงการโดนสบมองทางตรงแล้วค่อยๆพยักหน้าเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าใจและจะไม่ถามถึงเรื่องนี้อีกครั้ง
“โอเค ช่างเถอะ...”
“แล้ว... คุณซีวอนจะรับมื้อเย็นไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากพักผ่อน"
“อ่า... ถ้างั้น... ผมราตรีสวัสดิ์เลยแล้วกันนะครับ" มาร์คัสกระโดดลงจากเก้าอี้ไม้อย่างคล่องแคล่ว คว้าเอาถุงขยะสีดำที่ตัวเองได้พยายามเตะมันออกไปให้พ้นทางเดินเมื่อสักครู่ ร่างสูงมองตามแผ่นหลังแคบ สังเกตท่าทางทุลักทุเลกับสายผ้ากันเปื้อนซึ่งห้อยเป็นระย้าเพราะมันไม่ถูกผูกให้เรียบร้อยอย่างนึกขัดใจ
“เฮ้! มาร์คัส!”
“ค ครับ?” เจ้าของชื่อหันหลังกลับมามองคนตัวสูงที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาจากเตียงนอนแล้วเดินตรงมาทางเขา ดวงตาสีฟ้าทอประกายความตื่นตระหนกออกมาอย่างเห็นได้ชัด "มี...มีอะ...ไรครับ?”
“ถ้าจะใส่ก็ผูกให้เรียบร้อยซะ แบบนั้นมันจะเกะกะเสียเปล่า" ซีวอนจับสายของผ้ากันเปื้อนมาผูกเป็นโบว์เอาไว้หลวมๆลวกๆ พอให้มันไม่รุ่ยร่ายเหมือนเมื่อสักครู่ก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนแผ่บนฟูกนิ่มโดยมิได้ทันสังเกตอาการประหลาดของเด็กตาฟ้าที่แก้มไม่ได้แดงเป็นปกติ
- - -
ซีวอนโมโหตัวเองแทบบ้าตอนตื่นขึ้นมาเจอนาฬิกาชี้บอกว่าเป็นเวลาเกือบตีสอง เขาไม่ควรหลับยาวขนาดนั้นเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่คนที่ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เช้าของเมื่อวานก็ทำใจไม่ได้ที่จะทิ้งกายลงนอนต่อ จึงได้แต่เดินกระฟัดกระเฟียดไปรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วทำใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อลองบิดหัวก็อก หย่อนมือไปสัมผัสกับสายน้ำใสที่ไหลทิ้งลงมา ร่างสูงก็รีบปิดก็อกแทบไม่ทันเพราะความเย็นของน้ำที่อาจทำให้หนาวสั่นจนตะพร้านกิน เป็นอีกครั้งที่ซีวอนจิ๊ริมฝีปากอย่างขัดใจ ร่างสูงจัดการพาดผ้าเช็ดตัวเอาไว้กับราวเหล็กที่ข้างกำแพงแล้วกระชากประตูห้องน้ำออก
ซีวอนหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องครัว เปิดรองน้ำใส่ลงในหม้อแสตนเลสใบใหญ่แล้วฟ้าฝามาปิดให้กับมัน ไฟในบ้านที่ดับสนิททุกดวงบ่งบอกได้ว่าเจ้าเด็กมาร์คัสคงจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว นั่นยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่... อะไรคือการที่แขกอย่างเขาต้องมาต้มน้ำอาบตอนตีสอง เจ้าบ้านหลังนี้ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
ยิ่งคิด ก็ยิ่งพาลนึกไปถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมาใช้ชีวิตปลีกวิเวกอยู่ที่ไร่แห่งนี้ มันเป็นเพราะคุณชเวกีโฮ บิดาผู้แสนประเสริฐของเขานั่นแหละ ทั้งร่ำร้อง เซ้าซี้ และใช้ทุกวิถีทางในการหว่านล้อมให้เขากลับมาที่บ้าน ก็ถ้ากลับบ้านธรรมดา ซีวอนจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่คือให้กลับมารับมรดก...ซึ่งก็คือฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่คลุมภูเขาสามลูกและไร่ดอกคัทเตอร์ เอาเข้าจริงคุณกีโฮดูจะไม่ได้จริงจังอะไรกับฟาร์มเท่าไหร่เพราะคุณพ่อคนดีของเขาเอาแต่พูดถึงไร่คัตเตอร์นี่ตลอดเช้าสายบ่ายเย็น... หนำซ้ำ ยังส่งเขามาที่ไร่ดอกคัทเตอร์เพื่อฝึกดูแลให้มันงอกงามอีกเสียด้วย
คิดมาถึงตรงนี้ก็เดือดได้พอๆกับควันฉุยจากกาต้มน้ำ จึงต้องรีบเอื้อมมือไปปิดแก๊สและหวังว่าความคิดของเขาจะปิดก็อกได้แบบนั้นเช่นกัน
ถังไม้ที่มุมห้องน้ำถูกตรวจสอบและล้างอย่างลสะอาดก่อนจะกลายมาเป็นถังรองน้ำอุ่นชั่วคราว คนตัวสูงเทน้ำต้มสุกลงในนั้นส่งผลให้ควันฟุ้งฉุยฉายไปทั่วห้องจนบังเกิดเสียงไอคอกแคก ครั้นเมื่อมันเริ่มจากลงและพอจะมองเห็นอะไรต่อมิอะไรในห้องน้ำขนาดเท่าตู้เสื้อผ้า ซีวอนก็คว้าเอาฝักบัวมาเปิดน้ำเย็นลงไปผสม
การอาบน้ำอย่างทุลักทุเลจบลงในเวลาอันสั้น เมื่อเริ่มสบายตัว อารมณ์เคืองโกรธก็ลดลงตามไปด้วยเช่นกัน ผ้าขนหนูสีขาวที่พาดอยู่บนคอถูกรวบขึ้นมาขยี้เส้นผมสีดำขลับของตัวเองเพื่อให้มันหายชื้น ซีวอนทิ้งตัวลงบนฟูกนอนอีกครั้ง ขาของเขายาวเลยขอบไปอย่างที่เจ้าเด็กตาฟ้านั่นว่าจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้แย่มากนักเมื่อความนุ่มสบายของเตียงนอนมันทำให้ลืมประเด็นนั้นไปได้
ตำแหน่งของเตียงนอน พอเหมาะพอดีกับที่เขาสามารถมองเห็นท้องฟ้าสีคราม ซีวอนจับจ้องมันพลางนึกย้อนว่าป่านนี้ที่โซลจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังมือเบสของวงดนตรีที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นประกาศลาออกกระทันหัน
ประกาศลาออก ด้วยปัญหาสุขภาพ
รอยยิ้มแรกของวันแค่นออกมาด้วยความขมขื่น ที่จริงซีวอนตั้งใจจะปฏิเสธทุกมรดกของพ่อ เขาไม่ได้สนใจฟาร์มที่มีไข่เป็นหมื่นฟอง มีแกะเป็นร้อยตัว หรือม้าอีกสามคอกนี่เลย ไม่ได้ใส่ใจว่าไอ้ดอกคัทเตอร์สีขาวมันจะทำรายได้ให้กับตระกูลได้ตลอดทั้งปี ในเมื่อเขามีทางเดินเป็นของตัวเองซึ่งก็คือการได้เล่นดนตรีกับเพื่อนสมาชิกอีกสามคน ไต่เต้าจากวงข้างถนนสู่วงที่มียอดจำหน่ายอัลบั้มสูงสุดติดต่อกันสามสัปดาห์
แต่ทั้งหมดนั่นมันพังทลายไม่เป็นท่าเมื่อผลการตรวจสุขภาพบอกว่าหูข้างซ้ายของเขาใช้การได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และมีแนวโน้มว่าจะบอดสนิท หากเขายังใช้งานมันอย่างหนัก
เอาเข้าจริงเขาก็ไม่สามารถโกรธพ่อได้จริงจังกับการไล่ต้อนให้เขากลับมาที่ไร่ด้วยสารพัดวิธี คุณชเวกีโฮที่มีรอยยิ่มละมุนเหมือนขนแกะคนนั้นไม่เคยขัดขวางเขาเลย หนำซ้ำยังเป็นคนที่ส่งให้เขาเล่าเรียนด้านดนตรีจนได้ใบปริญญามาด้วยซ้ำ หมายเรียกตัวที่บอกให้เขากลับมาที่ไร่นี่ก็เป็นไปด้วยความห่วงใยทั้งสิ้น
พ่อไม่อยากให้เขาใช้งานหูอีกจึงพยายามบีบบังคับให้มาที่นี่
พาเขาหลุดพ้นออกมาจากวงจรงานดนตรีเพื่อพักฟื้นร่างกาย
พ่อหวังดีกับเขาเสมอ... ซีวอนเข้าใจ แต่มันก็ยังน่าโมโหอยู่ดีที่รู้ว่าตัวเองจะไม่สามารถกลับไปยืนอย่างภาคภูมิบนเวทีกับเพื่อนได้อีกครั้งเพราะปัญหาสุขภาพ และอีกอย่างที่เขาไม่เข้าใจคือ ทำไมพ่อต้องส่งเขามาที่ไร่ดอกคัทเตอร์ ไม่ยอมให้กลับไปนอนที่บ้าน
สาบานเถอะว่าเขาคือลูกชายเจ้าของไร่...
ร่างสูงปล่อยตัวเองให้ผลอยหลับไปอีกครั้งท่ามกลางสายลมยามค่ำที่แทรกผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่าง ปล่อยให้ความคิดทั้งหมดทั้งมวลหลุดลอยไปในความฝัน เหมือนเช่นร่างกายของเขาที่ถูกทิ้งลงบนฟูกนอนความยาวไม่สุดปลายเท้าหากแต่มันก็ยังเป็นที่นอนที่ดีในคืนที่ดาวดวงน้อยหม่นแสงลง
- - -
“16-16-16 อันนี้เป็นสูตรปุ๋ยที่ต้องให้นะครับ"
“...”
“ก่อนหน้านี้ ตอนช่วงให้ไฟต้องใช้สูตร 25-7-7 แต่ชุดนี้ให้ไฟจนก้านมันยาวขึ้นมาแล้ว ก็เลยเปลี่ยนสูตรปุ๋ย"
“อะไรคือให้ไฟ?” เป็นคำถามที่ร้อยในตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ซีวอนถูกพาให้เดินไปทั่วทุ่งดอกคัทเตอร์พร้อมกับคำอธิบายถึงวิธีการเลี้ยงดู เพาะกล้า ชำกิ่ง อะไรต่อมิอะไร จนคล้ายเหมือนกำลังโดนนำเที่ยวโดยมักคุเทศน์ผู้เชี่ยวชาญ
“มันคือการเลี้ยงด้วยไฟตลอดเวลาอ่ะครับ”
“เลี้ยงด้วยไฟ? เผาไร่เหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ!” มาร์คัสหันขวับกลับมาจนหมวกปีกบานของตัวเองไหลกลิ้งลงไปคล้องอยู่ที่หลังลำคอ ดวงตาสีฟ้าฉายแววตระหนก พลางโบกมือเป็นพัลวันด้วยความตกใจที่ชเวซีวอนกำลังเข้าใจผิดไปไกลได้ถึงขนาดนั้น "ให้ไฟคือเราเลี้ยงด้วยหลอดไฟครับ หมายถึงตอนกลางคืนเราจะเปิดไฟค้างเอาไว้ด้วยเพื่อเร่งให้เขาโตไวๆ...”
“อ่อ"
“เราถึงต้องติดหลอดไฟไว้ทั่วไร่" นิ้วเรียวชี้ขึ้นไปให้ร่างสูงดูเสาโครงอันใหญ่ที่มีหลอดไฟติดไว้ ซีวอนเพิ่งจะสังเกตอย่างจริงจังว่าตลอดทางที่เขาเดินเข้ามา ล้วนแล้วแต่มีเสาเรียงยาวเรื่อยมาเป็นเส้น
มาร์คัสเริ่มอธิบายต่ออีกครั้งถึงกระบวนการที่จะได้ตัดดอกคัทเตอร์ไปขาย เสียงหวานนั้นยังคงเจื้อยแจ้วไปจนถึงสุดท้ายไร่ ตรงนั้นมีต้นคัทเตอร์ถูกปลูกกั้นเอาไว้ในผืนแปลงขนาดเล็กแต่มันคละสีกันไป ไม่ได้มีแค่สีขาวอย่างเดียว
“อันนี้เป็นส่วนที่ผมเลี้ยงแยกไว้ผสมสีแปลกๆ" เจ้าของแปลงเล็กให้คำอธิบายทันทีเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงมีสีหน้าฉงน ซีวอนพยักหน้าอยู่สองสามครั้งแล้วลองก้มลงมองดอกไม้อันจิ๋วสีแปลกตา แต่ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมความงามอะไร ข้อมือของเขาก็ถูกคว้าให้เดินตามไปอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“นั่งได้นะครับ" คนที่ฉุดเขามาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นดินเปล่า ใต้ร่มเงาของต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ที่ช่วยกำบังไม่ให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาแผดเผาผิวกาย ซีวอนค่อยๆหย่อนตัวอย่างเชื่องช้า ทิ้งระยะห่างระหว่างเจ้าถิ่นเอาไว้ตามมารยาท
จากมุมนี้เขาเห็นก้านสีเขียวของต้นคัทเตอร์ประปรายเต็มกรอบสายตาไปหมด มันดูยุ่งเหยิงและวุ่นวายจนเขานึกสงสัยว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน ขนาดวันนี้แค่โผล่ไปดูแม่ไก่กับเป็ดในฟาร์มตอนเช้า และต้องด้วยการเดินทัวร์ในไร่ดอกคัทเตอร์เข้ายังแทบบ้า
แต่เมื่อผินหน้ากลับไป ซีวอนได้พบกับรอยยิ้มจางๆบนเรียวปากสีชมพูของมาร์คัส ดวงตากลมโตสีฟ้าอันมากล้นไปด้วยประกายบางอย่างถูกซ่อนไว้ใต้เปือกตาบางเฉียบจนเห็นเส้นเลือดสีเขียว เด็กน้อยทิ้งน้ำหนักตัวไปไว้บนฝ่ามือของตัวเองซึ่งค้ำยันกายเอาไว้ตรงเบื้องหลัง ปล่อสายลมอ่อนของยามบายบินโฉบไประลอกแล้วระลอกเล่า
ซีวอนคิดว่าบางทีมันก็อาจจะไม่ยากเกินความพยายามก็ได้...
“มาร์คัส...”
“ครับ?” ทันทีที่โดนเรียกชื่อ เด็กน้อยก็รีบหันมาทางเขาทันที
“ฉันจะเรียกนายว่าคยูฮยอนแล้วกัน"
“คยูฮยอน...เหรอครับ?”
“อืม... คยูฮยอน"
ซีวอนไม่ได้บอกความหมายของมันในเมื่ออีกคนไม่ได้ถาม ชื่อคยูฮยอนเป็นหนึ่งเรื่องที่เขาคิดมาตลอดวัน มาร์คัส คือชื่อที่แทนถึงมาร์ เทพเจ้าแห่งสงคราม คนจะทำสงครามก็ต้องไปกับพรวิเศษทั้งนั้น...
ตอนนี้เขากำลังทำสงครามกับหลายอย่างอยู่
ฉะนั้น... ชเวซีวอนต้องมี "พรวิเศษ"
- - -
#fieldwonkyu
04012016
ความคิดเห็น