คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : { primul }
{ primul }
“คัดจมูกแล้วก็ชอบกินไอติม” คล้ายว่านั่นจะเป็นคำตำหนิแต่เจ้าของเสียงก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการยืนมองเนื้อนุ่มก้อนกลมสีสดใสกลิ้งขึ้นมาโปะบนปากโคน กลิ่นหอมของมันโชยตามลมแตะตรงปลายจมูกของผู้พูด เซฮุนเบือนหน้าหนีคล้ายอยากปฏิเสธกระนั้นมันก็ไม่สำเร็จเมื่ออีกฝ่ายยืนโคนสีน้ำตาลนั่นมาเบื้องหน้าของเขา
“อร่อยนะครับ รสนี้หน่ะ...” เสียงทุ้มเอ่ยบอกราบเรียบแต่ก็เจือความคาดหวังเอาไว้เด่นชัด เซฮุนยอมหันหน้ากลับมา เขาแพ้กลิ่นสตรอเบอรี่เพราะมันเป็นผลไม้โปรด... แต่อาการคงไม่หนักขนาดนี้หากคนที่ถือโคนไอศครีมนั้นไม่ใช่ร่างสูงที่ชื่อว่าคริส
“...”
“อร่อยจริงๆครับหมอ” ยังคงส่งความยืนยันพร้อมแววตาเปี่ยมหวังไป สุดท้ายปลายลิ้นเล็กๆของเซฮุนก็ยอมยื่นออกมาชิมรสไอศครีมก้อนเย็นทำให้บนใบหน้าของคริสปรากฏรอยยิ้มจางๆแปะอยู่
ความหวานแทรกปนไปกับความเย็นของเนื้อไอศกรีม เซฮุนไม่ปฏิเสธว่ามันทั้งหอม หวานและรสชาติดี เขาละเลียดมันลงคออย่างเชื่องช้า พลางเบือนหน้าไปหาคนตัวสูงที่ยังคงรอฟังคำตอบอยู่ข้างกาย
“อือ อร่อยจริงๆแหละ”
“ผมบอกแล้ว” คุณหมอหลุดรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินการยอกย้อนอันแสนเอาแต่ใจของอีกคนที่คงจะไปจำมาจากภาพยนตร์รอบดึกสักเรื่อง เซฮุนไม่ได้สนใจว่ามันใช่กิริยาที่เหมาะสมหรือไม่ แค่มันเป็นคำที่หลุดออกมาจากปากของคริสก็พอแล้วหล่ะ
เราเดินย้อนกลับมาที่จักรยานสีเขียวที่จอดล็อคอยู่กับรั้วไม้เก่า โคนไอศครีมรสหวานถูกส่งมาให้ผมถือเพราะคริสตองกลับไปทำหน้าที่สารถีที่ดี รถขี้ก้าง (คนในยุค 2023 เรียกมันแบบนี้) คันเก่าปั่นไปอย่างเชื่องช้าตามทางฟุตบาทที่รัฐบาลจัดเตรียมเอาไว้ให้ เราขับสวนกับสกู้ตเตอร์รุ่นใหม่หลายคันและยวดยานที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ พวกเขาต่างเหลียวมองความคร่ำครึของพวกเราเหมือนทุกครั้ง แม้จะเป็นสายตาดูแคลนแต่ผมคิดว่ามันก็คงไม่ดีเท่าใดนักหากต้องไปขับยานทันสมัยบนท้องถนนแออัด
“ไปที่ทุ่งใช่ไหมครับ?”
“อือ” เซฮุนตอบด้วยน้ำเสียงยานคางอู้อี้เพราะใบหน้าเรียวกำลังซบอยู่บนแผ่นหลังกว้าง แขนทั้งสองเกี่ยวรั้งเอาไว้ที่รอบเอวของคนตรงหน้า มันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอย่างที่มนุษย์โคลนควรเป็น ทั้งๆที่ถูกได้รับยีนส์เด่นของเหล่าทหารแนวหน้าและนักคิดชั้นยอดลงไปในเซลล์ร่างกายแต่คริสกลับมีจุดอ่อนมากมาย ร่างกายของเขาไม่แข็งแรง ไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้และระบบทางเดินหายยังใจมีปัญหา ความจริงผู้คุ้มครอง(ที่สมัยก่อนเราเรียกพวกเขาว่ารัฐบาล)ต้องการกำจัดเขาทิ้งด้วยซ้ำ เพียงแค่อวัยวะสองส่วนสำคัญของคริสมีความแตกต่างที่คนพวกนั้นพึงพอใจ
สมองที่ฉลาดล้ำ กับหัวใจที่เต้นได้เหมือนจริงเท่าที่เคยมีมา... คริสจึงไม่โดนกำจัดในฐานะมนุษย์โคลนบกพร่อง แต่กลับถูกรักษาไว้อย่างดีเป็นกรณีพิเศษด้วยฝีมือของนักวิทยาศาสตร์อันเป็นที่รู้จักไปทั่วเขตบาเรียซึ่งก็คือเขา
เซฮุนภาคภูมิใจกับผลงานของตนแต่ในขณะเดียวกันมันเต็มไปด้วยความทุกข์ตรม
หัวใจของคริสถูกซื้อไว้โดยนักธุรกิจผู้มีทรัพย์สินเป็นอันดับหนึ่งของโลก เจ้าของเมืองบาดาลในทะเลอันดามันผู้มีเงินล้นมือจากธุรกิจด้านการเกษตรสังเคราะห์แต่ป่วยเป็นโรคหัวใจเรื้อรัง นับกันตามตรงชายวัยกลางคนผู้นั้นจะอยู่ได้อีกไม่น่าเกินปี การผ่าตัดจึงใกล้เข้ามา
ไอศกรีมในมือเริ่มละลาย มันหยดลงสัมผัสกับผิวเนื้อเย็นเฉียบของเซฮุน ดวงตาเรียวปรามองมันอยู่ครู่หนึ่งกระทั่งหยดที่สองทิ้งตัวลงตามมา ปลายลิ้นของเขาจึงแตะลงเล็มเลียรสหวานเข้าคอ
จุดจบของคริสคงไม่ได้หวานเหมือนไอศครีม... เขารู้มันดี...
- - - - - - - - - - - -
ทุ่งหญ้าสีทองอร่ามเป็นเหมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเขาทั้งสอง มันอยู่นอกเขตเมืองออกมาไกล และคงต้องปั่นจักรยานจนหอบกันไปข้างหนึ่งแต่นั่นคือกลอุบายที่จะทำให้คริสได้ออกกำลังกายบ้าง ไม่ได้คุดคู้อยู่แต่ในห้องหรือเดินไปซื้อของที่มาร์ทของคุณโอฮาน่าระยะทางสามร้อยเมตร
เราเดินเตาะแตะกันเหมือนเด็กเพิ่งหัดเดินเข้ามาด้านใน พื้นดินขรุขระไม่เป็นผลดีต่อการทรงตัวของผม คริส และจักรยาน แต่เพราะความเคยชินเราจึงหลุดรอดเข้ามากลางทุ่งได้ย่างปลอดภัย
ที่นี่เป็นพื้นที่รกร้าง มันถูกวางแผนไว้ให้ปรับสร้างเป็นศูนย์วิจัย แต่เพราะความไม่สงบครั้งล่าสุดทำให้โครงการนี้ต้องยุติลง บวกกับการใช้พลังนิวเคลียร์ในการทดลองจึงถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวบ้านรอบข้างที่เกรงกลัวว่ามันจะส่งผลต่อผืนป่าขนาดย่อมผืนสุดท้าย แม้จะตกอยู่ในสภาพการณ์รุนแรงอยู่เกือบปี ผมกลับก็รู้สึกดีที่เห็นมนุษย์เริ่มห่วงใยตัวเองและธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
“ไอศกรีมนายละลาย... ฉันเลยกินไปหมดแล้ว”
“เพราะมันอร่อยใช่ไหมครับ” รอยยิ้มที่เขายื่นมาให้ปะทะเข้ากับแสงแดดยามบ่ายพอดีมันทำให้เขาดูสง่างามมากกว่าทุกครั้ง ผมมักเหลือบมองใบหน้าของเขาบ่อยครั้งยามปะทะแสงแดดในฤดูหนาว
“ก็ส่วนนึง...” เซฮุนยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า ฝ่ามือของคริสตบปุๆลงที่หน้าตักเป็นสัญญาณเรียกเขาลงมา เซฮุนคิดว่าสักวันเขาจะปฏิเสธมันให้ได้แต่เมื่อเห็นทีไร สมองก็บอกว่าไว้คราวหน้าแล้วกันเสมอ
ลมเย็นโกรกผ่านปลายจมูกโด่งของเขา คริสทิ้งแผ่นหลังลงแนบกับต้นไม้ขนาดใหญ่ ดวงตากลมโตคู่นั้นสะท้อนภาพของโบสถ์เก่าคร่ำครึที่ขึ้นคราบไคลสีดำ มันเป็นสิ่งปลูกสร้างจากโลกเก่าที่ไม่ถูกรื้อถอนไปเพราะชาวบ้านละแวกนี้ยังคงใช้ประโยชน์อยู่ ปัจจุบันนี้จำนวนคนที่นับถือศาสนาน้อยลง ที่เหลืออยู่มีไม่ถึงสามเปอร์เซ็นต์จากจำนวนคนทั้งหมดบนโลกด้วยซ้ำ ส่วนมากสามเปอร์เซ็นต์นั้นมักเป็นคนที่อยู่นอกเมืองและนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์บางคน... ผมเองก็อยู่ในหมวดคนพวกนั้น
“หมอบอกว่านั่นคือโบสถ์”
“อืม ใช่แล้วหล่ะ”
“ที่ที่คนจะสวดมนต์ อ้อนวอน เพื่อขออะไรสักอย่าง”
“อาฮะ” ผมยิ้มเมื่อเขาสามารถจดจำรายละเอียดของสิ่งปลูกสร้างนี้เอาไว้ได้ มันเป็นสัญญาณที่ดีว่าสมองของเขายังทำงานอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามผมไม่เคยแน่ใจเหมือนกันว่าที่ผมยิ้มมันเป็นเพราะเรื่องนั้น
ผมคิดว่ามันอาจเป็นเพราะเขาจำโบสถ์แห่งนี้ได้ต่างหาก
“ถ้าเราสิ้นหวัง... เราจะเติมพลังได้จากที่นั่น...”
“...”
“และหมอก็ชอบไปที่โบสถ์เวลาหมอเหนื่อย บอกกับคนที่ชื่อว่าพระเจ้าให้ช่วยดูแลหมอด้วย” เสียงทุ้มกล่าวรายละเอียดที่อยู่ในสมองของตัวเองออกมา คริสลากปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าของเซฮุนที่แม้จะไม่ได้รูปตามอย่างที่ศิลปินหลายคนระบุไว้แต่ในความคิดของเขาเขาเชื่อว่า นี่คือความสวยงามที่สุดแล้ว
“ใช่แล้ว...”
“ถ้าโตกว่านี้ผมจะเป็นโบสถ์... หรือไม่ก็เป็นพระเจ้า” คนตัวผอมบางไม่สามารถหยุดรอยยิ้มบนใบหน้าของตัวเองได้ เขาอยากส่งเสียงหัวเราะออกมาดังๆแต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะมีน้ำตาไหลปนออกมาด้วย โอเซฮุนจึงนอนนิ่งและยิ้มหวานเพื่อฟังสิ่งที่คนตัวสูงจะพูดต่อไป
“...”
“ผมอยากเป็นคนที่พอหมอเหนื่อยแล้วหมอนึกถึง...” ริมฝีปากของคริสแนบลงมากลางหน้าผากของเขา กดย้ำเบาๆอีกครั้งบริเวณปลายจมูกและสุดท้ายมันก็เลื่อนลงมาที่ปาก... เราสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ไม่ได้มีการรุกรานไปมากกว่านั้น มือของผมไล้ลูบอยู่ที่ซอกคอของเขา อีกข้างหนึ่งกุมประสานกันเอาไว้แนบแน่น...
สัญญาข้อที่หนึ่ง ระบุว่าโคลนนิ่งหมายเลย 784 ต้องไม่ถูกปลูกฝังเรื่องความคิด จินตนาการ เพราะการทำแบบนั้นจะลดทอนพื้นที่สมองสำหรับการจดจำข้อมูลและตัวเลข...
เรากำลังละเมิดมัน
- - - - - - - - - - - -
ไม่อยากให้มันเศร้าหรอก... จริงๆนะ
ความคิดเห็น