ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #18 : CHAPTER XVII.

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 56


    CHAPTER XVI
    คำถามที่ไม่กล้าตอบ

     

     

    กลิ่นบุหรี่จางๆที่ลอยมาตามลมสะกิดโจวคยูฮยอนให้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราของตัวเอง เขาปรือเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้นมองไปรอบกายที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์ขอนักร้องที่ตัวเองจำชื่อไม่เคยได้ทั้งที่เห็นหน้าอยู่ทุกวันผ่านแผ่นกระดาษมันเงาบนผนังห้องเหล่านี้ สันจมูกโด่งรั้นขยับฟุดฟิดให้กับกลิ่นไม่พึงประสงค์นั่นและเมื่อเห็นต้นตอของมันจากมุมห้อง เจ้าตัวก็ซุกหัวลงกับหมอนไป

     

    ใบหน้าหวานที่กดลงกับหมอนบิดเบ้อีกครั้งเมื่อกลิ่นปร่าของใบยาสูบยังตามมารบกวนแม้เขาจะพยายามหลีกเลี่ยง แขนเรียวยกผ้านวมผืนหนาขึ้นคลุมหัวของตัวเองเพื่อป้องกันกลุ่มควันที่ลอยมากับสายลมจากบานหน้าต่างไม่ให้ปะทะเข้ากับเขาโดยตรง แต่การซุกหน้าลงมาใต้ผ้าห่มก็ทำให้คยูฮยอนต้องเห็นตัวเองในสภาพเปล่าเปลือยซึ่งมันก็ไม่น่าพิสมัยพอๆกับการเงยหน้าไปสูดกลิ่นบุหรี่ที่ลอยมาจากเจ้าของห้องนั่นแหละ

     

    “ฮยองอ่า... อย่าสูบสิครับ” เสียงเสียงงัวเงียบอกอีกคนแล้วโผล่หัวกลมยุ่ง ๆ ออกมาจากผ้านวมผืนหนาเพื่อร้องขอให้คนที่ชอบรบกวนห้วงนิทราทำตามใจเขาบ้าง แต่ฮยองอ่าคนนั้นก็ยังนิ่งเฉยและกระดิกเท้าไปมาตามเสียงเพลงที่เปิดอัดใบหูอยู่

     

    “ฮื่อออออ....” โจวคยูฮยอนครางออกมาอย่างขัดใจและขัดจมูกเมื่อพบว่าเจ้าของห้องหน้าคมไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด ร่างบางผุดลุกผุดนั่งขึ้นมาจากเตียงนอนของตัวเอง สลัดผ้านวมที่ห่มคลุมให้ความอบอุ่นออกไปจากกายเปล่าเปลือยแล้วสาวเท้าลงจากเตียงตรงไปหาคนที่นั่งกระดิกตีน ทบทวนทำนองเพลงอยู่ตรงมุมห้องอย่างไม่นึกสนใจว่าเรือนกายเปล่าจะต้องเปิดเผยต่อหน้าผู้ชายคนนั้น(อันที่จริงเขาเริ่มซึมซับนิสัยแก้ผ้าล่อนจ้อนมาจากซีวอนเข้าแล้วหล่ะ)

     

    “ซีวอนฮยองอ่า....” เขาสะกิดหูฟังที่กำลังบรรเลงเพลงร็อคออกไปจากใบหูของคนที่นั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น บุหรี่ที่จุดค้างอยู่ในมือและทำทีทำท่าว่าจะยกขึ้นมาถูกตรึงไว้ด้วยฝ่ามือข้างหนึ่งของคนที่เปลือยกายล่อนจ้อน คยูฮยอนใช้มือเรียวสะกิดเบาๆบนหัวไหล่กว้างที่มีรอยสักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษยึกยือเพื่อให้ร่างสูงสนใจฟังเสียงเรียกของเขาสักนิด

     

    “ดับบุหรี่ก่อนได้ไหมครับ...” รู้สึกตัวว่าพลาดก็ตอนโดนรั้งให้นั่งลงบนหน้าตักกว้างของอีกฝ่ายที่มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวคลุมเอาไว้ ดวงตาคมเข้มลืมขึ้นมองมองใบหน้าของเขาและการเห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาคมกริบก็ทำให้โจวคยูฮยอนต้องก้มหน้าเพื่อเบี่ยงเบนสายตาของตัวเองหลบไปอีกทางก่อนจะรู้สึกวูบไหวไปมากกว่านั้น แต่มันก็เปล่าประโยชน์เมื่อสุดท้ายชเวซีวอนที่ยอมกดมวนบุหรี่ติดไฟลงไปในกระถางต้นแค็กตัสเหนือปึกกระดาษโน๊ตโน้มใบหน้าลงมาดูดคลึงริมฝีปากของเขาอย่างเอาแต่ใจ

     

    กลีบปากหยักทั้งบนทั้งล่างทำงานประสานกันได้ดีจนโจวคยูฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกดึงให้ริมฝีปากหายไปจากใบหน้า ฝ่ามือเรียวต้องยกขึ้นวางที่ต้นคอของอีกฝ่ายที่มีเส้นเลือดโผล่ขึ้นมาเด่นชัดเมื่อต้องเงยหน้าขึ้นกดริมฝีปากกับเขาซึ่งอยู่สูงกว่า ลิ้นร้อนชื้นส่งเข้ามาชอนภายในโพรงปากหวานฉ่ำและกลิ่นบุหรี่มินท์อันแสนขมปร่าก็แปรเปลี่ยนเป็นรสชาติหวานที่เขาแสนเกลียดชังเพราะมันทำให้กายเปล่าอ่อนปวกเปียกโดยไม่ต้องลงมืออะไรไปมากกว่าการละเลงลิ้นไล่เกี่ยวไปมาอยู่ภายในนั้น

     

    ชเวซีวอนโอบรั้งเอวคอดของคนที่นั่งทับอยู่เหนือหน้าตักของตัวเองเอาไว้แน่น เกี่ยวลิ้นพัวพันกับคนที่เอาแต่หลีกหนีเขาไปมาอย่างคล่องแคล่วภายในพื้นที่จำกัด ส่งเสียงหัวเราะหึอย่างร้ายกาจออกมาจากลำคอหนึ่งครั้งก่อนจะเร่งเกี่ยวรัดเอาทูตร้อนชื้นของอีกคนมาดูดดุนเสียให้พอใจ และการสัมผัสได้ว่าร่างเปล่าเปลือยของโจวคยูฮยอนกำลังโอนอ่อนคล้อยตามก็ทำเขาต้องยกร่างนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะเขียนหนังสือ ปล่อยสะโพกกลมทับลงไปบนกระดาษเนื้อเพลงอย่างไม่นึกใส่ใจ








     

    NC
     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    กว่าจะหลุดออกมาจากบทรักร้อนแรงได้ คยูฮยอนก็กลายเป็นคนเดินตูดบิดไปเสียแล้ว (เมื่อคืนไม่รู้กี่รอบพอเช้ายังจะมีต่ออีก ไม่บิดนี่ก็สะโพกเหล็กแล้วเถอะ) ร่างผอมเดินหน้ามุ่ยเพราะความเจ็บตรงสะโพกเข้ามาในครัว เพื่อประกอบอาหารเช้าให้กับคนที่พอออกมาจากห้องน้ำได้ก็กลบไปนั่งทำงานต่อที่โต๊ะเหมือนเมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

     

    เดินเข้ามาหยิบวัตถุดิบไปก็ตั้งคำถามกับตัวเองไปด้วยว่าทำไมเขาถึงยอมซีวอนมากมายขนาดนี้นะ ทั้งที่ไอ้การจับไปขึ้นเตียงแบบนั้นมันเท่ากับการข่มขืนชัดๆ ถ้าแจ้วความจับขึ้นมารับรองว่าพี่ซีวอนติดคุกหัวโตแน่หล่ะ

     

    แต่เอาเข้าจริงเขาก็สมยอมเกือบทุกรอบเลยนี่หว่า...

    แล้วจะแจ้งความได้ยังไง -___-

     

    ยิ่งไปกว่านั้นพักหลังนี้เขายังรู้สึกใจเต้นแปลกๆกับการกระทำของรุ่นพี่ตัวสูงด้วยหน่ะสิ ถ้าจะพูดกันตามตรงคือใจเต้นมาตั้งแต่รอบแรกๆแล้วหล่ะ ตอนนั้นเขาคิดว่าอาจเพราะพี่ซีวอนดูหล่อ เท่ห์และมีเสน่ห์เอามากๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนอยู่ใกล้จะรู้สึกหวั่นไหว แต่พอนานเข้ามันควรจะชินชาแล้วเลิกเขินไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกับคยูฮยอนกลับกลายเป็นรู้สึกเขินอายหนักขึ้นหล่ะ

     

    โยนความคิดในหัวทิ้งไปก้อนเมื่อเจอวัตถุดิบที่ต้องการ มือเรียวโยนขนมปังจากหลังตู้เย็นไปไว้บนโต๊ะแล้วค่อยก้มลงไปหยิบไข่ไก่ออกมาเตรียมสำหรับการทำไส้แซนด์วิช

     

    เตาไฟฟ้าร้อนฉ่าจนมีควันลอยตลบอยู่เหนือกระทะเทฟล่อน ตะหลิวด้ามยาวป้ายเนยลงไปทาทั่วพื้นกระทะสีดำจนบังเกิดกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว ครั้นเมื่อความร้อนได้ที่ มีควันขึ้นมาหน่อยให้รู้ว่าความร้อนได้ที่แล้ว คยูฮยอนก็ตอกไข่ลงไปขยี้ให้เป็นชิ้นเล็กๆสำหรับทำไส้แซนด์วิช

     

    เขาดับเตาแก๊สแล้วหันหน้าหมายจะเอื้อมไปคว้าขนมปังมา แต่พอพลิกกายกลับก็พบร่างสูงใหญ่ในกางเกงตัวใหม่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง(และยังคงคอนเซ็ปต์เปลือยท่อนบนเหมือนทุกครั้ง) อ้อมแขนแกร่งกักรั้งเอวคอดเข้ามาไว้กับตัวเองแล้วค่อยดันให้คยูฮยอนขยับไปชิดซิงค์ล้างจานที่อยู่ด้านข้าง

     

    "อื้อ~ ฮยองครับ ปล่อยก่อน ผมจะทำแซนด์วิช" เอ่ยบอกอย่างไม้ถนัดนักเพราะเริ่มเขินกับการที่อีกคนเอาปลายคางมาไถอยู่บนบ่าของตัวเอง ซีวอนส่งเสียงหัวเราะขบขันเมื่อเห็นแก้มขาวนวลแดงปลั่งขึ้นมาและมันก็ขับให้คนตัวบางดูน่ารักน่าฟัดจนต้องกดจมูกลงไปหอมหนึ่งฟอดใหญ่

     

    "ก็ทำไปสิ.."

     

    "มันไม่ถนัดนี่ครับ… ไม่อร่อยไม่รู้นะ"

     

    "ไม่อร่อยกูก็กินมึงแทนไง?" ไม่เชิงเป็นคำขู่เท่าใดนักแต่มันก็ทำให้คยูฮยอนต้องตวัดหน้ากลับหลังไปเหวี่ยงค้อนใส่ร่างสูงเสียวงใหญ่ทั้งที่ในใจกลัวแทบตาย จะมาอีกร่งอีกรอบอะไรหล่ะ ตูดเขาไม่ได้หลอมมาจากเหล็กนะจะได้ทนรับแรงกระแทกเหมือนกันชนรถหน่ะ

     

    "ไม่ได้แล้วนะครับ... แค่นี้ผมก็ยืนแทบไม่ไหวแล้วนะ" ปิดเตาแก๊สลงเมื่อพบว่าไข่สุกได้ที่แล้ว ร่างผอมก้าวเดินอืดอาด (ก็เพราะปลิวตัวยักษ์ที่เกาะหลังเขาอยู่นั่นแหละ!)ไปยังโต๊ะทั้งกระทะแล้วใช้ตะหลิวปาดเอาเนื้อไข่ลงไปในจานเพื่อเตรียมคลุกกับเนยสด

     

    "งั้นเดี๋ยวกูช่วยเดิน"

     

    "เอาแต่ใจอ่ะ..." บ่นงึมงัมให้ได้ยินอยู่คนเดียวแล้วตัดสินใจหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้เพื่อตัดปัญหา แต่ด้วยความใกล้ชิดระดับลมหายใจเป่ารดกันมีหรือที่ซีวอนจะปล่อยให้เสียงบ่นนั้นลอดผ่านใบหูไปได้ ร่างสูงไม่ใส่ใจกับคำพูดนั่นเท่าไหร่แต่ก็จัดการลงโทษหนักๆด้วยการฟัดหลังคอจนคยูฮยอนต้องย่นลำคอหลบและพยายามเบี่ยงตัวหนีไปอีกทาง

     

    "งื้ออออออออออ~"

     

    "รอที่ห้องนั่งเล่นนะคะ" แกล้งทำเสียงสูงหยอกอีกคนแล้วบีบก้นนิ่มเสียทีนึงให้หายอยาก (?) ก่อนจะผละออกมาจากร่างผอมเพื่อตรงไปห้องนั่งเล่นตามที่ปากบอกไว้

     

    "ฮู่ว.. มานะเคอะนะคะอะไรของเขานะ!" พอเห็นว่าแผ่นหลังกว้างคล้อยห่างไปแล้วคยูฮยอนก็ยกมือขึ้นมาเช็ดแก้ม เช็ดหลังคอเป็นพัลวัน แถมยังต้องพยายามปรับหัวใจที่รัวสั่นเหมือนเจ้าเข้าให้กลับมาอยู่ในภาวะปกติอีกต่างหาก

     

    "โอ่ยยยย อย่าเต้นแรงดิๆๆๆ" มือปาดไข่คลุกเนยลงไปในขนมปังแต่ใจนี่กำลังลอยทิ้งห่างร่างไปไกลเกินฉุดกลับ ก็การเข้ามากอดจากข้างหลังแล้วจูบไซร้หยอกล้อในครัวของพี่ซีวอนมันเหมือนกับที่พ่อเขาชอบทำกับแม่ของเขาไม่มีผิด ถึงตอนนั้นคยูฮยอนจะยังเด็กแต่เขาก็จำได้ดีว่ากิริยาท่าทางแบบนั้นมันบ่งบอกได้ชัดเจนถึงความรักมากมายระหว่างพ่อกับแม่ของเขา

     

    ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสามีภรรยากันเลย...

    ถึงกรณีจองเขามันจะไม่ค่อยถูกกฎหมายเท่าไหร่ก็เถอะนะ .___.

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                หลังมื้ออาหารเช้าจบลง คยูฮยอนก็ไถร่างกายซึ่งขยับเขยื้อนได้ไม่ถนัดถนี่เท่าใดกลับไปที่เตียงนอน ส่วนเจ้าของห้องที่ยังเหลืองานคั่งค้างสะสมก็เคลื่อนตัวเองตามเข้าไปในห้องติดๆเพื่อสะสางงานค้างเหล่านั้นให้เหมดไป โดยเฉพาะเรื่องเพลงที่วันกำหนดส่งขยับใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที

     

                ซีวอนหมุนปากกากลิ้งไปกับนิ้วของตัวเองไปมาเมื่อหัวสมองของเขาดำเนินมาถึงทางตันอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าคริสจะใส่ทำนองแบบไหนแต่เท่าที่คนประพันธ์เนื้ออย่างเขาจะมีอำนาจได้ ซีวอนอยากให้มันเป็นเพลงช้าที่ไม่ได้มีจังหวะเศร้าโศก แต่เป็นเพลงช้าที่คนฟังได้ยินชัดทุกตัวอักษรและเข้าใจความหมายของวลีภาษาอังกฤษง่ายๆเหล่านี้

     

                ร่างสูงหมุนเก้าอี้ออกมาจากใต้โต๊ะเพื่อเหยียดท่อนขาซึ่งนั่งพับมาเป็นเวลานานให้รู้สึกผ่อนคลายบ้าง เขามองไปบนเตียงซึ่งมีร่างผอมบางผู้เหนื่อยล้านอนหลับนิ่งสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา โผล่มาให้เห็นแค่ใบหน้าหวานยามหลับพริ้มที่มองแล้วเพลินลูกตาจนไม่รู้ว่าจะถอนสายตาออกมาด้วยวิธีไหนดี

     

                เขาตัดสินใจลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปหย่อนตัวลงบนผืนเตียง ปล่อยให้นวมนุ่มยุบลงไปตามน้ำหนักตัวอย่างเชื่องช้า นิ้วเรียวไล้เบาๆไปตามข้างแก้มขาวนวลของอีกคน เขารู้สึกว่าใบหน้าคมคายที่เคยตึงขึงอยู่ตลอดเวลากำลังยืดออกเพราะรอยยิ้ม ซีวอนพิสูจน์ด้วยการลองใช้มือสัมผัสไปบนแก้มของตัวเองที่ปรากฏรอยลักยิ้มบุ๋มลึกลงไป มีคนเคยบอกว่ารอยยิ้มของเขาน่ารักและดูสว่างแต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะต้องแจกยิ้มแบบนั้นให้กับใคร

     

                แต่กับคยูฮยอน แค่มองหน้าก็อยากจะหยิบยื่นรอยยิ้มให้ แค่อยากให้เด็กนั่นสัมผัสได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้เป็นพี่ชายเสียงดัง กิริยาห่ามที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองแบบนั้น บางทีซีวอนก็นึกอยากให้ไอ้เด็กซื่อคนนี้สัมผัสตัวตนของเขาในอีกมุมที่ถูกซุกอยู่ด้านใน แต่ก็อาจเพราะมันอยู่ลึกมากเกินไปเขาก็เลยไม่รู้จะล้วงตัวตนแบบนั้นออกมายังไงดี

     

                “กูก็ไม่ได้อยากจะทำโหดกับมึงตลอดหรอก...”

     

                “...”

     

                “กูแค่อายที่จะบอกว่ารู้สึกดีกับมึงมากกว่าใครเท่านั้นเอง...” เขาพูดเบาๆกับคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราและไม่มีทางได้ยินหรือได้รับฟังถ้อยคำพวกนั้นอย่างแน่นอน ซีวอนเคลื่อนมือวางลงไปบนกลุ่มผมนุ่ม ลูบเบาๆในขณะที่ใบหน้าคมคายเลื่อนต่ำลงไปกดจูบที่หน้าผากนวลเนียนแล้วค่อยผละออกมาเพื่อพาตัวเองออกไปทำงานทำการที่ยังคงค้างไว้ให้สำเร็จ

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                “พอได้ไหม?”

     

                “สไตล์มึงมากรู้ตัวป่ะ? น้อยคำ ย้ำซ้ำ...”

     

                “กูเหลือให้มึงเล่นทำนองเถอะ” แผ่กายเหยียดลงไปกับพื้นห้องไม้ปาร์เก้ของเพื่อนสนิทที่ทำหน้าที่เป็นผู้แต่งทำนอง คริสหัวเราะหึออกมาให้กับเจ้าของเนื้อเพลิงที่มีเพียงคำสั้นๆไม่กี่คำมาเรียงร้อยต่อกันแต่กลับให้ความหมายลึกซึ้งมากเกินจำนวนคำที่น้อยจนนับได้เหล่านั้น

     

                “จ่ะ...” ยกน้ำผลไม้กระป๋องในมือขึ้นมาซดแล้วเดินตรงไปยังเปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง มือเรียวยาวผลักฝาสีน้ำตาลโอ๊คขัดมันเงาขึ้นมาก่อนจะเริ่มจรดนิ้วลงไปลองเสียงดู

     

                “ขอแบบช้าๆ”

     

                “อะไรนะ?”

     

                “เอาทำนองช้าๆ ถ้ามึงจะสารภาพรักใครสักคนมึงก็ควรให้เขาได้ยินชัดๆ”

     

                “โอ้แน่นอน... เนื้อมีอยู่แค่นี้แร๊พถึงครึ่งท่อนได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย” ประชดประชันเพื่อนที่ยังคงแผ่กายไปบนพื้นอย่างไม่นึกเกรงใจเจ้าของห้อง คริสลองนึกหาทำนองที่น่าจะเหมาะกับเนื้อเพลงในแผ่นกระดาษยับๆนี่แล้วลองบรรเลงไปตามความคิดของตัวเอง

     

                “You and I…. two of a mind…” เนื้อท่อนแรกถูกร้องออกมาคลอกับเสียงเปียโนที่ขับกล่อมอย่างไม่ราบรื่นนัก คิ้วเรียวสวยที่ถูกย้อมทับให้เป็นสีทองอมเหลืองของเพื่อนสนิทขมวดชิดเข้าหากันเป็นปมแน่นเมื่อรู้สึกว่ามันยังไม่เข้าที่เข้าทางมากพอ นิ้วเรียวยาวนั้นกดซ้ำใหม่อีกครั้งลงไปบนเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ ควานหาคีย์เสียงที่เหมาะสมต่อไปอย่างไม่ลดละ

     

                “กูไปดูดบุหรี่นะ”

     

                “ไหนว่าเลิกแล้ว...”

     

                “ก็.... มีอะไรให้คิดเยอะเกินไป” ยักไหล่กว้างหลังจากยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้สำเร็จ กระนั้นประโยคเมื่อครู่ก็ไม่ใช่ประโยคที่ทำให้อู๋อี้ฟานรู้สึกพอใจเท่าใดนัก ดวงตาที่คมกริบไม่แพ้กับเพื่อนสนิทของตัวเองละออกมาจากเปียโนแล้วจับจ้องไปบนใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายที่พยายามเบือนหลบ

     

                “...” อี้ฟานมีวิธีการเค้นเอาคำตอบด้วยความเงียบซึ่งมันก็ใช้ได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วหล่ะ แม้จะไม่ได้สบตากับซีวอนโดยตรงแต่การจ้องไม่วางตาพร้อมกับกดโน๊ตเสียงต่ำตัวเดิมซ้ำไปซ้ำมาก็ทำให้เจ้าของแผ่นหลังกว้างต้องยอมผินใบหน้ากลับมาสนใจเขาจนได้

     

                “คิบอมใกล้กลับมาแล้ว...” ร่างสูงเฉลยคำตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบที่ฟังดูจะสั่นพร่าไปสักนิดแล้วขายาวคู่นั้นก็รีบก้าวออกไปยังระเบียงห้องทันที ทิ้งให้เบื้องหลังมีเพียงรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของอู๋อี้ฟานที่อยากจะขำแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่าคนอย่างซีวอนไม่ใช่แค่ปากแข็งแต่หมัดก็แข็งด้วย

     

                เสียงเปียโนในห้องยังคงดังมาให้โสตประสาทของเขาสัมผัสอย่างเลือนราง แม้ซีวอนจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่กับการประพันธ์ทำนองเพลงของเพื่อนซี้แต่ก็อดความอยากรู้ของตัวเองไม่ได้ว่าจะได้เพลงตามที่ตัวเองคาดหวังจะให้เป็นหรือเปล่า ทำให้แม้จะทอดดวงตามองไป ณ ที่ไกลๆ แม้มือจะดันมวนแท่งนิโคลตินเข้าออกปากไม่มีหยุดแต่หูของเขาก็ยังคงฟังเพียงแค่เสียเปียโนที่บรรเลงสะดุดไปตามเรื่องตามราว

     

                คริสจิ้มนิ้วอยู่พักใหญ่เพื่อให้ช่องใส่โน้ตที่เว้นเอาไว้ถูกเติมด้วยรอยดินสอ เวลาร่วมสองชั่วโมงที่เขาสุ่มนิ้วไปมาก็ยังไม่ทำให้คนมีเรื่องหนักใจหยุดอัดควันอันตรายเข้าปอดเสียที ดวงตาของเขาเหลือบมองออกไปนอกแผ่นกระดาษเพื่อสำรวจพฤติกรรมของซีวอนที่มีการขยับกายเพียงแค่ไม่กี่จังหวะเท่านั้น ท่าทีนิ่งงันนั้นต่างออกไปจากที่เจ้าตัวเป็นอยู่ ปกติซีวอนก็นิ่งเย็นเยือกแบบนั้นนั่นแหละ แต่บนใบหน้านั้นจะไม่แสดงสีหน้าออกมามากมายขนาดนี้ ความรู้สึกจะไม่ฉายชัดออกมาเท่ากับวันนี้ที่เขาเห็นร่างสูงเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวบึ้งอยู่กับบุหรี่มาได้เป็นชั่วโมง

     

                “ผีติสม์ตัวไหนสิงแม่งวะ...” เสียงของรูมเมทที่ดังจากเบื้องหลังสะกิดให้อี้ฟานต้องเงยหน้าขึ้นมาจากเปียโนหลังใหญ่ เขายักไหล่แทนคำตอบแล้วเลือกจรดนิ้วกลับลงไปกดบนเปียโนต่อ

     

                “ผีเด็กงั่งมั้ง...”

     

                “อ่อ...ฮ่าๆๆๆ! มันแต่งเสร็จแล้วเหรอวะ...” คว้าแผ่นเนื้อเพลงที่เสียบอยู่หน้าเปียโนขึ้นมาลองอ่านดูเพื่อสำรวจผลงานของเพื่อนตัวใหญ่ที่นั่งพ่นควันอยู่ตรงระเบียง จงฮุนกวาดสายตาไล่ไปเรื่อย อ่านข้อความง่ายๆเหล่านั้นด้วยใบหน้าที่เหมือนอยากจะล้อเลียนคนประพันธ์เต็มทน

     

                “...”

     

                “งั้นๆเปล่าวะ”

     

                “แต่ก็มาจากใจมันนั่นแหละ” คริสว่าแล้วยึดเนื้อเพลงแผ่นนั้นกลับคืนมา เขาตั้งท่าจะดำเนินการใส่ดนตรีเข้าไปต่อแต่ดูเหมือนว่าไอ้คน ที่ยืนอยู่นอกระเบียงนั่นก็น่าห่วงไม่แพ้กัน

     

                “เหอะ... เดี๋ยวไอ้ยูชอนมา”

     

                “เหรอวะ”

     

                “เออ แม่มันทำเค้กข้าว จะเอามาให้” จงฮุนเอื้อมมือไปลากเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่มานั่งซ้อนอยู่เบื้องหลังคริสเผื่อว่าจะมีอะไรให้ช่วย แต่เจ้าของแผ่นหลังนั้นกลับนิ่งงันไปเหมือนกับมีเรื่องต้องคิดนัก “เป็นไรป่าววะ?”

     

                “คิบอมจะกลับแล้วหน่ะ...”

     

                “...”

     

                “...”

     

                “อ้อออออ! มันถึงได้นั่งดื่มควันอยู่อย่างนั้นใช่มะ?” ฟาดมือตบหลังของเพื่อนอย่างลืมตัวด้วยท่าทางขบขัน ผิดกับเจ้าของแผ่นหลังที่นอกจากจะไม่ขำด้วยแล้วยังคว้ากระป๋องน้ำผลไม้มาเอาคืนด้วยการเคาะเป้งลงกลางกบาลกลมของอีกคน

     

                “ไอ้เหี้ย เจ็บสัด...”

     

                “โทษที กูลืมตัว”

     

                “เพื่อนๆครับ เค้กข้าวมาส่งครับ” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ปาร์คยูชอนก็ผลักประตูแหย่หน้าเข้ามาในห้องพร้อมกับกล่องขนมกล่องใหญ่มหึมาที่เสี่ยงจะหล่นแหล่มิหล่นแหล่อยู่ตรงนั้น

     

                “เออมึงมาพะ...”

     

                “ขุ่นพร้ะ!!! ไฟไหม้ระเบียงห้องมึงหรือครับ!!” โพล่งขึ้นมาเสียงดังหยอกล้ออย่างตั้งใจให้คนนอกห้องมันได้ยิน ไม่พอแค่นั้นยูชอนยังยืนถ่างขาชี้นิ้วออกไปหากลุ่มควันสีเทาเบื้องนอกนั้นอีก พอซีวอนหันมาเลยเจอกับท่าทางทุเรศทุรังนั้นพอดี

     

                “มึงนี่ทำตัวปกติแล้วจะตาย?”

     

                “ไม่ตายครับ แต่คงล่อแล่” วางกล่องเค้กลงบนพื้นแล้วก็เข้ายึดพื้นที่โซฟาด้วยการกระโดดแผ่ตัวลงไปนอนเหยียดกายบนนั้นแบบไร้ความเกรงอกเกรงใจสิ้นดี ฝ่ายซีวอนเมื่อเห็นว่าด้านในห้องเริ่มมีบังเกิดความคึกคักขึ้นแล้วจึงตัดสินใจดับบุหรี่แล้วเดินกลับเข้ามาด้านใน

     

                “นึกว่ามึงจะเผ่าห้องกูละ...”  จงฮุนเอ่ยล้อเพื่อนตัวสูงที่เพิ่งจะสาวเท้ากลับเข้ามาในห้องได้ ซีวอนยักไหล่ แสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินเลี่ยงไปบ้วนปากในห้องน้ำเพื่อสลัดกลิ่นควันขื่นนั่นออกไปจากปากของตัวเองแล้วค่อยเดินมาดูผลงานของคริสที่เห็นได้ชัดว่ากระเตื้องขึ้นมาหลายท่อนแล้ว

     

                “โอเคไหม?”

     

                “ก็ดีมั้ง ได้ท่อนฮุคก็ง่ายละ เหลืองช่วงโซโล่..”

     

                “อืม” เสียงทุ้มต่ำขานรับแล้วค่อยก้าวเท้าไปหาคนที่ด่าว่าเขาจะเผาห้องเมื่อครู่ ชะโงกหน้าลงไปดูในถุงที่ปาร์คยูชอนหิ้วมาว่ามันคืออะไร

     

                “เค้กข้าว... เอากลบไปกินที่ห้องด้วยดิ”

     

                “เออ แม่ทำ?”

     

                “อืม... เอ้า? จะกลับแล้ว?”

     

                “เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ กูให้ไอ้คยูอยู่คนเดียว”  คว้ากล่องเค้กขึ้นมาถือไว้ในมือที่มีกุญแจรถ สอดอยู่ด้านใน โดยไม่ทันสังเกตสายตาของจงฮุนและยูชอนที่ตวัดมองมาทางเขาทันทีหลังจากได้ยินชื่อคยูฮยอนอยู่ในประโยคนั้น  “ไปละ มีไรโทรมาแล้วกัน”

     

                “นี่เดี๋ยวดิวะซีวอน...”

     

                “ไร?”

     

                “ในฐานะที่กูซิ่วมาจากปีสี่และเห็นโลกกว้างมาเยอะกว่ามึงมากโข กูขอถามมึงอย่างตรงไปตรงมาเลยดีกว่าว่ามึงกับน้องคยูฮยอนเนี่ย ระดับไหนแล้ววะ?”

     

                “ระดับไหนเหี้ยอะไร?” ยังคงน้ำเสียงให้นิ่งเรียบได้สมกับที่เป็นชเวซีวอนนั่นแหละ แต่ไอ้การหลบดวงตา กลิ้งกลอกไปมาโดยไม่ยอมจ้องหน้าเพื่อนเนี่ยมันไม่ใช่เอกลักษณ์ของพี่ซีวอนเลยสักนิดเดียว

     

                “กูรู้นะมึงได้กันแล้ว”

     

                “...”

     

                “จะไม่คิดอะไรหน่อยหรือไงวะ?” ยูชอนหยัดตัวขึ้นมาจากโซฟาเพื่อนั่งมองตากับคนที่ยังหลงโง่งมหอยอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เขาก็แค่ไม่อยากให้อะไรๆมันสายเกินไปเท่านั้นเอง ผู้ชายที่ผ่านความรักมานับร้อยนับพันรูปแบบ (แต่ไม่เคยมีสักแบบที่สมหวัง) ก็เลยอยากจะสะกิดเตือนอีกคนเสียหน่อย

     

                “...”

     

                “...”

     

                “กูบอกแล้ว กูปี้เพราะอยากปี้ เหตุผลของการปี้มันมีสองอย่าง... ไม่อยากมากก็รักมาก เค๊?” ให้คำตอบพร้อมกับการจ้องดวงตาของเพื่อนที่มองตรงมา กระนั้นปาร์คยูชอนก็ยังคงดูไม่ลดละความพยายามคาดคั้น เพื่อนที่มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ของเขาขยับกายยืดตั้งตรงขึ้นมาแล้วเอ่ยประโยคคำถามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบไปในทันที

     

                “งั้นตอนนี้มึงอยากหรือมึงรักหล่ะ?”

               

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                ซีวอนผลักประตูห้องให้เปิดออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้รบกวนคนที่ยังนอนหลับอยู่ด้านใน คยูฮยอนคงจะเพลียมากจริงๆนั่นแหละ เพราะนี่เขาก็ออกไปตั้งหลายชั่วโมงแต่กลับมาร่างผอมกลับยังคงนอนหลับนิ่งสนิทอยู่บนเตียงเหมือนเดิมไม่มีผิด

     

                ซีวอนแขวนกุญแจรถของตัวเองไว้บนราวอันเล็กน่ารักแล้วขยับมาดูคนที่ยึดเตียงเอาไว้อย่างถือวิสาสะ มือหนาจับผ้าห่มที่ร่นต่ำลงมาอยู่ตรงเอวบางคอดให้สูงขึ้นคลุมลำคอระหง แต่การสัมผัสเพียงเบาบางนั้นกลับทำให้คยูฮยอนกระพริบตาปรือขึ้นมามองเขาทันที

     

                “อ่า... ฮยอง....ไปไหนมาครับ” เว้นช่วงให้ตัวเองได้ตั้งตัวสักนิด แล้วรีบเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าซีวอนสวมเสื้อยืดทับเอาไว้(ถ้าอยู่ในห้องไม่มีทางใส่แน่ อย่างมากก็แค่เสื้อกล้าม) มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาที่ระคายเคืองเพราะก้อนขี้ตาแต่ก็ถูกปัดออกไปด้วยฝ่ามือใหญ่กว่า

     

                “เอาเนื้อเพลงไปให้คริสมา” ซีวอนเกลี่ยก้อนขี้ตาออกไปจากหัวดวงตากลมอย่างเบามือเพื่อไม่ให้อีกคนรู้สึกเจ็บ ในขณะที่คยูฮยอนเอียงคอนึกสงสัยเมื่อได้ยินประโยคเมื่อสักครู่จึงถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้ตัวเองมั่นใจ

     

                “แต่งเสร็จแล้วเหรอครับ...”

     

                “อืม”

     

                “เย่~ ดีใจด้วยนะครับ” แขนเรียวยกขึ้นมากอดรอบเอวเขาก่อนที่เจ้าของของมันจะซุกใบหน้าหวานลงมากับตักกว้าง คยูฮยอนยิ้มเผล่ออกมาด้วยความดีใจที่เห็นว่ารุ่นพี่ตัวสูงสามารถผ่านงานหินไปได้แล้วในระดับหนึ่ง

     

                การจู่โจมผลีผลามนั้นทำให้ซีวอนได้แต่ปล่อยรอยยิ้มออกมาโบยบินท่ามกลางความมืดของห้องที่ปิดไฟเอาไว้มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาลูบกลุ่มผมนุ่มของอีกคนแล้วปล่อยให้คยูฮยอนกอดค้างอยู่อย่างนั้นด้วยท่าทางเกียจคร้าน ในขณะที่สมองกลมๆของเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อรีดหาคำตอบของประโยคคำถามที่ยังคงสะท้อนไปมาอยู่ในหัวสมอง...

     

                นั่นสิชเวซีวอน....

                แล้วตอนนี้มึงแค่อยาก หรือว่า รัก กันแน่...

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    เพิ่งจะรู้สึกว่าพี่ปาร์คมีสาระก็ตอนนี้ 55555555555555555555555555555555555 ในฐานะที่พี่แกซิ่วมาจากปีสี่เชียวนะ................  เหลืออีก 5 ตอนก็จะจบแล้วหล่ะ..... ก็เลยอยากถามเรื่องร่วมเล่มสักหน่อยว่าสนกันหรือเปล่า ยังไงจะบอกรายละเอียดอีกทีหลังตอนที่ 20 นะ

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×