คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER XIV.
CHAPTER XIV
ไม่ชอบสายตาพวกนั้นเลยจริงๆ!
แม้จะเข้าสู้ช่วงปิดเทอมแล้วแต่การพักผ่อนโดยสมบูรณ์แบบก็ยังเกิดขึ้นไม่ได้ในเมื่องานละครของชมรมยังไม่สำเร็จลุล่วงไป คยูฮยอนซึ่งหน้าที่เป็นผู้วาดฉากประกอบและจับพลัดจับผลูหกคะเมนอีท่าไหนก็ไม่รู้ถึงได้รับตำแหน่งตัวประกอบเอกของเรื่องก็เลยต้องระเห็จตัวเองมาที่โรงเรียนแต่เช้าตรู่เพื่อซ้อมการแสดงในวันปิดเทอมแบบนี้
“จริงหรือซานโช่...”
“จริงสิครับนายท่าน~”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะรอช้าอยู่ใย… ไป ซานโช่ รีบไปทำภารกิจของเรากันเถอะ!”
“ไอ้ห่า! กูบอกว่าอย่ายิงสป็อตไลท์เข้าหน้านักแสดง ดูบ้างดิวะ! นี่ไอ้จองชินกับคยูแม่งหน้าขาวเป็นแคสเปอร์ละสัด!!” ไฟของเวทีเฟดดับลงเมื่อตัวละครเดินกลับเข้าไปหลังฉาก ฮงกิซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้คุมไฟตะโกนโหวกเหวกโวยวายเมื่อสปอตไลท์ขยับไม่ได้มุมดังใจหวัง และยังมีเสียงสบถไม่รื่นหูอีกมากมายของเหล่าคนในชมรมตามมาให้ฟังอีกหลายระลอก
สมาชิกถกเถียงกันได้พักใหญ่ ผู้กำกับมือทองอย่างรุ่นพี่ซึงฮยอน (คนเดียวกับที่จูบเขาวันนั้นนั่นแหละ) ขวัญใจสาวกว่าครึ่งโรงเรียนก็ปรากฏตัวที่แถวหน้าสุดของห้องประชุม ชี้โบ้ชี้เบ้สั่งอะไรสักอย่างใส่ทีมงานแล้วทุกอย่างก็ต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง
“จะให้กูซ้อมจนเหมือนคนสเปนเลยไหมสัด! กูเล่นฉากนี้มาห้าสิบรอบจนแทบจะไปกู้โลกแล้วเนี่ยไอ้เหี้ยเอ้ย!” จองชินผู้รับบทดอนกิโฆเต้ตะแคงหน้ามุ่นมุ่ยของตัวเองมาสบถพึมพำใส่เขาซึ่งรับบทเป็นซานโช่ ผู้ติดตามของดอนกิโฆเต้ และแน่นอนว่าโจวคยูฮยอนที่ใจเย็นได้อย่างมากกับทุกเรื่องก็เพียงแค่ยิ้มเผล่กับไปให้เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น
“เอาหน่ะครับ ฉากนี้จะได้แม่นๆไง”
“กูแม่นมากแล้วสาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!” จองชินตะโกนเสียงดังใส่หน้าเขาซึ่งนั่งอยู่ต่ำกว่า (ดูสิ นี่ขนาดนอกบทยังนั่งเป็นเบ๊เขาเลย) ก่อนจะสะบัดตัวผละขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการซ้อมรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
“แอคชั่น!!”
การซ้อมตั้งแต่เช้าล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นของวัน ฟ้าเริ่มมืดลงและฝ่ายอื่นๆก็เริ่มทะยอยกลับบ้านกลับช่องกันไปตามระเบียบ ห้องประชุมโอ่โถงหรูหราเหลือเพียงแค่นักแสดงหลักและนักเต้นประกอบที่ยังคงดำเนินการซ้อมเก็บรายละเอียด เตรียมพร้อมสำหรับการแสดงในอีกสองวันข้างหน้า
“นักเต้นชุดแรกเดี๋ยวออกไปคุยกับโจวควอนเรื่องชุดด้วย” ซึงฮยอนตะโกนขึ้นไปบนเวทีหลังจากการแสดงสามารถรันมาได้ถึงฉากสุดท้ายและจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ดวงตาคมกริบของรุ่นพี่ผู้กำกับตวัดหันมามองเขาทันทีเมื่อนักแสดงคนอื่นเดินลงไปจากเวที โจวคยูฮยอนที่หลบสายตาใครมุถูก ปฏิเสธอะไรก็ไม่เป็นเลยจำใจต้องย่างเท้าเดินไปข้างหน้าเวที
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“วันนี้ซานโช่เล่นดีมากเลยนะ~” ซึงฮยอนยิ้มให้กับรุ่นน้องที่ตัวเองปลื้มจนอยากจะควักหัวใจออกมาให้ดูว้าทั้งสี่ห้องมีแต่คยูเต็มไปหมดแล้วเอื้อมมือที่มีผ้าเช็ดหน้าอยู่ซับเหงื่อให้น้องคยูฮยอนพร้อมกดมุมริมฝีปายื่นรอยยิ้มมอบตามต่อไปให้อีกที
“อ่ะ...เอ่อ...” ผู้รับบทชานโซ่ยิ้มแหยพร้อมแสดงท่าทางอึกอักอย่างนึกขอความช่วยเหลือ ก็ไม่ได้หวั่นเกรงอะไรเท่าไหร่หร๊อก แค่เมื่อเช้าพี่ซีวอนบอกว่าจะมารับตอนทุ่มครึ่งเท่านั้นเอง
นี่ทุ่มยี่สิบเจ็ดนาทีแล้ว....
“แสดงดีแบบนี้ขอผู้กำกับเลี้ยงข้าวสักมื้อได้ไหมครับ”
“เก็บตังค์ไว้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่มึงเถอะ” นั่นไง... พูดไม่ทันขาดคำเจ้าของมัดกล้ามใหญ่โต หน้าเข้มก็เดินหน้าบี้มาซ้อนตัวอยู่เบื้องหลังพี่ซึงฮยอนอยู่แล้ว ซีวอนกดใบหน้าลงมองเจ้าของคำหวานเมื่อสักครู่ด้วยใบหน้านิ่งสนิท (ต้องบอกว่าพยายามนิ่งสนิทจึงจะถูก) สลับกับมองคยูฮยอนที่หน้าถอดสีไปเรียบร้อยแล้ว
ไอ้เด็กห่านี่ขี้ม่อไม่เลิกจริงวุ้ย!
“คยูฮยอน ไปเก็บของ!” ส่งเสียงดังสั่งบอกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ คยูฮยอนรีบดันตัวเองขึ้นมาแล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กหายเข้าไปหลังเวที เบื้องหน้าจึงเหลือเพียงซึงฮยอนกับซีวอนที่ยังคงยืนจ้องตากันอยู่
ทำไมน้องคยูทิ้งพี่ซึงฮยอนแบบนี้หล่ะครับ... ฮรืออออ TwT
“หมัดเดียวไม่เข็ดใช่ไหม?”
“...”
“ห๊ะ!”
“ขะ...เข็ด...เข็ดคร้าบบบบบบ....” ถอยเท้าก้าวหนีออกไปอย่างผู้ดี (กูลูกทูตนะเว้ยย!) แล้วเฟดตัวหายไปจากบริเวณดังกล่าวในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ซีวอนเบือนหน้าขึ้นมาแล้วเป่าลมพรูจากริมฝีปากระหว่างยืนรอไอ้เด็กฮยอนเดินไปเก็บข้าวเก็บของพลางนึกเคืองไอ้เด็กที่เขาเพิ่งจะรู้ว่าชื่อชเวซึงฮยอนไม่หาย... ไม่ได้เคืองอะไรหรอก แค่หมั่นไส้ที่มันเสือกนามสกุลเดียวกับเขาเท่านั้นเอ๊ง!
“พี่ซีวอนนี่ขี้ห๊วงขี้หวง~”
“ยุ่งไรด้วย?” ถือว่าเป็นคำทักทายที่เบามากสำหรับเจ้าของน้ำเสียงทะเล้นตำแหน่งลูกชายเจ้าของค่ายเพลงที่เขาแขวนอนาคตฝากเอาไว้ซึ่งบังเอิญแบกดวงไฟผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ผู้ชายขี้หวงรูปหล่อก้มหน้าลงมองลีฮงกิด้วยสีหน้าขมุกขมัวเพราะนึกสงสัยกับคำว่า ขี้หวง คำนั้น
“เปล๊า! ผมกลัวผู้กำกับของเราจะขี้หดตดไม่ออกเฉยเฉ๊ย!” ฮงกิเลิกคิ้วขึ้นแล้วทำเสียงสูงประกอบคำพูดของตัวเองพร้อมแสดงท่าทางกวนตีนจนซีวอนนึกอยากจะถวายยอดนิ้วโป้งให้เป็นของฝาก
“หึ... ไปไหนก็ไปๆ”
“โถ่ว... ทีกับผมหน่ะไล่จังนะครับ เอะอะก็จะเอาคยูกลับบ้านท่าเดียวเลยนะ”
“มึงนี่ชักยุ่ง...”
“ผมเปล่ายุ่งหน่า... อ่า จริงสิ ไหนๆก็ไหนๆแล้วพี่ช่วยเอาไฟนี่ไปเก็บบนชั้นนั่นให้หน่อยได้ไหมครับ ผมเขย่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึงซะที” ผลักภาระและหลอดไฟใส่อกกว้างของอีกคนแล้วรีบวิ่งหนีหายไป ซีวอนมองตามหลังของไอ้เด็กกวนตีน พลางจิ๊ปากอย่างนึกขัดใจ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นลูกคุณปาร์คจองซูหล่ะก็นะ... หึ! จะจับมาตีตูดเอาให้ไอ้ฮุนแม่งแทงไม่ได้สักสามอาทิตย์เศษ
ถึงจะนึกแช่งและแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ด้วยความที่สองแขนประคองไฟเอาไว้เรียบร้อยแล้วเขาก็เลยยอมเดินเอาสปอตไลท์อุ่นๆนั่นไปเก็บไว้บนชั้นวางของที่แฝงอยู่กับผนังของหอประชุมให้ตามที่ไอ้เด็กฮงกิมันร้องขอ ถือเสียว่าฆ่าเวลาที่ยืนรอคยูฮยอนไปด้วยแล้วกัน
เปิดแง้มตู้ออกมาแล้วจัดการจับดวงไฟจัดวางเข้าไปยังชั้นบนสุดแล้วก็พบว่ามันไม่มีที่ว่างพอจะวางซีวอนก็เลยต้องเขย่งเท้าจัดข้าวจัดของข้างบนนั้นให้เรียบร้อยเสียอีกทีหนึ่ง พอดีกับที่คยูฮยอนเดินมาหยุดอยู่เบื้องหลังของเขาพร้อมกระเป๋าสะพายข้างใบเดิม
“เสร็จแล้วครับฮยอง”
“...รอเดี๋ยว” แทนที่จะตั้งใจจัดเหมือนเดิม ซีวอนกลับผลักของเข้าไปอย่างลวกๆพอให้มีพื้นที่เก็บไฟแล้วจัดการปิดตู้ลงเสีย เขาพลิกตัวหันหลังกลับมามองไอ้เด็กฮยอนที่อยู่ในชุดลำลองเหมือนเดิมเพื่อเช็คความเรียบร้อยของเสื้อผ้าก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายใบนั้นมาถือไว้ในมือเสียเอง
“หิวหรือเปล่า?”
“เฉยๆอ่ะครับ”
“อืม... กูหิว”
“...”
“ไปแดกอาหารญี่ปุ่นกัน” ซีวอนบอกสั้นๆแล้วเป็นฝ่ายเดินนำคนที่ไม่หิวเท่าไหร่ไปก่อน คยูฮยอนหรี่ตาลงมองแผ่นหลังของผู้ชายที่ชอบบงการชีวิตเขานักหนา แอบบ่นพึมพำอยู่เบื้องหลังอย่างนึกคาดโทษว่าก็ถ้าตัวเองหิวแล้วจะมาถามเขาทำไมเล่า! แต่สุดท้ายก็ต้องรีบก้าวขาเร็วๆตามให้ทันซีวอนที่หยุดฝีเท้าลงแล้วตะแคงหน้ามามองท่าทางของเขาเขาจนได้
“บ่นห่าไร? นินทากูเหรอ?!”
ดุได้ดุดีจริงๆเลยนะ!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบสายพานถือเป็นของโปรดของโจวคยูฮยอนเชียวหล่ะ! พอขึ้นนั่งบาร์มาได้ปุ้บ ปากที่เพิ่งจะพูดว่าไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ก็ได้ฤกษ์ปิดสนิท ยัดซูชิ ซาชิมิ ทาโกยากิและอีกหลายเมนูเข้าท้องไม่รอใครจนคนจ่ายได้แต่เหลือบตามองเป็นระยะ
นี่กะถลุงกูให้หมดตัวเลยสิ...
“ท้องปลาแซลม่อนนนนนนนนน~” ไอ้เด็กฮยอนร้องเสียงดังจนคนทั้งร้านหันมามองกันเป็นตาเดียว แม้จะเป็นสายตาติดไปทางเอ็นดูก็เถอะดวงตาคมเข้มเหลือบมองคนข้างๆเป็นเชิงปรามให้เงียบปากไปซะก่อนที่เขาจะทำอะไรผลีผลามไปมากกว่าแค่จ้องมอง ชเวซีวอนไม่ชอบให้ใครจับตามองโจวคยูฮยอนแล้วเอาไปขำงุงิครุคริหรอกนะ.... จะสายตาแบบไหนก็ช่าง! ไม่ให้มองโว้ย!!
“หอยปีกนก! อ่า... น่ากินอ่ะ~”
“นี่... เงียบปากไป” เอ่ยเสียงแข็งให้ไอ้เด็กคนข้างๆมันนึกกลัวซึ่งมันก็ได้ผลดีเช่นเคยเพราะคยูฮยอนก้มหน้าลงขมุบขมิบปากงุบงิบอยู่สักสองสามคำก่อนจะเริ่มคีบท้องปลาแซลม่อนกับหอยปีกนกของมันเข้าปากไปซึ่งนั้นก็ทำให้เขาเบาใจขึ้นมาเล็กน้อยที่ไม่เห็นว่าไอ้คนผอมกระหร่องนั่นตกเป็นเป้าสายตาของใครอีก
จกๆคีบๆสไตล์เจแปนกระทั่งอิ่มท้อง มือหนาก็เอื้อมไปคว้าเมนูของหวานมาสั่งพนักงานเป็นไอศครีมโมจิสองจานเพื่อตบท้ายให้มันครบเครื่อง ระหว่างรอไอศครีมมาเสิร์ฟไอ้เด็กฮยอนก็พล่ามนั่นพล่ามนี่ให้เขาฟังไม่หยุดปากถึงเรื่องละครของมันและบทเบ๊พระเอกที่แสนจะภูมิใจนักหนานั่นก็ด้วย
แต่เขาก็นั่งฟังแล้วก็ขำไปกับมันด้วยอยู่ดีนั่นแหละ
“อ้อออ! เกือบลืมไป... ถ้าฮยองว่างช่วยไปดูผมแสดงด้วยนะครับ” คยูฮยอนล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบบัตรเข้าชมการแสดงแถวหน้าสุด (แถวกิตติมศักดิ์สำหรับญาตินักแสดงหลักเลยนะ!) ส่งให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความภาคภูมิใจ
ความจริงแล้วบัตรนี่ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายเท่าไหร่หรอก นักแสดงทุกคนจะได้บัตรฟรีคนละใบเพื่อนำไปให้ผู้ปกครองเข้ามาชมงาน ส่วนคนอื่นๆที่อยากดูก็จะต้องซื้อบัตร สำหรับเขาที่ตอนนี้ผู้ปกครองตัวจริงไม่ได้อยู่ด้วย ผู้ปกครองคนรองก็หนีไปมิซิสซิปปี้ (นี่เกือบลืมไปแล้วว่ามีคนชื่อคิมคิบอมบนโลกนี้) ก็เลยต้องเอาบัตรมาให้ผู้ปกครองลำดับถัดมา ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่ดุที่สุดในโลกแทน
“มะรืนนี้?” หยิบแผ่นกระดาษแข็งขึ้นมาพลิกดดูรอบการแสดงกับที่นั่งซึ่งปรากฏอยู่แล้งถามย้ำกับอีกคนให้มั่นใจ... มะรืนนี้เขามีนัดส่งรายงานภาษาอังกฤษตอน 4 โมงเย็นซะด้วยสิ แล้วไอ้ละครเวทีห่าเหวนี่ก็ดันเล่นตอนสี่โมงครึ่ง
“ครับ... ถ้าว่างก็มาดูด้วยนะครับฮยอง” แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่ในหัวโจวคยูฮยอนกลับจินตนาการภาพพี่ซีวอนมานั่งอยู่แถวหน้าสุดไปเรียบร้อยแล้ว
“อืม... ถ้ากูไม่ติดงานจะไปแล้วกัน” เขาว่าออกไปตามตรงเพราะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตัวเองจะสามารถไปได้หรือเปล่าเลยไม่อยากรับปากให้ไอ้เด็กฮยอนมันชะเง้อคอมอง โชคดีที่ไอศกรีมโมจิมาได้จังหวะ คยูฮยอนเลยไม่ได้ซักไซ้อะไรต่ออีกเพราะหันไปก้มหน้าก้มตาเอาช้อนงัด(?)ไอศกรีมเข้าปากแทน... แต่ก็เถอะนะ เขาแอบเห็นอยู่ว่าไอ้เด็กนั่นมันหน้าเจื่อนลงไปตอนเขาไม่รับปากว่าจะไป 100 เปอร์เซ็นต์
ในเมื่อคนข้างๆหันไปสนใจไอศกรีม ซีวอนก็เลือกเงียบและไม่พูดอะไร เขาตัดโมจิเข้าปากแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดยุกยิก พิมพ์ข้อความลงไปในโปรแกรมแชทแบบสั้นๆง่ายๆได้ใจความ
ศาลาคนหล่อ (6)
TODAY
Me
พรีเซ็นต์อิ๊งตอนบ่ายไปเลื่อนเป็นตอนเช้าเดี๋ยวนี้
กูไปไม่ได้ติดธุระ
มหัศจรรย์แห่งความเถิก
มันลัดคิวไม่ได้ จะเลื่อนยังไง
Me
กูไม่สน...
ต้องเลื่อนให้ได้ จบ.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
วันแสดงจริงมากถึงเร็วเกินคาด เหล่านักแสดงมือสมัครเล่นทั้งหลายต่างยืนพร่ำเพ้อเรียกหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันระงมไปทั่วหลังเวทีเมื่อรู้ว่าประตูหอประชุมเปิดให้ผู้ชมทยอยเดินเข้ามาได้แล้ว
“ไอ้เหี้ย! ยอดขายบัตรทะลุเป้าเหวยยยยยยยยย” ดูเหมือนจะมีแค่ฝ่ายการเงินเท่านั้นที่หน้าบานอยู่ได้ในขณะนี้เพราะเมื่อทีมงานที่เหลือได้ยินประโยคนั้นพรวดออกมาจากปากของลีฮยอกแจ หัวหน้าฝ่ายการเงินของงานครั้งนี้ ต่างคนต่างเร่งพ่นบทสวดพระเจ้ากันยกใหญ่
บัตรขายหมด เท่ากับคนดูเยอะสินะ
“ทุกคน! พร้อมนะ!!” ไม่นานนักเสียงเรียกของชเวซึงฮยอนก็ปลุกเหล่าผู้ศรัทธาในพระเจ้าทั้งหลายให้เงยหน้าขึ้นมามองความเป็นจริง นักแสดง นักเต้น นักดนตรี และนักนู่นนักนี่อีกหลายฝ่ายขยับเท้าก้าวเข้ามาสุมหัวกันเป็นวงใหญ่ วางมือบนอากาศกลางวงโดยมีท่านผู้กำกับซึงฮยอนวางมือไว้เป็นฐาน
“หนึ่ง! สอง! สาม! สู้โว้ยยย!!”
แล้วต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปประจำตำแหน่งของตัวเอง....
“ฉากสามแสตนบาย....”
“จองชิน รอบนี้มึงออกขวานะ”
“เรียกฝ่ายสวัส เรียกฝ่ายสวัส ขอน้ำกับขนมมาที่ห้องคอสตูมด้วย! ชินด๊งหิวจนจะแดกนางเอกอยู่แล้ว ทราบแล้วเปลี่ยน”
“เปลี่ยน! เมื่อวานชินด๊งแดกขนมปี้บหมดไปแล้ว ไม่เหลือให้กินแล้ว เปลี่ยน!”
“คยูฮยอน มึงไปออกทางขวาด้วย ตามจองชินไป”
“ไอ้ชะมดเช็ด! กูบอกว่าอย่าส่องไฟเข้าหน้านักแสดง เอียงไฟออกข้างไปเลย แคสเปอร์เต็มเวทีหมดแล้วสาดดดดดดดดดดดดดดดด!”
บรรยากาศวุ่นวายเบื้องหลังเวทีกลายเป็นความสนุกสนานปนกดดันของเหล่าทีมงานแต่ละคนที่วิ่งวุ่นจัดการหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดฝีมือเพื่อให้การแสดงเบื้องหน้าเวทีซึ่งดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบ
คยูฮยอนย่อตัวอยู่เบื้องหลังม่านกั้นฉากสีแดงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฉากต่อไปที่เริ่มขยับใกล้เข้ามา ในขณะเดียวกันดวงตาทั้งสองข้างก็พยายามกวาดมองลอดรูเล็กๆของม่านไปยังที่เก้าอี้ของผู้ชมแถวหน้า มองหาเจ้าของบัตรชมละครที่เขามอบให้ไปเมื่อวาน
“เฮ้อ... ไม่มาแล้วแน่เลย” เสยงแผ่วฟันธงงึมงำอยู่กับตัวเองในมุมเล็กๆโดยไม่ลืมที่จะจับจ้องการแสดงไปด้วย กระนั้นเขาก็ไม่ได้ลดละความพยายามในการมองหาชเวซีวอนลงไปเลยแม้แต่น้อย ตราบเท่าที่เวลายังมีอยู่ คยูฮยอนก็ยังคงพยายามชะเง้อคอมองไปทั่วห้องประชุม หาร่างสูงกำยำอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ชายจอมดุคนนั้นต่อไปอยู่ดี
เจ้าของบทซานโช่นึกปลอบใจกับตัวเองว่า ช่างเถอะ... ช่วงนี้พี่ซีวอนงานยุ่งมาก มาไม่ได้ก็ไม่น่าแปลก แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องเก็บมาใส่ใจด้วย แต่ก็ได้แค่พยายามนั่นแหละ เพราะความรู้สึกจริงๆของเขามันค่อนข้างไปทางหน่วงอก น้อยใจเสียมากกว่า นึกอิจฉาเพื่อนคนอื่นที่ทำแค่งานเบื้องหลังแต่ก็ยังมีพ่อแม่มานั่งดู มาให้กำลังใจ อย่างบ้านฮงกิงี้ก็ขนมากันตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่ย่าตายาย หามกันเข้ามานั่งอยู่แถวสองทั้งที่ลูกตัวเองมีหน้าที่วอสั่งไฟอยู่เบื้องหลังก็เท่านั้น แล้วดูเขาสิ... ไอ้เขาที่อุตส่าห์ได้เล่นเป็นเบ๊พระเอก(?)ทั้งทีดันไม่มีใครมาดูสักคน
โถ่ว... เสียใจแต่เธอไม่รู้~
“ซานโช่! ออกเลยๆ!” ผู้รันคิวควอนโบอาเรียกเขาที่กำลังคุกเข่าเหม่อลอยอยู่ และก็คงจะเหม่อมากไปสักนิดจึงโดนฝ่าพระบาทของเธอยันเข้าที่กลางหลัง กลิ้งถลาหลุนๆออกไปนอกเวทีตามบทที่จะต้องกลิ้งตามเจ้านายดอนกิโฆเต้ของตัวเองได้สมจริงสมจัง เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมในหอประชุมไปมากโข
“นายท่าน! นั่นนายท่านจะไปไหนครับ… รอซานโช่ด้วยสิขอรับบบบบ~”
น้ำเสียงซื่อๆอันเป็นเอกลักษณ์จากบนเวทีสะกิดความรู้สึกของคนที่กำลังมองซ้ายมองขวาหาลู่ทางยืนอันมั่นคงให้ยกกล่องถ่ายรูปขึ้นมาทาบกับเบ้าตา มือขวาของเขากำรอบเลนส์สีขาวราคาล้านสองล้านวอนขึ้นมาบิดซูมหาเจ้าของบทพูดเมื่อสักครู่ที่กำลังกลิ้งเป็นลูกขนุนมาจนถึงกลางเวทีได้อย่างสมจริง
“หึ... ไอ้เฉิ่มเอ้ย!” ซีวอนขยับปากกดรอยยิ้มลงทันทีเมื่อเจอโจวคยูฮยอนอยู่ในกรอบเลนส์ของเขา มือหนาลดกล้องลงมาเพราะเห็นว่าผู้ปกครองมากเรื่องตรงหน้าสามารถขยับตัวเดินพ้นประตูห้องประชุมที่อัดแน่นเข้าไปได้แล้ว ร่างสูงจึงไม่รีรอที่จะก้าวแทรกเข้าไปด้านในบ้างทันทีเพื่อให้ตัวเองมองเห็นไอ้เฉิ่มคนนั้นได้ชัดเจนขึ้น
พาตัวเองมาจอดตรงที่เหมาะเจาะบริเวณกำแพงหอประชุม เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบบัตรการแสดงระบุที่นั่งแถวแรกเอาไว้อย่างนึกเสียดาย เพราะเลื่อนการพรีเซนต์ขึ้นมาได้แค่ตอนบ่าย กว่าจะถ่อเข้ามาถึงห้องประชุมในโรงเรียน การแสดงฉากแรกก็เริ่มไปเสียแล้ว แถมคนยังเยอะมากจนล้นออกมาด้านนอกเบียดเข้าไปไม่ได้อีก
ที่กลัวนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอก เขากลัวว่าไอ้เด็กฮยอนจะคิดมาก เสียใจว่าอุตส่าห์ให้บัตรมาแล้วแต่กลับไม่มามากกว่า... ป่านนี้ไม่รู้นึกงอนเขาไปถึงไหนต่อไหนบ้าง
เฮ้อ... แล้วนี่กูจะมาพะว้าพะวงอะไรกับแม่งมากมายนะ ชักประสาทใหญ่แล้ว
*เขกหน้าผากตัวเอง*
การแสดงดำเนินไปอย่างราบรื่นจนถึงฉากสุดท้ายของเรื่องและจบลงอย่างสวยงามด้วยการออกมาแนะนำตัวของทีมนักแสดง เบื้องหลัง นักดนตรีเอยอะไรเอย ผู้กำกับออกมาพูดอะไรอีกสักนิดเกี่ยวกับชมรมละครก่อนจะถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยนั่นก็คือการกระโดดลงจากเวทีไปหาผู้ปกครองของตัวเองแล้วถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
คยูฮยอนยืนเคว้งอยู่บนพื้นไม้ มองเพื่อนๆที่ต่างวิ่งเข้าไปถ่ายรูปกับพ่อกับแม่อย่างนึกอนาถตัวเองที่ไม่มีใครมาดูเลยสักคน จมูกรั้นที่มีเม็ดเหงื่อชื้นอยู่เพราะวิ่งเล่นเต้นกระโดดไปทั่งเรื่องพรูลมหายใจออกมาพร้อมกับก้าวขาไปยังบันไดทางลงของเวทีด้วยคิดว่าจะลงไปสวัสดีพ่อแม่ของฮงกิกับเฮนรี่เสียสักหน่อย
มัวแต่ก้มลงมองปลายเท้าของตัวเอง จึงไม่ทันสังเกตเห็นเจ้าของกล้องโปรตัวใหญ่ที่ยืนกอดอกอยู่ตรงอยู่ตรงปลายบันได รู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมาได้ก็ตอนที่หัวกลมๆชนปะทะเข้าไปกับแผงอกของอีกคนเสียแล้ว
“โอ๊ะ! ขอทะ... พี่ซีวอน!” คนโดนชนไม่ตอบอะไร แต่กลับยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพใบหน้าเหวอที่มองแล้วชวนให้ต้องหลุดขำออกมาทุกครั้ง ส่วนคนสมองช้ากว่าจะรู้สึกตัวได้ว่าโดนเก็บภาพทุเรศทุรังเสียงชัตเตอร์ก็ลั่นจบลงไปเสียแล้ว
“มึงก็เล่นเก่งหนิ...”
“...”
“สมกับที่ซ้อมจนเย็นแหละเนอะ...อ่า...” เสียงทุ้มต่ำแผ่วลงไปเปลี่ยนเป็นครางเบาๆในคอเมื่อคยูฮยอนปรี่เข้ามารวบกอดเขาเต็มเขนของมันที่ยังมีพู่กับผ้าขาดวิ่นแต่งประดับอยู่ มันซุกหน้ากลมเปื้อนเหงื่อเข้ามากับเสื้อของเขาอย่างขี้อ้อนแล้วงึมงัมอะไรไม่รู้ในปากจนอกกว้างรู้สึกจั๊กจี๋ไปหมด กระนั้นชเวซีวอนก็ไม่ได้สลัดร่างผอมนั้นทิ้งไปแต่กลับยกมือขึ้นลูบบนกลุ่มผมสีน้ำตาลนั้นแทน
“ผมนึกว่าฮยองไม่มาซะอีกอ่ะ...” เงยหน้าเอาคางเกยไว้กับอกของเขาแล้วพูดด้วยเสียงที่สัมผัสได้ทันทีว่าเจ้าตัวคงจะดีใจมาก รอยยิ้มของไอ้เด็กฮยอนวาดกว้างจนเขานึกหมั่นไส้ต้องเลื่อนมือไปหยิกแก้มนุ่มสักครั้ง
“กูติดพรีเซ็น์เลยมาช้า... ไอ้ห่า คนเยอะชิพหาย เบียดเข้ามาไม่ได้สักทีเลยยืนดูอยู่ข้างหลัง”
“ขอบคุณที่มานะครับ!” คยูฮยอนรัดแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นเพื่อแสดงออกให้อีกคนรู้ว่าเขารู้สึกดีมากแค่ไหนที่เห็นชเวซีวอนมายืนอยู่ตรงนี้
“อืม นี่ถ่ายรูปมึงมาได้เยอะอยู่” ว่าแล้วก็กดกล้องไล่ภาพการแสดงให้คนที่ยังกอดเอวเขาไม่เลิกได้ดูบ้าง คยูฮยอนส่งเสียงหัวเราะปนโวยวายเมื่อเห็นรูปตัวเองตอนกลิ้งหลุนๆ หรือฉากที่ทำหน้าตาเหวอหวาด้วยความตกใจไปตามบทซึ่งเจ้าตัวบอกว่ามันน่าเกลียดไม่น่าถ่ายเก็บไว้เท่าไหร่ แต่เขากลับรู้สึกว่าแม่งจี้ดี...
คยูฮยอนไล่ดูรูปในเม็มโมรี่การ์ดอย่างตั้งใจจนครบทุกรูป ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ารอบตัวเองมีแต่คนกำลังถ่ายรูปคู่กันอยู่เต็มไปหมด เห็นแบบนั้นก็เลยรู้สึกว่าบางทีเขากับซีวอนก็ควรจะมีรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึกบ้าง ไหนๆก็มาอาศัยห้องเขาเป็นที่ซุกหัวนอนได้เกือบเดือนแล้ว ถ่ายภาพเก็บไว้เอาไปเล่าให้ลูกให้หลานฟังก็ดีเหมือนกันว่าครั้งหนึ่งเคยต้องมาอยู่กับเพื่อนของพี่ชายที่ดุเขาได้ทุกวัน แต่ก็ยังใจดีมาดูเขาแสดงละครหน่ะ
“ฮยองครับ...”
“หืม?”
“ถ่ายรูปกับผมหน่อยได้ป่าวอ่ะ” คำขอนั้นทำให้ซีวอรค่อนข้างแปลกใจเขาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าอีกคนต้องการแบบนั้นจริงๆและการที่คยูฮยอนยังคงใช้ลูกตากลมๆมองอ้อมพร้อมกอดเอวเขาเอาไว้มันก็ยืนยันว่าเจ้าตัวคงจะอยากได้แบบนั้นจริงๆ
ก็ดีเหมือนกัน... ไม่เคยมีรูปคู่กับไอ้เด็กนี่เลย
“เอามือถือมาดิ”
“ครับ” มันรีบขานรับแล้วล้วงหามือถือในกระเป๋ากางเกงใหญ่ นิ้วของผมสไลด์ปลดล็อคเครื่องมือสื่อสารสารพัดประโยชน์อย่างคล่องแคล่ว จิ้มลงไปบนไอคอนรูปกล้องก่อนจะจัดการกดให้มันสลับมาเป็นกล้องหน้าแล้วหามุมที่เข้าที่เข้าทางเอาให้ตัวเองหน้าตาดีไว้ก่อน
“โหยฮยองผมหน้า..อ๊ะ... อย่าเพิ่งถ่ายสิครับ!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ! ไอ้เหี้ย หน้ามึงตลกสัด!” ซีวอนกดดูรูปที่เขาเพิ่งจะกดถ่ายไปแล้วลากนิ้วซูมใบหน้าของคนที่อ้าปากหวอ ตาปรือ เพราะยังไม่ทันได้เก๊กแล้วระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง ฝ่ายคนพลาดก็ได้แต่ยู่ปากแล้วเอื้อมมือคิดจะลบภาพนั้นทิ้งไป แต่ก็ไม่ทันคนมือไวกว่าอยู่ดีนั่นแหละ
“ลบนะครับ...”
“ไม่ต้อง เอาใหม่ๆ” รีบสลับโหมดกลับไปที่กล้องเพื่อไม่ให้ไอ้เด็กฮยอนได้โวยวายอะไรอีก ซีวอนยกกล้องขึ้นเข้ามุมเดิมแต่ยืนรอให้ไอ้คนข้างๆเขามันได้ปั้นหน้าปั้นตาก่อน คยูฮยอนกลอกดวงตากลมขึ้นมองกล้องแล้วยิ้มกว้างตามฉบับของมันพร้อมกับเขย่งเท้าเอาหน้าเข้ามาใกล้เขาจนเกือบชิดเพื่อไม่ให้ตกเฟรมและช่วยให้อีกคนสามารถค้างอยู่ในท่าเดิมได้ง่ายขึ้นเขาก็เลยใช้แขนข้างที่ว่างอยู่รั้งคออ่อนปวกเปียกเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
แช๊ะ...
“อ่า ขอบคุณมากครับ” คยูฮยอนรับโทรศัพท์มือถือกลับไปถือไว้ สำรวจดูรูปอย่างนึกภาคภูมิใจ ลืมไอ้รูปอ้าปากเหวอก่อนหน้านั้นไปเสียสนิท...
“เอากล้องกูบ้าง” เสียงทุ้มเรียกให้คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งตอนที่ตัวเองล้วงไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดโปรแกรมถ่ายภาพบ้างซึ่งโจวคยูฮยอนก็ไม่ปฏิเสธอะไรเลย แถมยังยิ้มหน้าบานรออีกต่างหาก
ยกโทรศัพท์ขึ้นมาหามุมที่แตกต่างออกไปจากเมื่อครู่ ครั้นเมื่อได้มุมเหมาะเจาะแล้วซีวอนก็จัดการจิ้มนิ้วเก็บรูปภาพเอาไว้ทันที แต่พอมองคนในกล้องที่คลี่ยิ้มหวานออกมาได้อย่างน่ารักเขาก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกของตัวเองลงไปตรงข้างแก้มเบาๆแล้วบันทึกภาพเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! ฮยอง~”
“หึ... ฮงกิเรียกแล้ว...” ซีวอนกลบเกลื่อนการกระทำอุกอาจ(?)ของตัวเองด้วยการฟาดมือลงบนก้นของคนที่เพิ่งโดนชิงหอมแก้มแล้วจับคอมันหันหน้าเปื้อนสีแดงไปหาเพื่อนสนิทซึ่งยืนโบกไม้โบกมือเรียกจนแขนแทบหลุดให้ไปถ่ายรูปด้วยกัน
“งั้น...”
“เสร็จแล้วก็เก็บของให้เรียบร้อย เดี๋ยวกูไปรอข้างนอก”
“ครับผม” คยูฮยอนขานรับกลับมาพร้อมพยักหน้ารัว ตั้งท่าจะก้าวไปหาฮงกิกับเฮนรี่ที่ยืนรออยู่ตรงหน้าเวที แต่ชเวซีวอนก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเจ้าตัวปัญหาที่ยืนมองคยูฮยอนตาละห้อยจากด้านบนเวที ชเวซึงฮยอนแอบมองมาทางคยูฮยอนเป็นระยะ เขาสังเกตอยู่สักพักหนึ่งได้ละ... และท่าทางแบบนั้นมันก็ชวนให้นึกฉุนขึ้นมานิดๆจึงคว้าข้อแขนของโจวคยูฮยอนเอาไว้
“นี่!”
“คระ...” เสียงของคยูฮยอนหายไปเมื่อโดนริมฝีปากหยักสวยกดลงมาทาบเบาๆพอให้เฉียดผ่านไปเพียงตั้งใจจะข่มไอ้เด็กซึงฮยอนที่ยังมองมาไม่เลิก ชเวซีวอนปั้นหน้าขรึมใส่คนที่โดนตรึงข้อมือเอาไว้แล้วกำชับคำพูดของตัวเองออกมาชัดเจนทุกถ้อยคำ
“อย่าให้ไอ้ชเวซึงฮยอนนั่นมาเจ๊าะแจ๊ะ รู้เรื่อง?”
“คระ...ครับ” โจวคยูฮยอนพยักหน้ารับรัวๆแล้วรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาฮงกิทันทีที่เขายอมคลายมือออก ดวงตาคมเข้มตวัดมองคนบนเวทีที่เบือนหน้าหลบเขาไปไม่ทัน ปั้นใบหน้านิ่งขรึมชวนขนลุกส่งไปให้แล้วยักคิ้วขึ้นกวนประสาทชเวซึงฮยอนจนอีกฝ่ายกลัวขี้หดตดหายรีบเดินดุ่มๆลงไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเอง
ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สุขสันต์วันเกิดน้องใบมินต์~ มาอัพให้ตามสัญญาแต่เอ็นซีคงต้องติดไว้ก่อนนะ อารมณ์ไม่พาไปเท่าไหร่ 555555555555555555555555555555 (เปล่าหรอก ที่จริงง่วงไง - -)
นี่เร็วมาก เผลอแป้บเดียวตอนที่ 14 แล้ว ที่จริงเรื่องนี้กะว่า 20 ตอนจบเอง แปลว่านี่ก็ใกล้แล้วสินะ.....
ความคิดเห็น