ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER XI.

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 56


    CHAPTER XI
    ขอแก้ตัวใหม่สักครั้ง

     

                ดวงตากลมกลอกลงมองมือของตัวเองที่มันถูกหุ้มอยู่ด้วยฝ่ามือหนาของใครอีกคนซึ่งมองเห็นเพียงแต่กระเป๋ากีต้าร์ใบใหญ่สะพายอยู่บนหลัง คยูฮยอนเม้มริมฝีปากที่ยังมีรอยชื้นหวานของรสจูบเมื่อครู่อย่างนึกเขินจนไม่กล้าเร่งฝีเท้าก้าวไปอยู่ด้านข้างซีวอนเหมือนทุกครั้ง

     

                ฝ่ายเจ้าของกีต้าร์ที่เพิ่งจะขอโทษอีกคนผ่านเสียงเพลงอย่างประเจิดประเจ้อทั้งที่ปกติไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้ แถมพอลงมาจากเวทียังมีหน้าไปจูบเขาอีกรอบเสียด้วย ก็เดินทิ้งห่างออกมาระยะหนึ่งแต่ก็ไม่ยอมห่างอย่างสมบูรณ์แบบหรอกนะ เพราะซีวอนก็ยังเอื้อมมือไปกุมมือของอีกคนเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

     

                ฟุตบาทร้างผู้คนตอนสี่ทุ่มกว่าไม่ใช่บรรยากาศน่าเดินหากมาเพียงลำพัง แต่เพราะมากันสองคนเลยเลือกกลับโดยรถไฟฟ้าใต้ดินที่ต้องเพิ่มระยะทางในการเดินเข้าคอนโดเสียหน่อยแต่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางบนท้องถนนมากมายนัก

     

                ซีวอนก้าวเท้าเอื่อยไปตามพื้นปูนขัดจากปกติที่ชอบทำอะไรเร็วๆ ประหลาดที่ตอนนี้ร่างสูงกลับไม่นึกอยากให้อะไรรอบตัวเดินไปเร็วขึ้นมาเสียนี่ ดวงตาคมมองพื้นวางเปล่าตรงหน้าท้องถนนแทบไม่เหลือรถสักคันทำให้ทุกอย่างสงบเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจหอบของคนที่ฝากฝ่ามือไว้ในอุ้งมือของเขา

     

                “เหนื่อยเหรอ...” ทลายความเงียบลงไปด้วยการหยุดฝ่าเท้าแล้วเอี้ยวตัวไปมองโจวคยูฮยอนที่มีกองหนังสืออยู่ในมือ ร่างผอมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหันมาส่งยิ้มจางๆ และเขาก็พบว่าเด็กนั่นคงกำลังโกหกแน่เพราะที่ปลายจมูกโด่งรั้นของมันมีเหงื่อเม็ดน้อยซึมออกมาให้เห็นชัดเชียว

     

                “...”

     

                “เด็กไม่ดีเลย” เขาปล่อยมือออกจากฝ่ามือของอีกคนหมายจะเอื้อมไปคว้ากองหนังสือมาถือไว้แทน แต่โจวคยูฮยอนกลับจับมือเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ซึ่งกิริยาแบบนั้นมันทำให้ซีวอนต้องยกคิ้วขึ้นแทนคำถาม

     

                “เอ่อ... ไม่ต้องหรอกครับ”

     

                “ทำไมหล่ะ”

     

                “ผม..ผมอยากให้ฮยอง...จับมือผมไว้มากกว่า มัน...หนาวหน่ะครับ” แก้ต่างให้กับตัวเองที่ท้ายประโยคอย่างน่ารักแล้วเบนใบหน้าไปมองซ้ายมองขวาด้วยอายว่าจะมีใครมาแอบได้ยินคำพูดของเขาหรือไม่

     

                ซีวอนแค่นเสียงหัวเราะในลำคออกมาแล้วใช้มืออีกข้างเอื้อมไปฉกหนังสือของอีกคนมาถือไว้แทน คยูฮยอนเบิกตาโตอย่างตกใจกับการกระทำรวดเร็วของร่างสูงที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วก็ต้องตกใจซ้ำซ้อนอีกครั้งเมื่อซีวอนสอยเท้าก้าวถอยหลังมายืนขนาบข้าง เปลี่ยนจากการจับมือธรรมดาแบบเมื่อครู่เป็นการสอดนิ้วทั้งห้าเข้ามาตามร่องนิ้วของเขาแล้วกุมเอาไว้แน่น

     

                “ถ้าหนาวต้องจับแบบนี้ต่างหาก” คำพูดนั้นถูกกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูละมุนผิดปกติ คยูฮยอนแอบลอบมองคนที่เชิดใบหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำที่มีรอยยิ้มจางปรากฏอยู่ตรงมุมริมฝีปากอย่างไร้สาเหตุก่อนก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองที่ถูกกุมแน่นเอาไว้

     

                อ่า.... ตอนนี้ร้อนแล้วหล่ะ ร้อนทั้งหน้าทั้งมือเลย -////////////-

     

                เริ่มออกเดินอีกครั้งหลังจากทุกอย่างถนัดถนี่ขึ้นมากกว่าเดิมหากแต่จังหวะการเดินก็ยังคงเอื่อยช้าไม่มีเปลี่ยน ใบหน้าของคนสองคนหันมองสลับทิศสลับทางกันไปเรื่อยอย่างเก้ๆกังๆ บทสนทนาเงียบสนิทลงไปและต่างฝ่ายก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองว่าจะหาเรื่องอะไรมาพูดดี

     

                เดินเลี้ยวเข้าซอยมาจนถึงจุดเกิดเหตุเมื่อวาน ซีวอนก็ชะงักเท้ากึกไปเสียครั้งหนึ่งด้วยความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามาอย่างห้ามไม่ได้ ร่างสูงทำเนียนด้วยการก้าวเท้าต่อไปตามทางโดยไม่พูดอะไร ไม่ต่างจากคนข้างกายที่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคิดว่าตัวเองควรจะอธิบายให้ซีวอนฟังว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

                พี่คริสพูดเหมือนอยากให้เขาทำแบบนั้น... เขารู้สึกได้นะ

     

                “ฮยองครับ...” ทำใจกล้าเรียกชื่ออีกคนแบบเต็มปากเต็มเสียงไปเสียครั้งหนึ่ง แต่พอซีวอนหันมาความกล้าก็หดฮวบลงไปทันที

     

                “หืม?”

     

                “คือ...คือ...เมื่อวาน..”

     

                “ทำไม?” โจวคยูฮยอนพยายามบอกว่าเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้ที่รู้สึกว่าซีวอนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะอธิบายเรื่องเมื่อวานขึ้นมา

     

                “ผม..คือ.. ที่จริงแล้วผมไม่ได้..เอ่อ...หมายถึง...ผมไม่ได้ตั้งใจจะจูบกับพี่ซึงฮยอนนะครับ”

     

                “...” คนรับฟังที่หยุดฝ่าเท้าของตัวเองอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ตัดสินใจปิดริมฝีปากของตัวเองลงแล้วฟังคนที่เหงื่อออกเต็มมือไปหมดอย่างจดจ่อแทน

     

                จงฮุนเพิ่งเตือนเขามาเมื่อเช้าว่าให้ฟังคนอื่นบ้าง
                และคงจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีถ้าเขาหัดฟัง คยูฮยอนก่อนเป็นคนแรก

     

                “คือ... ผมบังเอิญเจอพี่เขา ก็เลยทักทายกันปกติ แล้วผมบังเอิญเซไปโดนพี่เขา... แต่ผมไม่รู้ทำไม...ผมไม่รู้จริงๆนะครับ! ว่าทำไมพี่เขาถึงดึงผมไปจูบ...” ดวงตากลมคู่นั้นฉายแววของความกังวลออกมาอย่างชัดเจนจนเขาไม่รู้สึกโกรธอะไร หนำซ้ำยังนึกขำเด็กนั่นที่ลนลานไปหมดจนเหงื่อออกมือเยอะแยะแทบจะหยดติ๋งลงไปบนพื้นแล้ว

     

                “...” แต่ก็เลือกจะเงียบเอาไว้ก่อนแล้วรอฟังต่อว่าคยูฮยอนจะพูดอะไร

     

                “ผม..ผม...คือ...ผม...ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะครับ ผมพูดจริงผมไม่ได้จูบพี่เขาก่อน พี่เขาดึงผมไป...ฮึก... แล้วตอนนั้นผมก็คิดอะไรไม่ออก..ผมหน่ะ...ฮึก...ผมงงไปหมดเลย..ผม......ผม...อ่ะ!...” คยูฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงลนลานเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ตัวสูงเอาแต่ก้มหน้าลงมาจ้องเขาไม่ยอมวางตา ความกังวลพันแปดประการประเดประดังเข้ามาในหัว คิดเอาเองว่าซีวอนคงจะโกรธมาก คิดไปไกลว่าคืนนี้เขาจะโดนลงโทษอีกหรือไม่ นึกโทษตัวเองสารพัดว่าช่างเป็นเด็กมีปัญหาที่ไม่เอาไหน เอาแต่ทำให้ชเวซีวอนโกรธ สร้างความดือดร้อนให้ตูดตัวเองไม่เว้นแต่ละวันจนน้ำตามันไหลออกมา

     

                “ขอโทษ... ขอโทษที่วู่วามไปหน่อย” คนตัวสูงที่ทนมองเม็ดน้ำตาของอีกคนไม่ได้ตัดสินใจหยุดฟังแล้วขัดจังหวะด้วยการเอื้อมไปคว้าอีกคนเข้ามากอดไว้แทน เขาลูบหลังไอ้เด็กฮยอนที่ขยันร้องไห้พอๆกับที่มันขยันอ่านหนังสือทุกเช้าค่ำไปมาเบาๆเพื่อเรียกขวัญเรียกสติคืนมาใส่ร่างของมันเอาไว้เหมือนเดิม

     

                แล้วแม่งก็เป็นแมวอ้อยๆที่ทำตัวน่าฟัดได้ทุกท่วงท่าจริงสินะ... พอโดนดึงเข้ามากอดหน่อยเด็กที่มีความสูงเลยอกของเขามานิดนึงก็โอบรัดแขนของตัวเองไว้รอบเอวของเขา ซุกใบหน้าชื้นเปรอะน้ำตาของมันลงกับเสื้อแจ็คเก็ตหนังที่เขาสวมกันลมเอาไว้อยู่ หัวของมันสั่นฮึกฮักไปมาไม่หยุดเพราะพอโดนกอดมันก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ นี่มันกลัวเขามากขนาดนั้นเลยหรือไงวะ...

     

                “...”

     

                “คยูฮยอน” ซีวอนประคองใบหน้าของอีกคนเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว (อีกข้างถือหนังสือของมันอยู่นั่นแหละ) เขาช้อนปรางแก้มแดงขึ้นมาให้สบตากับเขาที่ก้มลงมองมัน เขาใช้หัวนิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่ไหลพรากลงมาออกไปจากผิวเนื้อเนียนอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่มือด้านๆของเขามันจะทำได้

     

                “ครับ...” มันขานรับเสียงสั่นแต่ก็ทันทีทันใจเหมือนเดิม

     

                “กู...แก้ตัวได้ไหม...” ถามมันด้วยเสียงที่เบาลงเพราะรู้สึกไม่มั่นใจ ทั้งที่คนอย่างชเวซีวอนไม่เคยต้องมาป๊อดอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตแต่ทำไมกับเด็กนี่เขาต้องกลัวด้วยวะ!

     

                เขากลัวมันปฏิเสธ!
                เขากลัวมันจะวิ่งหนีเขาไป!

     

                “คระ...ครับ?” ใช้เสียงขานรับแทนคำถามซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจว่าอะไรคือการขอแก้ตัว แล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักเข้าไปใหญ่เมื่อรุ่นพี่ร่างสูงก้มใบหน้าของตัวเองลงมาชิดกับสันจมูกโด่งก่อนไล้ต่ำลงไปที่ข้างแก้ม เสียงลมหายใจของอีกคนย้ำเตือนให้รู้ว่าตอนนี้ริมฝีปากมันห่างกันไม่ถึงเซนติเมตรอย่างจงใจ

     

                “ตามนั้นแหละ... ขอแก้ตัวใหม่อีกรอบ” ใบหน้าคมนั้นถอยห่างออกไปแล้ว ซีวอนมีรอยยิ้มที่เขาไม่เขาใจอยู่บนหน้าปรากฏให้เห็นอยู่เพียงเสี้ยววินาที ร่างสูงเลื่อนมือลงมาสอดกุมไว้เหมือนเดิมอีกครั้งแล้วก้าวเท้าเอื่อยๆไปตามทางฟุตบาทที่ทอดยาวห่างออกไปด้วยจังหวะที่ไม่รีบเร่งนัก ปล่อยให้คยูฮยอนได้แต่ขมวดคิ้วกับความหมายของการแก้ตัวต่อไป

     

     - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                คยูฮยอนผลักบานประตูห้องน้ำออกมาหลังจากที่ตัวเองจัดการทำความสะอาดชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว ร่างผอมเดินเอาผ้าขยี้หัวมาจนถึงผืนเตียงนุ่มที่มีร่างสูงโปร่งที่สวมเพียงกางเกงบอลหนึ่งตัว (เขาเริ่มชินกับการนุ่งน้อยห่มน้อยของพี่ซีวอนมาสักพักแล้วหล่ะ) นั่งเกลากีต้าร์อยู่บนนั้น

     

                เจ้าของใบหน้าคมคายกลอกดวงตามามองเขาที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงก่อนจะเอื้อมมือมาตบบนที่ว่างข้างกายซึ่งคยูฮยอนก็เป็นเด็กน้อยว่าง่ายเหมือนเช่นเคย ร่างผอมปีนขึ้นไปบนเตียงนุ่มจนมันยวบลงมาแล้วตะกายไปนอนคว่ำอยู่เบื้องหน้าคนที่ยังคงจับคอร์ดไปมาตามกระดาษยับยู่เบื้องหน้า

     

                “ซ้อมเหรอครับ?”

     

                “ไม่เชิง” ซีวอนละมือออกมาจากเครื่องดนตรีไม้ของตัวเอง มือหนากำรอบคอกีต้าร์แล้วหย่อนมันลงไปพิงกับผนังห้องด้านข้างเพื่อจะหันมาสนใจเด็กตัวขาวเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ คยูฮยอนมองตามเจ้ากีต้าร์ที่ถูกจับไปวางพาดอยู่กับผนังห้องด้วยความรู้ผิดที่เขาอาจจะเข้ามาขัดจังหวะการทำงานของซีวอน

     

                “อ่า... ผมกวนฮยองหรือเปล่าครับ”

     

                “อืม”

     

                “...” หน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินอีกคนตอบกลับมาพร้อมกดดวงตาคมลงจ้องหน้าเขานิ่งเรียบ

     

                “มึงกวนกู...” ซีวอนจับกระดาษเปื่อยใกล้ย่อยตรงหน้าโยนไปที่หัวเยงอย่างไม่นึกใสใจนักก่อนจะจับใบหน้าของคนที่นอนคว่ำอยู่ให้ตะแคงขึ้นมาแล้วโน้มตัวลงไปกดจูบลงบนริมฝีปากสีชมพูสด กลิ่นสบู่ที่ไม่คิดว่ามันจะหอมได้ขนาดนี้ (ทีกูใช้แม่งไม่เห็นหอมฟุ้งแบบนี้เลย ลำเอียงนี่หว่า) กำลังรบกวนความอดทนของเขาจนมันลดต่ำลงทีละเล็กทีละน้อย

     

                เด็กฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้กระจ่ายขึ้นนอกจากทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างบนเตียงเพื่อมองมันต่ออีกสักหน่อย แขนยาวเอื้อมไปพาดรั้งเอวของคนที่ยังเช็ดหัวไม่เสร็จให้ขยับเข้ามาใกล้จนเจ้าของร่างผอมส่งเสียงร้องประท้วงออกมาสองสามครั้ง กระทั่งเมื่อถูกจัดให้อยู่ในท่าทีที่สะดวกขึ้นมันก็กลับมานอนนิ่งเหมือนเดิม

     

                “...” ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งเมื่อไม่มีใครคิดจะปริปากพูดอะไรออกมา คยูฮยอนเหลือบมองใบหน้าคมของคนที่นอนปิดเปลือกตาลงไปก่อนแล้วในเวลาไม่กี่นาที แอบเห็นว่าคิ้วของอีกคนมันขมวดจนเกินพอดีเลยยื่นนิ้วไปนวดเบาๆเพื่อให้มันคลายออก

     

                ซีวอนปรือเปลือกตาของตัวเองขึ้นมาจ้องเจ้าของผิวขาวสีนมที่ยังคงไม่ละมือออกจากหว่างคิ้วของเขาแต่กลับเลื่อนปลายนิ้วเหล่านั้นไปกดคลึงที่ขมับแล้วนวดเบาๆ คยูฮยอนกลอกดวงตาหลบเขาไปทางหัวเตียงแล้วก็วนลูกตาดำของตัวเองเป็นวงกลมไปมาอย่างน่าขันจนเขาเผลอหัวเราะเบาๆออกมา

     

                “วันนี้พี่คริสเล่าเรื่องฮยองให้ผมฟัง...” เสียงหวานกล่าวขึ้นมาโดยที่ปลายนิ้วก็ยังคงพิถีพิถันนวดขมับของเขาอยู่เหมือนเดิม คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่ค่อยประหลาดใจเท่าไหร่ที่ได้ยินคนตรงหน้าพูดแบบนั้นเพราะเขาเห็นคริสกับคยูฮยอนนั่งคุยกันอยู่นานสองนานและคนอย่างอู้อี้ฟานก็คงไม่ปล่อยให้สักวินาทีของตัวเองเสียไปอย่างไร้สาระหรอกนะ

     

                คริสหน่ะรู้ดีว่าตัวเองควรพูดหรือไม่ควรพูดอะไรในแต่ละช่วงเวลา

     

                “อืม...”

     

                “พี่คริสบอกว่ามีไม่กี่คนที่เป็นห่วงฮยอง...”

     

                “...”

     

                “ผมแค่อยากบอกว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้นนะครับ” เด็กฮยอนพูดทั้งที่ไม่ยอมหันมามองหน้าเขา ดวงตากลมหวานนั่นยังคงเหลือบมองไปทางอื่นเพราะความเขินอายของเจ้าตัวเองนั่นแหละ แต่แสงไฟสีส้มในห้องที่เปิดสลัวจากหัวเตียงก็ทำให้เขามองเห็นสีแดงที่ผุดขึ้นมาบนแก้มปรั่งทั้งสองข้างแล้วมันก็ทำให้โจวคยูฮยอนดูน่ารักน่าชังและน่าขันไปในเวลาเดียวกัน

     

                มันจะมีสักกี่คนกันนะที่กล้าพูดเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องใจเต้น หน้าแดง แล้วก็เขินให้ใครต่อใครเห็นหน่ะ... คนที่ทำแบบนั้นได้คงต้องใส่ซื่อมาก ไม่ก็ต้องรู้สึกแบบนั้นจริงๆถึงได้กล้าหลุดปากออก และเขาก็เดาได้ไม่ยากว่าคยูฮยอนก็คงมีทั้งสองแบบปนกันอยู่ในร่างนั่นแหละ

     

                “จริง?”

     

                “คระ..ครับ...”

     

                “ถ้าจริงแล้วทำไมไม่มองหน้ากู” การแกล้งไอ้เด็กฮยอนเป็นเรื่องที่ทำให้เขาสนุกได้ทุกทีสินะ รอบนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งไหนนั่นแหละ โจวคยูฮยอนทำหน้าเหรอหราได้อย่างน่าฟัดแล้วพยายามคิดข้อแก้ตัวในหัวของตัวเองยกใหญ่แต่มันก็ยังไม่ทันใจเขาอยู่ดีนั่นแหละ

     

                “อ่ะ..เอ่อ..คือ...”

     

                “หืม...” เขาขึ้นเสียงครางของตัวเองให้สูงขึ้นแล้วเอื้อมไปจับมือบางของมันออกก่อนจะจับปลายคางมนให้พลิกกลับมาสบตาของเขา “พูดความจริงหรือเปล่า... ทำไมต้องหลบตา”

     

                “...” คยูฮยอนเบิกดวงตากลมโตขึ้นมาอย่างตกใจและพยายามจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางแต่ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เมื่อฝ่ามือใหญ่ของเขาได้สอดเข้าไปอยู่ใต้แนวกราม วางฝ่ามืออุ่นเอาไว้บนลำคอขาวระหง บังคับใบหน้าเรียวของอีกคนให้สบมองตรงมาประสานสายตากับเขาเท่านั้น

     

                เด็กน้อยที่หัวยังไม่แห้งดียุติการกลอกดวงตาไปมาเพราะเริ่มรู้สึกเมื่อยและเลือกหยุดสายตาลงที่สันจมูกโด่งของอีกคนซึ่งดูเหมือนว่ากำลังเคลื่อนใกล้เขามาเรื่อยๆ

     

                ระยะห่างระหว่างเขากับรุ่นพี่ตัวใหญ่หน้าดุหดสั้นลงเรื่อยๆจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมาบนผิวเนื้อ วินาทีหนึ่งเขาลองทำใจกล้าเลื่อนดวงตาขึ้นสบสู้กับคนตัวใหญ่กว่าแล้วเขาก็พบว่าตัวเองพลาดไปมากที่ทำแบบนั้นเพราะทันทีที่เขาปะทะสายตากับร่างสูง ชเวซีวอนก็กดริมฝีปากแนบลงมาแต่มันเป็นการแนบที่ตามต่อมาด้วยปลายลิ้นชื้นสอดดุนเข้ามาด้านใน

     

                และคนที่ต้องการจะหลบสายตาอย่างเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากปิดเปลือกตาของตัวเองลง... เอียงลำคอเล็กน้อยไม่ให้ปลายจมูกชนกันจนน่ารำคาญแล้วปล่อยให้ซีวอนสอดลิ้นร้อนเข้ามากวาดต้อนด้านในโพรงปากได้อย่างอิสระ

     

                ซีวอนลงแรงบนฝ่ามือที่ประคองใบหน้าของอีกคนเอาไว้ด้วยการรั้งแนวกรามนั้นให้เชิดขึ้นมารับจูบของเขา ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆที่มุมริมฝีปากของอีกคนก่อนจะแตะแนบลงไปอีกครั้งแล้วเลียรอบผิวเนื้อนุ่ม ลิ้มรสหวานกับกลิ่นหอมในระยะประชิดจนพอใจแล้วจึงสอดลิ้นแทรกเข้าไปด้านในโพรงปากอุ่นอีกครั้ง

     

                เขาเว้นช่องว่างเล็กน้อยทั้งที่ลิ้นของตัวเองยังแตะอยู่บนปลายลิ้นของคนที่พยายามกอบโกยลมหายใจเข้าไป คยูฮยอนวางมือลงที่บ่ากว้างซึ่งไม่ได้อยู่ห่างเหมือนเคย ลงแรงบีบผิวเนื้อเปลือยเปล่าของเขาเพื่อขอต่อเวลาในการกวาดอากาศเข้าปอดแต่ชเวซีวอนก็ยังคงเป็นคนใจร้ายอยู่ดีแหละนะ

     

                จัดการประกบริมฝีปากของตัวเองแนบลงไปจนชิด ปิดสนิททุกช่องทางที่อากาศจะเข้าไปได้แล้วเริ่มใช้ลิ้นของตัวเองกวัดไปกวัดมาทั่วภายในโพรงปากของอีกคนโดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือเรียวลิ้นชื้นที่พยายามหลบหลีกเขาอยู่ด้านในนั้น

     

                มือหนาไล้ต่ำลงมาตามรำคอระหง เกลี่ยนิ้วไล้อย่างเบามือไม่ให้เจ้าเด็กหน้าแมวรู้สึกตื่นตระหนกไปกับสัมผัสที่ลากไล้ไปมาอยู่บนผิวกายของตัวเอง

     

                ใบหน้าคมคายถอนออกมาเป่าลมหายใจรดอยู่เหนือริมฝีปาก เขาสบดวงตาของคนที่ปรือเปลือกตาเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า แรมต่ำๆของโจวคยูฮยอนเหมือนจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ ดวงตากลมคู่นั้นสบมองเขาอย่างไม่นึกเข้าใจและยังปล่อยให้เขาลากฝ่ามือเข้าไปใต้สาบเสื้อโดยไม่ได้นึกขัดขืนอีกด้วย

     

                “อ๊ะ...” เสียงหวานร้องออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วที่ด้านเพราะเอาแต่กดสายกีต้าร์สะกิดลงบนยอดอก คยูฮยอนเม้มริมฝีปากทันทีเมื่อเขาลงมือสะกิดซ้ำอีกครั้งเพื่อหวังจะได้ยินเสียงหวานนั่นร้องครางเสียสักหน่อย เจ้าลูกแมวทำท่าเหมือนจะดิ้นหนีเมื่อดึงแรมของตัวเองกลับมาใช้งานได้อีกครั้งแต่ก็ช้าเกินกว่าจะทำแบบนั้นเสียแล้วหล่ะ

     

                “คยูฮยอน...” เขาเรียกชื่อเด็กนั่นด้วยเสียงทุ้มต่ำในขณะที่ออกแรงตรึงบ่าแคบนั้นไม่ให้หลบไปไหนซีวอนโน้มใบหน้าของตัวเองลงไปที่ซอกคอขาวระหงปรี่เข้าหารอยจ้ำสีแดงที่ตัวเองทิ้งเอาไว้เมื่อคืนแล้วกดริมฝีปากอุ่นของตัวเองทาบลงไปอย่างเชื่องช้าทีละรอย

     

                “คระ...อื้อ...ครับ...” เด็กน้อยตอบรับคำเขาอย่างยากลำบากเพราะโดนสันจมูกไล้สัมผัสไปด้วย

     

                “อยากรู้ไหม...เพลงนั่นแปลว่าอะไร...” เขาหยุดริมฝีปากอยู่ที่คอเสื้อของเด็กมัธยมห้าที่เว้าลึกจนเกินควร (นี่เพราะอยู่กันสองคนเลยยอมให้ใส่หรอก) มือหนาที่สอดอยู่ใต้เสื้อเลื่อนต่ำลงมาหาชายผ้านุ่มก่อนจะค่อยๆเลิกมันให้สูงขึ้น เผยหน้าท้องขาวเนียนที่ยังคงปรากฏรอยช้ำรอยข่วนจากเมื่อคืนให้เห็นอยู่เต็มสองตา

     

                “อ่ะ...ฮยอง...”

     

                “หืม...” ดันเสื้อของเด็กนั่นออกไปอย่างง่ายดายและแนบเนียน ตลกดีที่ไอ้เด็กฮยอนคล้อยตามอารมณ์ที่เขาปลุกปั้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย เพียงแค่เขาเลิกเสื้อขึ้นมาถึงคอแขนเรียวก็ยกสูงขึ้นยอมให้ถอดออก แล้วพอเห็นว่าเสื้อของตัวเองถูกโยน โจวคยูฮยอนก็รีบยื่นแขนออกไปหมายจะไขว่คว้าไว้ให้ทันแต่เนื้อผ้านุ่มเบานั้นก็ร่อนลงไปอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้วหล่ะ

     

                “ผะ..ผม...เสื้อ...เอ่อ...” ระบบประมวลของเด็กนั่นพังครืนลงมาทันทีที่พบว่าตัวเองเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำ ถ้าเปรียบกับคอมพิวเตอร์ก็คงเป็นเครื่องที่กำลังร้อนจัดจนคนมองอย่างเขารู้สึกเหมือนว่ามันจะระเบิดออกมาให้ได้

     

                เขายุติความสนใจของคยูฮยอนด้วยการยกร่างผอมบางนั้นขึ้นมาเกยบนอกเพราะรู้สึกทนไม่ได้ที่ไอ้ฮยอนยังคงเอาแต่สนใจเสื้อของมันที่ร่อนหายไปใต้เตียงมากกว่าเขาที่นอนหล่ออยู่ตรงหน้า และการทำแบบนั้นก็ช่างเป็นวิธีที่ให้ผลรวดเร็วทันใจจริงๆเพราะคยูฮยอนที่เพิ่งจะลอยหวืดมาแหมะอยู่บนอกของเขารีบกดดวงตาของตัวเองลงมาสบกับเขาทันที

     

                “I have to block out thoughts of you, so I don't lose my head. They crawl in like a cockroach leaving babies in my bed. Dropping little reels of tape to remind me that I'm alone. Playing movies in my head that make a porno feel like home…” เสียงทุ้มทวนเนื้อเพลงทั่วเองใช้เวลาไม่กี่นาทีท่องจำมันจนฝังเขาไปในสมองออกมาเป็นจังหวะ

     

                “...”

     

                “กูตกใจมากที่ตื่นมาแล้วไม่เห็นมึงบนเตียง... กูก็ประสาทเสียแทบแย่จนไปเห็นแซนด์วิชในตู้เย็นที่มึงทำไว้ถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่มึงก็ทำให้กูรู้สึกแย่ชิพหายเพราะไอ้โพสต์อิทสีส้มหน่ะ...” ชี้แผ่นกระดาษสีส้มที่เขาย้ายมันมาแปะไว้ตรงหัวนอนเพื่อหวังใช้เป็นเครื่องเตือนใจตัวเองไม่ให้ทำพลาดซ้ำสอง

     

    ไม่อยากเป็นเหมือนพ่อที่ทำให้แม่เสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถ้าคยูฮยอนต้องร้องไห้หนักแบบที่แม่ร้อง เขาคงทนไม่ได้

     

                “...”

     

                “มึงน่าจะเกลียดกูสักนิดที่กูเหี้ยใส่มึงได้มากขนาดนั้น...” ซีวอนใช้ข้อนิ้วบีบปลายจมูกของเด็กน้อยที่นอนทาบอยู่เหนือยอกเปล่าของเขา คยูฮยอนเม้มริมฝีปากของตัวเองจนเขามองไม่เห็นกลีบปากสีสดที่อยากจะชิงจูบสักครั้งก่อนจะกลอกตามองเขาสลับกับกำแพงห้องเพื่อแบ่งความเขินอายของตัวเองออกไป

     

                “ผม....”

     

                “กูขอโทษที่รุนแรงกับมึง... กูขอโทษ... คราวหลังกูจะใจเย็นและฟังมึงก่อน” แม้จะผิดธรรมชาติไปหน่อยแต่เขาก็พูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาได้ชัดเจนดีเหมือนที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ว่าต้องพูดออกมาให้เด็กนั่นได้ยินให้ได้

     

                เขาไม่ใช่คนปากแข็ง...
                แค่เป็นคนกระด้างที่ไม่ค่อยอยากแสดงความรู้สึกกับใครเท่าไหร่...

     

                “ครับ...เอ่อ... ขอบคุณนะครับ”

     

                “ทีนี้... กูแก้ตัวได้ยัง”

     

                “แก้ตัว?” จนแล้วจนรอดลูกแมวผู้ใส่ซื่อก็ยังไม่เข้าใจเจตนาในการแก้ตัวของเขาเสียที เส้นคิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างนึกสงสัยและใบหน้าที่จ้องมองลงมาก็ทำให้เขายิ้มออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น ซีวอนเลื่อนมือทั้งสองข้างลงไปจับเอวบางก่อนจะพลิกกายเอาร่างบอบางลงไปนอนจมเตียงเหมือนเดิม

     

                “เมื่อคืนกูทำมึงเจ็บ...”

     

                “เอ่อะ...”

     

                “แต่คืนนี้กูจะทำเบาๆ”

     

                “อ่ะ..พี่ซีวอน...ผม...”

     

                “กูจะไม่ทำให้มึงเลือดออกอีก...














     

    NC



     

     

     

                ซีวอนโน้มหน้าลงไปกดจูบเบาๆที่ข้างมุมปากอย่างนึกเสียดายเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าเด็กฮยอนมีสอบวันพรุ่งนี้ เขาลากริมฝีปากมาที่ข้างแก้ม ไถปลายจมูกไปเบาๆบนผิวเนื้อเย็นชื้นของอีกคนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับพลางถอนกายออกมาจากช่องทางด้านหลังและเตรียมทิ้งตัวลงไปยังพื้นที่ว่างด้านข้างแต่ก็โดนไอ้เด็กฮยอนยกมือขึ้นมารั้งเอาไว้ที่บ่า

     

                นิ้วเรียวยาวเกลี่ยไปบนรอยสักสีดำที่พาดอยู่บนบ่าไล้ต่ำลงมาจนสุดรอยที่สีข้างก่อนจะยอมปล่อยให้ร่างสูงทิ้งตัวลงด้านข้างอย่างที่ต้องการ คยูฮยอนกัดริมฝีปากของตัวเองเมื่อหันไปเจอใบหน้าของพี่ซีวอนอยู่ใกล้ชิดเพียงแค่ปลายจมูก เสียงลมหายใจหอบที่ดังลอดมาให้ได้ยินทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

     

                “ฮยองครับ...” เสียงหวานนั่นเอ่ยเรียกเจ้าของฝ่ามือที่ไอยู่บนปรางแก้มขาวนวล ฮยองของเขาเลิกคิ้วขึ้นมาเป็นการอนุญาตให้ริมฝีปากบางขยับพูดต่อ “คือผม...”

     

                “พูดมาสิ” ซีวอนเลื่อนนิ้วของตัวเองออกห่างมาจากริมฝีปากเมื่อพบว่าการแตะมันไว้ตรงนั้นทำให้คยูฮยอนกล่าวอะไรต่อไม่ได้และเอาแต่ก้มหน้างุดด้วยอาการเขินอาย

     

                “ผม...ผมไม่ได้...เอ่อ...ผมไม่ได้เกลียดฮยองนะครับ”

     

                “...”

     

                “แต่...ผม...ผมก็รู้....ว่า...เอ่อ...”

     

                “ว่า?”

     

                “ว่า.....” มันลากเสียงยาวจนผมนึกรำคาญใจ ความใคร่รู้สงสัยของผมมันทำให้ตัวเองเผลอขมวดคิ้วจนเด็กนั่นอาจจะตกใจเลยละล่ำละลักพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

     

                “ว่า...ผมชอบที่ฮยองเป็นแบบนี้อยู่แล้วนะครับ! ...หมายถึง...คือ....ผมหมายความว่าผมไม่จำเป็นต้องเกลียดฮยองแบบที่ฮยองบอกแต่ผมก็...อ่ะ...”

     

                “โอเค กูเข้าใจแล้ว” ท่อนแขนแกร่งเอื้อมไปพาดที่เอวคอกแล้วรั้งโจวคยูฮยอนเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ใบหน้าหวานซุกแนบลงมากับอกของเขา มีเสียงอู้อี้ครางประทวงอยู่สองสามครั้งก่อนที่มันจะสงบลงเมื่อสันจมูกโด่งกดลงตรงกลางหน้าผากของเด็กนั่น

     

                “อื่อ...”

     

                “นอนซะ มึงต้องรีบตื่นไปสอบ”

     

                “คระ...ครับ...” เสียงขานกลับนั้นอู้อี้มาจากแผ่นอกกว้างซึ่งเจ้าของพื้นที่อบอุ่นตรงนั้นก็สอดมือเข้าไปในกลุ่มผมเส้นนุ่มแล้วเกาเบาๆ ขับกล่อมเด็กน้อยในอ้อมกอดที่ยังมีกลิ่นเหงื่อจางๆมาเขย่าหัวใจของเขาไม่เลิกรา...

     

                ซีวอนก้มลงมองแพขนตาที่เรียงตัวสวยงามยิ่งขึ้นเมื่อลูกตากลมนั้นปิดพริ้มลงมา ลมหายใจอุ่นพรูรดอยู่ที่หน้าผากของอีกคนและมันก็คงจะอุ่นจนทำให้คยูฮยอนหลับลงง่ายขึ้นกว่าปกติ

     

    ความจริงเขาอยากฟังสิ่งที่โจวคยูยฮยอนจะอธิบายต่อ แต่เพราะก้อนเนื้อในอกของเขามันเต้นแรงมากเกินไปจนคล้ายจะหลุดออกมาด้านนอกเลยต้องรีบหยุดมันเอาไว้ก่อน

     

                เขาเกรงว่าถ้าฟังจนจบ... หัวใจของเขามันอาจจะผิดจังหวะไปมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    ติ่ก ติ่ก ติ่ก ติ่ก ติ่ก....

     

                แสงสลัวจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือสะท้อนเข้าไปในดวงตากลมของคยูฮยอนที่ยังคงซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาที่คลุมเรือนกายเปล่าเปลือยของตัวเองเอาไว้อยู่ ลูกตาดำทั้งสองข้างกวาดอ่านตัวอักษรนับพันที่ปรากฏอยู่ในกล่องข้อความสีสวยเหล่านั้นอย่างละเอียดยิบไม่มีตกหล่น

     

                “อาจจะเป็นเพราะความต้องการทางเพศ.... อ่า....วัยรุ่นในช่วงอายุนี้เริ่มมีความต้องการทางเพศ บวกกับสภาพแวดล้อมเมื่อเห็นเพื่อนมีแฟน....เอ.... แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรฮงกินี่นา ส่วนเฮนรี่ก็.......บ้าหน่า... นั่นก็แทบจะสมสู่กับกาพย์กลอนอยู่แล้ว ไม่น่าใช่.....” นิ้วเรียวแตะเลื่อนลงมาเพื่ออ่านกล่องข้อความถัดไปโดยไม่ลืมเหลือบมองนาฬิกาดูว่าเขายังมีเวลาค้นคว้าหาคำตอบให้กับตัวเองอีกนานเท่าไหร่

     

                “เหลืออีกสิบนาที...โอ่ย..... อันนี้หล่ะ...” เลื่อนลูกตาลงมาอ่านกล่องข้อความถัดไป ขมวดคิ้วไปมาเมื่อต้องนึกทบทวนถึงเรื่องราวของตัวเองในรอบสองสามอาทิตย์มานี้ก่อนจะเลื่อนนิ้วแตะลงไปบนหน้าจออีกครั้งเพื่อลองดูความคิดเห็นอื่นๆ

     

                “อื้อ~

     

                “อันนี้....”

     

                “คยูฮยอน....”

     

                “อ๊ะ!! คระ...ครับ....” ลนลานวางโทรศัพท์ลงกับเตียงนอนแล้วตะแคงหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียงเรียกตัวใหญ่ที่เพิ่งจะปรือตาขึ้นมามองเขา ซีวอนสะบัดหัวไปมาซ้ายทีขวาที ขับไล่อาการสะลึมสะลือของตัวเองแล้วตะแคงหน้าหันมาหาเขา

     

                “กี่โมงแล้ว...”

     

                “หก...หกโมงสิบห้าครับ”

     

                “วันนี้มีสอบไม่ใช่เหรอ...”

     

                “คระ...ครับ...”

     

                “ไปอาบน้ำสิ” สั่งให้อีกคนลุกออกจากเตียงแต่เจ้าของคำพูดกลับคว้าร่างผอมแล้วฉุดเข้ามาใกล้อก ดวงตาที่ยังมองอะไรไม่ชัดเห็นไอ้เด็กฮยอนของเขาทำหน้าตาเหรอหราเหมือนอย่างเคยทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะโดนอะไร... แม่งน่าหมั่นไส้ชิพหาย

     

                “อื้อ!... พี่ซีวอน...” เด็กนั่นร้องเรียกชื่อของเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ก็ไม่อาจหยุดปลายจมูกที่กำลังซุกกดเข้าไปฟัดแก้มนิ่มแล้วเลื่อนลงมาหยุดที่ริมฝีปาก เลือกแตะเบาๆไม่ได้คนที่ต้องไปสอบเสียสติไปมากกว่านี้ก่อนจะคลายแขนออกเพื่อปล่อยให้ไอ้เด็กฮยอนของเขาได้ลุกไปอาบน้ำเสียที

     

                “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกูไปส่ง”

     

                “ครับ...เอ่อ...ผ้า...ผ้าเช็ดตัว...”

     

                “ลุกไปเถอะหน่า...”

     

                “ตะ...แต่..” คนตัวขาวหน้าแดงเป็นปื้นขึ้นมาทันที

     

                “กูเห็นบ่อยกูชินแล้ว....”

     

                “!!!” สีหน้าตกใจแสดงออกมาให้เห็นชัดเจนจนซีวอนต้องยอมตะแคงตัวกลับหลังไปอีกฝั่งเพื่อให้อีกคนสบายใจจะลุกไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ยังไม่ได้ใส่อะไร เขาได้ยินเสียงขยับยุกยิกก่อนที่ฟูกนอนด้านข้างจะคืนตัวขึ้นมา เสียงบานประตูกระแทกดังปังตามต่อมาเป็นเสียงสุดท้ายบอกให้เขาหันหน้ากลับมาได้แล้ว

     

                ทันทีที่เห็นว่าคยูฮยอนไม่อยู่ตรงนั้น ดวงตาคมก็กวาดมองหาโทรศัพท์มือถือของเจ้าเด็กนั่นทันที เขากดปุ่มปลดล็อคที่ด้านบนเพื่อแอบดูว่าคยูฮยอนเล่นอะไรอยู่ก่อนหน้านี้... ที่จริงคือเขาหน่ะแอบมองอยู่สักพักแล้วหล่ะ ได้ยินมันพึมพำอะไรสักอย่างฟังไม่ค่อยคล่องหูเท่าไหร่เลยเลือกนอนนิ่งๆเงียบๆเอาไว้อย่างเดิม

     

                พอเปิดหน้าจอให้สว่างวาบแล้วลากนิ้วขึ้นมาดูที่หัวเว็บ เสียงทุ้มพร่าของคนเพิ่งตื่นก็ระเบิดหัวเราะออกมาครืนใหญ่เพราะหัวข้อกระทู้สนทนาที่ปรากฏอยู่ด้านบน

     

     

    “ยอมมีเซ็กส์กับใครสักคนมากกว่าหนึ่งรอบ หมายความว่ายังไง? ขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ”

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    เราไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าการแปลเพลงของซีวอนมันเป็นแบบนี้หรือเปล่า... ไม่เห็นพี่เขาใช้ดิคชันนารีเลย ใช้แต่ ดิค...................... #18+

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×