คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER IX.
CHAPTER IX
เพราะเด็กหรือใจที่ไม่รักดี
ชเวซีวอนผู้ไม่เคยหวั่นเกรงต่อใครและอะไรบนโลกนี้กำลังใช้ดวงตาคมคายอันเป็นที่ยำเกรงของใครต่อใครจ้องเขม็งเพ่งเล็งไปยังหน้าจอมอนิเตอร์ไร้ชีวิตที่ฉายภาพหน้าต่างกล่องอินบ็อกซ์อีเมลล์ของเขาอยู่ ตัวอักษรสามสี่บรรทัดที่ถูกส่งมาจากเดอะตุ๊กส์มิวสิคกำลังทำให้คนที่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างเขารู้สึกสะพรึงจนขนตาตุ่มลุกพรึบเป็นแถบ
“ไอ้เหี้ยลุงทึกหลอกกู ไอ้เหี้ยลุงทึกล้อเล่นกับกูเถอะ !”เขาสบถพึมพำพาดพิงไปถึงเจ้าของค่ายเพลงผู้เป็นเจ้าของเนื้อหาทั้งหมดในอีเมลล์(นรก)ฉบับนี้อย่างไม่นึกเคารพ นิ้วเรียวสะกิดปุ่มบนเมาส์เลื่อนหน้าจอขึ้นลงเพื่ออ่านเนื้อความบรรทัดเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกให้แน่ใจ
สิ่งที่เขากำลังอ่านอยู่คือโจทย์ของเพลงที่ต้องแต่ง และอย่างที่รู้กันดีว่าเขารับหน้าที่เป็นนักประพันธ์เพลงของวงซึ่งหมายความว่าเขาต้องทำทุกอย่างที่ระบุมาในอีเมลล์ทั้งหมด... แต่โจทย์ที่ลุงทึกเจ้าของค่ายช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลยหล่ะ...
โจทย์เหี้ยอะไรหน่ะเหรอ...
“เย็ดแม่เถอะ ! เพลงสำหรับสารภาพรักกูจะแต่งยังไงวะสลัดเม่นนนนน !!!”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“เปลี่ยนโจทย์ไม่ได้อยู่แล้ว มึงเลิกคิดเรื่องนั้นเหอะ...” อู้อี้ฟานที่ถูกเรียกง่าย ๆ กันจนติดปากว่าคริสตะแคงเสี้ยวใบหน้าไร้อารมณ์ของตัวเองออกมาจากชามมาม่าเพื่อมองเพื่อนหนุ่มร่างใหญ่ที่กำลังเผยมุมปัญญานิ่มของตัวเองออกมาจนไม่เหลือซากชเวซีวอนเดือนมหาวิทยาลัยผู้โด่งดังอีกต่อไป... จะเหลือเหี้ยอะไรหล่ะ นอนปิดหน้าทำเสียงโอดครวญแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นห้องเขาแบบนี้มันต่างจากคนเสียสตินิดเดียวเองนะ
“โอ้ยยยยย... แล้วจะให้กูทำไงวะ เพลงห่าอะไรไม่แต่งเสือกให้แต่งเพลงรัก เอาจริงนะ... ให้กูแต่งเพลงเพื่อสรรเสริญพระเจ้ายังง่ายกว่าเหอะ”
“มึงก็ต้องเปลี่ยนแนวบ้างดิวะ”
“กูรู้เว้ย แต่ให้กูเปลี่ยนแนวในสามอาทิตย์เนี่ยยากไปป่าววะ นี่คนนะสัด ไม่ใช่กิ้งก่า จะให้มาเปลี่ยนกะทันหันเหมือนพรางตัวได้ที่ไหนวะ ลุงทึกแม่งเอาสมองไปรดดอกทานตะวันหมดแล้วป่ะเหอะ ถุย !”
“เอาเหอะหว่ะ พยายามหน่อย” คริสยื่นมือมาตบบ่าเพื่อนสนิทที่ยังคงนอนกลิ้งเกลือกไปมาอยู่บนพื้นห้องของเขาไม่ยอมลุก ไอ้เขาก็ไม่อยากเห็นมันอยู่ในสภาพนี้นักหรอก แต่ถ้าคนอย่างชเวซีวอนนึกอยากจะปล่อยมุมปัญญาอ่อนของตัวเองออกมาก็คงต้องหาพื้นที่ให้มันลงนั่นแหละนะ เขาก็เลยจำใจต้องปล่อยแม่งเลยตามเลยไป
คนอย่างชเวซีวอนหน่ะเก่งอยู่ไม่กี่เรื่องหรอก ที่แน่นอนเลยก็เรื่องปี้ชาวบ้านแล้วทิ้ง เรื่องดนตรี แต่งเพลงแอบส์แตร็คห่าเหวอะไรของมันแล้วก็เรื่องใช้กำลังนี่แหละ ส่วนที่เหลือก็พอถูไถไม่ก็โง่ไปเลย โดยเฉพาะความรักนี่เรียกได้ว่ามืดบอดสนิท... ไม่มีไอเดียและไม่เคยคิดเผื่อจริง ๆ
เหตุผลก็คงไม่ใช่อะไร เพราะพื้นฐานเดิมของมันเป็นเด็กบ้านแตก พ่อไปมีเมียน้อย แม่ก็ชอบบังคับมัน มันก็เลยเหมือนเด็กหัวรั้นที่ทำตัวปีกกล้าขาแข็งไปวัน ๆ (ทั้งที่จริงแล้วแม่งอ่อนด๋อยไปหมด) คำว่าครอบครัวก็ไม่อยู่ในสารระบบและเพราะพ่อมันมอบแต่ความรักแย่ ๆ ให้กับแม่ มันก็เลยไม่ค่อยอยากจะรักใครเท่าไหร่ แต่สัญชาติญาณเรื่องเพศมันก็ยังอยู่แหละเนอะ เลยห้ามเรื่องปี้ส่งเดชไม่ได้
“ไอ้เหี้ยคริส ที่มึเงียบนี่มึงนึกด่ากูใช่ไหมสัด ! มึงนี่มันเพื่อนเลวจริง ๆ โฮฮฮฮฮฮฮ ~” พออารมณ์เสียก็พาล นี่แหละนิสัยมัน..... เฮ้อ... อันที่จริงไอ้หมีควายบ้านรวยนี่น่าสงสารนะ แต่ปากแม่งบางทีก็ทำให้ความสงสารลดฮวบฮาบได้อย่างน่าอัศจรรย์นั่นแหละ -______-
“เอ้า ไอ้เหี้ยยักษ์ เห็บแดกหูเหรอสัด ขดเป็นหอยขมเชียว...” ไอ้เหี้ยยักษ์เป็นฉายาที่จงฮุนใช้เรียกมันมาตั้งแต่เจอกัน คงเป็นเพราะกล้ามขนาดเกินพอดีของมันหล่ะมั้งที่ทำให้มันดูตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มทั้งที่มันก็ไม่ได้สูงที่สุดหน่ะ เผลอะ ๆ เตี้ยกว่าผมด้วยซ้ำ....
“เครียดหว่ะ มึงเห็นโจทย์เพลงยัง ?”
“เห็นแล้ว กูว่าจะมาแสดงความสมน้ำหน้า...เอ้ย ! แสดงความยินดีกับมึงอยู่นี่ไง...”
“ยินดีกับซอกตีนกูก่อนไหมไอ้เชี่ยฮุน !” แสดงกิริยาหยาบคายกับเพื่อนที่ยืนค้ำอยู่เหนือร่างด้วยการถีบเข้าที่หน้าแข้งมันเสียทีสองที ชเวจองฮุนที่บังอาจมาใช้นามสกุลของคนชาติกระกูลดีอย่างเขาถอยขาหนีไปด้านหลังเพื่อหลบหลีกการประทุษร้ายดังกล่าวแล้วค่อยหย่อนตูดลงนั่งบนเก้าอี้ที่มุมห้อง
“เหอะหน่า ไม่เห็นจะยากอะไร ไม่มีอะไรที่เหี้ยยักษ์ทำไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...”
“เว้นเรื่องนี้ให้กูเรื่องนึง”
“โห่ กลัวไร ก็มีความรักดิวะ จะได้รู้ว่าคนอยากสารภาพรักมันฟีลไหน...” ข้อเสนอของชเวจงฮุนเด็ดจนคริสที่นั่งคีบมาม่าใส่ปากอยู่ยขังต้องหันขวับกลับมามองด้วยไม่คิดว่ารูมเมทที่วัน ๆ เอาแต่ไร้สาระไปกับสายเบสจะมีความคิดเลิศเลอขนาดนี้ออกมาจากเซลล์สมองได้
“เออจริง ! มึงไม่ลองดูอ่ะ....”
“ลองเหี้ยไร... เรื่องแบบนี้ลองได้หรือไงวะ ?”
“เอ้า ก็กับเด็กมึงไง คยงคยูอะไรนั่นหน่ะ... รักกันดีไม่ใช่หรือไง” ปากไอ้จงฮุนหน่ะไม่ดีพอ ๆ กับกลิ่นตีนของมันนั่นแหละ... ซีวอนรู้ความจริงข้อนั้นดีก็เลยปรายหางตาคมไปเตือนสติเพื่อนนามสกุลเดียวกันเสียหน่อยว่ากำลังพูดจาลาปามเขาอยู่ แต่ไอ้ชเวจงฮุนคนปากเสียกลับยักคิ้วติดตลกมาให้เขาเหมือนจะล้อเลียนอะไรยังไงอย่างนั้นหล่ะ
“บัดซบละ...”
“เอ้า... มันง่ายสุดป่าววะ ? คนใกล้ตัว... อีกอย่าง ถ้าไม่คิดอะไรก็ไม่เห็นต้องแคร์นี่หว่า”
“แล้วมันจะเรียกว่าความรักได้ไง”
“ก็สมมติว่ามึงจะบอกรักน้องเขาไง... โถ่ว... เรื่องแบบนี้มึงไม่น่าโง่เลยเหี้ยยักษ์เอ้ย ~”
“กูฉลาดไง ถึงไม่เชื่อคนโง่อย่างมึงหน่ะ...”
“มึงสองคนหยุดเถียงเหอะหว่ะ... กูฟังแล้วประสาทเสีย...” คริสที่นั่งคีบมาม่าฟังบทสนทนาอันไม่ประเทืองจิตใจเลยสักนิดต้องปริปากห้ามศึกเพื่อนสองคนที่ถ้าหากปล่อยเอาไว้ก็คงนอนนั่งสาดคำหยาบกันต่อไปจนมาม่าของเขามันไม่อร่อยขึ้นมาเสียอย่างนั้น โชคดีที่ไอ้คนตระกูลชเวยังพอมีมารยาทหุบปากตามคำสั่งของเขาอยู่บ้าง
เสียงจิ๊ปากถือเป็นการปิดสงครามน้ำลายของคนตระกูลชเว ต่างฝ่ายต่างหันไปก้มหน้าก้มตาอยู่ในโลกของตัวเองต่อ คริสก็อ่านหนังสือและคีบมาม่าเข้าปากต่อ จงฮุนนั่งเล่นไลน์กับน้องฮงกิ ส่วนซีวอนก็เอาตัวเกลือกกลิ้งไปบนพื้นเพื่อนึกเนื้อเพลงต่อไปตามระเบียบ
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก...
“เฮ้ย ! หาไรแดกป่ะ ? หิวไส้จะปลิว...” ไอ้คนที่ไม่น่าหิวที่สุด (เพราะใช้สมองน้อยที่สุด) อย่างชเวจงฮุนเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์ที่ยังคงปรากฏแสงสีฟ้าเขียวของโปรแกรมแชทชื่อดังอยู่ ดวงตากลมเปี่ยมสเน่ห์มองกวาดไปยังใบหน้าของเพื่อนสองคนที่นั่งหน้าเครียดอยู่เป็นการขอคำตอบ
“เออ เอาดิ มาม่าแม่งงก... เดี๋ยวนี้ให้เส้นแค่ก้นถ้วย แม่งทำชามใหญ่ให้กูเล่นเกมส์งมเส้นหรือไงก็ไม่รู้ กากสัด !”
“เออ ไปก็ไป... กูก็หิว” ซีวอนดันตัวเองออกมาจากพื้นห้อง ขยำกระดาษรีไซเคิลที่เขาใช้ปากกาขีดไปเขียนมาแบบไร้จุดหมายแล้วเขวี้ยงใส่ถังขยะก่อนจะเดินนำไปยังบานประตูห้องเป็นคนแรก
“แล้วมึงไม่ต้องไปรับคยูฮยอน ?”
“เออหว่ะ ! เดี๋ยวโทรถามก่อน...” โชคดีที่คริสเตือนเสียก่อนไม่อย่างนั้นเขาคงได้ลืมไอ้เด็กฮยอนแล้วปล่อยแม่งไว้ที่โรงเรียนอีกแน่เลย เพราะวันนี้เอาแต่เครียดเรื่องเพลงตั้งแต่เช้าเลยไม่ได้นึกถึงมันเลยสักนิด...
“มึงเลิกเรียนยัง ?”
(เลิกแล้วครับ ทำไมเหรอครับ ?)
“กูจะไปกินข้าว นี่อยู่หอคริส จะกลับเลยหรือเปล่า ได้ไปกินข้าวด้วยกันเลย”
(อ่อ ผมต้องทำงานต่ออ่ะครับฮยอง... ฮยองไปกินเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมหาอะไรกินเองได้ครับ)
“เออ อย่าแดกมาม่านะ... หาข้าวกิน เค๊ ?”
(ครับผม... ถ้างานเสร็จเดี๋ยวผมโทรหาฮยองนะครับ)
“เออ ทำงานไป อย่าอู้”
(โอเคครับ ! ฮยองกินข้าวให้อร่อยนะ)
ซีวอนตัดสายโดยไม่พูดอะไรเพราะรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่เด็กนั่นไม่ยอมมากินข้าวด้วย งานเหี้ยงานห่าอะไรของมันวะ ทำแม่งทั้งวันทั้งคืน... เหอะ !
“มันต้องทำงาน ไปเหอะ... หิวสัด !!” ว่าแล้วเจ้าของยานพาหนะก็ผลักประตูออกไปโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าตัวเองเผลอแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนจนจงฮุนกับคริสต้องมองหน้าแล้วลอบขำกันสองคนให้กับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของไอ้เหี้ยยักษ์ที่ดูแล้วตลกดีเป็นบ้า
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“โทรติดป่าว ?”
“ไม่ติดอ่ะ... ปิดเสียงแหละ...”
“แล้วทำไงวะ ?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวขึ้นรถเมล์กลับก็ได้” คยูฮยอนบอกกับเพื่อนสนิทของตัวเองที่มีสีหน้าเป็นกังวลฉายชัดเจนจนเขารู้สึกเกรงอกเกรงใจขึ้นมาจนต้องรีบหาทางออกให้กับตัวเองโดยเร็ว
เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการเตรียมฉาก ทุกอย่างเลยถูกเร่งให้เสร็จเร็วขึ้นเพื่อให้นักแสดงได้ซ้อมคิวของฉากแรก ๆ กันก่อน คยูฮยอนที่อยู่ฝ่ายฉากก็เลยพลอยได้กลับบ้านเร็วด้วย ครั้นจะโทรบอกซีวอนว่างานเสร็จแล้ว รายนั้นก็กันไม่รับสายของเขาเสียนี่ ฮงกิกับเฮนรี่ก็ยืนรอลุ้นให้กำลังใจเหมือนเชียร์บอลอยู่ด้านข้างมานานแสนนานแล้ว
เห็นทีเขาคงต้อง Back to the Basic นั่งรถเมล์แล้วเดินเข้าคอนโดแล้วหล่ะ
“กลับได้แน่นะ...”
“อือ ได้หน่า”
“แน่ใจนะคยูฮยอน”
“ได้แหละไม่ต้องห่วงหรอก งั้นแยกกันเลยนะ เดี๋ยวดึกแล้วเปลี่ยวอ่ะ”
“อืม พรุ่งนี้ติวบ้านกูนะ อย่าสาย”
“คร้าบบบบบบบบ บายนะ” คยูฮยอนแยกเดินออกมาอีกทางและไม่ลืมที่จะหันกลับไปโบกมือให้กับเพื่อนทั้งสองที่เดินแยกไปอีกทางหนึ่งเหมือนอย่างเคย เขากระชับกระเป๋าของตัวเองเข้ากับแผ่นหลังในขณะที่เดินมาถึงป้ายรถเมล์ และก็ช่างเป็นโชคดีอย่างยิ่งที่พอมาถึงป้ายปุ้บ รถก็มาจอดเทียบทันที
“ฮ้า ~ วันนี้โชคดีจริง ๆ เลยน้า ~”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สภาพการจราจรติดขัดทำให้เขาถึงหน้าปากซอยช้าไปกว่าที่ควรจะเป็นอยู่หลายนาที แน่นอนว่าท้องฟ้าก็ไม่ได้สว่างคอยให้เขาเดินเข้าซอยอย่างใจหวังหรอก คยูฮยอนเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อก้าวห่างออกมาจากป้ายรถเมล์แล้วเห็นสภาพมืดของฟุตบาทที่มีเพียงแสงไฟสลัวสีส้มคอยส่องนำทาง... บรรยากาศแบบนี้ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเอาซะเลย
ถึงอย่างนั้นโจวคยูฮยอนก็จำใจต้องเดินเข้าซอยไปโดยลำพังอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตากลมกลอกมองไปรอบตัวสำรวจซ้ายขวาดูก่อนว่ามีอันตรายอะไรหรือไม่ก่อนจะลากขาไปตามทางฟุตบาทอย่างรวดเร็วเพื่อให้ถึงคอนโดโดยไวที่สุด
เพราะเอาแต่ก้มมองพื้นเลยไม่ทันสังเกตว่าเบื้องหน้ามีคนยืนอยู่ รู้สึกตัวอีกครั้งร่างผอมกะหร่องก็ชนอัดเข้ากับบุคคลปริศนาคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ะ ! ขอโทษครับ”
“อ่าว... น้องคยูเหรอ มาทำอะไรดึกดื่นเนี่ย”
“อ่า พี่ซึงฮยอน...” ชเวซึงฮยอน รุ่นพี่ผู้โด่งดังของโรงเรียนมัธยมคยองฮีที่มีดีกรีเป็นถึงหนุ่มฮ็อตของโรงเรียนเพราะความรู้ด้านภาษาอังกฤษอันโดดเด่นบวกกับมีพ่อเป็นถึงท่านทูต ทำให้ใครต่อใครต่างก็อยากจะคบหาสนิทชิดเชื้อกับพี่เขากันทั้งนั้น เว้นเสียแต่โจวคยูฮยอนนี่แหละที่ไม่ค่อยอยากจะสนทนาสมาคมอะไรกับพี่เขาเท่าไหร่นัก
ก็ฮงกิบอกว่าพี่ซึงฮยอนชอบเขาอยู่นี่นา... แล้วคนอย่างพี่ซึงฮยอนก็เป็นคนแบบที่ว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ด้วยสิ นั่นมันทำให้เขายิ่งลำบากใจมากเข้าไปใหญ่หล่ะ
“หืม ทำไมไม่กลับบ้านหล่ะ” รุ่นพี่ตัวใหญ่โปรยรอยยิ้มอ่อนมาให้เขาแล้ววางมือบนกลุ่มผมอย่างถือวิสาสะในขณะที่มืออีกข้างก็เลื่อนมาจับข้อแขนของเขาเอาไว้เพื่อกันไม่ให้หนีไปไหน... โอ้ย บ้าจริง ทำไมต้องมาเจอตอนนี้ด้วยนะ
“ก็กำลังจะกลับหน่ะครับ... แหะๆ”
“อ่า อยู่แถวนี้เหรอ ?”
“ครับ... อยู่คอนโดกับเพื่อนพี่ชายอ่ะครับ”
“คอนโด ?... อ่อ ตึกนั้นใช่ไหมครับ ? เดี๋ยวพี่เดินไปส่งดีไหม เราจะได้ไม่ต้องเดินคนเดียว” รุ่นพี่ผู้แสนดีส่งยิ้มอันเป็นมิตรมาให้พลางกระตุกแขนเพื่อรั้งร่างผอมเข้ามาหา คยูฮยอนที่ยืนก็ไม่ค่อยจะมั่นคงอยู่แล้ว พอมาเจอสถานการณ์ประหลับประเหลือกแบบนี้เลยถลาเซไปปะทะกับอกของซึงฮยอนโดยง่าย
“อ่ะ... ขอโทษนะครับ... แต่เดี๋ยวผมกละ...อื้ออออ !!” น้ำเสียงสั่นขาด ๆ หาย ๆ ของคยูฮยอนเป็นอันบอดสนิทเมื่อชเวซึงฮยอนก้มหน้าลงมาฉกจูบริมฝีปากของเขาไปโดยไม่ให้เวลาได้ตั้งตัว ลำพังแค่จะแซะตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของฝ่ามือใหญ่นั่นก็ลำบากแล้ว ยิ่งมาถูกตรึงด้วยจูบเอาไว้แบบนี้คยูฮยอนก็ยิ่งไปไม่เป็นหนักเข้าไปใหญ่
~ ปี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!
เสียงแตรรถลากยาวเรียกความสนใจของคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงริมฟุตบาทให้หันไปมองยังยวดยานสีดำกริบที่กำลังเคลื่อนเข้ามาเทียบในระยะใกล้ชิด คยูฮยอนถือโอกาสนั้นรีบดันตัวเองออกมาให้ห่างจากรุ่นพี่ตัวใหญ่แล้วหันกลับไปมองเบื้องหลังที่ทำให้เขาต้องหยีตาลงเพราะแสงไฟหน้ารถ แต่แล้วดวงตากลมก็มีอันต้องเบิกโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าขึงตึงของผู้ชายทั่งอยู่หลังพวงมาลัยซึ่งบอกบุญไม่รับ บอกบาปไม่ฟัง
ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกว่าพี่ซีวอนไม่พอใจมากที่เห็นเขาจมอยู่ในอกของพี่ซึงฮยอนแบบนี้
“เอ่อ... พี่ซึงฮยอน ปล่อยเถอะครับ”
“คยูฮยอน !!” ร่างผอมขนลุกวาบไปทั้งตัวเมื่อเจ้าของยานพาหนะคันนั้นส่งเสียงดังที่คุ้นเคยมาจากเบื้องหลังพร้อมกับผลักประตูรถออกมายืนเทียบอยู่ข้างกาย ชเวซีวอนเอื้อมฝ่ามือใหญ่ของตัวเองมาวางบนบ่าของเขาแล้วออกแรงกระชากเพื่อรั้งเขาออกจากอ้อมแขนของรุ่นพี่ซึงฮยอนที่ยืนหน้าเหวออยู่ในชุดกีฬา
ซวยแน่คยูฮยอน... ซวยแน่ !
“ขึ้นรถ !!”
“เอ่อ... พี่ซึงฮยอนผมขอตะ...”
“กูบอกให้ขึ้นรถ หูดับหรือไงไอ้เหี้ย !” คนที่กำลังอารมณ์แกว่งยิ่งกว่าลูกตุ้มเพนดูลัมดันแผ่นหลังบางของเด็กในปกครองชั่วคราวให้ไปที่ประตูรถทันที นึกโมโหไอ้เด็กฮยอนที่มายืนจูบยืนซบกับรุ่นพี่อยู่ที่ริมฟุตบาท นี่ขนาดบอกให้แม่งขึ้นรถยังมีหน้าหันไปพูดเสียงอ่อนกับไอ้เด็กเวรนั่นอีก แม่ง ! น่าโมโหที่สุด
“ค ครับ.. ขึ้นแล้วครับ...” คยูฮยอนรีบเปิดประตูรถแล้วดันตัวเองเข้าไปในห้องโดยสาร ปล่อยให้พี่ซึงฮยอนผู้หวังดีอ้าปากค้างอยู่ริมฟุตบาทด้วยท่าทางรับไม่ได้กับคำหยาบคายโคตรพ่อโคตรแม่ของชเวซีวอนที่เดินหน้าเหี้ยมกลับมาที่ประตูรถ (แหงหล่ะ พี่ซึงฮยอนเป็นถึงลูกทูต อยู่ท่ามกลางภาษาดอกไม้ คงไม่ชินกับคนห่าม ๆ แบบพี่ซีวอนหน่ะ...)
“ถ้ามึงทำรุ่มร่ามกับคยูฮยอนอีกกูจะเสยให้หน้าหงายไปจูบแผ่นดิน !” ชี้นิ้วใส่เด็กมัธยมที่ยืนเหวอด้วยความงุนงงก่อนจะดันตัวเองเข้ามาหลังพวงมาลัย เขาใช้หางตาคมเฉียบเหลือบมองไอ้เด็กฮยอนที่นั่งปากสั่น กลอกตาไปมาด้วยความกลัวแล้วเหยียบคันเร่งตรงเข้าคอนโดไปทันทีโดยไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากแม้สักพยางค์เดียว
ซีวอนวนรถขึ้นมาจอดในลานกว้าง กระแทกฝ่ามือทันทีหลังจากหมุนกุญแจดับเครื่องยนต์เรียบร้อย ความโกรธขึงยังคงไม่จางหายไป ยิ่งพอหันไปเจอหน้าไอ้ฮยอนภาพตอนที่ไอ้เด็กคิ้วชินจังนั่นโอบคยูฮยอนไว้กับอกแล้วบดจูบแม่งตีขึ้นมาในหัวจนทำให้เขารู้สึกโกรธหนักยิ่งกว่าเดิม
“โดนกูปี้ไปสองรอบยังมีหน้าไปยืนจูบกับผู้ชายริมฟุตบาทอีกนะมึงหน่ะ !”
“ผะ..ผม...ผม”
“สองรอบมันยังไม่พอใช่ไหม !!” ตวาดเสียงดังลั่นจนเด็กมัธยมที่กำลังขวัญเสียต้องเม้มปากของตัวเองแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้เผลอปล่อยเสียงสะอื้นออกมา กระนั้นดวงตากลมโตของคยูฮยอนก็หลุดเม็ดน้ำตาลงมาคลออยู่ตามเบ้าตาชัดเจนเสียแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ซีวอนรู้สึกสงสารอะไรเลยแม้แต่น้อย
“มะ...”
“เหอะ... แล้วยังมีหน้าอาลัยอาวรณ์กับมันอีกนะ !” กำปั้นฝ่ามือทุบลงที่หลังพวงมาลัยอีกครั้งจนคยูฮยอนต้องหลับตาแล้วหดคอหนี ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่เสียงบานประตูรถฝั่งซีวอนปิดลง ร่างบางจึงรีบผลักประตูฝั่งตัวเองเพื่อลงจากรถไม่ให้อีกคนโมโหไปมากกว่านี้เพราะเขาทำอะไรเชื่องช้า แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาลงไปแตะกับพื้นลานจอด ข้อแขนเล็กของเขาก็ถูกคว้าแล้วกระชากให้ลงมาจากรถด้วยแรงของเจ้าของมันเสียแล้ว
ซีวอนไม่พูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงที่บอกได้ว่าเจ้าของสันจมูกโด่งนั้นคงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดจาอะไร ร่างสูงยกฝ่าเท้าขึ้นเตะประตูรถเข้าไปจนเป็นเสียงดังสนั่นไปทั่วลานกว้างก่อนจะกดล็อคผ่านรีโหมท
“พะ...พี่ซีวอน...ใจเย็น...ก่อนนะครับ” คยูฮยอนรวบรวมความกล้าแล้วใช้น้ำเสียงเบาหวิวของตัวเองส่งออกไปหยุดอารมณ์ร้ายกาจของคนที่ลากพาเขาเข้ามาในตัวอาคารแล้วกระแทกฝ่าเท้าตึงตังโดยไม่นึกเกรงใจผู้อยู่อาศัยคนอื่น
“เย็นห่าเย็นเหวอะไร !” เสียงสบถดังลั่นอย่างไม่นึกเกรงใจนั่นทำให้ความกล้าของเขาหดลงไปเหลือเท่าไม้จิ้มฟันทันที ดวงตาเขียวปัดของซีวอนกดต่ำลงมาและมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนดูถูกเหยียบหยามไม่มีผิด
ถูกลากมาจนถึงหน้าห้องที่คุ้นตา ซีวอนก็หยุดฝ่าเท้าแล้วล้วงหยิบคีย์การ์ดขึ้นมา ตอนแรกคยูฮยอนคิดว่าเขาควรสะบัดแขนออกมาจากการจับกุมนั่นแต่เพราะกลัวว่าอีกคนจะโมโหเลยยอมยืนนิ่งอยู่เฉย ไม่ดิ้นไปไหนเผื่อว่าอีกคนจะอารมณ์เย็นลง
“จูบกับไอ้เหวนั่นมึงมียางอายบ้างไหม ! กูว่าชีวิตกูเหลวแหลกแล้ว แต่กูก็ยังไม่เคยทำเหี้ยอะไรแบบนั้นในที่สาธารณะ !!” ร่างผอมที่เขาคว้าติดมือมาถูกเหวี่ยงลงไปบนโซฟาที่กลางห้อง เป้นักเรียนของคยูฮยอนกระเด็นหลุดไปใต้โต๊ะพอดี ร่างบางก็เลยถดตัวหนีไปตามซาได้อย่างสะดวกมากขึ้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพ้นเงื้อมมือของชเวซีวอนไปได้
“พี่ซีวอน... ผมไม่ได้จะทำแบบนั้นนะครับ...ผมแค่...”
“หึ... ทีกับกูคืนนั้นมึงดิ้นจะเป็นจะตาย...”
“...พะ...พี่...ซีวอน...อย่านะครับ” คยูฮยอนขยับตัวหนีไปจนถึงหัวโซฟาเมื่อร่างสูงของอีกคนถอดเสื้อยืดแล้วเขวี้ยงไปตรงมุมห้องด้วยท่าทางอันไม่น่าไว้วางใจเลยแม้แต่น้อย เขากลอกดวงตากลมมองใบหน้าถมึงทึงของคนที่กำลังขยับตัวเข้ามาใกล้ด้วยความกลัวถึงขีดสุด
“มาดูสิ... คืนนี้มึงจะร้องดังแค่ไหน !!”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
กูว่าคยูฮยอนแม่งถวายตัวให้พี่ซีวอนแล้วเถอะ... โถ่ ไอ้เด็กฮยอน ไม่น่าเลยเนอะมึงเนอะ....
ความคิดเห็น