คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Hope
มันจะต้องมีโลกใบใดใบหนึ่ง...
โลกที่เพลโตไม่สามารถอ้างทฤษฎีแบบ
โลกที่แคบเกินกว่าโคลัมบัสจะเดินทาง
โลกที่ทฤษฎีของไอเซกนิวตันใช้ไม่ได้
โลกที่ไอน์สไตน์ไม่อาจคำนวนตามสูตร
โลกที่เดวิดเป็นเพียงปูนปั้นธรรมดา
โลกที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเทพเจ้า
ซึ่งโลกใบหนึ่งใบนั้น...
คงเป็นโลกที่เส้นขนานสามารถบรรจบกันได้
- - -
มนุษย์อยู่ได้ด้วยความหวัง
จงอินเรียนรู้ความจริงข้อนั้นจากแม่ในวันที่พ่อเก็บเสื้อผ้าออกนอกบ้านไป แม่ของเขายิ้มจนตาหยี กอดเด็กชายตัวน้อยเอาไว้แนบแน่นและกระซิบบอกที่ข้างหูว่า เดี๋ยวเย็นนี้พ่อก็จะกลับมากินข้าวเย็นกับเรา
มันเป็นคำโกหกที่แม้แต่เด็กชายผู้ไม่ประสาก็รับรู้ได้ กระนั้นหนุ่มน้อยก็พยักหน้าและหวังให้คำพูดของแม่เป็นจริง จงอินหวังเสมอว่าเย็นวันหนึ่งจะได้เห็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงตอนนั้นเขาจะอวดคะแนนอันดับของวิชาศิลปะให้พ่อดู จงอินหวังว่าพ่อจะยิ้มกว้าง จูบบนผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตของเขาและเอ่ยคำชมว่าลูกชายตัวน้อยเก่งมาก
แต่ความหวังของเขาก็ถูกปิดตายเมื่อแม่พาเขาไปพบพ่อ
พ่อที่เหลือเพียงชื่อสลักบนแผ่นหิน
คะแนนอันดับหนึ่งวิชาศิลปะของเขาก็เลยย่อยเป็นดินอยู่ในมือของพ่อโดยไม่มีคำเอ่ยชื่นชมใด
เขาไม่ได้ไปที่สุสานบ่อยนัก ครั้งล่าสุดก็เมื่อสองปีก่อนด้วยคำเชิญของแม่ว่าไปหาพ่อกัน จงอินไม่ได้บอกแม่เรื่องคะแนนสอบศิลปะหรือความหวัง เขาเพียงแต่ยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นชื่อของพ่อ กระซิบเบากับสายลมว่า คิมจงอินสอบวิชาศิลปะได้คะแนนอันดับหนึ่ง จากนั้นลมก็จะพัดลู่มาจากเบื้องหลังซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหมือนพ่อกำลังจูบที่กลางกระหม่อม... ถึงตอนนั้นจงอินก็จะบอกกับตัวเองว่า เก่งมากคิมจงอิน
ซึ่งมันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าที่นี่จะให้ความรู้สึกแบบไหน
สุสานที่ไม่ได้มีชื่อของพ่อแต่มีความหวังของเขา
เจ้าของร่างสูงใช้เวลาไม่นานสำหรับการเดินเลาะในแถวหลังสุด ถึงไม่มีใครบอกเขาก็พอจะรู้ได้ว่าป้ายไหนคือจุดหมายที่เขากำลังตามหา เพราะมีไม่กี่จุดหรอกที่ใหญ่จนเป็นที่สังเกตสังกาได้
เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งดังพอๆกับเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเขา กลิ่นดินแห้งผสานกับกลิ่นเค็มทะเลได้ไม่ดีนัก แต่มันก็เป็นเหมือนกับอารมณ์ของผู้มาเยือนทุกคน ไม่มีใครสามารถผสานกับความเศร้าและความสุขได้ทั้งหมดในพื้นที่แห่งนี้
ดอกไม้ในมือวางลงบนแท่นหินอ่อนสีเทาหลังกายสูงค้อมตัวลงจนศีรษะแทบจรดยอดหญ้า จงอินค่อยๆย่อตัวลงอย่างเชื่องช้า ล้วงเอาไฟแชคในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดเทียนในมือของตัวเองแล้วปักลงทั้งๆที่รู้ว่าลมทะเลจะพัดให้มันดับวูบลงในเวลาเพียงชั่วอึดใจ
ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ มันชี้บอกเวลาบ่ายสองโมง
ลมทะเลซัดมากจากเบื้องหลัง แสงแดดแรงกล้าเมื่อตอนเที่ยงเริ่มอ่อนล้า...
“เซฮุน... มาที่นี่บ้างไหมครับ" เสียงทุ้มพร่าเอ่ยถามขึ้นมาขณะจับดอกไม้ในช่อใส่แจกัน "ผมคิดว่า เขาคงอยากมาหาคุณ"
“เหมือนกับที่ผมอยากไปหาเขา...โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน" ลมหายใจของเขาสะดุดไปเช่นกันกับความคิดที่ดำเนินอยู่ในหัว
“แต่ว่า...ผมก็ยังรอเขาอยู่นะครับ"
“ผมยังหวังอยู่... ว่าเราจะได้เจอกันอีก" สมุดวาดภาพเล่มหนาที่ถูกใช้จนครบทุกหน้ากระดาษถูกวางลงข้างช่อดอกไม้สีขาวของเขา ก่อนที่ร่างสูงจะยันกายยืดตรง ฝ่ามือกร้านลูบไรหนวดจากปลายคางขณะสอยเท้าถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างเพื่อโค้งอำลา
ก่อนจะค่อยๆเดินจากไปอย่างเชื่องช้า
แล้วฝากความหวังไว้กับสายลมฤดูร้อน...
กล้องฟิล์มสีเทาลดลงจนแสงแดดอ่อนล้ายามบ่ายสองสามารถแยงผ่านเข้ามากระทบกับม่านตาของเขาได้โดยตรง... ลมกรรโชกเป็นจังหวะเดียวกับคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งในที่ซึ่งกลิ่นดินแห้งไม่อาจผสานเข้ากับกลิ่นเค็มคาวของน้ำทะเล ภาพของใครคนนั้นได้ถูกบันทึกลงบนม้วนฟิล์มก่อนที่เขาจะเดินจากไป
ชายหนุ่มร่างโปร่งปาดดวงตากับหลังมือของตนเอง ปาดรอยยิ้มกับท่อนแขน
แม้ว่าเสียงกรอฟิล์มไม่อาจดังสู้ลมได้... แต่โอเซฮุนก็ได้ยินความหวังของคิมจงอิน
และเขาก็ได้แต่กระซิบกลับไป...
ว่าเขาก็หวังเช่นเดียวกัน
- - -
END
- - -
ขอบคุณที่ติดตามฟิคเรื่องนี้มาโดยตลอดนะ
เราคิดว่าคงไม่มีสเปหรืออะไรต่อจากนี้อีก
ทุกคนอาจจะคิดว่าค้าง แต่สำหรับเราคือมันต้องจบตรงนี้จริงๆ
ส่วนตัวเราคิดว่าฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่ใช้อารมณ์แต่งล้วนๆ
ทำให้ บางส่วน บางตอน บางคน ยากมากที่จะเข้าใจ
แต่ก็ยังมีคนที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนสุดท้ายไม่ไปไหน
ขอบคุณที่งงไปพร้อมๆกัน 55555555
และขอโทษสำหรับการดองในระยะสั้นๆ
อ้อ.. ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะ ._.
Under the monument is empty.
http://my.dek-d.com/perfect_dragon/writer/view.php?id=1231703
ความคิดเห็น