ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (kaihun) High Hopes

    ลำดับตอนที่ #10 : Hope

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 58



    มันจะต้องมีโลกใบใดใบหนึ่ง...

     

    โลกที่เพลโตไม่สามารถอ้างทฤษฎีแบบ

    โลกที่แคบเกินกว่าโคลัมบัสจะเดินทาง

    โลกที่ทฤษฎีของไอเซกนิวตันใช้ไม่ได้

    โลกที่ไอน์สไตน์ไม่อาจคำนวนตามสูตร

    โลกที่เดวิดเป็นเพียงปูนปั้นธรรมดา

    โลกที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเทพเจ้า

     

    ซึ่งโลกใบหนึ่งใบนั้น...

     

    คงเป็นโลกที่เส้นขนานสามารถบรรจบกันได้



    - - -

     

    มนุษย์อยู่ได้ด้วยความหวัง

     

    จงอินเรียนรู้ความจริงข้อนั้นจากแม่ในวันที่พ่อเก็บเสื้อผ้าออกนอกบ้านไป แม่ของเขายิ้มจนตาหยี กอดเด็กชายตัวน้อยเอาไว้แนบแน่นและกระซิบบอกที่ข้างหูว่า เดี๋ยวเย็นนี้พ่อก็จะกลับมากินข้าวเย็นกับเรา

     

    มันเป็นคำโกหกที่แม้แต่เด็กชายผู้ไม่ประสาก็รับรู้ได้ กระนั้นหนุ่มน้อยก็พยักหน้าและหวังให้คำพูดของแม่เป็นจริง จงอินหวังเสมอว่าเย็นวันหนึ่งจะได้เห็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงตอนนั้นเขาจะอวดคะแนนอันดับของวิชาศิลปะให้พ่อดู จงอินหวังว่าพ่อจะยิ้มกว้าง จูบบนผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตของเขาและเอ่ยคำชมว่าลูกชายตัวน้อยเก่งมาก

     

    แต่ความหวังของเขาก็ถูกปิดตายเมื่อแม่พาเขาไปพบพ่อ

     

    พ่อที่เหลือเพียงชื่อสลักบนแผ่นหิน

     

    คะแนนอันดับหนึ่งวิชาศิลปะของเขาก็เลยย่อยเป็นดินอยู่ในมือของพ่อโดยไม่มีคำเอ่ยชื่นชมใด

     

    เขาไม่ได้ไปที่สุสานบ่อยนัก ครั้งล่าสุดก็เมื่อสองปีก่อนด้วยคำเชิญของแม่ว่าไปหาพ่อกัน จงอินไม่ได้บอกแม่เรื่องคะแนนสอบศิลปะหรือความหวัง เขาเพียงแต่ยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นชื่อของพ่อ กระซิบเบากับสายลมว่า คิมจงอินสอบวิชาศิลปะได้คะแนนอันดับหนึ่ง จากนั้นลมก็จะพัดลู่มาจากเบื้องหลังซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหมือนพ่อกำลังจูบที่กลางกระหม่อม... ถึงตอนนั้นจงอินก็จะบอกกับตัวเองว่า เก่งมากคิมจงอิน

     

    ซึ่งมันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าที่นี่จะให้ความรู้สึกแบบไหน

     

    สุสานที่ไม่ได้มีชื่อของพ่อแต่มีความหวังของเขา

     

    เจ้าของร่างสูงใช้เวลาไม่นานสำหรับการเดินเลาะในแถวหลังสุด ถึงไม่มีใครบอกเขาก็พอจะรู้ได้ว่าป้ายไหนคือจุดหมายที่เขากำลังตามหา เพราะมีไม่กี่จุดหรอกที่ใหญ่จนเป็นที่สังเกตสังกาได้

     

    เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งดังพอๆกับเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเขา กลิ่นดินแห้งผสานกับกลิ่นเค็มทะเลได้ไม่ดีนัก แต่มันก็เป็นเหมือนกับอารมณ์ของผู้มาเยือนทุกคน ไม่มีใครสามารถผสานกับความเศร้าและความสุขได้ทั้งหมดในพื้นที่แห่งนี้

     

    ดอกไม้ในมือวางลงบนแท่นหินอ่อนสีเทาหลังกายสูงค้อมตัวลงจนศีรษะแทบจรดยอดหญ้า จงอินค่อยๆย่อตัวลงอย่างเชื่องช้า ล้วงเอาไฟแชคในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดเทียนในมือของตัวเองแล้วปักลงทั้งๆที่รู้ว่าลมทะเลจะพัดให้มันดับวูบลงในเวลาเพียงชั่วอึดใจ

     

    ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ มันชี้บอกเวลาบ่ายสองโมง

     

    ลมทะเลซัดมากจากเบื้องหลัง แสงแดดแรงกล้าเมื่อตอนเที่ยงเริ่มอ่อนล้า...

     

    เซฮุน... มาที่นี่บ้างไหมครับ" เสียงทุ้มพร่าเอ่ยถามขึ้นมาขณะจับดอกไม้ในช่อใส่แจกัน "ผมคิดว่า เขาคงอยากมาหาคุณ"

     

    เหมือนกับที่ผมอยากไปหาเขา...โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน" ลมหายใจของเขาสะดุดไปเช่นกันกับความคิดที่ดำเนินอยู่ในหัว

     

    แต่ว่า...ผมก็ยังรอเขาอยู่นะครับ"

     

    ผมยังหวังอยู่... ว่าเราจะได้เจอกันอีก" สมุดวาดภาพเล่มหนาที่ถูกใช้จนครบทุกหน้ากระดาษถูกวางลงข้างช่อดอกไม้สีขาวของเขา ก่อนที่ร่างสูงจะยันกายยืดตรง ฝ่ามือกร้านลูบไรหนวดจากปลายคางขณะสอยเท้าถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างเพื่อโค้งอำลา

     

    ก่อนจะค่อยๆเดินจากไปอย่างเชื่องช้า

     

    แล้วฝากความหวังไว้กับสายลมฤดูร้อน...








     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กล้องฟิล์มสีเทาลดลงจนแสงแดดอ่อนล้ายามบ่ายสองสามารถแยงผ่านเข้ามากระทบกับม่านตาของเขาได้โดยตรง... ลมกรรโชกเป็นจังหวะเดียวกับคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งในที่ซึ่งกลิ่นดินแห้งไม่อาจผสานเข้ากับกลิ่นเค็มคาวของน้ำทะเล ภาพของใครคนนั้นได้ถูกบันทึกลงบนม้วนฟิล์มก่อนที่เขาจะเดินจากไป

     

    ชายหนุ่มร่างโปร่งปาดดวงตากับหลังมือของตนเอง ปาดรอยยิ้มกับท่อนแขน

     

    แม้ว่าเสียงกรอฟิล์มไม่อาจดังสู้ลมได้... แต่โอเซฮุนก็ได้ยินความหวังของคิมจงอิน

     

    และเขาก็ได้แต่กระซิบกลับไป...

     

    ว่าเขาก็หวังเช่นเดียวกัน

     

     

    - - -

     

    END 


    - - -

    ขอบคุณที่ติดตามฟิคเรื่องนี้มาโดยตลอดนะ
    เราคิดว่าคงไม่มีสเปหรืออะไรต่อจากนี้อีก
    ทุกคนอาจจะคิดว่าค้าง แต่สำหรับเราคือมันต้องจบตรงนี้จริงๆ

    ส่วนตัวเราคิดว่าฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่ใช้อารมณ์แต่งล้วนๆ
    ทำให้ บางส่วน บางตอน บางคน ยากมากที่จะเข้าใจ
    แต่ก็ยังมีคนที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนสุดท้ายไม่ไปไหน
    ขอบคุณที่งงไปพร้อมๆกัน 55555555
    และขอโทษสำหรับการดองในระยะสั้นๆ

    อ้อ.. ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะ ._.
    Under the monument is empty. 

    http://my.dek-d.com/perfect_dragon/writer/view.php?id=1231703
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×