คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : .winter's killer {prologue}
ขอขอบคุณ ‘ฝนตกขึ้นฟ้า’ และ ‘หัวกลวงในหลุมดำ’ วินทร์ เรียววาริณ
ขอทานที่สะพานลอย และ ชายชุดดำที่เดินสวนกันเมื่อหลายวันก่อน
For Ideologies which are still flammable.
กลิ่นไหม้ยังคงคลุ้งไปทั่ว...
กลิ่นความชั่วก็ยังคงตีตราตลอดกาล
ผมลดปลายกระบอกปืนลงมาไว้ที่ข้างตัวก่อนจะดึงผ้ายืดสีดำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอเสื้อลงมาจากริมฝีปากของตัวเอง เผยโครงหน้าอีกครึ่งให้คู่กรณีได้มองก่อนที่จะหมดลมหายใจ อากาศเย็นยะเยือก... ผมรู้ดีว่าอาจไม่เย็นเท่ากับความตายซึ่งร่างตรงหน้ากำลังจะได้สัมผัส
“แก...” เสียงของเขาขาดห้วง ชายสูงวัยตวัดดวงตาขึ้นมองใบหน้าของผม... แววตาเคียดแค้น... ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเมื่อเห็นมือของเขาซึ่งเมื่อครู่ทิ้งอยู่ข้างกายยกขึ้นหมายจะบีบเข้าที่คอผม อาจมิได้เจียมตัวเลยว่ามัจจุราชยืนรออยู่เบื้องหน้า... ดวงตาเรียวนั้นหรี่มองผมอย่างทรมาน...
“ขอโทษครับ...” กระบอกปืนที่ลดอยู่ข้างตัวถูกยกขึ้นอีกครั้ง เขาคงได้สดับเสียงนั้นเสียเต็มใบหู หากแต่ไม่ได้มีโอกาสกลับไปบอกลูกหลานอีกแล้วว่าเสียงดังนั่นมันเยือกเย็นเพียงใด... เพราะปลายจมูกโด่งนั้นสิ้นแล้วซึ่งลมหายใจทั้งปวง
ผมทิ้งร่างของเขาไว้ที่พื้นคฤหาสน์ มือของผมดึงเนื้อผ้ายืดของเสื้อแขนยาวที่อยู่ภายใต้แจ็คเกตหนังตัวยาวแบบที่เชอล็อก โฮล์มชอบสวมขึ้นมาบดบังใบหน้าของตนเองอีกครั้ง เสี้ยวหน้าของผมสะท้อนเข้ากับแสงไฟอ่อน ๆ ที่สาดเข้ามาจากด้านนอก เพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้นที่สัมผัสกับความสว่าง
ส่วนที่เหลือมืดมน...
“อย่า... อย่าทำอะไรเด็ก !” ครั้นเมื่อผมหันเสี้ยวใบหน้าเพื่อหลบแสงสว่างนั่น เสียงของหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นคู่ชีวิตของเป้าหมายก็ดังขึ้นจากข้างซอกตู้... เป็นเพราะความมืด พวกเขาจึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มของผม
ขายาวของผมสาวเข้าไปหาหล่อน ในมือของหญิงสาวที่เริ่มมีอายุกอดขาเก้าอี้ไม้ไว้แน่น หล่อนทำทีทำท่าจะฟาดมันลงบนร่างของผมแต่เมื่อมันง้างขึ้น ผมก็สามารถปัดมันทิ้งลงไปกับพื้นได้อย่างง่ายดาย จะให้เชื่อว่าผู้หญิงเป็นเพศที่แข็งแกร่ง... เธอคงพิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วด้วยการใช้ร่างทั้งร่างกำบังลูกชายของเธอเอาไว้ด้านหลัง แม้ว่าบนใบหน้าของเธอ จะมีน้ำตาไหลพรากลงมาไม่ขาดสายก็ตาม
“...” ผมยกยิ้ม... อีกครั้งที่ความมืดยังคงเป็นผู้แทนของผม ฝ่ามือของผมเอื้อมไปลูบบนกลุ่มผมของเด็กหนุ่มซึ่งถูกแม่ของเขาบังเอาไว้ หล่อนคงลืมไปแล้วว่าลูกชายตัวโตที่ยืนอยู่เบื้องหลังอายุอานามย่างเข้าไป 17 แล้ว และการยืนกำบังร่างโปร่งนั้นด้วยความสูงที่น้อยกว่า ก็ไม่ได้ช่วยให้ ‘เด็ก’ ของหล่อน หลุดพ้นสายตาของเขาไปได้...
“ขอร้อง....ฮือออ... อย่าทำอะไรคยูฮยอน !....” เธอก้มลงคุกเข่าตรงหน้าผม ราวกับผมเป็นพระเจ้าผู้เสด็จมาประธานพร... หากแต่มีพระเจ้าองค์ใดจับปืน ?
“แม่....” เสียงทุ้มของเด็กชายเอ่ยเรียกคนที่ทรุดตัวลงไป ก่อนที่ร่างโปร่งของเขาจะทรุดตามลงไปด้วย ดวงตากลมที่คล้ายคลึงกันเงยขึ้นจ้องมองใบหน้าของผมไม่วาง ในขณะที่แขนเรียวขาวที่โผล่พ้นมาจากชุดนอนสีเทาก็กอดรัดร่างของมารดาเอาไว้แนบแน่น
“...”
“... ค คุณ... คุณต้องการอะไร...” เหมือนว่าหนุ่มน้อยพยายามจะสร้างข้อตกลงกับเขาซึ่งยืนอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าเด็กคนนั้นไม่ได้เห็นใบหน้าครึ่งเดียวของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความมืดแน่นอน น่าเสียดายที่เด็กน้อย... ไม่ได้สบนัยน์ตาของเขา...
ผมเลือกปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเด็กน้อยด้วยการผละมือออกมาก่อนจะเดินจากไปอย่างระแวดระวัง... คนเบื้องหลังทั้งสองมีสิทธิ์คว้าเศษไม้ที่วางอยู่บนพื้นนั้นขึ้นมาฟาดหลังของผมได้ทุกเมื่อ แม้ผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาอาจไม่เหลือแรงไว้ทำเรื่องพรรค์นั้นอีกแล้วก็ตาม
แต่โลกนี้ ไว้ใจใครได้...
เพราะแม้แต่ตัวผม ก็ไม่สามารถ วางใจ ตนเอง
เรามีสิทธิ์ตั้งคำถาม
แต่สิทธิ์ที่จะรับคำตอบ... มิได้อยู่ในการถือครอง
จุดไฟเข้าที่ใบไม้แห้งอัดแท่ง... บุหรี่อาจไม่ได้ให้ความสำเริงสำราญเยี่ยงเหล้ายาปลาปิ้ง แต่กลิ่นนิโคลตินนั้นจะติดตรึงอยู่ภายในร่างกายสักพัก... หยอกล้อหรือล่อลวงให้ปลายนิ้วชี้และกลางคีบมันขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากอีกครั้ง
ดวงตาคมจ้องมองไปยังร่างของผู้ที่หยัดตัวยืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตากลมนั่น เขาเคยคุ้นกับมันแม้ไม่ได้ดีมากเหมือนคนที่รู้จักกันมานาน แต่กระนั้นก็ติดตรึงตรา เป็นรูปภาพที่ถูกพกไว้ในสมองอยู่ตลอดเวลา
“ใครเป็นคนส่งนายมา...” เสียงทุ้มเอ่ยคำถามเดิมอย่างใจเย็น ดูเหมือนร่างตรงหน้ามิได้แยแสกับควันบุหรี่ที่คลุ้งคละอยู่ภายในห้องเลยเสียด้วยซ้ำ... ถ้าบอกว่าถูกจบตัวมา อากัปกิริยานี้คงไม่ใช่เครื่องมือการันตีที่ดีแน่ ๆ
“...” ควันบุหรี่พ่นออกมาจากริมฝีปากหยักซึ่งส่งยิ้มกลับไปให้ รองเท้าหนังขยับเคาะกับพื้นไม้ด้านล่างซึ่งถูกปูเอาไว้อย่างดี ความเงียบเป็นคำตอบที่หลากหลายที่สุดในโลก เพราะมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปริปากพูด หรืออาจจะเงียบตลอดกาล
“ชเว ซีวอน...”
“ถ้านายเรียกชื่อนั้นนายจะตาย... เด็กน้อย” ไม่ใช่เรื่องจริงที่เขาเกลียดแววตารั้นอันกระดากแข็งคู่นั้น แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถยอมรับมันได้เสียเมื่อไหร่... นัยน์ตากลมนั้นจ้องมองที่ใบหน้าของเขา โจว คยูฮยอนอาจกำลังมีคำถาม เขาคิดแบบนั้น... แต่มันเป็นคำถามที่คงไม่มีวันได้คำตอบ
“... ใครส่งคุณมาฆ่าพ่อ...”
‘จะอยู่ไม่ได้เลยใช่ไหมถ้าหากไม่ได้แก้แค้น ?’
มันเป็นเพียงแค่อุดมการณ์เท่านั้น
“ป๊า...” ผมส่งเสียงเรียกชื่อเจ้าของห้อง เจ้าของพื้นหินอ่อน เจ้าของบางประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่น เจ้าของชั้นวางหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยตำราแพทย์แผนจีน เจ้าของโต๊ะทำงานไม้ตัวสูง... เจ้าของร่างที่ไร้ลมหายใจซึ่งยังคงนั่งแน่นิ่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่...
“ป... ป๊า...” ผมวางมือลงบนไหล่ของเขา ผู้ทีผมให้เกียรติเป็นบิดา แต่เพียงแค่สัมผัสเบาบางที่ไหล่ เขาก็ฟุบลงไปกับโต๊ะทำงาน... ร่างไร้วิญญาณไม่อาจควบคุมกายได้ นั่นคือความจริงที่มนุษย์รู้ดี
แต่ก็ไม่เคยยอมรับได้
เสียงกรีดร้องของผมคงไม่ดังเท่ากับเสียงเพลงที่ถูกเปิดคลอเอาไว้ตั้งแต่ผมก้าวเข้ามา หากแต่ความรวดร้าวมันคณานับมิได้... ผมตระกองกอดร่างของผู้เป็นพ่อเอาไว้ น้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาคมราววิหคตัวใหญ่ มือของผมกดวนไปวนมาตามหมายเลขที่ผมสามารถจดจำได้... เบอร์โทรศัพท์ตำรวจ
“พ... พ่อผม... พ่อผมถูกฆาตรกรรม...” ผมกรอกเสียงลงไปและบอกรายละเอียดต่ออย่างไม่ได้สติ เสียงจากปลายสายถามไถ่ด้วยความตื่นตระหนกที่ซ่อนเอาไว้อยู่ภายในน้ำเสียงแข็งทื่อนั้น... กระทั่งเมื่อสายถูกตัดไป ผมทำได้เพียงแค่รอคอย
กระทั่งวันนี้ผมยังคงสงสัย
วันนั้นผมรออะไร ?
แสงสลัวนั้นปลุกให้ผมตื่นขึ้นจากความฝัน... กลางวันหรือกลางคืนผมไม่รู้... ชามข้าววางอยู่ที่ปลายเท้าเหมือนกับที่มันเคยเป็น... นี่มันผ่านมากี่วันแล้วนะ หลังจากถูกดักจับตัวอย่างโง่เง่า... แม้มีทางรอดแต่เขาก็เลือกที่จะตามน้ำมาเพียงเพราะชื่อเดียวที่ชายในชุดสูทเอ่ยขึ้นระหว่างทาง
โจว คยูฮยอน
ผมใช้ช้อนแสตนเลสที่ติดมากับชามนั้นตักข้าวเข้าปาก... ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันคือมื้อเย็นหรือมื้อเช้า แต่นั่นไม่สำคัญเท่าคุณประโยชน์ของอาหารที่จะต่อชีวิตและลมหายใจของผมให้ดำรงอยู่ต่อไปเพื่อให้คู่ปรปักษ์ซักถามในสิ่งที่พวกเขาไม่มีวันได้คำตอบ
การมาที่นี่อาจเป็นประโยชน์ต่อผมมากกว่าการนั่งกระดิกเท้าอยู่ในห้องนอนที่อพาร์ทเมนต์เก่า ใช้เวลากับภาพยนตร์ในแผ่นซีดี ประดิษฐ์งานศิลปะอย่างการวาดภาพสีน้ำมัน หรือการดูแลต้นไม้เลี้ยงง่ายที่มีชื่อว่าแคคตัส... จะคิดรวบยอมเสียว่าเป็นการถูกพามากินข้าวนอกสถานที่แล้วกัน...
ยังไม่ทันอิ่มดี เด็กที่ชื่อว่า โจว คยูฮยอนผลักบานประตูออกมา ร่างของเขายืนตรงอยู่ตรงหน้าของผมเหมือนอย่างที่ทำทุกวันตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมเลิกคิ้วหนาเข้มของตนเองขึ้น แหงนหน้ามองเขาอย่างเชื่องช้าราวกับต้องการเก็บรายละเอียดเครื่องแต่งกายที่เขาสวมมาในวันนี้... เกล็ดหิมะบนปกเสื้อทำให้ผมรู้ว่าหิมะตกลงมาแล้ว
“ชเว ซีวอน... ใครเป็นคนส่งนายมาฆ่าพ่อฉัน” เหมือนว่าทั้งชีวิตของหนุ่มที่โตขึ้นมาจะรายล้อมไปด้วยคำถามนี้... คยูฮยอนสละเวลาน้อยนิด อาจประมาณหนึ่งชั่วโมงหรือสามสิบนาทีของทุกวันเพื่อมายืนอยู่หน้าผมแล้วถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมา
“ถ้านายเรียกชื่อนั้น นายอาจไม่ได้มีลมหายใจ...” เขายกยิ้มพร้อมกับให้คำตอบเดิมที่ร่างโปร่งตรงหน้าได้ยินทุกวัน ส่วนยิ้มนั่น ถือเสียว่าเป็นรางวัลให้กับเด็กชายที่มีความมุ่งมั่นพกติดตัวมาตลอดแล้วกัน น้อยที่สุด คยูฮยอนก็เจริญรอยตามพ่อของตนเองในเรื่องของความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหย่อนยานลงไปเลยแม้แต่น้อย
“ใครส่งนายมะ...”
“ข้อแลกเปลี่ยน... ?”
“...ว่ามาสิ...”
“วันนี้วันที่เท่าไหร่ เดือนไหน เวลากี่โมง และผมถูกจับมากี่วัน”
“วันนี้วันที่ 11 เดือนธันวาคม ตอนนี้แปดโมงสิบห้านาที คุณถูกจับมาวันนี้วันที่ สี่”
“อื้ม...” ผมพยักหน้าตามที่เขาบอก อีกครั้งที่แหงนหน้ามองเด็กน้อยซึ่งยืนตีสีหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า ผมยิ้มเบาบางให้กับใบหน้าเรียบเฉยนั้น... ลังเลใจในสิ่งที่ตนเองจะตอบออกไป...
“ทีนี้... คุณบอกมาสิ ว่าใครส่งคุณมาฆ่าพ่อผม...”
“ฟังให้ดี... ผมจะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง” ผมลุกขึ้นยืนตรงที่หน้าของเขา ความสูงของผมมากกว่าเขาอยู่เล็กน้อย ดวงตาคมราววิหคอันเป็นที่ขึ้นชื่อมากในหมู่สาวในซ่องที่บ้านเกิดของเขาจรดมองลงที่ดวงตากลมเรียวคู่นั้น... อยากจะสบถคำตอบออกมาดัง ๆ ให้กับแววตาเรียบนิ่งนั่นเสียจริง หากแต่ซีวอนอาจไม่ได้รับสิทธิ์ในการทำอย่างนั้น
“...”
“โจว อินซอง...” จบคำตอบ ปลายกระบอกปืนตบเข้าที่ข้างแก้มของเขา นั่นเป็นสัญญาณของการเจริญเติบโตในด้านอารมณ์ของโจว คยูฮยอนที่เขาสัมผัสได้และคิดว่ามันคงชัดเจนที่สุด... มนุษย์เติบโตขึ้นพร้อมกับความรุนแรงที่มากขึ้น... สัญชาติญาณดิบของคนเราบอกให้ลงไม้ลงมือเมื่อได้รับสาส์นอันไม่น่าภิรมย์ชมชอบ... มนุษย์ดิบเถื่อนเพียงใด มีเพียงสัตว์ในสปีชี่ย์เดียวกันเท่านั้นที่ล่วงรู้
“อย่าพูดโกหก... พ่อฉันจะสั่งฆ่าตัวเองทำไมกัน !”
“นายโตขึ้นมากจริง ๆ” เลือดสีเข้มไหลลงมาจากมุมปากที่กระทบอย่างแรงเข้ากับของแข็ง ซีวอนเพ่งสายตาไปที่ใบหน้าเรียวนั้นอย่างไม่นึกเคืองโกรธ... การใช้สันกระบอกปืนตบลงมาที่ใบหน้าของเขาไมใช่สาส์นอันน่าภิรมย์เช่นกัน หากแต่ชีวิตของเขามันสอนให้ได้รับรู้ความไม่พอใจในเรื่องที่ใหญ่มากกว่าการโดนทำร้ายด้วยสันกระบอกปืนเป็นไหน ๆ
“ชเว ซีวอน...”
“โจว คยูฮยอนกับชเว ซีวอน... เราต่างกันแค่นิดเดียวเอง ?” ร่างของผมทิ้งลงบนพื้นปูนเย็นเฉียบอีกครั้ง ผมตักข้าวคำต่อไปเข้าปากแม้จะเคี้ยวลำบากหน่อย แต่การกินข้าวเหลือไว้เป็นเรื่องน่าละอายยิ่งนักสำหรับเด็กที่ถูกชุบเลี้ยงมาบนความยากลำบากอย่างเขาที่เคยแม้กระทั่งผ่านช่วงเวลาซึ่งต้องอดข้าวทั้งวัน ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในความแตกต่างล้านประการระหว่างเขากับโจวคยูฮยอนเมื่อเทียบกันเมื่อหลายปี่ก่อน... หากแต่ตอนนี้ เราทั้งสองเริ่มจะคล้ายกันไปทุกที
สิ่งที่โจว คยูฮยอนยังคงตามหลังเขาอยู่
คือการบรรลุเป้าหมายของตนเอง ซึ่งเขาทำมันแล้ว
__________Winter Killer__________
เปิดเป็นอีกหนึ่งเรื่องเลยแล้วกันนะ ?
มันจะได้ไม่ไปรกในบทความนั้น -___-
ความคิดเห็น