คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Run
คุณเชื่อเรื่องโชคชะตาใช่ไหมครับ
ผมก็เชื่อ
ผมหย่อนเท้าลงสัมผัสกับพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่มหลังจากห่างหายมันไปนานหลายปี
สูดกลิ่นอากาศบริสุทธิ์ในช่วงบ่ายของวันท่ามกลางความเงียบงันรอบกาย แสงอาทิตย์ดูเจิดจ้ากว่าทุกช่วงเวลาเพราะมันกำลังเคลื่อนตัวไปบอกลาใครต่อใครก่อนยกกะกลางคืนให้เป็นหน้าที่ของดวงจันทร์
ยังจำนิทานที่แม่เล่าให้ฟังได้
ว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์ทำงานเหมือนพนักงานขายร้านโดนัท 24 ชั่วโมงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ผลัดกันตอกบัตรเข้ากะเช้ากะบ่าย พระจันทร์คงเหมือนกับแม่ที่ต้องรับผิดชอบกะดึกเสมอในร้านเหล้าประจำเมืองขนาดย่อมที่เราอาศัยอยู่ด้วยกัน
มันผ่อนคลายเมื่อได้นึกถึงอดีต แต่ก็น่าเสียดายกับเรื่องที่ไม่มีทางย้อนไปแก้ไขได้
ใครต่อใครจึงบอกให้ปล่อยวางไปเสีย
คิมจงอินคิดเช่นนั้นขณะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า
ใช้แขนทั้งสองข้างท้าวเอนไปเบื้องหลัง แล้วก็ตัดสินใจนอนราบลงไปเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในละแวกนั้น
ชายหนุ่มวัยสามสิบสองเขี่ยรองเท้าผ้าใบที่ถูกเหยียบส้นจนขาดวิ่นลงไปกองกับพื้นก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้าสีอ่อน
การมาที่นี่ทำให้เขานึกถึงแม่ ใครก็หาว่าจงอินเป็นลูกแหง่เสมออายุปาเข้าไปสามสิบกว่าแต่ก็ยังไม่ยอมแต่งงาน
อยู่ติดบ้านยิ่งกว่าแปรงขัดส้วม (นั่นเป็นคำเปรียบเปรยของป้าข้างบ้านที่ปากไม่ค่อยดีตั้งแต่เสียสามีไปในสงครามโลก) ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่อมยิ้มรับคำพูดเหล่านั้นด้วยความเข้าใจว่าคนรอบกายคงไม่ได้มองโลกจากมุมเดียวกับเขา
มันไม่ใช่เพราะเขาติดแม่ ติดบ้าน หรือติดอะไรทั้งนั้น เขาแค่มองว่าการแต่งงาน
คือการผูกมัดอิสรภาพของตัวเอง ชีวิตศิลปินที่อารมณ์ขึ้นลงได้ยิ่งกว่าน้ำทะเลคงไม่เหมาะจะดูแลใคร
ไม่ขลุกอยู่ในบ้านก็ออกไปทำงานต่างเมืองหลายเดือน กลับมาอีกทีดีไม่ดีภรรยาอาจจะหนีเตลิดไปแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้วก็เป็นได้ (ดูตัวอย่างมาจากเพื่อนร่วมวงเหล้าหลายคน)
นั่นทำให้เขาเลือกไม่ผูกมัดตัวเองกับใคร...
“คุณ!!!!!” ความคิดเรื่อยเปื่อยยังไม่ทันสุดม้วน
เสียงแหบๆของใครสักคนก็ดังขัดมาจากด้านหลัง จงอินไม่คิดว่าคนถูกเรียกเป็นคนอื่นเพราะเท่าที่สำรวจดูตอนหยุดรถมันมีแค่เขาคนเดียวในทุ่งนี้
ใบหน้าคมคร้ามจึงหันกลับไปมองและพบว่านั่นเป็นเสียงของผู้ชายตัวสูงยาวในชุดสูทซึ่งกำลังวิ่งลงมาจากเนินเขาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
ปากก็เอาแต่ตะโกนคำว่า คุณๆ ไปตลอดทาง
“...” จงอินพยายามคิดว่าตัวเองควรพูดอะไรกลับไปดีแต่เขาก็นึกอะไรไม่ออกสักอย่าง คนไม่ช่างพูดช่างจาอย่างเขาเอ่ยทักใครก่อนไม่เป็นเสียด้วยสิ
“คุณ! แฮ่ก...คะ...คุณ...” กระทั่งคนๆนั้นเข้ามาประชิดตัวพร้อมกับเม็ดเหงื่อท่วมหน้า “นั่น...นั่นรถคุณ...แฮ่ก...ใช่...แฮ่ก...ใช่ไหม?” นิ้วเรียวยาวเหมือนเล่มเทียนชี้ไปทางรถเต่ารุ่นคุณปู่ของเขาขณะที่มืออีกข้างท้าวไว้กับหัวเข่าเพื่อค้อมตัวลงหอบหายใจ
“ครับ...รถผม”
“คุณขึ้นไป....แฮ่ก...พาผมไปที...”
“ห๊า?!”
“เร็วสิๆ!!” ชายแปลกหน้าคนนั้นหันกลับไปมองด้านหลังแล้วปรี่เข้ามาเขย่าแขนของเขาจนตัวโยกตามไปด้วย “เร็วๆ! ผมขอร้อง...แฮ่ก...พา...โอ่ย เหนื่อยฉิบหาย...พาผมไปที" คำร้องขอขาดๆหายๆปนเสียงสบถและเสียงหอบหายใจทำให้จงอินงุนงงหนักขึ้นไปกว่าเดิม
เขาลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะอธิบายให้ใครอีกคนฟังว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อนของเขาซึงทำงานติดต่อกันเป็นเวลาสองเดือนเต็มแบบไม่มีวันหยุด
แต่ยังไม่ทันได้เริ่มพูดอะไร ก็มีเสียงปืนดังมาจากเบื้องหลัง
ปัง!!!
“เฮ้ย!!!”
“เร็วคุณ! ขับไปไหนก็ได้...มัน...มัน...ตามมาจะทันแล้ว!!!” จงอินเริ่มสับสนหนัก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
มีการจี้ชิงทรัพย์หรือไง แล้วถ้าเขาพาผู้ชายตัวขาวคนนี้ขึ้นรถไปเขาจะกลายเป็นคนที่ช่วยโจรหรือเปล่า
(เพราะเขาไม่รู้ว่าใครเป็นโจร) แล้วหมอนี่จะถีบเขาลงข้างทางไหม แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าชีวิตที่อยู่บนเส้นด้ายของตัวเองตอนนี้จะไม่ร่วงลงไปในหุบเหวอเวจีจากการตัดสินใจภายในสองวินาทีล่ะ
พระเจ้า! พระองค์ไม่เข้าใจหรือไงว่าคิมจงอินเป็นคนสมองช้า!!
“เซฮุน!!! หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
ปัง!!!
“คุณ....ผมขอร้อง!!!” เมื่อกระสุดนัดที่สองยิงลงมา
ผู้ชายคนนั้นหันใบหน้าที่มีแต่น้ำตามาทางเขาแล้วผลักดันให้เราสองคนเข้าใกล้คันรถมากที่สุด
จงอินคิดเอาว่าคนแปลกหน้าคงไม่มีปัญญาทำอะไรเพราะดูจากแรงน้อยนิดนี่แล้วจะตบยุงให้ตายได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย
คงเป็นเพราะแบบนั้นเราถึงได้ขึ้นรถมา
เขาบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องก่อนจะเหยียบคันเร่ง ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุดนัดที่สามวิ่งแหวกอากาศเฉียดกระจกมองข้างไปเพียงเล็กน้อย
รถเคลื่อนเข้าสู่ถนนที่รกทึบด้วยต้นไม้สูงใหญ่และมีแต่ความเงียบของป่าเขาลำเนาไพร
จงอินหันไปมองคนแปลกหน้านั่งหอบหายใจไม่หยุดมือเรียวโบกไปโบกมาเพื่อขับไล่เม็ดเหงื่อบนใบหน้าโดยปราศจากการพูดจาหรือขอความช่วยเหลือใดๆ
ไม่มีคำถามว่ากำลังจะถูกพาเขาไปไหนด้วยซ้ำ
“อ่ะ...” แล้วมันก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่ยื่นขวดน้ำส่งไปให้ก่อนตอนที่อีกฝ่ายหันมองออกนอกหน้าต่างอย่างสำรวจตรวจตรา
มือเรียวเอื้อมมาหยิบไปแต่ก็ยังไม่ปริปากพูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าขอบคุณแล้วกรอกน้ำในขวดลงคอไปทีเดียวถึงครึ่งหนึ่ง
“ขอบคุณ...”
“ไม่เป็นไร...” จงอินตอบรับไปตามมารยาท แม้ในความจริงคือมันเป็นมากเลยล่ะกับการหิ้วคนแปลกหน้าที่โดนไล่ยิงขึ้นรถมา
แต่เอาเถอะ มันจะต้องไม่เป็นไรเชื่อสิ
เขาเข้าโบสถ์บ่อยจะตาย พระเจ้าไม่ใจร้ายหรอก
“ไม่ได้คุณผมแย่แน่…”
“อ่า...” เสียงทุ้มตอบกลับไปเพียงเท่านั้นตามประสาคนพูดน้อย
เขาไม่รู้จะตอบประโยคนั้นอย่างไรจึงเลือกเปลี่ยนหัวข้อเสียใหม่ด้วยคำถามที่น่าจะมีประโยชน์ “คุณต้องไปที่ไหนเหรอ?”
“...”
“...” คำถามของเขาได้รับคำตอบเป็นความเงียบงัน
ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันคล้ายกับว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างมากในการระบุจุดหมายปลายทาง
เจ้าของรถเลยทำท่าจะหยิบแผนที่ในลิ้นชักส่งให้ แต่เสียงแหบหวานๆ (ที่ดื่มน้ำเข้าไปแล้วดีขึ้นมาก) ดันถามกลับมาเสียก่อน
“...คุณจะไปไหนเหรอ?”
“ผม?”
“คุณไปไหนผมก็ไปกับคุณ...”
“อ่อ....งั้นเหรอ....” คิมจงอินพึมพำออกมาเบาๆ เพราะเขากำลังใช้ความคิด “ฉันกำลังจะกลับบ้าน”
“งั้นผมไปบ้านคุณ...”
“ห๊า?! น
นี่...นี่คุณ....”
“ให้ผมอยู่กับคุณเถอะ... แค่แป้บเดียวก็ได้
วันเดียว คืนเดียว ชั่วโมงเดียวก็ได้....” ชายแปลกหน้าพูดโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่น
มือสองข้างกุมกันเอาไว้แน่น “ตอนนี้ผมกลับบ้านผมไม่ได้จริงๆ...ผมกลับไปไม่ได้”
“...”
“พวกเขาจะฆ่าผม...” เหลือเพียงความเงียบงันภายในห้องโดยสารขนาดเล็กที่กำลังเคลื่อนไปตามเส้นทางสลับซับซ้อนของหุบเขา
สารถีผิวคล้ำกัดปากของตัวเองด้วยความชั่งใจในขณะที่ใครอีกคนก็กำลังทำแบบนั้นเช่นกัน
แต่เป็นไปด้วยความระทึกว่าตนเองจะถูกปฏิเสธหรือตอบตกลง
“งั้น...อย่างนั้นก็ได้”
ทันทีที่จงอินตอบตกลง รอยยิ้มแรกในรอบวันของเซฮุนก็ปรากฏ
- - -
LAST EDIT : 25/01/16
#ฮายโฮป
ฟิคไคฮุนเรื่องแรก
เราคิดว่ามันจะสั้นมากๆเลยหล่ะ
คือเขียนเพราะอยากเขียน ไม่รู้ทำไมแต่ตอนดูเอ็มวีเพลงนี้แล้วนึกถึงคู่ไคฮุน
ความคิดเห็น