คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Wandering I
{ Wandering }
First Step
แม้จะเป็นประเทศที่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ด้วยความไกลห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากพอสมควรทำให้ฮานอยไม่ได้ร้อนอย่างที่คิดไว้ ผนวกกับช่วงเวลานี้เป็นฤดูหนาวอยู่แล้ว อุณหภูมิจึงลดต่ำลงมาอีกและผู้คนตามท้องถนนก็จำเป็นต้องมีเสื้อโค้ทหรือเสว็ทเตอร์สวมใส่กันอากาศเย็นแบบนี้ไว้อีกชั้น
โอเซฮุนแบกกระเป๋าเป้ของตัวเองเดินสอดส่องไปตามท้องถนนเงียบเชียบเวลาสี่ทุ่ม แหงนหน้ามองอาคารเก่าคร่ำครึของย่านนี้ด้วยสายตางุนงงสงสัย อักษรภาษาเวียดนามแม้จะดูคุ้นหูคุ้นตาเพราะเป็นตัวแบบโรมาไนซ์แต่ก็ใช่ว่าเขาจะอ่านออกเสียที่ไหนกัน ความรู้ภาษาอังกฤษระดับงูๆปลาๆก็คงไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากในเมืองที่เคยอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสเสียด้วย
“ที่ไหนวะ...โอ๊ะ!”
ขาเรียวก้าวต่อมาตามฟุตบาทที่ทอดยาวต่อไปเรื่อย คอก็ชะเง้อมองหาชื่อโรงแรมจากป้ายด้านบน เขาไน่ใจว่ามาถูกที่แล้วแต่ดูเหมือนว่าไอ้ห้องพักราคาย่อมเยาว์นั้นพยายามจะเร้นตัวอยู่ไหนสักแห่งไม่ให้เขาหาเจอได้ง่ายๆ
“อยู่ไหนวะแม่ง.... เฮ่ย... Sor-..Sorry...” ส่งคำขอโทษภาษาอังกฤษออกไปทันทีเมื่อพบว่าไหล่ของเขาได้กระทบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง แต่เมื่อหันไปเจอสายตาประหลาดๆที่ส่งมาให้กับเวลาดึกดื่นวิกาลเช่นนี้แลดูไม่ดีเอาเสียเลย เซฮุนคิดว่าทางที่ดีเขาควรจะชักเท้าเดินถอยหลังเลี่ยงไปสักแห่งและเขาก็ทำตามนั้นจริงๆเว้นเสียแต่ว่าผู้ชายคนนั้นกลับก้าวเท้าตามมาและเผยให้เห็นว่าเบื้องหลังเรือนกายใหญ่กำยำนั้นมีลูกสมุน(?)อยู่อีกสองคน
ฉิบหายละ... เจอดีตั้งแต่เครื่องลงเลยเหรอวะ
“เฮ้ย แม่งดูผู้ดีหว่ะ...”
“ขาวด้วยพี่... แบบนี้มันน่าเต๊าะสักสองสามยก"
“จัดแม่งสักทีดิ๊... คืนนี้คงโชคดีได้เมียต่างชาติ"
ภาษาเสียงแปร่งที่เขาฟังไม่เข้าใจทำให้โอเซฮุนต้องบิดคิ้วไปมาด้วยความสงสัย ถึงจะไม่รู้เรื่องอะไรกับคำพูดเหล่านั้นแต่ดูจากท่าทางและสายตาที่ส่งมาทางเขานั้นแลดูจะไม่ดีเอาเสียเลย ลิ้นชื้นแลบออกมาเลียริมฝีปากซ้ำอยู่หลายครั้งในขณะที่สมองก็ขบคิดว่าเขาจะทำยังไงให้สามารถหนีพ้นชายหนุ่มสามคนที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาดี
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“Cảm Ơn” คริสกล่าวคำขอบคุณเป็นภาษาเวียดนามที่เขาได้ลองอ่านมาจากหนังสือในเครื่องบิน คนขับแท็กซี่ยิ้มให้เขาก่อนจะส่งยิ้มให้กับภาษาเวียดนามสำเนียงประหลาดตามสไตล์คนต่างชาติ
ขายาวก้าวลงมายืนกับพื้นฟุตบาทแล้วค่อยเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดกระทัดรัดกับกระเป๋ากล้องอุปกรณ์ทำมาหากินที่ทำให้เขาต้องระหกรเห็จข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่ ครั้นเมื่อจัดการยกเป้ขึ้นสะพายบนหลังเรียบร้อย ร่างสูงก็หันไปปิดประตูรถเป็นสัญญาณให้โชเฟอร์แท็กซี่สามารถออกไปหาลูกค้าต่อได้
เศษกระดาษโน๊ตเปื่อยๆที่ลู่หานเขียนชื่อโรงแรมเอาไว้ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าของเสื้อโค้ท อากาศหนาวเหน็บที่นี่ไม่ได้มากอย่างที่คิดไว้ อาจเป็นเพราะช่วงเดือนที่ผ่านมาเขาไปทำงานอยู่แถบบัลแกเรียนานเป็นเดือนจนเริ่มคุ้นชินกับอากาศเย็นไปแล้วก็ได้
ดวงตาคมพยายามปรับมองให้เข้ากับความมืดของเวลาสี่ทุ่มเกือบครึ่ง คริสแหงนหน้าขึ้นมองหาป้ายโรงแรมชื่อประหลาดตามที่มันถูกขีดเขียนมาให้ด้วยดินสอแบบลวกๆ (ลวกมากจริงๆ) แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้อยู่แถวนี้เขาจึงลองเดินเลี้ยวไปทางซ้ายดูเผื่อมันจะซ่อนอยู่แถวนั้น
“ปล่อยผม!!” ภาษาเกาหลีที่คุ้นหูทำให้เขาหยุดฝ่าเท้าทันที น้ำเสียงนั้นดูจะไม่พอใจและปนสะอื้นอยู่ในตัวหน่อยๆ และเขาก็คงไม่ใช่คนใจร้ายที่จะไม่แยแสกับเหตุการณ์รอบกายขนาดนั้นหรอกนะ
“ปล่อย...ฮึก....ปล่อยสิ...อั่ก!” ต่อจากประโยคนั้นมีภาษาเวียดนามที่ฟังดูไม่คุ้นหูอีกสองสามคำคลอตามมา ตรอกมืดตรงนั้นดูอันตรายถ้าหากเขาจะเดินเข้าไปด้วยสภาพแบบนี้ (แบบที่มีกระเป๋าห้อยเป็นลูกลิงเกาะต้นไม้เต็มตัวไปหมด) คริสจึงลองมองหาอาวุธรอบกายตัวเองซึ่งก็ได้มาแค่ไม้เก่าๆจากลังที่ร่วงหล่นอยู่แถวนั้น สนีกเกอร์สีดำย่องเบาๆเข้าไปใกล้กับตรอกแคบที่มีเสียงเล็ดลอดออกมา แสงไฟเลือนลางจากหลอดที่กระพริบจะดับแหล่มิดับแหล่ฉายให้เห็นภาพของเด็กชายผิวขาวคนหนึ่งกับกองสัมภาระในสภาพดูไม่จืดเอาเสียเลย....
โอเค... เขาพอป้องกันตัวได้บ้าง แต่ตรงนั้นมีตั้งสามคนแหนะ
คริสพยายามหาของที่ใกล้มือที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเขาก็หยิบเอาที่เป่าลมกล้องของตัวเอง ซึ่งมันก็เหมาะสมดีเพราะราคาถูกกว่าอย่างอื่นในกระเป๋าใบนี้แล้วหล่ะ... ร่างสูงเขวี้ยงมันออกไปให้เลยหัวคนกลุ่มนั้น ตั้งใจให้มันตกลงตรงถังสังกะสีเบื้องหลังเพื่อดึงความสนใจของทั้งสามคนไปยังมุมมืดและเขาจะได้มีเวลาวิ่งเอาไม้ในมือไปฟาดหัวมันเสีย
เคร้ง!
แน่นอนว่าเสียงของกระทบลงจากเบื้องหลังดึงความสนใจของสามชายชั่วไปได้เป็นอย่างดีและนานกว่าที่ร่างสูงประเมินเอาไว้เสียด้วย เพราะเมื่อพวกมุนคนใดคนหนึ่งรู้สึกตัวว่าเหม่อมองนานไปแล้ว เขาก็สามารถเข้าประชิดกายไอ้คนที่ยืนกระชากเสื้อเด็กเกาหลีตัวขาวคนนั้นได้และฟาดลงกลางกบาลของมันพอดิบพอดี เสียงร้องของคนๆนั้นและการล้มทรุดลงไปกองกับพื้นทำให้เพื่อนของมันอีกสองคนหันขวับกลับมามองทางเขา
“ เฮ้ย!! มึงเป็นใครวะ" เขาฟังไม่ออกหรอกว่าคนในกลุ่มนั้นถามอะไรจึงฟาดไม้แสกไปกลางหน้าของมันด้วยความรวดเร็ว ขายาวก้าวข้ามร่างของผู้ถูกกระทำและง้างไม้ขึ้นฟาดชายอีกคนที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ แต่เพราะมันผิดพลาดทางเทคนิดเล็กน้อยเขาจึงฟสดเฉียดหัวไหล่ของมันไปเพียงนิดเดียว
“Shit...” สบถออกมาเมื่อพบว่าตัวเองกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียแล้ว คริสเหลือบมองกลับไปที่เป้าหมายของเขาเมื่อสักครู่ซึ่งบัดนี้มีเลือดอาบชโลมอยู่บนหน้า เขายกขาขึ้นถีบ แสดงศิลปะการป้องกันตัวขั้นพื้นฐานเล็กน้อยก่อนจะรีบกระชับกระเป๋าสะพายกล้องแล้วจับไหล่เล็กๆประคองเด็กคนนั้นขึ้นมา
“ไหวไหม?”
“คระ..ครับ...”
“ทนหน่อย วิ่งเร็ว" เขวี้ยงอัดไม้ใส่ผู้ชายที่พยายามจะลุกขึ้นมากระชากตัวของเขาไว้อย่างแรง โชคดีที่การเป็นนักบาสทำให้เขารู้ว่าลูกอัดแรงๆต้องเกร็งแขนยังไง... มือใหญ่กระชับกระเป๋ากล้องที่ดูเหมือนจะไหลลงมาจากบ่ากว้างก่อนจะรีบคว้าเอากระเป๋าสัมภาระกลมๆของเด็กคนนั้นมาถือเอาไว้แล้วพยุงร่างผอมแห้งขึ้นมา
สี่ขาสองคู่ก้าวออกมาจากตรอกมืดแห่งนั้นแล้วหยุดพักลงที่หน้าร้านสะดวกซื้อเล็กๆตรงมุมถนนที่พอมีแสงไฟส่องให้ได้เห็นว่าเสื้อของเจ้าเด็กผิวขาวขาดวิ่นไปหมด คริาจึงตัดสินใจถอดเสื้อโค้ทของตัวเองออกแล้วยื่นมันให้กับคนตัวผอมสวมคลุมเอาไว้ไม่ให้ตกอยู่ในสภาพอนาจารมากกว่านี้
“ใส่ไว้ก่อน...”
“ขอบคุณ...ขอบคุณมากเลยนะครับ....” เด็กนั่นโค้งจนหัวแทบจะติดกับเข่าตอนที่รับเสื้อของผมไปสวมเอาไว้ เขาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเพราะความตระหนกตกใจของตัวเองก่อนจะโค้งลงขอบคุณผมอีกครั้งจนผมรู้สึกเก้อเขินไปหมด
“...”
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะครับ"
“อ่า... ช่างเถอะ" ยกมือขึ้นโบกน้อยๆแทนการบอกว่าไม่เป็นไร เพราะเขาเองก็ไม่ได้เจ็บตัวมากมาย แค่เสียเหงื่อเยอะไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
คริสตัดบทด้วยการดันไหล่ของเด็กตรงหน้าเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ พนักงานมองเขาสองคนด้วยแววตาพิลึกพิลั่นแต่ก็ช่างเถอะ... คงไม่มีอะไรให้น่าคิดไปมากกว่านี้แล้วหล่ะมั้ง... ขายาวก้าวตรงเข้าไปยังแผนกตู้แช่ที่ด้านในสุดของร้านเพื่อหยิบน้ำเปล่าออกมาสามขวด ตามต่อด้วยการเดินอ้อมไปหยิบทิชชู่โดยมีเด็กผิวข้าวเดินตามติดและช่วยถือกระเป๋ากล้องเอาไว้ ก่อนที่จะเดินวกกลับมาจ่ายเงินตรงหน้าเคาท์เตอร์
“Ah... Do you know where is it?” เพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่พบโรงแรมที่กำลังเดินหา เซฮุนจึงลองยื่นกระดาษในมือที่ระบุชื่อโรงแรมเอาไว้ออกมาถามพนักงานที่กำลังยิงบาร์โค้ดอยู่ และโชคดีที่หล่อนพอจะเข้าใจภาษาอังกฤษระดับล่างของเขาจึงสามารถระบุตำแหน่งของโรงแรมให้ฟังได้
“Go right to the... ur... to the first traffic light then cross the road. The hotel is in 31 alley” พนักงานตอบกลับมาอย่างช้าๆเพราะเขาเองก็ไม่คล่องภาษาอังกฤษเหมือนกัน ผมเอ่ยคำขอบคุณให้กับเขาที่หันไปรับเงินในมือของพลเมืองดีตัวสูงที่รู้ภาษาเกาหลีดีชะมัดแต่เหมือนจะพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
เราเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ เขาเปิดน้ำขึ้นดื่มทันทีเพื่อทดแทนกับเม็ดเหงื่อที่เสียไปและก็ยังใจดีส่งมันมาให้กับผมอีกด้วย ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาและรับมันมาโดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณซ้ำอีกครั้ง แสงไฟจากหน้าร้านทำให้พอสังเกตได้ว่าใบหน้าของเขาแลดูเป็นกังวลอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าครับ"
“...ฉันทำชื่อโรงแรมหายตอนวิ่งเข้าไปช่วยนายในตรอกหนะ...”
“อ่า...”
“บ้าจริง... โทรศัพท์ก็ยังใช้ไม่ได้ด้วยสิ" เขาแลดูหัวเสียเพราะคิ้วเข้มนั้นขมวดเข้ามาจนชิดตั้ง ตอนนั้นผมคิดว่าผมควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเขาหาทางออกให้กับคนจากแผ่นดินเดียวกัน ผมหันซ้ายหันขวาพลางคิดว่าการกลับไปหาชื่อโรงแรมของเขาที่ตรอกเดิมดูจะไม่ใช่ทางออกที่ปลอดภัยเท่าใดนัก มันต้องมีทางอื่นที่ดีกว่านี้สินะ...
“คุณ...เอ่อ... ไปที่ห้องผมก่อนดีไหมครับ? หมายถึง.... ไปที่โรงแรมก่อนแล้วค่อยใช้เน็ทของโรงแรมเช็คดู...”
เขาไม่ได้ตอบตกลงแต่แค่ส่งเสียงถอนหายใจออกมาแล้วสบตากับผม... โอเค มันคือการตกลงนั่นแหละ ผมพอเข้าใจอยู่
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“ซวยตั้งแต่เครื่องลงเลยสินะ"
“ครับ... ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เลย"
“ที่จริงฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน...”
“ขอบคุณมากเลยครับที่เข้าไปช่วย ไม่ได้คุณผมคงแย่... ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เดือดร้อน" ผมบอกย้ำกับเขาอีกครั้งระหว่างทางที่กำลังเดินไปยังโรงแรม ท่าทางของเขาดูสบายขึ้นมากกว่าเมื่อครู่อาจเป็นเพราะโล่งใจที่พอจะหาทางออกให้กับตัวเองได้แล้ว
“นายชื่ออะไร?”
“ผม...เซฮุนครับ โอเซฮุน... คุณหล่ะครับ?”
“คริส"
“ผมนึกว่าคุณเป็นคนเกาหลีซะอีก" ผมหันขวับกลับไปมองหน้าเขาที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ฝั่งยุโรป ยิ่งผนวกกับการที่เขาสามารถใช้ภาษาเกาหลีติดต่อสื่อสารกับผมได้อย่างคล่องแคล่วนั่นก็ด้วย มันทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงเขาเป็นคนสัญชาติใดกันแน่
“ฉันเป็นคนจีนแต่ว่าไปโตที่แคนนาดา แล้วก็ย้ายมาทำงานที่เกาหลีเลยรู้ภาษาเกาหลี"
“อ่อ... แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?”
“ทำงานนั่นแหละ... ฉันมาถ่ายรูป มีคนจ้างมา แต่กะว่าจะอยู่เที่ยวต่อด้วย แล้วนายมาทำอะไร? ไม่ค่อยเห็นคนเกาหลีชอบเที่ยวแถบนี้นะ"
“ผม...ก็มาเที่ยวแหละครับ...” เซฮุนเลี่ยงตอบเหตุผลตามจริงของตัวเองไปว่าเขาอกหักจากแฟนสาวที่เป็นนางแบบคนสวยของผลิตภัณฑ์ชุดชั้นใน จึงคิดว่าควรจะหาสถานที่พักใจเพื่อให้ลืมเรื่องราวในเกาหลีกับเธอคนนั้นไปสักพักเผื่อจะรู้สึกดีขึ้น
“แปลกดี เลือกที่นี่...”
“ผมว่ามันประหยัดดีหน่ะครับ แหะๆ"
“จริง.. ที่นี่ของถูกดี... นั่นโรงแรมนายหรือเปล่า?”
“อ่อ... ใช่แล้วครับ... โอ้... ให้ตายสิ ผมนึกว่ามันจะไม่มีอยู่จริงซะแล้ว" เซฮุนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นหลังคาโรงแรมที่ตกแต่งด้วยสไตล์แบบจีนๆกับป้ายชื่อขนาดกลางของมันที่มีไฟระยิบระยับไปมา ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มกว้างเมื่อพบว่ามันตรงกับชื่อที่ระบุอยู่ในกระดาษในมือทุกตัวอักษรไม่มีผิดเพี้ยนเขากระชับกระเป๋าอย่างดีใจ ลืมเรื่องเลวร้ายเมื่อครู่ไปเสียสนิทมุ่งสาวเท้าเข้าไปในตัวอาคารทันที
หลังติดต่อกับพนักงานโรงแรมที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าด้วยภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆได้พักใหญ่ เซฮุนก็ได้กุญแจห้องมาถือครองเอาไว้ เขายิ้มร่าแล้วเดินนำผู้ชายร่างสูงใหญ่ตรงไปยังลิฟท์ ทันทีที่กดลูกศรขึ้นประตูลิฟท์ก็เปิดอ้าออกมาต้อนรับลูกค้าทั้งสองอย่างรวดเร็ว
กล่องเหล็กเคลื่อนสูงขึ้นไปถึงชั้นหก ประตูค่อยๆอ้าออกมาเพื่อปล่อยทั้งสองชีวิตออกจากพาหนะระยะสั้น เซฮุนมองซ้ายมองขวาหาป้ายบอกทางและเขาก็พบแผ่นไม้อันเล็กสไตล์จีนอยู่เหนือหัวระบุว่าเลขห้องไหนต้องไปทางไหน ขาเรียวก็เดินไปตามทางที่เป็นระเบียงยาวทอดไปเรื่อยจนสุด
“เซฮุน เลยแล้ว...”
“ฮะ?...อ่า...จริงด้วย ฮ่าๆ" เด็กน้อยหัวเราะแก้เก้อเมื่อโดนเสียงทุ้มเอ่ยรั้งเข้าให้ มือเรียวยกขึ้นเกาท้ายทอยของตัวเองก่อนจะสอยเท้ากลับมาที่หน้าห้อง หกหนึ่งสอง แล้วจึงเสียบกุญแจเข้ากับสลักไม้สี่เหลี่ยมที่พอมีเสียงดังกริ๊กเขาก็สามารถยกไม้นั้นขึ้น ผลักบานประตูให้อ้าออกกว้างได้
“สวยกว่าในเว็บเยอะเลย" บ่นงึมงัมตามประสาเด็กที่กำลังตื่นตาตื่นใจผิดกับร่างสูงใหญ่ที่เอาแต่มองซ้ายมองขวาสำรวจทั่วห้องเพื่อตรวจสอบความผิดปกติเสียก่อนในแบบของผู้ใหญ่ที่ช่างรอบคอบและเดินทางบ่อย ครั้นพอละสายตากลับมาวางที่กลางของเจ้าเด็กโอเซฮุนก็ดีดตัวลงกับผืนเตียงกว้างเสียแล้วและเขาในฐานะคนที่ติดสอยห้อยตามมาก็คงไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ของโต๊ะเครื่องแป้ง ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเชื่อมต่อไวไฟของโรงแรมทันที
“นายรู้พาสเวิร์ดไวไฟหรือเปล่า?”
“ครับๆ เมื่อกี้ผมถามมาแล้ว" เซฮุนลุกขึ้นจากเตียงเพื่อตรงไปยังกระเป๋าสะพายของตนเองแล้วหยิบเอากระดาษโน๊ตแผ่นเล็กจากทางโรงแรมขึ้นมาส่งให้กับร่างสูงใหญ่ "นี่ครับ... เอ่อ... ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ"
“อืม" พยักหน้ารับส่งๆเพราะมัวแต่สนใจพาวเวิร์ดในมือ คริสจิ้มนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อกรอกรหัสสิบตัวลงไปในช่องสีขาว รอให้โทรศัพท์ของเขาทำหน้าที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทจนกระทั่งรูปคลื่นสัญญาณปรากฎเขาจึงร้องเยสดังๆในใจ
โปรแกรมแรกที่เข้าไปคือสไกป์ แต่อนิจจังลู่หานดันไม่ออนไลน์เสียนี่ ดวงตาคมเข้มเหลือบมองนาฬิการะบุเวลาห้าทุ่มครึ่งอย่างชั่งใจ... ตอนนี้ที่เกาหลีคงตีหนึ่ง... ลู่หานคงยังไม่นอนหรอกมั้ง
ตัดสินใจเลื่อนนิ้วไปกดปุ่มโฮมแล้วเลื่อนนิ้วไปยังรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์มือถือ เขาจิ้มนิ้วลงไปที่ชื่อเสี่ยวลู่แบบไม่ต้องคิดแล้วกดปุ่มวีดีโอคอล หน้าจอปรากฎเป็นภาพใบหน้าสภาพย่ำแย่ของเขา ใต้ตาบวมตุ่ยกับแก้มที่เปื้อนคราบดินหน่อยๆชวนให้หัวคิ้วเข้มขมวดเข้ามาก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดปาดมันออกไป
(อะไรของมึง...) ไม่ทันให้ได้เตรียมตัวอะไรลู่หานก็รับสายของเขาเสียแล้ว ใบหน้าหวานนั้นติดจะสะลึมสะลืออยู่ไม่น้อยและดูจากสภาพรอบข้างของเพื่อนสนิทที่ระเกะระกะไปด้วยหนังสือก็ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าลู่หานคงกำลังเร่งปั่นงานอยู่เป็นแน่
“มึงบอกชื่อโรงแรมมาใหม่ดิ๊"
(โรงแรม? ก็ที่จดให้ไง)
“หาย... มีเรื่องนิดหน่อย"
(ไรวะ... ไม่รักษาของ... กูก็ไม่รู้เอาไปไว้ไหนแล้วเนี่ย รอแป้บ) ใบหน้าของลู่หานหายไปจากหน้าจอ ดูเหมือนเจ้าตัวจะเดินตรงไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ที่อยู่ถัดจากเตียงนอนขอเขาไปสองสามก้าวแล้วเปิดหน้าจออีกเมลล์ที่เขาได้แต่มองเห็นลางๆ
เซฮุนปิดฝักบัวหลังจากชำระร่างกายเสร็จ เขาเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดไปตามเรือนกายที่กลับมาขาวสะอาดอีกครั้งก่อนตะเอี้ยวตัวหันไปยังราวตากผ้าแล้วก็พบกับความจริงอันน่าโหดร้ายว่าตัวเองลืมหยิบชุดมาเปลี่ยน...
“ชิพหายละ... ออกไปแบบนี้เนี่ยนะ" แม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ตะหงิดใจอยู่ไม่น้อยนะถ้าจะให้เดินล่อนจ้อนมีผ้าพันเอวผืนเดียวออกไปเจอพลเมืองดีที่ชื่อคริสแบบนั้น นอกจากจะเสี่ยงภัยอย่างสุดโต่งแล้วยังเกรงว่าจะโดนมองเป็นตัวประหลาดในสายตาของพี่คริสเข้าหน่ะสิ
แต่จะยืนอยู่ในนี้ทั้งคืนก็คงใช่เหตุป่าววะ....
สุดท้ายเซฮุนก็ต้องจำใจจับผ้าขนหนูผืนใหญ่มาพันรอบเอวแล้วผลักประตูห้องน้ำออกมาในสภาพเปลือยอกนั่นแหละ มือบางค่อยๆดันประตูออกไม่ให้เกิดเสียง และคริสก็ดูเหมือนจะไม่รู้ด้วยว่าเขาเดินออกมาในสภาพแบบนี้ ดวงตาเรียวมองหากระเป๋าเดินทางของตัวเองแต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อพบว่ามันอยู่ข้างหลังคริสที่นั่งทำอะไรอยู่กับโทรศัพท์มือถือไม่รู้
“เจอไหมลู่หาน?” เสียงทุ้มทำให้เซฮุนสะดุ้งวาบเพราะตกใจ โชคดีที่ขายาวไม่ไปเกี่ยวอะไรเข้าจนได้เรื่องอีกรอบ มิอย่างนั้นสภาพโอเซฮุนคืนนี้คงดูไม่จืดอีกรอบแน่
(เดี๋ยวนะ เอจำได้ว่าเขาส่งเมลล์ตอบกลับมา...)
“อืม"
(เตียงรกฉิบหายเลยคริส)
“เก็บสิ เตียงกูก็เตียงมึงป่ะ?” คำพูดประโยคนั้นทำให้โอเซฮุนเบิกตาโพล่ง... เขารู้ว่าเสียงในสายนั่นเป็นผู้ชายแน่ๆล้านเปอร์เซ็นต์ และคริสเองก็เป็นผู้ชาย และการที่ผู้ชายสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ห้องเดียวกัน เตียงกูก็เตียงมึงขนาดนั้นก็หมายความว่า...
เซฮุนสาบานได้ว่าเขาไม่ได้หัวโบราณนะแต่แบบนี้มันก็แปลกไปหน่อยหรือเปล่า... ถึงคริสจะเป็นคนช่วยเขาออกมาจากสถานการณ์เลวร้ายนั่นแต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้ตื้นลึกหนาบางของผู้ชายตัวสูงคนนั้นเสียหน่อย แล้วถ้าเกิดจู่ๆพี่เขาหน้ามืดตามัวขึ้นมาทำร้ายเขาหล่ะ จะทำยังไง
(พ่อมึงสิ... กลับมาจัดเองบ้าง)
“งานเยอะหน่า... คงต้องฝากเสี่ยวลูคนสวยช่วยดูแลไปก่อน" เสี่ยวลู่คนสวย...โอ่ย โอเซฮุนฟังแล้วขนลุกพรึ่บ
(อย่าปล่อยหมาคริส... อ่านี่ไงๆเจอแล้ว) เซฮุนพยายามหลับหูหลับตาไม่ฟังบทสนทนาของคู่รัก(?)ที่กำลังกระหนุงกระหนิงและดูเหมือนจะเริ่มมีภาษาจีนที่เขาฟังไม่ออกเล็ดลอดออกมาเสียแล้ว มือบางเกี่ยวซิปกระเป๋าลากไปตามรางของมันเพื่อหยิบชุดลำลองออกมาเตรียมสวมใส่ (ซึ่งเซฮุนคิดว่าควรรีบเป็นอย่างยิ่ง)
“เสร็จแล้ว"
(อาฮะ...โอ๊ะ! นายอยู่กับใครหน่ะ?!) ลู่หานอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจังหวะที่คริสขยับโทรศัทพ์มือถือให้เข้าที่เข้าทางก็พบว่าเบื้องหลังมีร่างของใครบางคนย่อตัวรื้อของอยู่ตรงนั้น ด้วยอารามตกใจคริสจึงหันขวับกลับไปมองเบื้องหลังของตัวเองทันทีแล้วเขาก็พบใบหน้าแป้นแล้นของโอเซฮุนกับเสื้อผ้ากองหนึ่งในอก
“แหะๆ... ลืมเสื้อครับ"
“อ่อ... คนเกาหลีที่เจอกันระหว่างทางหน่ะ ฉันทำชื่อโรงแรมหายเลยตามมาใช้เน็ตที่ห้องเขาก่อน" พี่คริสพยักหน้าให้กับผมเป็นเชิงรับรู้แล้วหันกลับไปต่อบทสนทนาต่อ ผมที่ไม่รู้ว่าจะยืนทำแมวอะไรตรงนั้นก็เลยระเห็จตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำและปล่อยให้คู่รักเขาสาดภาษาจีนใส่กันต่อ... คือตอนแรกมันเป็นเกาหลีแล้วทีนี้กลายเป็นภาษาจีนได้ไงไม่รู้เหมือนกัน
(ให้จริงเถอะ... เปลือยท่อนบนขนาดนั้นไม่ใช่กระหน่ำกันมาแล้วหรอกเหรอ?)
“ลู่หาน... ปากๆ"
(ล้อเล่นหน่า... เฮ้ยคริส... ซวยละ)
“ทำไม...”
(โรงแรมเขาส่งเมลล์บอกว่าห้องพักที่จองไว้แคนเซิลอ่ะ... นายไปเช็คอินไม่ทันตามเวลากำหนด)
“Jesus, Are you kidding?”
(ไอไม่คิดดิ้งอ่ะ...เนี่ย....)
“..." เขาเงียบเสียงเพราะรู้สึกหัวตื้อไปมาก... นี่คือผลของการทำตัวเป็นพลเมืองดีหรือไงวะ?
(เอาไงวะ?)
“ช่างแม่ง...เดี๋ยวกูลองหาห้องว่างที่นี่ไปก่อน"
(อาฮะ โอเคนะ?)
“มีที่ซุกหัวนอนคือโอเค... เออกูไม่กวนมึงแล้ว รีบปั่นงานเหอะ"
(อืม พักผ่อนนะ ฝันดี)
“นายด้วย ฝันดี" เขากดปุ่มวางสายเมื่อใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทหันกลับเข้าไปหากองหนังสือเหมือนเดิม คริสวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเหยียดขายืดออกไปเพื่อคลายความเมื่อยล้า เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกเรียกให้ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองเจ้าของห้องพักที่ครั้งนี้ออกมาในชุดลำลองสบายๆ
“ได้ชื่อโรงแรมไหมครับ?”
“ก็... ได้แล้วหล่ะ"
“อยู่ไกลหรือเปล่าครับ?”
“เขาตัดชื่อฉันออกไปแล้วเพราะไม่ไปเช็คอินในเวลา...” คริสว่าแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้า คำพูดประโยคนั้นทำให้เซฮุนรู้สึกเหมือนตัวเองผิดเต็มประดาเพราะถ้าคริสไม่มาช่วยเขาเอาไว้ป่านนี้ร่างสูงคงจะไม่มาเดือดร้อนแบบนี้ ดังนั้นเขาควรแสดงความรับผิดชอบอะไรสักอย่างออกมาเพื่อช่วยพลเมืองจีนคนดีเสียก่อน
“อ่า...”
“ค่าห้องที่นี่แพงมากไหม? ฉันมีงบจำกัด... แต่คืนนี้อาจจะต้องนอนนี่ไปก่อน"
“เอ่อ... ประมาณสองร้อยดอลครับ แต่ผมจองผ่านเอเย่นต์มาเลยได้ราคาถูก....”
“โอเค... แพงฉิบหาย" คริสสบถออกมาเมื่อพบว่าเงินมากมายขนาดนั้นเขาคงไม่มีปัญญาอยู่ที่นี่นาน เพราะงานนี่เป็นงานที่ต้องจ่ายเองก่อนแล้วถึงจะไปเบิกเงินคืนได้ ประเด็นสำคัญคือเขาไม่ได้เอาเงินมามากมายขนาดนั้นและถ้าจะต้องรีบไปรีบกลับหล่ะก็มันเป็นเรื่องที่คนอย่างเขายอมไม่ได้เด็ดขาด
เซฮุนมองพี่ชายที่เริ่มจะหัวเสียด้วยความรู้สึกผิดหนักหนาสาหัสกว่าเดิม ยิ่งพอเห็นว่าเรียวคิ้วสีเข้มนั้นตั้งตรงขึงตึงไปหมดเขายิ่งลนลานทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นึกโทษตัวเองว่ามันเป็นเพราะเขาแท้ๆเลยสินะที่ทำให้เรื่องราวบานปลายขนาดนี้
โอเซฮุน มึงต้องทำอะไรสักอย่างสิ... เขาช่วยชีวิตมึงไว้เลยนะ
“พี่ครัสครับ...”
“...”
“ถ้าไม่รังเกียจ เราหารค่าห้องกันคนละครึ่งก็ได้นะครับ"
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
รวดเดียวเลยนะ.
❀ Supercell
ความคิดเห็น