คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : MAKE OR BREAK (70)
{ MAKE OR BREAK }
Super Junior / Siwon x Kyuhyun / PG13 / 70%
NOTE SONG : I'VE TOLD YOU NOW / SAM SMITH
https://youtu.be/WJCpKJzubdo
“คุณสงสัยหรือเปล่า...”
“...”
“ต้องกี่แก้ว... ถึงจะเมาแอ๋จนลืมว่าวันนี้มีอะไรทำให้น่าโมโห...” คำถามนั้นดูอ้อแอ้เกินควร น้ำเสียงยานคางจากริมฝีปากคู่นั้นทำให้ผมไม่อยากหันไปสนทนาพาทีอะไรกับผู้ชายที่เพิ่งจะขยับตัวมานั่งเคียงกันบนเก้าอี้บาร์ตัวสูง แต่ก็ช่วยไม่ได้เมื่อเขาพยายามดันแก้วน้ำสีเหลืองทองตรงหน้ามาทางผมพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อกับแบลคสโตนระว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างขวา
มันช่วยไม่ได้เลยสักนิดที่เขามีดวงตาคมกริบเหมือนกับนกเหยี่ยวกับนัยตาสีน้ำตาลอุ่นคล้ายลูกปัดสีสวยในตู้ปลาสวยงามที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์สุดหรูที่เข้ากันดีกับเครื่องแต่งกาย เสื้อเชิ๊ตของเขาคงราคาแพงมากจนผมเอื้อมไม่ถึงและไม่นับรวมแสลกสีดำขลับจีบโค้งอย่างคนมีเงิน... เดาได้เลยว่านาฬิกาที่มันคว่ำหน้าอยู่กับขอบบาร์ก็คงมีมูลค่ามากไม่ต่างกัน
“เธอน่ารำคาญชะมัด...”
“...”
“นี่ยังไม่รวมแม่กับพ่อของเธอแล้วก็พี่ชายที่ตัวสูงอย่างกับพวกยักษ์เชร็คหน้าเขียว" ผมแอบขำเมื่อเขาเปรียบใครสักคนกับการ์ตูนเด็ก เขาพ่นพูดอะไรออกมาอีกสองสามคำก่อนจะดันหัวกลมๆลงฟุบกับบาร์ ครางงึมงัมในลำคอซึ่งก็คงไม่พ้นคำพูดบ่นเหมือนเดิมนั่นแหละ...
ก่อนจะนิ่งสนิทไปทั้งอย่างนั้น...
ผมยกแก้วน้ำเปล่าในมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเอง มองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวไปรอบกายในคืนวันศุกร์ เสียงจังหวะประหลาดที่ถูกมิกซ์โดยดีเจหนวดเฟิ้มยังคงบรรเลงคลอเป็นพื้นหลังให้ใครต่อใครได้ผ่อนคลายอารมณ์ เขาคิดว่าตัวเองกำลังพยายามทำอะไรสักอย่าง พยายามปล่อยให้ความคิดในหัวล่องลอยไปให้ไกลที่สุดเหมือนกับที่ตัวเองตั้งใจว่าจะทำมันตั้งแต่เมื่อสองชั่วโมงก่อน
แต่สุดท้าย... มันก็เท่านั้น...
“กลับแล้วเหรอครับ...”
“อืม... ขอบใจมาก" ชเวซีวอนวางเงินที่มากกว่าราคาเครื่องดื่มของตัวเองถึงสองเท่าเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะดีดตัวเองลงมาจากเก้าอี้บาร์ตัวสูง เขาเหลือบมองเจ้าของเสียงอ้อแอ้ที่ฟุบหลับไม่รู้เรื่องอย่างหน่ายใจก่อนจะช้อนประคองร่างนั้นให้ลุกขึ้น เปลือกตาคู่คมที่เหลือบมองมาทางเขาเมื่อคู่ดูสวยพริ้มยามปิดลงแล้วปล่อยให้เส้นขนตางอนเรียงกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาชอบเวลามันเปิดกว้างมากกว่า...
เพราะนั่นหมายความว่าโจวคยูฮยอนจะสามารถเดินกลับรถเองได้หน่ะสิ!
- - -
เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้เสมอ ถ้ามันตกอยู่ภายใต้การดูแลของโจวคยูฮยอน
ใช่เลย... แบบนั้นแหละ ใช่เลย
ซีวอนเหลือบมองไอ้แมวหง่าวขึ้นอืดที่นอนกรนโครกอยู่ข้างกายเขามาทั้งคืน กลิ่นเหล้าหึ่งลอยว่อนออกมาชวนให้ตะหงิดจมูกแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากนอนดมมันมาได้เกือบหกชั่วโมงแล้ว เสียงลมหายใจฟี้ออกจากริมฝีปากบางที่แห้งกร้านเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์มันน่ารำคาญแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่ได้อยากจะเขี่ยเจ้าของร่างอวบๆนี่ออกไปให้ไกลตัวสักเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับเครื่องมือสื่อสารสีดำขลับที่เขาเพิ่งจะปามันลงไปในถังขยะขนาดเล็กเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
บางทีการมีโจวคยูฮยอนนอนร่วมเตียงถึงเช้าแบบนี้ก็อาจจะเป็นทางหนึ่งที่ทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นก็เป็นได้
“งืม....” เสียงครางยาวๆขาดๆที่ซีวอนได้ยินจนชินหูลากยาวตามมาพร้อมกับอ้อมแขนหนักๆที่ฟาดปักเข้ากลางหน้าอก เสียวหน้าด้านข้างแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียวตรงซึ่งหันมาทางเขา มุดเข้ามากับต้นแขนแกร่งที่ไม่ได้ถูกปกคลุมเหมือนกับอกแผ่นอกกว้างซึ่งเปลือยตากลมมาได้ค่อนคืนแล้ว
เขาเพ่งพินิจพิจารณาใบหน้าของคนข้างกายที่ตอนนี้ไม่สามารถระบุสถานะอะไรได้เพราะมันไม่มีคำไหนที่เหมาะสมกับเราสองคนอีก คยูฮยอนดูอ้วนขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะติดใจไวน์แถบยุโรป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูทุเรศทุรังเหมือนพวกหนุ่มใหญ่ติดแอลกอฮอลเท่าไหร่ ซีวอนกลับคิดว่าคยูฮยอนแบบมีเนื้อมีนวลนิดหน่อยแบบนี้หน่ะแหละที่เรียกว่าน่ารัก
นิ้วเรียวเกลี่ยไปที่ปลายจมูกคล้ายเวลาที่เข้าไปหยอกล้อกับแมวแสนดุในคาเฟ่แมวของพี่สาวคนโปรดและเจ้าแมวอวบก็มักจะแสดงปฏิเิริยาไม่ต่างอะไรจากเปอร์เชียจอมขี้เกียจที่เอาแต่นอนอืดตรงมุมคาเฟ่นั่นคือการย่นจมูกฟุดฟิด ขมวดคิ้วย่นจนหน้าตายู่ยี่ไปหมดแต่พอผ่านไปสักพัก โจวคยูฮยอนก็คลายปมทั้งหมดออกแล้วนอนกรนฟี้สบายได้เหมือนเดิม
คงเป็นเพราะโจวคยูฮยอนมีอะไรแบบนี้เขาถึงได้ตกหลุมรักเสมอ
ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก
ร่างสูงผินตัวออกมาจากตัวปัญหาที่ยังคงนอนนิ่งไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ยกท่อนแขนแกร่งกำยำขึ้นก่ายเหนือหน้าผากแล้วถอนหายใจออกมาอย่างคนแก่เสียดายเวลา ซึ่งมันก็จริง เขาแก่ขึ้นและกำลังรู้สึกเสียดายเวลาที่ตัวเองปล่อยมันลอยผ่านไปได้อย่างโง่เง่าเต่าตุ่น
เรื่องเพิ่งผ่านมาไม่นานแต่ซีวอนก็รู้สึกว่ามันนานจนควรจะลืมได้แล้ว
ควรกำหนดสถานะใหม่ให้กับตัวเองและเจ้าลูกแมวขี้คร้านนี่สักที
อย่างน้อยก็ก่อนพิธีวิวาห์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสี่วันข้างหน้า
เขากับคยูฮยอนเลิกรากันไปเป็นปีด้วยสาเหตุที่เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าใดนัก มันเหมือนเป็นการถอยเท้าออกมาคนละก้าวมากกว่าหลังจากธุรกิจโรงแรมของคยูฮยอนเติบโตได้ฟู่ฟ่าราวกับพลุที่จุดประกายเหนือท้องฟ้าในช่วงเทศกาล ไม่ต่างอะไรจากเขาที่มีความสุขกับอาชีพเชฟเปิดท้ายรถบรรทุกที่ขับวนไปทั่วโซลทุกวัน เราจบมันลงอย่างสวยงามบนเตียงนอนคิงส์ไซส์ภายในคอนโดของเขาเอง ตอนแรกเราคุยกันเรื่องแผนไปเที่ยวฤดูร้อนที่กำลังจะถึงแต่พอต้องระบุวันแน่นอนเราต่างเงียบ นอนมองตากันสักพักกระทั่งเขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหวและถามออกไปว่าอะไรกันแน่ที่อยู่ในใจของคยูฮยอนในตอนนั้น
ทะเลสีครามหรือว่าดวงตาสีน้ำตาลของผู้หญิงที่เขาบังเอิญเจอในร้านอาหารเมื่อช่วงบ่ายของวัน
คยูฮยอนไม่ได้ตอบเพียงแต่ช้อนดวงตากลมขึ้นมองเขา หยดน้ำสีใสเอ่อคลอพลางเบียดริมฝีปากเข้ามาบดขยี้บนกลีบปากล่างของเขา
“แม่บอกให้เราจบกัน"
“...”
“แม่บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้"
“...”
“ขอโทษ...” สั้นๆแต่บาดจิต... มันจบแบบนั้นนั่นแหละ... ไม่มีน้ำมีนวลอะไรทั้งสิ้น เนื้อล้วนๆ ไม่ต้องพูดก็รู้ได้ว่าขัดอะไรไม่ได้อีก
แต่ก็แปลกที่เรายังพยายามพาตัวเองมาเจอกันทุกครั้งเท่าที่จะมีโอกาส หลายครั้งที่การพบกันไม่ได้มีบทสนทนาอย่างอื่นนอกจาก "ทำแรงอีก" แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันสำคัญสักเท่าไหร่ เขาโอเคที่จะไม่รับฟังเรื่องราวใดๆ ในขณะที่คยูฮยอนก็คงชอบที่จะไม่เล่าอะไรออกมาเช่นกันในเมื่อเวลาของเราสองคนมันมีจำกัดเหลือเกิน
และเริ่มจำกัดมากขึ้นเมื่อการ์เชิญไปร่วมงานแต่งมาหย่อนถึงหน้าบ้าน
เพิ่งจะเมื่อวานนี้เอง...
“นอนท่าคนแก่" น้ำเสียงงัวเงียทำให้ซีวอนต้องหันหน้ากลับไปมองอีกรอบ ดวงตาปรือปรอยเหลือบมองเขาแบบครึ่งๆกลางๆก่อนจะหยีลงเมื่อรอยยิ้มยามเช้าปรากฎขึ้น โจวคยูฮยอนก็ยังคงทะเล้นได้จนแม้ในวินาทีคับขันสินะให้ตายสิ!
“ผมเหรอ?”
“คนข้างห้องมั้งหล่ะ อยู่กันสองคน"
“ก็เมื่อคืนมีคนเมาไม่รู้เรื่อง"
“มีคนเมาที่ตั้งใจทำเป็นไม่รู้เรื่องต่างหาก"
“อ้อ งั้นเหรอ?” ซีวอนมั่นใจว่าเขากำลังหมั่นไส้ไอ้คนเมาที่รู้เรื่องคนนั้นอยู่อย่างตะหงิดๆหล่ะ แต่สุดท้ายมันก็พังลงเหมือนอย่างทุกครั้งเมื่อคยูฮยอนโน้มตัวลงมาใกล้ๆแล้วซุกเข้ามานอนคลอเคลียอยู่กับอกไม่ต่างอะไรจากลูกแมวอ้อนขอขนม... เชื่อสิว่าสักวันเขาต้องเจอหูกับหางของเจ้าเหมียวตัวนี้ได้แน่ๆ
“งั้นแหละ"
“อย่ามาทำตาแบบนั้นเชียวนะโจวคยูฮยอน" ง่ามข้อนิ้วชี้กับนิ้วกลางของซีวอนหนีบปลายจมูกรั้นติดมันเอาไว้จนมันแดง ให้เจ้าตัวเขาร้องโอดโอยเล่น "ถ้าพี่จองซูไม่โทรมาบอกว่านายไปนั่งเมาอืดอยู่ที่ผับนั่นเดาซิว่าตัวเองจะกลับบ้านสภาพไหนหืม? คิดว่าเก่งมากหรือไงกัน?”
“...คิคิ"
“แหนะ ยังจะมาหัวเราะอีก"
“ซีวอนพูดแบบนี้แปลว่าซีวอนเป็นห่วงผม...” เสียงอู้อี้จากริมฝีปากบางที่ถูกซ่อนอยู่ใต้อุ้งมือหนามันสะกิดเตือนการกระทำของเขาอย่างไม่รู้ตัว แรงหนีบตรงข้อนิ้วผ่อนลงพร้อมกับดวงตาคมที่ต้องละออกมาจากมนตราของเจ้าเหมียวจอมแสบ
“...”
“ใช่ไหมหล่ะ?” คยูฮยอนถามย้ำอีกครั้งจนเสียงนั้นก้องกังวาลไปทั่วสมอง...
“...”
“ไม่เห็นต้องโกหกเลยว่าเกลียดผม"
“...”
“รู้ไหมว่าทำให้คนฟังเขาเสียใจ"
- - -
คยูฮยอนก็เกลียดทุกเรื่องที่มันทำให้ชเวซีวอนเปลี่ยนไปนั่นแหละ
ทั้งๆที่รู้ว่าส่วนมากมันเกิดขึ้นเพราะตัวเองทั้งนั้นแต่ทำไงก็แก้ไม่หายซะที
กลิ่นน้ำหอมคุ้นจมูกทำให้เขาต้องยอมเปิดตาขึ้นมาอีกรอบของวันเน่าๆที่ยังไม่ได้ก้าวพ้นไปไกลกว่าห้องน้ำตรงมุมซ้ายของปลายเท้าขวาด้วยซ้ำ ภาพปรือๆที่มองเห็นคือชเวซีวอนกำลังจับเสื้อเชิ๊ตเข้ามาคลุมแผงอกเปล่าๆ เดินง่วนวิ่งไปวิ่งมาเหมือนหาอะไรสักอย่างพร้อมกับคาบชิ้นขนมปังไว้ในปากของตัวเอง เจ้าคนตัวสูงขายาวเก้งก้างเผลอสะดุดขาเก้าอี้ที่วางพิงอยู่กับกำแพงจนเกิดเสียงดังลั่น เป็นผลให้ดวงตาคู่นั้นเหลือบมาสบมองกับเขาในช่วงเวลาหนึ่ง เหมือนจะมีแววของความประหลาดใจเจืออยู่ด้วยในนั้นก่อนที่มันจะวกกลับไปหาของต่อ
“ไปทำงานแล้วเหรอ?”
“อืม จะสี่โมงแล้ว" เสียงทุ้มตอบกลับเมื่อได้กระเป๋าสะพายที่ถูกเตะไปอยู่ใต้ชั้นวางของกลับมา "กับข้าวอยู่บนโต๊ะ หิวก็กิน...”
“อือ"
“ใครไม่รู้โทรมาสองสาย" เสียงทุ้มเว้นช่วงไปสักพักเมื่อเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว จริงสิ ลืมโทรศัพท์ไปเสียสนิทเลย "โทรศัพท์อยู่ในถังขยะใต้เตียงนะ"
ชเวซีวอนนี่มันเหมือนเดิมทุกระเบียดนิ้วเลยจริงๆ!
คยูฮยอนต่อบทสนทนาได้อีกสองสามประโยคเท่านั้นก็ต้องปล่อยให้เจ้าของห้องรีบไปทำงาน เคาะนิ้วเข้าออฟฟิศให้ตรงเวลา ภายในห้องสูทของคอนโดหรูชื่อดังกลับมาเป็นความเงียบอีกครั้งพร้อมกับความโดดเดียวลำพังชุดใหญ่
แล้วมันก็กลายเป็นเขาอีกจนได้ที่ต้องมานอนก่ายหน้าผากแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนอนหกฟุต ท่าคนแก่นั่นแหละ... เพิ่งว่าไปเมื่อเช้าพอตอนเย็นกลับเป็นเขาเสียเองที่มานอนอยู่ในท่านี้ ชีวิตนี่มันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ
เหมือนชเวซีวอนจะตัดเขาได้เยอะมากกว่าเดิมแล้วอีกยังไงก็ไม่รู้ คยูฮยอนเคยคิดว่าแบบนี้อาจจะดีกว่าที่มันเคยเป็นเมื่อก่อนแต่พอต้องมาเผชิญกับความรู้สึกพวกนี้ๆกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ชอบมันเลยสักนิด ไม่ชอบเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวหน่ะ
ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายยอมถอยห่างออกมาก่อน เผื่อว่าเราจะเซฟเซฟกันทั้งสองฝ่าย ความชิพหายคือมันดันไม่ได้มีใครเซฟเลยต่างหาก พอบอกว่าเลิกกันกลับกลายเป็นเรายิ่งเข้าหากันทุกเมื่อ บทสนทนาไม่มีแต่เราต่างก็รู้ดีว่ารู้สึกยังไงและไม่เคยปฏิเสธมันได้สักนิด เขาคิดว่าหลังงานสัมนาจบลงจะจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางแต่โลกนี่มันไม่ยุติธรรมเอามากๆเลย จู่ๆแม่ก็จับให้เขาแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ งานแต่งงานบ้าบอนั่นฉับพลันและเร่งเร้าจนเขาแทบไม่มีเวลาแก้ตัว
พอรู้ว่าเรื่องบานปลายแค่ไหนการ์ดก็ลอยไปอยู่ที่หน้าห้องของชเวซีวอนเรียบร้อยเสียแล้ว
ชีวิตพังของจริงมันเลยเริ่มต้นเมื่อคืนนั่นแหละ
ร่างบางสะบัดผ้าห่มออกจาตัวแล้วก้าวลงไปแตะพื้นไม้ปาร์เก้สีน้ำตาลเข้ม คยูฮยอนเหลือบมองเครื่องมือสื่อสารที่มันนอนแช่อิ่มอยู่ในถังขยะพลาสติกใบเล็ก ชั่งใจเลือกว่าจะปล่อยมันนอนแบบนั้นหรือหยิบมันขึ้นมาดี ซึ่งสุดท้ายเขาก็เลือกอย่างแรก (ความคิดแรกมักเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆเสมอ) ขายาวก้าวอาดๆไปยังห้องน้ำ จัดการล้างหน้าชำระตัวแบบเล็กๆน้อยๆพอให้สามารถลุกไปนั่งโต๊ะอาหารได้อย่างไม่รู้สึกละอาย แล้วจัดการกับไส้ขนมปังง่ายๆที่ซีวอนคลุกทิ้งไว้
ทูน่ามายองเนสกับผักกาดหอมแล้วก็มะเขือเทศ
มันคือชุดอาหารแมว ซีวอนเรียกแบบนั้น
ซึ่งแน่นอนว่าคยูฮยอนเต็มใจจะมีหนวดมีหางขึ้นมาทันที
ไม่ห่างออกไปจากขวดพริกไทยเท่าไหร่ การ์ดแต่งงานของเขาถูกวางหมิ่นเหม่อยู่ คล้ายจะไม่ได้รับความสนใจแต่ก็คงได้นั่นแหละ เพราะมิเช่นนั้นคุณเชฟตัวสูงเขาจะเอากระปุกซอสมะเขือเทศทับไว้กันปลิวทำไม... คยูฮยอนหยิบมันขึ้นมาดูผ่านๆแล้วเบ้หน้า แม่เลือกรูปที่เขาไม่หล่อเอาซะมากๆเลยหล่ะ...
ช้อนสแตนเลสปาดป้ายครีมมายองเนสสีขาวไปบนแผ่นขนมปัง คยูฮยอนง้างปากขึ้นเตรียมกัดเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงสั่นครืดของโทรศัพท์มือถือดังลั่นลอดถังขยะออกมาให้ได้ยิน มือทั้งสองข้างจึงทิ้งแซนด์วิชวางไว้บนโต๊ะอย่างเดิมและรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนที่เปิดประตูอ้าซ่า ชื่อของผู้ติดต่อปรากฏอยู่บนหน้าจอขนาดห้านิ้วของมัน...
นั่นทำให้เขาตัดสินใจใช้เท้าเขี่ยถังขยะกลับเข้าไปใต้เตียง
แซนด์วิชทูน่าของชเวซีวอน น่าสนใจกว่าเยอะเลย
- - -
เขาเกลียดที่ตัวเองยังเป็นแบบนี้
ยังคงยึดติดอยู่แบบนี้
ทงเฮด่าเขาว่าเป็นคนบ้าเมื่อเช้า และตอนนี้เขาก็กำลังรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ... เขากำลังจะเป็นบ้า น้อยที่สุดก็ควรจะหยุกหยิบการ์ดแต่งงานนี้ขึ้นมามองแล้วคว่ำลงแล้วมองแล้วคว่ำลงเสียที แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากได้แต่หยิบๆวางๆมันอยู่แบบนี้จนจำเนื้อความได้แทบทุกตัวอักษรบนการ์ดใบนั้น
ดีไม่ดีมันอาจจะเปื่อยคามือเขาไปเลยในอีกสองสามนาทีข้างหน้านี้
วันนี้เขาทำพลาดไปสองเมนูถึงได้โดนลีทงเฮ เพื่อนเชฟด่าโขกเข้าให้ชุดใหญ่และไล่กลับบ้านมาเพราะท่าทางเลื่อนลอย... ก็จะไม่เลื่อนลอยยังไงในเมื่อมะรืนนี้แฟนเก่าของเขากำลังจะเข้าประตูวิวาห์... แน่สิ ซีวอนอยากจะตะโกนออกไปแบบนั้น ให้ทุกคำพูดสับลงตรงหน้าผากชื้นเหงื่อของทงเฮแทบบ้า แต่ก็มาคิดได้เสียก่อนว่ามันไม่ได้เป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับความเลื่อนลอยนั้นเลย
แฟนเก่ากำลังจะแต่งงาน..
ใช่... แฟนเก่าแต่งงาน แล้วแฟนเก่าอย่างเขาต้องกังวลอะไร
ในเมื่อเรามันต่างเป็นของเก่าของกันและกัน แล้วจะพะว้าพะวงทำไม
ซึ่งนั่นแหละ... นั่นก็ด้วยที่ทำให้ซีวอนจะเป็นบ้าเอาเข้าให้ เพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังกังวลอะไรอยู่กันแน่ เขาไม่มั่นใจเลยว่าไอ้อาการลุกลี้ลุกลนนี่มันเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะความไม่ลงรอยของสติหรือเป็นเพราะความสับสนที่มันกำลังก่อร่างสร้างตัวเป็นคำถามว่าที่จริงแล้วเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
ไหนบอกอยากระบุสถานะให้ชัดเจนไง ทำไมพอคิดได้ว่าจะเป็นแฟนเก่าแล้วดันไม่ชอบใจ จะมาขอเปลี่ยนใหม่อีกครั้งกันเล่า!
“กูแม่งต้องบ้าแน่ๆ โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!” เสียงทุ้มตะโกนดังลั่น เอามือทั้งสองข้างกุมหัวไว้แน่นก่อนจะทุ่มตัวฟุบลงไปกับโต๊ะไม้ตรงหน้า กระนั้นนิ้วก็ยังไม่วายเอื้อมไปเกี่ยวเอาแผ่นกระดาษกลิ่นฟุ้งนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาจ้องมันนานเป็นพิเศษราวกับจะใช้สายตาของตัวเองดูดหมึกสีทองที่พิมพ์ตัวอักษรพวกนั้นให้หายไปเสียให้หมด ภาพใบหน้าของเจ้าบ่าวที่ปริ้นท์อยู่บนแผ่นกระดาษกลายเป็นจุดรวมสายตาของเขาในเวลานี้
เป็นเหมือนศูนย์รวมสติที่เตือนให้รู้ว่าต้องทำยังไง
“รู้ไหมว่าทำให้คนฟังเขาเสียใจ"
เขาทำโจวคยูฮยอนเสียใจมาครั้งที่เท่าไหร่แล้ววะ !!
ก็ไม่รู้ทำไม่าเสียงอ้อนๆที่มันเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันก่อนมันมีผลนัก... มีผลมากถึงขนาดทำให้เขายอมดันการ์ดแผ่นนั้นเข้าไปในซอกของช่องวางพริกไทยได้ เชฟหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองหมดเวลาค่อนวันไปกับการนั่งแช่ไร้เรี่ยวแรง
ซีวอนคิดว่า... เขาต้องไปตามแมวเปอร์เชียร์หง่าวๆกลับมา
ก็ในเมื่อแมวมันอยากอยู่กับเขา จะปล่อยไปอยู่ที่อื่นทำไม
- - -
เรื่องมันมีอยู่ว่า.... คยูฮยอนควบคุมตัวเองไม่ได้
และเรื่องทั้งหมด ก็มีอยู่เท่านั้นจริงๆ
เขาแทบจะลืมระบบขนส่งใต้ดินของเกาหลีไปสนิทแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ใช้มันคงเป็นเมื่อตอนเป็นนักศึกษาปีสามที่พยายามฝ่าการจราจรติดขัดเพื่อไปให้ทันวิชาสุนทรพจน์ของอาจารย์แก่เหงือกที่เวลาพูดยังไม่รู้เลยว่าจะบังคับให้ปากตัวเองหยุดสั่นยังไง และตอนนี้ในเวลาเกือบจะเที่ยงคืน โจวคยูฮยอนก็มายืนพิงเสา ฟังเสียงคอมพิวเตอร์กล่าวบอกสถานีไปเรื่อยราวกับพวกตกงาน ไม่มีอะไรทำประมาณนั้น
จุดหมายปลายทางของคืนนี้ยังไม่แน่ชัด ซึ่งเมื่อมันเป็นแบบนั้นก็พอจะเดาได้ในทันทีเลยว่าที่ไหนที่เขาอยากไป แย่หน่อยที่เขาเผลอนั่งเลยมาสามสถานีแล้วและกำลังจะกลายเป็นสถานีที่สี่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า รู้ทั้งรู้ว่ากำลังทิ้งห่างไปเรื่อยแต่ก็ยังไม่คิดเรื่องลงจากขบวนรถเพื่อไปสลับสถานนีสักที
มือเรียวดันโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขายาวหลังหยิบมันขึ้นมาเลื่อนเพลงในลิสท์ให้ผ่านไป วันนี้เป็นวันที่เชื่องช้าจนเผลอคิดว่าเรื่องหนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นเรื่องโกหกที่ชนเผ่ามายันไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเสียแล้ว เขาเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยอาการเมาค้างจากคืนเมื่อวาน สำรอกอาหารชั้นหรูจากผับปิดชื่อดังออกมาจนหมด ดวงตาบวมตุ่ยเพราะต้องตื่นไปเข้าประชุมแต่เช้า ซึ่งก็นับว่าโชคดีมากที่เลขาคนดีได้จัดเตรียมอาหารเช้าแก้แฮงค์เอาไว้ให้ หลังจากนั้นก็มาเครียดกับแผนงานที่ต้องแก้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบจนพลาดมื้อเที่ยง กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายแม่โทรศัพท์มาสั่งให้เขาพาว่าที่เมียในอนาคตออกไปกินข้าว... แน่นอนว่าเกิดสงครามประสาทชุดใหญ่และนั่นนำพาให้เขากระชากตูดออกมาจากออฟฟิศตอนประมาณทุ่มครึ่ง แวะซื้อต๊อกโบกีของคุณป้ารถเข็นมาแก้หิวสองไม้ก่อนจะหุนหันเดินเรื่อยเปื่อย เตลิดเปิดเปิงไปต่อไหนถึงไหน
และหลังกระดกเหล้าลงคอกับล่อบารากุไปหนึ่งเตา.... เขาก็มายืนเปื่อยพิงเสาอย่่างที่เป็นอยู่
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวอีกครั้งเมื่อเพลงในลิสท์เปลี่ยนไปอีกครั้ง มันเป็ยเพลงที่เขาได้ยินครั้งแรกจากริมฝีปากของผู้ชายตัวสูงโย่งโก้งที่มีเสียงโทนแข็งไม่เหมาะกับการฮัมเพลงเอาเสียเลย... แต่ความจริงก็คือเพลงนั้นเหมาะกับชเวซีวอนที่สุด เขาคิดว่าแม้แต่ต้นฉบับเองก็ยังร้องได้ไม่กินใจเท่ากับตอนที่ซีวอนฮัมมันเบาๆอยู่ในระยะแขนเอื้อมถึง
Stop and stare
I think I'm moving but I go no where
Yeah, I know that everyone gets scared
But I've become what I can't be...
คยูฮยอนไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของเพลง เขาก็ได้แต่แปลมันไปตามที่ความรู้ภาษาอังกฤษของตัวเองที่มีอยู่และก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยตรงตามที่เจ้าของเพลงเขาตั้งใจให้เป็นสักเท่าไหร่ แต่มันก็สะท้อนชีวิตของเขาในเวลานี้ได้ดีทีเดียว
คิดว่าตัวเองกำลังเคลื่อนไปที่ไหนสักแห่ง
แต่ที่จริง... ก็อยู่ที่เดิม
มันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักอย่างตั้งแต่วันที่เลิกรากับชเวซีวอนไป ความรู้สึกทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปไหน ชเวซีวอนเป็นภาพยังไงก็ยังคงเป็นภาพแบบนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ สถานะอาจคลุมเคลือแต่ความรู้สึกของเราสองคนล้วนชัดเจนจนบางทีเขาก็สงสัยว่าจะบอกเลิกกันไปทำไม
ทั้งที่รู้สึกดีขนาดนี้
ทั้งที่ขาดกันไม่ได้ขนาดนี้...
ทั้งที่ทุกครั้งเมื่อรู้สึกไม่มีที่ไป
ก็ยังคงมาหยุดยืนอยู่หลังบานประตูบานเดิมแบบนี้
แกร่ก...
“...”
“...”
- - -
เป็นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ไม่โอเคเลย
ตอนนี้หนาวชะมัด -_-
:) Shalunla
ความคิดเห็น