คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Coagulation III
{ Coagulation }
ยังมีอีกหลายเรื่อง
ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
‘เล่นเกมส์กันไหมเซฮุน..’ เสียงหวานเอ่ยรั้งเด็กนักเรียนที่ยังคงอยู่ในเครื่องแบบ รองเท้าหนังหุ้มข้อปิดหัวหยุดลงแล้วหันหลังกลับไปมองยังที่มาของเสียง ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น
‘ครับ ?’
‘นายแอบชอบคิมจงอินอยู่ไม่ใช่เหรอ.... เล่นกับฮยองสักเกมส์ ดีไม่ดีความรักของนายอาจจะสมหวังก็ได้นะ’ เจ้าของเกมส์หน้าหวานร่างเล็กก้าวเท้าเข้ามาประชิดเด็กหนุ่มที่คาดว่าอายุคงจะน้อยกว่าเขาสักหนึ่งปี พยอนแบคยอนช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวานที่มีกรอบแว่นคาดทับไว้ด้วยสายตาเปี่ยมเลศนัย แต่น่าเสียดายที่เด็กน้อยอย่างเซฮุนไม่เข้าใจคำว่าเลศนัยมากเท่าที่ควร
‘หมายความว่าไงครับ?’
‘ก็ถ้านายทำให้จงอินรักนายได้.. ฮยองก็จะเลิกกับจงอิน’
‘…’
‘คิมจงอินก็จะเป็นของนายไงเซฮุน...’ เจ้าของชื่อเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงพร้อมกับใช้ดวงตาของตัวเองจ้องมองร่างตรงหน้าเหมือนต้องการหาหลักฐานอะไรบางอย่างที่จะยืนยันความจริงแท้ของคำพูดเหล่านั้น ซึ่งดวงตาแข็งกร้าวที่ส่งผ่านมาหาเขาก็แข็งมากพอที่จะยืนยันทุกอย่าง
‘...’
‘...พี่ชื่อแบคยอน... มันก็เกมส์สนุกๆหน่าเซฮุน มันจะจริงจังก็ต่อเมื่อนายชนะเท่านั้นแหละ’ เสียงหวานยังคงพร่ำบอก กระนั้นท่าทีนิ่งสนิทของอีกฝ่ายก็ทำให้แบคยอนเริ่มหวั่นใจในข้อเสนอของตัวเอง
‘…’
‘เอาเป็นว่า ถ้านายตกลง.... ก็โทรมาหาพี่แล้วกัน’ มือเล็กยัดเศษกระดาษที่มีเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองเขียนอยู่ลวกๆใส่ลงในมือของเครื่องมือคนสำคัญที่เขาอุตส่าห์ควานหาตัวแทบตายในช่วงวันสองวันนี้ ก่อนจะเปิดโอกาสให้เซฮุนได้ทบทวนอย่างจริงจังด้วยการก้าวเดินห่างออกไป
‘เดี๋ยวครับ!’ ยังไม่ทันจะก้าวได้ครบ 5 ก้าว เสียงของนักเรียนหนุ่มก็เอ่ยเรียกเขาเอาไว้
‘…’ แบคยอนผินใบหน้าหกลับมามองคนที่รั้งเขาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงดังกังวาน ดวงตากลมเหลือบเห็นริมฝีปากของโอเซฮุนขยับยุกยิกเหมือนคนลังเลใจ ก่อนที่มันจะอ้าออกพร้อมกับประโยคที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
‘ผมตกลงครับ! เกมส์เริ่มเมื่อไหร่ บอกผมด้วยนะครับ...’
- - -
แบคยอนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง มองบรรยากาศฟ้าครึ้มที่ชวนนอนมากกว่าเรียน กลอกดวงตาเรียวเล็กมองภาพผู้คนเบื้องล่างที่เดินขวักไขว่ไปมาอย่างเบื่อหน่ายโดยปล่อยให้เสียงพูดของอาจารย์เป็นดั่งเพลงบรรเลงขับกล่อมเขาให้เข้าสู่ห้วงนิทรา
“แบคยอน... ชานยอลฝากมาบอกว่าเย็นนี้ให้แบคไปเจอที่ร้านเลยนะ” จงแดหันมากระซิบกับเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วๆเพื่อไม่ให้มันรบกวนคนอื่นที่อยู่ในห้อง ใบหน้าหวานตวัดกลับไปมองเพื่อนร่วมชั้นที่หันไปจดจ่อกับบทเรียนแล้ว เขาพยักหน้าให้คนด้านข้างรู้ว่าเขาได้ยินแล้วก่อนจะเสใบหน้าของตัวเองกลับไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม
เจ้าของชื่อที่อยู่ในประโยคเมื่อครู่ปรากฏขึ้นในกรอบสายตาของพยอนแบคยอนโดยบังเอิญ... ปาร์คชานยอลสะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเข้ม ยืนพักขาอยู่ใต้ต้นไม้ที่ปลูกกีดขวางทางเดินได้อย่างน่าโมโห ใบหน้าของพยอนแบคยอนเปื้อนยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนรักกำลังกระชับกระเป๋าเข้ากับบ่าของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ชานยอลดึงดูดสายตาของเขาได้เสมอ... และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ดวงตาของเขาก็จ้องมองเพียงแค่ปาร์คชานยอลเท่านั้น
เขาเผลอใช้นิ้วเกลี่ยบานกระจกเย็นเฉียบ เหมือนพยายามจะสัมผัสชายหนุ่มซึ่งเป็นที่รักจากตรงนี้ แต่แล้วมือเรียวก็ต้องสะดุดลงเมื่อร่างเล็กของใครบางคนวิ่งปรี่เข้ามาซุกอยู่กับแผ่นอกกว้างที่เขาชอบกดจูบซ้ำไปซ้ำมาจนมันเป็นรอยแดง... คิ้วของพยอนแบคยอนขมวดเข้าหากันและรอยยิ้มหวานก็หุบลง
บทสนทนาเริ่มขึ้นสองสามคำ แบคยอนที่อยู่ไกลห่างหัวใจของตัวเองมากขนาดนี้ก็มิอาจรับรู้เลยว่ามีคำพูดอะไรกลั่นออกมาจากทั้งคู่บ้าง ลมหายใจพรูออกมาจากปลายจมูกและได้แต่หวังว่าเวรกรรมที่เขาก่อไว้จะไม่สนองคืนมาเร็วนัก...
แต่เขาก็คิดผิดเมื่อปาร์คชานยอลผู้ครอบครองหัวใจของเขาเอาไว้รั้งร่างผอมนั้นเข้าไปจูบ ริมฝีปากที่แบคยอนเคยเข้าใจว่าเป็นของเขาเพียงลำพังมาได้สามสี่ปีตอนนี้เป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น ผู้ชายตัวผอมผมสีน้ำตาลคาราเมลคนนั้นยกแขนขึ้นโอบรอบคอของชานยอลเอาไว้ คล้องคอหลวมๆโดยไม่กลัวว่ามันจะหลุดลงมา... แบคยอนหันกลับมามองหน้าห้องแล้วสะกดสิ่งที่อยู่ในละคอให้กลับเข้าไป พลางสวดภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก
หลายเดือนแล้วที่เขาได้ยินเรื่องชานยอลกับลู่หานจากปากของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ราวกับคนพวกนั้นต้องการให้เขารับรู้ แต่พยอนแบคยอนเก่งเรื่องการทำหูทวนลมมากเกินกว่าจะใส่ใจ ปาร์คชานยอลเป็นความรักที่เขาทุ่มเทให้ทั้งหมดทั้งมวลเท่าที่ตัวเองจะมี แววตาละมุนละไมคู่นั้นที่มองมา จริงใจกับเขาเสมอจนเขาไม่กล้าจับผิด... ต่อให้เสียงลือเสียงเล่าอ้างเหล่านั้นจะดังมากกว่าคำว่ารักที่ชานยอลบอกเขา แต่มันก็ไม่สำคัญ
แล้วทุกอย่างก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบางที ความคิดของเขามันอาจจะผิดไป... เขารักปาร์คชานยอล เขาเป็นแฟนปาร์คชานยอล แต่ชานยอลอาจจะไม่ได้รักเขา และไม่ได้เป็นแฟนของเขาอีกต่อไปแล้ว
น่าประหลาดเหลือเกิน ที่ตอนนี้เขาเห็นคิมจงอินอยู่เต็มไปหมด...
คิมจงอินมีน้ำตา....
คิมจงอินกำลังเอื้อมมือมาคว้าเขาเอาไว้....
คิมจงอินนั่งลงข้างเขาแทนจงแด....
คิมจงอินปรากฎตัวที่หน้าห้อง ข้างอาจารย์...
คิมจงอิน คุกเข่าลงอ้อนวอน
‘อย่าไปนะพยอน... อย่าทิ้งผมไปนะ’
เสียงทุ้มกังวานไปทั่วโสตประสาทของเขา... เสียงอ้อนวอนปนสะอื้น เรียกชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเพลงในแผ่นเสียง คิมจงอินเอื้อมมือออกมา พยายามจะกอดเขาเอาไว้ และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคิมจงอินไปแล้วอีกคน....
“ไม่! ไม่จริง!!!!” เสียงหวานตะหวาดก้องออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู พยอนแบคยอนยันตัวขึ้นจากเก้าอี้ท่ามกลางสายตาของเพื่อนในห้องที่มองมา เรือนกายที่ชื้นเหงื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก้าวถอยหลังออกไปจากโต๊ะก่อนจะนั่งลงงอตัวที่พื้นห้อง... ความเจ็บปวดที่อกรัดรึงอย่างร้ายกาจเสียจนเขาหายใจไม่ออก
ก่อนจะหมดสติ... เขารู้สึกว่าคิมจงอินประคองใบหน้าเขาเอาไว้
สัมผัสนั้นกระด้างแข็ง และไม่สบายเอาเสียเลย
นี่ใช่ไหม... ความเจ็บปวดที่จงอินต้องแบกรับ
นี่จงอินรักเขามากขนาดนี้เลยหรือไงกัน
- - -
“...”
“เป็นอะไร...” คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอ่ยทักเมื่อเปลือกตาบางเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาเจ้าเล่ห์เจ้ากลที่บัดนี้กำลังปรือขึ้นมองเขาอย่างยากลำบาก คริสวางฝ่ามือของตัวเองลงบนกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลเข้มแล้วลูบเบาๆขัดกับประโยคแข็งห้วนที่ตัวเองเลือกใช้
“อ่ะ... อี้...อี้ฟาน...”
“หืม... เป็นอะไรไปพยอน...” นิ้วโป้งเลื่อนลงมาเกลี่ยเม็ดน้ำตรงหางตา เขามองหาคำตอบจากดวงตากลมสิ้นฤทธิ์อย่างยากเย็นเพราะพยอนตัวเล็กไม่ยอมหันมาสบตากับเขาเสียที
“...”
“โอเค พักไปก่อน.... เดี๋ยวกูโทรบอกให้ชานยอลมารับ”
“ไม่....”
“กูบอกไอ้ชยอลไปแล้วว่ามึงหมดสติ อยู่ห้องพยาบาล... หมอนั่นแทบบ้า” คริสไม่ทันได้ฟังคำคัดค้านจากริมฝีปากบางเฉียบ ร่างสูงพยายามสร้างสถานการณ์ให้ดีขึ้นด้วยเสียงหัวเราะในลำคอที่พยายามจะสื่อว่าน้ำเสียงตระหนกของปาร์คชานยอลนั้นน่าขันมากแค่ไหนตอนที่เขาบังเอิญเจอหมอนั่นนั่งเกลากีต้าร์อยู่ใต้ต้นไม้
“...”
“แต่ชยอลมันมีธุระ อีกสักพักคงมาแหละ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนมึงก่อน...” เขาก้มลงมองคนป่วยที่เสใบหน้ามาทางเขามากขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ทันได้ตั้งตัว แบคยอนก็ลุกขึ้นมากอดเขาเอาไว้เสียแน่นด้วยเรี่ยวแรงมากมายจากไหนไม่รู้ ทุกอย่างเงียบลงเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะตามมาด้วยเสียงสะอื้นฮักระลอกใหญ่ที่ทำให้คริสต้องยอมยกแขนของตัวเองขึ้นกอดตอบ
เขากดสันจมูกของตัวเองลงที่ขมับชื้นเหงื่อของเพื่อนสนิทแล้วเบนหน้าไปมองร่างบางที่นั่งอยู่ด้านหลัง แววตาว่างเปล่าของเซฮุนกำลังจ้องมาที่เขา แต่ในช่วงนาทีนั้นเขาไม่มีเวลามานั่งตีความหาเศษหาเลยกับดวงตาเรียวคู่นั้นให้มากนัก คริสพยักหน้าให้เซฮุนเล็กน้อยเป็นการขอเวลา และโอเซฮุนก็เข้าใจมันได้โดยเร็ว ร่างบางจึงขยับปากให้คำตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ผมรอข้างนอกนะครับ” โครงหน้าเรียวขยับรับรู้หลังจากได้รับคำตอบอันน่าพึงใจ ร่างโปร่งบางปิดบานประตูลงอย่างเบามือที่สุด ทิ้งภายในห้องที่ตลบอวลไปด้วยกลิ่นยาฉุนให้เหลือเพียงพยอนแบคยอนและอู๋อี้ฟาน
อ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดคนป่วยอยู่ค่อย ๆ คลายออก อู๋อี้ฟานตัดสินใจใช้ดวงตาของตัวเองควานหาคำตอบอีกครั้ง แต่แบคยอนก็เอาแต่สะอื้นเสียงขาดจนตัวโยนซ้ำไปซ้ำมาพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หยุดไหลไม่ได้อย่างลวก ๆ
“ใจเย็นก่อน...”
“ฮึก...ฮึก...”
“พยอนอ่า...”
“อี้ฟาน...ฮือออ.... อี้ฟาน...”
“...” เขาจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อพบว่าเพื่อนตัวเล็กไม่ยอมทำตามที่เขาบอกเลยสักนิด และมันก็เป็นเรื่องน่าโมโหอันเป็นเอกลักษณ์ของพยอนแบคยอนนั่นแหละ
“ชานยอล...ฮึก...ชานยอล จะ ฮือ...จะทิ้งฉัน....ฮืออ”
“อ่า แบค...”
“ฮึก...เขาจะทิ้งฉัน..ทิ้ง ฮือ... เหมือนที่ฉัน ฮึก...ฉันทิ้งจง...ฮือ จงอิน” คริสวางฝ่ามือลงบนแผ่นหลังอุ่น เขาสัมผัสความชื้นจากคลื่นเหงื่อที่ซึมซาบออกมานอกผ้าคอตต้อนก่อนจะรั้งร่างของอีกคนเข้ามาซุกในอกของเขาอีกครั้ง... น้ำตามากมายทำให้แผ่นอกกว้างเย็นเฉียบเพราะมันเปียกเปรอะ
คริสสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว
บางอย่างในดวงตากลมใสที่ร้ายเสมอ....
ได้อันตรทานหายไปแต่มี ปาร์คชานยอล ปรากฎขึ้นมาแทน
- - -
“อ่า... นายชื่ออะไรนะ” ชานยอลที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหนื่อยหอบเอ่ยถามคนหน้านิ่งที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งพร้อมกับประมวลกฎหมายเล่มโต เซฮุนขยับแว่นสายตาที่เหมือนจะช่วยปรับสภาพการมองเห็นเฉพาะกับหนังสือเท่านั้นออกแล้วจ้องมองใบหน้าของผู้ชายตัวโปร่งอีกครั้ง
“เซฮุนครับ” เขาให้คำตอบออกไป... ผู้ชายคนนั้นทำท่าเหมือนจะนึกออกแล้วขยับเข้ามาใกล้เขาอีกก้าว
“นั่นสิ! โอเซฮุน!! เฮ้อ...เหอะๆ แบคยอนอยู่.... อยู่หรือเปล่า?” ชานยอลท้าวแขนทั้งสองข้างลงกับหัวเข่าของตัวเอง เสียงหอบหายใจในประโยคเหล่านั้นเรียกความสนใจจากใบหน้านิ่งได้เป็นอย่างดี... เขาจำชานยอลได้ ปาร์คชานยอลคือคนรักของแบคยอนฮยอง... เขาจดจำผู้ชายคนนี้เอาไว้ด้วยคำๆนั้น
ทั้งที่เขาก็ยังสงสัย.... แล้วจงอินหล่ะ ?
จงอินเป็นอะไรสำหรับแบคยอนกันแน่...
“อยู่ด้านในครับ” เขาให้คำตอบกับผู้ชายที่ในดวงตาสีชาคู่นั้นเต็มไปด้วยสุนทรียภาพบางอย่าง ทันทีที่ได้คำตอบชานยอลก็ทำท่าทำทางเหมือนจะวิ่งปราดเขาไป... แต่อะไรบางอย่างในร่างกายของโอเซฮุนก็สั่งให้แขนเรียวรีบเอื้อมไปคว้าข้อมือของชานยอลเอาไว้ให้ทันการณ์
“แต่...พี่คริสกำลังคุยกับพี่แบคยอนอยู่”
“...”
“รอแป้บนึงดีกว่านะครับ” โอเซฮุุนไม่ใช่ผู้ชายเข้าใจอะไรยาก เพียงแต่วินาทีนี้เขารู้สึกว่าในลำคอเล็กๆของตัวเองกำลังตีบตันเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ในนั้น บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเขานึกภาพระหว่างคริสและแบคยอนกับคำเรียกอันแสนสนิทสนม
อะไรคือสิ่งที่เซฮุนไม่รู้เกี่ยวกับสองคนนี้... สิ่งนั้นนั่นแหละ
ต้นเหตุที่ทำให้ลำคอของเขา... ตีบตัน
“อ่าว... ชยอล” เจ้าของน้ำเสียงโทนเบสที่ตราประทับอยู่ในความคิดเอ่ยเรียกผู้ชายอีกคนที่เขาจดจำในฐานะคนรักของแบคยอน เซฮุนเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงโปร่งซึ่งกำลังสาวเท้าตรงเข้ามาหลังจากที่ปิดบานประตูเรียบร้อยแล้ว คริสใช้ดวงตาปรายมองฝ่ามือของเขาที่จับข้อมือของชานยอลเอาไว้ คิ้วเข้มขมวดเข้ามาหากันโดยอัตโนมัติ
สายตาประหลาดนั่นทำให้โอเซฮุนปล่อยมือออกมาแล้วรีบขยับกายออกห่างราวกับการอยู่ใกล้ชิดคนอื่นเป็นเรื่องผิดบาปที่พระเจ้าบัญญัติไว้ในข้อห้าม
“ฝากพยอนด้วยหล่ะ”
“แบคไม่เป็นไรมากใช่ไหม ?”
“คำถามนั้นกูต้องเป็นคนถามมึงต่างหากชานยอล...” ฝ่ามือใหญ่ตบที่บ่าของปาร์คชานบอล ดวงตาของคริสมีนัยของการบอกใบ้บางสิ่งบางอย่างที่ชานยอลรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องผิดปกติ... สิ่งนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แบคยอนต้องนอนอยู่ในห้องพยาบาล... ชานยอลบอกตัวเองอย่างนั้นก่อนจะรีบกล่าวคำขอบคุณอันแผ่วเบาแล้วผลักบานประตูเข้าไป
“... ป่ะครับ เรากลับกันก่อนดีกว่า” คริาขยับตัวเข้าใกล้คนที่นั่งขดตัวอยู่บนม้าแล้วยื่นมือของตัวเองไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้...
“ครับ” เสียงหวานต่ำขานรับพลางหอบประมวลกฎหมายขึ้นมาติดตัว ร่างผอมถูกแรงไม่มากไม่น้อยรั้งให้ลุกขึ้นยืนรวดเร็ว... แม้ว่ามือของคริสจะจับข้อมือของเขาเอาไว้อยู่แต่โอเซฮุนก็ขยับเท้าในจังหวะที่ช้าลงกว่าคนตัวโตหนึ่งระดับ
เพื่อลอบยิ้มบางๆให้กับความอุ่นรอบข้อมือ
- - -
“มึงบ้าไปแล้วหรือไงวะ?!” อู๋อี้ฟานตะโกนเสียงดังพร้อมกับฟาดฝ่ามือของตัวเองลงบนโต๊ะ เสียงกังวานของมันทำให้คนทั้งโรงอาหารต่างจับจ้องมา มวลสายตามากมายสะกิดให้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้วหย่อนตัวคืนสู่ที่นั่งของตัวเองอีกครั้ง
“ช่วยฉันหน่อยเถอะนะอี้ฟาน....”
“เล่นเป็น....แฟนมึงเนี่ยนะ? พี่จงอินจะรู้สึกยังไง?!”
“เจ็บไง....”
“...”
“นะอี้ฟาน... นายก็รู้ว่าฉันรักชานยอลไม่ใช่พี่จงอิน ที่ฉันยอมคบกับพี่เขาก็แค่ความสงสารต่างหาก ตอนนี้มีคนมาแทนฉันแล้วนะ มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องปล่อยพี่เขาไปแล้วทำตามใจตัวเองสักที...” คำอธิบายของเพื่อนร่างเล็กทำให้เขาต้องหรี่ตามองอย่างไม่วางใจ
“...ทำไมนายไม่ลองคุยกับพี่จงอินดีดีก่อน”
“นายก็รู้ว่าพี่เขาไม่ปล่อยฉันไปแน่”
“...ใครที่จะมาแทนนาย?” อู๋อี้ฟานชะงักรองเท้านักเรียนของตัวเองเอาไว้ เขาหันหน้าไปมองเพื่อนตัวผอมที่คบกันมานานแสนนานแล้วเพ่งมองเข้าไปในดวงตากลมคู่นั้นเพื่อสร้างความมั่นใจกับตัวเองว่าพยอนแบคยอนจะไม่ใช่เล่ห์กลอะไรหลอกลวงให้เขาติดกับ
“โอเซฮุนไง...”
“...”
“น้องเซฮุน เขาตกลงเล่นเกมส์กับฉันแล้วนะ” แบคยอนยิ้มอย่างพึงใจเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานของรุ่นน้องที่ตนเองเพิ่งจะไปทาบทามมาได้เมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่มีข่าววงในหลุดเข้าหูเขามาว่าโอเซฮุนคนนั้นแอบปิ๊งอดีตประธานนักเรียนคิมจงอินมานานแสนนาน... “นายรู้จักหรือเปล่า ?”
“อื้ม...ก็เคยได้ยินมาบ้าง”
“แล้วเป็นไงหล่ะ? ผ่านมั๊ย? น้องเขาชอบพี่จงอินมานานแล้วด้วย”
“เหรอ...” อี้ฟานไม่ได้ตั้งใจต่อปากต่อคำด้วยคำตอบห้วนสั้นเหล่านั้น แต่เสียงของเขามันกำลังถูกความจริงบางอย่างกลืนให้หายไปจากลำคอ... ร่างกายสูงโปร่งเริ่มจะชาเชือนไร้ความรู้สึก ทำไมเขาจะไม่รู้จักโอเซฮุนคนนั้นหล่ะ...
บ้าหรือไง.... แบคยอนทำไมชอบถามอะไรบ้าๆนะ
เป็นไปไม่ได้หรอก ที่เขาจะไม่รู้จักหัวใจของตัวเอง
- - -
“ฮยองหิวเหรอครับ ?” เซฮุนเปิดบทสนทนาท่ามกลางความเงียบระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟขึ้น เขามองท่าทางร้อนรนของคริสที่พยายามชะเง้อคอมองไปยังโซนครัวของร้านเพื่อตามหาบิบิมบับที่ตนเองสั่งไป
“นิดหน่อยหน่ะ ตอนเที่ยงไม่ได้กินข้าว”
“ทำไมไม่กินหล่ะครับ? มันไม่ดีเลยนะครับ ฮยองไม่ควรอดอาหารแม้แต่มื้อเดียว” สีหน้า ท่าทางและน้ำเสียงจริงจังของเซฮุนทำให้คริสขำพรืดออกมา ให้ตายสิ... เขาไม่เคยเห็นคนที่จริงจังอะไรกับการกินอาหารครบ 3 มื้อได้มากขนาดนี้เลยนะ
“ลืมหน่ะ มัวแต่ทำนั่นทำนี่เพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ต้องเรียนแล้ว” เขาตอบไปตามความจริงที่เกิดขึ้น และได้แต่หวังว่าความจริงนั้นจะทำให้คนตรงหน้าคลายปมคิ้วออกได้บ้าง หากแต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะโอเซฮุนยังคงเพ่งสายตามองใบหน้าเขาเขม็งด้วยแววตาซึ่งแสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน
“นั่นไม่ดีเลย...” ร่างบางยังพึมพำได้ไม่ทันจบก็ถูกขัดด้วยบิบิมบับในกระทะร้อนที่ยกมาเสิร์ฟพอดี
“เอาหน่า~” คริสปัดความสนใจของตัวเองปันลงมาให้กับจานข้าวกระทะร้อนตรงหน้า มือหนาจับตะเกียบลงไปคลุกข้าวยำอย่างคล่องแคล่วแล้วลองพุ้ยคำแรกขึ้นมาชิมว่ารสชาติของมันพอเหมาะพอดีหรือยัง...
เซฮุนเองก็ก้มหน้าลงไปคลุกในจานของตนเองเช่นกัน แต่ปมคิ้วเรียวก็ยังคงขมวดเข้าหากันเป็นโบว์อยู่ เขาไม่ชอบเลยจริงๆเวลาที่คริสละเลยตัวเองแต่กลับใส่ใจเขาได้ครบทุกอย่าง มันค่อนข้างทำให้โอเซฮุนรู้สึกเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองไม่สามารถดูแลร่างสูงนี้ให้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่
เจ้าของปลายตะเกียบเหล็กแบนยังคงคลุกกับข้าวให้เข้ากันอย่างค่อยเป็นค่อยไปสะดุ้งกายเมื่อพบว่าลำคอของตัวเองถูกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโอบรั้งเอาไว้ อี้ฟานวางอาวุธในมือลงข้างจานกระทะร้อนพร้อมกับบังคับให้ใบหน้าของเขาเงยขึ้นมา
ดวงตาคมคายสบมองลงตรงหว่างคิ้วก่อนจะกดจูบลงไปเพื่อคลายปมของมันออก ริมฝีปากหยักแนบซ้ำลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะไล่ต่ำมาจนถึงปลายจมูกโด่ง อู๋อี้ฟานขบมันเบาๆต่างท่าทีหยอกเอินก่อนจะเคลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปาก... ทิ้งระยะห่างเอาไว้ช่วงหนึ่งให้ลมหายใจร้อนเป่ารดกันจนคุ้นชินแล้วค่อยแนบกลีบปากลงมาช้าๆอย่างนุ่มนวล
ปลายลิ้นร้อนซอกซอนแซะไซร้ไปตามกลีบปากหยุ่นนุ่มสีชมพูที่ค่อยๆเผยอออกอย่างน่ารัก เหมือนกับฝ่ามือที่เลื่อนขึ้นประคองบังคับใบหน้าเรียวเอาไว้ในอุ้งมืออย่างค่อยเป็นค่อยไป ลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปภายในริมฝีปาก สัมผัสความชื้นหวานฉ่ำภายในที่มาพร้อมกับแรงกวัดตอบเบาบางจากปลายลิ้นของอีกคน
เซฮุนยกมือของตัวเองขึ้นเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาบนใบหน้าคมคายขึ้นไปทัดใบหูพร้อมกับเอียงใบหน้าของตัวเองให้เข้ารับกับองศาที่จะช่วยให้รสจูบนั้นกดลึกเข้าไปได้มากกว่าเดิม
เป็นเวลานานกว่าที่คริสจะยอมผละริมฝีปากออกมาเมื่อเสียงครางเครือที่ไม่ได้มาจากลำคอของเขาเองประท้วงหาอากาศหายใจ สันจมูกโด่งเคลื่อนย้ายไปที่ข้างแก้มแล้วสูดกลิ่นหอมจากผิวเนื้อเนียนเสียฟอดใหญ่ก่อนจะพาตัวเองกลับมา... ทั้งตัวและหัวใจ
“อย่าคิดมากเลยครับ คราวหน้าพี่จะไม่ลืมแล้ว”
“ครับ” รอยยิ้มของคริสประทับลงกับจอประสาทตาของเขา แต่ก็รู้สึกราวกับมันได้สลักเข้ามาในดวงตาของโอเซฮุนเสียแล้ว.... เสียงหวานพร่าขานรับออกไปด้วยคำตอบรับสั้นๆที่ช่างให้ความรู้สึกไม่ได้ดูดำดูดีอะไรกับคำพูดจากคริส แต่มันเปล่าเลย....
มันเป็นเพราะหัวใจของเซฮุนกำลังเต้นแรงมากเกินไปต่างหาก
- - -
เซฮุนพลิกตัวไปมองผ่านบานหน้าต่าง ท้องฟ้าสีดำสนิททำไม่ได้น่ามอง หากแต่เขากำลังหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับบรรยากาศภายในห้องที่รังจะทำให้ใบหน้าของผู้ชายตัวสูงที่ตอนนี้ชำระกายอยู่ในห้องน้ำปรากฏชัดเจนขึ้นมาในสมองของเขา
ขาเรียวก่ายบนหมอนข้างสีน้ำตาลที่คริสใช้วางกั้นตรงขอบเตียง เรียวแขนเล็กโอบกอดมันเอาไว้ประหนึ่งว่าหมอนข้างนั้นมีชีวิต... เซฮุนจินตนาการไปถึงใบหน้าของคิมจงอินที่เคยก้มลงมองเวลาเขาซุกตัวเข้าไปหาอ้อมอกนั้น ดวงตาละมุนละไมฉาบสะท้อนไปด้วยภาพของโอเซฮุน
เหมือนจะสำเร็จ... ภารกิจของเขาเหมือนจะไปได้ดีและสวยงาม จงอินเหมือนจะรักเขาแล้วเมื่อตอนนั้น อ้อมแขนอุ่นๆกับฝ่ามือที่ยกขึ้นลูบหัวเขาเต็มไปด้วยความรักมากมาย รอยจูบตรงข้างแก้มทำให้หัวใจของเซฮุนเต้น เรียกเสียงหัวเราะของคิมจงอินได้เช่นกัน
เขาคิดว่ามันคือความรัก...
แต่แล้วใบหน้าของคริสก็ฉายซ้อนขึ้นมาเหมือนกับมีภาพใหม่ถูกแปะวางลงไป คริสที่เต็มไปด้วยความรักและในดวงตาคู่นั้น เซฮุนได้เห็นตัวเองยืนอยู่เต็มไปหมด อ้อมกอดของคริสก็อุ่นเหมือนกับกอดของจงอิน จนบางครั้งเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะละลายไปกับอกกว้างที่มีเสียงหัวใจดังรัวอยู่ในนั้น
รสจูบของคริสหวานเหมือนน้ำผึ้งแต่พอมันลึกซึ้งก็แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่ทำให้เขาทรงตัวไม่ได้ ผิดกับจูบเพียงผิวเผินของคิมจงอินที่ไม่เคยแตะลงมาบนริมฝีปากของเขา...
โอเซฮุนสะดุ้งตัวเมื่อนึกถึงความจริงข้อนั้น
จริงสินะ... คิมจงอินไม่เคยสัมผัสได้เขาได้ลึกซึ้งมากไปกว่าการหอมแก้มเลย ในขณะที่อู๋อี้ฟานครอบครองและเป็นเจ้าของทุกสัดส่วนของร่างกายเขาด้วยรอยรักสีแดงไปแล้ว
“เหม่ออะไรอยู่ครับ...” อ้อมแขนแกร่งเลื้อยเข้ามาโอบอยู่ที่รอบเอวของเขาเหมือนเคย กลิ่นสบู่บนหัวไหล่เปลือยของร่างสูงกำยำทำให้เขาต้องผินหน้ากลับไปมองเจ้าของร่างใหญ่ที่ทำให้เตียงนุ่มยวบยุบลงไป
“คิดเรื่อยเปื่อยครับ... ไม่มีอะไรหรอก” เซฮุนให้คำตอบก่อนจะเอื้อมไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ตรงลำคอของคริสมาถือไว้ เขาดันตัวเองขึ้นอย่างยากลำบางเมื่อเสื้อยืดตัวใหญ่ของคริสรั้งต้นขาเรียวไม่ให้ขยับได้ดั่งใจ “เช็ดผมก่อนครับ”
“ไม่อยากลุกเลย” คนตัวใหญ่กว่าพึมพำออกมาเมื่อพบว่าร่างกายที่ทิ้งราบลงไปกับเตียงของเขามันยากต่อการดันตัวขึ้นมานั่งอีกครั้งแม้จะมีโอเซฮุนถือผ้ารออยู่ก็ตามที... วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ
“แต่นอนแบบผมเปียกไม่ได้นะครับ ฮยองจะไม่สบาย” คนที่ผมแห้งแล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง... วันนี้อี้ฟานดูดื้อดึงผิดปกติและมันคงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการวิ่งวุ่นเพราะพยอนแบคยอนเมื่อตอนเย็น ทันทีที่คิมจงแดโทรเข้ามา คริสก็ดีดตัวเองจากม้านั่งแล้ววิ่งตรงไปยังห้องพยาบาลทันทีแต่ก็ต้องวิ่งกลับไปกลับมาเพื่อเก็บกระเป๋าของแบคยอนออกมาจากห้องเลตเชอร์ด้วย
“เหนื่อยเกินจะลุกแล้วจริงๆครับ...” แขนยาวยืดออกไปเรียกคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ให้เอนตัวลงมานอนและเลิกขัดใจเขาเสียที เซฮุนมองการกระทำออดอ้อนนั้นด้วยใบหน้าที่พยายามตีให้เรียบเฉยที่สุดเท่าที่ความสามารถของตัวเองจะเอื้ออำนวย สุดท้ายร่างบางเลือกขยับขาไปนั่งคร่อมอยู่บนหน้าขาของอีกคนเอาไว้แล้วโน้มตัวลงไปเอาผ้าเช็ดผมคลุมบนศีรษะชื้น
“...” ท่าทางยากลำบากของโอเซฮุนที่พยายามเอี้ยวลงมาหาเขาทำให้คริสเผลอคลี่ยิ้ม แขนยาวสอดเข้าไปโอบไว้รอบเอวคอดที่โน้มลงมาจนปลายจมูกรั้นชิดกับอกกว้าง เซฮุนเกยคางมนของตัวเองไว้บนแผ่นอกราบในขณะที่ฝ่ามือของตัวเองก็ขยี้เส้นผมสีเข้มด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กอย่างไม่ถนัดถนี่นัก
“ฮะๆ... ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้นะเซฮุนนา” เสียงหัวเราะของคริสทำให้คนที่พยายามจะเช็ดผมให้ต้องขยับกายขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่มันก็สายเกินไปแล้วเมื่อแขนแกร่งกอดเขาเสียแน่นแล้วพลิกกายขึ้นมาคร่อมทับเอาไว้
“...” เซฮุนหาคำตอบให้กับร่างสูงไม่เจอ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์ที่ต้องทำตามคำสั่งซึ่งก็คือการเช็ดผมให้แห้ง ฝ่ามือยังคงจับผ้าขนหนูในมือลงบนศีรษะของคริสอีกครั้งแล้วค่อยๆขยี้เบาๆให้เส้นผมของคนที่คร่อมทับอยู่นั้นหมาดลงไป
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นก้มลงมาประชิด ปลายจมูกที่มีลมหายใจอุ่นซุกที่ต้นคอก่อนจะเลื่อนสูงขึ้นมาตามแนวกราม ความร้อนรุ่มที่ราดรดลงมาบนผิวเนื้อทำลายเรี่ยวแรงที่มีอยู่ให้สลายไป ฝ่ามือไม่อาจกุมผ้าขนหนูเอาไว้ได้ โอเซฮุนจำนนต่อผัสสะเร้าอารมณ์นั้นด้วยการวางฝ่ามือของตัวเองแนบลงกับกลุ่มผมเปียกชื้น เลื่อนนิ้วตัวเองลงมาเกลี่ยที่หลังคอของอีกคน
ริมฝีปากลากขึ้นมาจูบที่ปลายคาง คริสเลื่อนมันให้สูงขึ้นเพื่อกดจูบลงบนริมฝีปากเรียวสวย เขาขบเม้มเบาๆบนกลีบกุหลาบนุ่มที่เผยอออกอย่างไม่คิดจะแทรกเข้าไปภายในเพื่อสร้างความลึกขึ้ง
“รู้มั๊ยเซฮุน.. เป็นตัวแทน...มันเจ็บนะ” เสียงทุ้มพึมพำตัดกับเสียงลมหายใจร้อนที่รดรินอยู่ตรงปลายจมูก “แต่ถ้าเป็นแล้วพี่จะได้อยู่ใกล้นาย... พี่จะยอม” บางทีการสัมผัสเซฮุนมากเกินไปก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดทุกที ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่... ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเหมือนจงอินมากเท่านั้น
เจ้าของริมฝีปากที่ถูกเม้มเอาไว้จนแน่นเปิดเปลือกตาขึ้นมองร่างที่คร่อมอยู่เหนือตัวเอง เซฮุนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมของคริสเหมือนที่เขาอยากจะทำเมื่อต้องการความมั่นใจคืนมา เพราะในดวงตาคู่นั้นสะท้อนเพียงภาพของเขา... ก้อนเนื้อมีชีวิตที่อกข้างซ้ายทำงานอย่างหนักพอกับสมองที่เอาแต่แปะภาพสลับระหว่างจงอินกับคริสซ้ำไปซ้ำมา
ริมฝีปากบางได้รับอิสระหลังจากที่คริสถูกจ้องมอง ร่างสูงซึ่งท้าวแขนอยู่ข้างหัวของเขาปล่อยท่อนแขนของตัวเองออกและกำลังจะทรุดตัวลงไปแต่ฝ่ามือบางก็รั้งคนตรงหน้าเอาไว้ด้วยการออกแรงกดที่ต้นคอ นิ้วเรียวเกลี่ยลงบนอกเปล่าเปลือยของอีกคนแล้ววางลงที่ตำแหน่งหัวใจ
“ผม..ไม่ได้ให้ฮยองเป็นตัวแทนนะครับ”
“...”
“ฮยองเป็นอู๋อี้ฟาน... อี้ฟานของผม”
เซฮุนไม่แน่ใจว่านั้นคือการยอมแพ้หรือเปล่า...แต่เสียงหัวใจก็สั่งให้เขาพูดออกไปแบบนั้น
To Be Continue
.ใกล้จบแล้วหล่ะ -.- รู้แล้วใช่ไหม แบคชอบใคร อิอิ -.-
stroberi ★
ความคิดเห็น