คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : field 02
02
ต้องใช่เวลามากขนาดไหน
ถึงจะเข้าใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างถ่องแท้
“ซุปข้าวโพด?”
“เอ่อ...ครับ...” พ่อครัวตัวน้อยส่งเสียงให้คำตอบแผ่วเบาด้วยความหวากกลัว มือทั้งสองข้างก็ดันชามซุปกับจานบรรจุขนมปังสองก้อนไปข้างหน้าเพื่อให้คนตัวสูงกว่าเหมือนเช่นทุกเช้า ซีวอนสบถเป็นลมออกมาก่อนจะตีสีหน้าบึ้งตึงแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า
“ฉันกินซุปข้าวโพดมาสี่วันติด... หน้าฉันกำลังจะกลายเป็นสีเหลืองแล้วคยูฮยอน!” นิ้วของร่างสูงชี้ไปบนใบหน้าของตัวเอง เขย่านิ้วชี้ไปมาอย่างอารมณ์เสีย ฝ่ายคนโดนบ่นใส่ก็ได้แต่ก้มหัวน้อมรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นอย่างจำนน คยูฮยอนยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นจนซีวอนเริ่มตักซุปคำแรกเข้าปากคยูฮยอนถึงได้กล้านั่งลงที่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
“ไว้พรุ่งนี้... ผมจะทำเมนูอื่นให้นะครับ" แม้เป็นคำพูดที่ไม่ได้มีหลักค้ำประกันแน่นหนาแต่มันก็ทำให้ชเวซีวอนปักใจเชื่อได้อย่างไม่ยากเย็นว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะได้เจออะไรก็ตามบนโต๊ะอาหารที่ไม่ใช่ซุปข้าวโพด
สำหรับเช้านี้ซึ่งไม่มีทางเลือกมากมาย ผู้อาศัยตัวโตจำใจตักซุปครีมเนื้อข้นสีเหลืองอ่อนเข้าปาก ต้องยอมรับจริงๆว่าคยูฮยอนเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยติดอันดับเลยก็ว่าได้ นั่นพอทำให้เขาสามารถทนกินซุปข้นนี้ต่อไปได้อีกมื้อ แต่ซีวอนขอสาบานไว้เลยว่าถ้าพรุ่งนี้เขาเดินลงมาเห็นซุปข้าวโพดอีกครั้ง บ้านนี้ต้องโดนเผาแน่ๆ
“คุณซีวอนครับ... เดี๋ยวเช้านี้จะมีคนมารับคุณไปที่บ้านใหญ่นะครับ"
“ทำไมหล่ะ?” น้ำเสียงติดห้วนเอ่ยถามขึ้นมาทันที
“คุณกีโฮบอกให้คุณไปหาหน่ะครับ"
"อยู่มาสี่วันนึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าพ่อตัวเองซะแล้ว"
"...”
“เหอะ... โชคดีที่ฉันยังไม่ถูกลืม" เสียงทุ้มเอ่ยประชดประชันทั้งรอยยิ้ม เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะประชดเท่าไหร่นัก ชเวกีโฮหน่ะเหรอจะลืมลูกชาย... โอ่ย...ต่อให้ควายตายยกคอก วัวหายทั้งเรือน แม่ไก่ติดโรคยกเล้า ผู้ชายพุงโตคนนั้นก็ยังสามารถเจียดเวลาคิดถึงชเวซีวอนได้อยู่ดีแหละหน่า
- - -
เสียงแม่ไก่ร้องลั่นไปทั่วโรงเลี้ยงสัตว์ พนักงานมากหน้าหลายตาวุ่นวายอยู่กับการตักแกลบใส่กระสอบปุ๋ย บางสวนกำลังจัดการกับลูกวัวที่ไดรับบาดเจ็บเมื่อเดินไม่ทันฝูง ซีวอนเบ้หน้าให้กับภาพเหล่านั้นขณะเดินตามใครสักคนที่น่าจะเป็นมือขวาคนใหม่ของพ่อเข้าไปในบ้านไม้หลังใหญ่
“ทางนี้ครับ" เสียงทุ้มของผู้ชายผิวเข้มคนนั้นเรียกให้เขาละสายตาออกมาจากภาพหมูสามสี่ตัวกำลังเอาจมูกซุกดิน ซีวอนเดิมตามแผ่นหลังของอีกคนเข้าไปยังตัวบ้านชั้นในที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีชมพูอ่อนก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าซึ่งยังคงตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนั่งเล่นเหมือนเคย
“นายว่านายชื่ออะไรนะ?” เขาหันกลับไปถามย้ำอีกครั้งก่อนที่ผู้นำทางคนนั้นจะได้ทันก้าวไปที่หน้าประตูห้องทำงานของพ่อ
“จงอินครับ คิมจงอิน"
“คิมจงอิน...โอเค สวัสดีคิมจงอิน" รอยยิ้มเป็นมิตรหยิบยื่นไปให้ผู้ชายตรงหน้าเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ซีวอนจะเอนตัวลงไปบนโซฟา แล้วปิดเปลือกตาลง
จงอินเดินเข้าไปหลังบานประตูไม้ซึ่งมีเสียงโทรศัพท์วุ่นวายลอยแทรกมาให้ได้ยินรางๆ ซีวอนเดาได้ทันทีว่ามันคงจะเป็นสายของร้านค้าที่โทรเข้ามาเช็คราคาไข่ไก่หรือไม่ก็ร้านส่งอาหารสัตว์ที่ชอบโทรมาถามออร์เดอร์ตอนที่พ่อยังไม่ได้ทันตรวจดูอะไรสักอย่าง
เขาหัวเราะออกมาเมื่อจำได้ว่าพ่อมักปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังระงมทั่วบ้านเพราะตัวเองยังไม่พร้อมจะสั่งของ
มันเป็นความทรงจำวัยเด็กที่ค่อนข้างเลือนรางทีเดียวหล่ะ...
“เอิกกกกก!”
“เอ็งไม่เคยเลิกนิสัยเรอเรี่ยราดเลยสินะ ไอ้ลูกเสือ!” ปล่อยลมออกจากปากได้ไม่เท่าไหร่ ผู้มาเยือนร่างสูงก็ต้องดีดตัวขึ้นจากโซฟาเมื่อปากกาเหล็กลอยละลิ่วเข้ามาใกล้ เฉียดหัวของเขาไปเพียงเล็กน้อย ซีวอนมองเจ้าของปากกาที่ยืนเท้าเอวอยู่เบื้องหน้า พุงโย้เย้ลูกกลมไม่ได้ยุบลงไปแต่มันก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมา ใบหน้าบึ้งตึงเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงใส่เสื้อเชิ๊ตลายสก็อตกับกางเกงเอี้ยมขายาว และไม่พลาดที่จะสวมหมวกหนังปีกบานเอาไว้แม้ตอนอยู่ในที่ร่มก็ตาม
“มันเลิกยากเหมือนที่พ่อไม่เคยเลิกซิการ์นั่นแหละหน่า" ซีวอนพยักเพยิดไปที่ซิการ์มวนใหญ่ในมือของบิดา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกจุดไฟแต่ก็พอเดาได้ว่าอีกไม่ช้าไม่นาน ควันจะขโมงไปทั่วห้องนั่งเล่นแห่งนี้
“ปีกกล้าขาแข็งแล้วก็ช่างยอกย้อน... ออกไปก่อนก็ได้จงอิน ฉันคงต้องสะสางกับไอ้เจ้าลูกเสือนี่อีกสักพัก" พ่อหันไปพูดกับจงอินที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลังอีกเล็กน้อยคล้ายพวกบอร์ดิการ์ดมาเฟีย หมอนั่นค้อมหัวอย่างสุภาพแล้วก้าวออกไปจากห้องโดยไม่ลืมปิดประตูให้เรียบร้อย
“สะสางอะไรกับผมหล่ะพ่อ... นี่เพิ่งมาเหนื่อยๆ"
“ข้าควรพูดคำนั้นมากกว่า ให้ตายสิ... ไก่ตายไปสี่ตัวเพราะไอ้หมาไม่รักดีพวกนั้น พระเจ้าช่วยเถอะ" พ่อทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วพิสูจน์คำกล่าวของเขาด้วยการจุดเปลวไฟที่ปลายมวนซิการ์สีน้ำตาล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยิ้มจางๆก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างที่เหลืออยู่ "แล้วที่นั่นเป็นไง... มาร์คัสสบายดี?”
“ดีมากครับพ่อ... เกือบเผาบ้านตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าเลย"
“ฮ่าๆ เอ็งก็ดูแลน้องมันหน่อย มันก็เผลอเรอไปตามประสาน่ะแหละ"
“พ่อควรเป็นห่วงและชวนลูกชายมานอนบ้านต่างหาก"
“อะไรกัน... อย่าทำตัวเป็นลูกแหง่ติดบ้านสิวะ...” ชายแก่หันกลับมาพ่นควันใส่ใบหน้าคมเข้มของลูกชายที่นั่งอยู่ข้างกายประหนึ่งว่านั่นเป็นการลงโทษเด็กไม่รู้จักโต "มาร์คัสเลี้ยงดอกคัทเตอร์ได้เก่งที่สุดในไร่ของเราแล้ว เอ็งควรเรียนรู้จากเขาให้มากๆ"
“อันนั้นผมรู้พ่อ... แต่พ่อคิดดูดิ ขาผมยาวเลยเตียงอีกนะ แถมห้องก็เล็กนิดเดียว นี่กินมื้อเช้าเป็นซุปข้าวโพดมาสี่วันติดแล้วด้วย...”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ... มันเรียกว่าการฝึกตนเว้ย! ยังไงซะเอ็งก็ต้องอยู่กับมาร์คัสไปก่อน จนกว่าดอกคัทเตอร์ที่เอ็งลงแรงไปมันจะงอกสวยน่ะนะ...” ชเวกีโฮตบบ่าของลูกชายแทนการให้กำลังใจก่อนจะเอื้อมแขนไปคว้าเอาหมวกปีกกว้างที่วางไว้บนโต๊ะกาแฟขึ้นมาโปะลงบนหัวของลูกชาย "ป่ะ... ไปดูแม่ไก่สุดสวยกับข้าดีกว่า"
- - -
เสียงวงกบเกาะสนิมไม่ได้ปลุกให้คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทรารู้สึกตัวขึ้นมาได้เลยสักนิด เด็กน้อยผู้มีดวงตาสีฟ้ายังคงผ่อนลมหายใจเข้าออกเนิบนาบ ปล่อยตัวเองระเริงอยู่ในโลกของความฝันโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าใครบางคนกำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้เสียจนเงาใหญ่ทาบมิดลงไปบนเรือนร่างพอดี
ซีวอนพรูลมหายใจยาวเหยียดด้วยความรู้สึกสองขั้ว ใจนึงเขาโล่งที่คยูฮยอนไม่ตื่นขึ้นจากฝันแต่อีกใจหนึ่งเขาก็กังวลเพราะถ้าหากคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่เขา มันจะเกิดอะไรขึ้น
กีต้าร์ราคาเฉียดห้าลานวอนของเขานอนเท้งเต้งอยู่ข้างบนเชียวนะ
แล้วถ้ามันหายขึ้นมาหล่ะก็....
“อ๊ะ! คุณซีวอน...” เจ้าของบ้านที่รู้สึกตัวขึ้นมาอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งยืนค้ำ ทิ้งเงาพาดอยู่เหนือตัวเอง มาร์คัสกุลีกุจอลุกขึ้นนั่งแล้วใช้หลังมือขยี้ดวงตาที่พร่ามัวของตัวเองลบอาการง่วงงุนทันที
“นี่! ขยี้ตาแบบนั้นก็แย่สิ...เอามือออก" ซีวอนไม่เพียงตำหนิด้วยเสียงดังแต่ยังเอื้อมมือไปดึงมือเล็กนั้นออกให้ห่างจากดวงตาสีฟ้า เส้นคิ้วเข้มขดขมวดเข้าหากันจนเป็นปมแน่นเสริมให้ใบหน้าบึ้งตึงยิ่งดูดุเข้าไปอีก
“ข ขอโทษ...ขอโทษครับ"
“ขยี้แบบนี้มันไม่ดี ตาจะบวม"
“แหะๆ... คุณซีวอนมานานหรือยังครับ?” ถามเบี่ยงประเด็นออกไปเพื่อไม่ให้คนตัวสูงต่อว่าได้อีก
“ไม่นานหรอก...” ซีวอนตอบอย่างขอไปทีขณะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ออกคำสั่งให้คยูฮยอนเป็นฝ่ายหลบด้วยการผลักหัวไหล่เล็กเบาๆก่อนจะทิ้งทั้งร่างกายลงกับพนักพิง เอาเท้าก่ายไว้บนโต๊ะไม่ทำมือเบื้องหน้าแล้ววางหมวกปีกกว้างของพ่อซ้อนลงบนช่วงขายาวอีกที
“เหนื่อยเหรอครับ?”
“อืม"
“กลิ่นแบบนี้ คุณซีวอนไปฟาร์มไก่มาแน่เลย" เด็กน้อยผู้เริ่มตื่นเต็มตาส่งคำถามไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ซีวอนเพียงแค่พยักหน้ารับก่อนจะเอนคอพับลงไปกับเบาะนุ่มที่มีรอยขาด กลิ่นชื้นเป็นอะไรที่ไม่พึงประสงค์แต่เพราะความเหนื่อยล้าทำให้ซีวอนยอมอดทนต่อมันโดยไม่ปริปากโวยวาย
ในขณะที่เจ้าของดวงตาสีฟ้าได้แต่มองเสี้ยวใบหน้าด้านข้างอันแสนคมคร้าม สันจมูกโด่งสูงราวสันเขื่อนช่างรับได้ดีกับริมฝีปากหยักสวยราวกับใช้ดินสอวาด ประกอบอย่างลงตัวด้วยดวงตาคมเข้ม ทุกอย่างบนใบหน้าของชเวซีวอนสมบูรณ์จนน่าสงสัยว่าเป็นภาพวาดหรือเปล่า
อาจเป็นเพราะความเงียบทำให้ซีวอนหลับเร็วกว่าทุกครั้ง เสียงกรนเบาๆเรียกรอยยิ้มจากคนที่เพิ่งลุกขึ้นจากห้วงนิทราให้ผุดขึ้นมาได้ มือเรียวเอื้อมไปปัดปอยผมสีดำตรงหน้าผากให้ขยับห่างไปจากดวงตาที่ซ่อนอยู่
“ผมอยากให้พี่จำผมได้จัง...”
“...”
“แค่จำได้... ก็พอ"
เด็กน้อยลุกออกไปจากโซฟาเพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็นที่ดีกว่าซุปถั่วหรือซุปข้าวโพด กระนั้นก็ยังคงคอยพะวงหันกลับมามองชเวซีวอนอยู่หลายครั้ง เขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะเดินจากซีวอนไปเองทั้งที่ระยะทางที่ว่าไม่ได้ไกลมากขนาดนั้น
แต่สำหรับซีวอนมันคงไม่ยากเลยที่จะจากใครสักคนไป
ใครสักคนที่ว่า... คงมีเขารวมอยู่ในนั้นด้วย
- - -
#fieldwonkyu
04012016
ความคิดเห็น