ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu } Every Night Stand

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER I.

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 56


    CHAPTER I
    แรกพบสบตา


    ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง !

     

                “ฮื่ออออ...” ร่างสูงใหญ่สงเสียงคำรามออกมาจากลำคอใส่หมอนนุ่มใบใหญ่ที่รองรับศีรษะของตัวเองเอาไว้ได้ไม่ถึงสามชั่วโมงดีนัก แขนแกร่งพยายามตลบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมหัวตัวเองเพื่อตัดการรับรู้ทางโสตออกไป กระนั้นเสียงปึงปังจากบานประตูก็ยังดังลอดมาสร้างความรำคาญใจไม่เลิกราเสียที

     

                เสียงเคาะเริ่มถี่รัวจนความอดทนของหนุ่มใหญ่ได้ขาดสะบั้นลง หัวกลมทุยที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีน้ำตาลชี้ฟูดีดขึ้นมาจากก้อนผ้าห่อนุ่น ฝ่ามือที่เมื่อครู่พยายามตลบผ้าห่มเปลี่ยนมาขยีเปลือกตาของตัวเองสองสามครั้งแล้วเจ้าตัวก็ก้าวขายาวเหยียดลงมาจากเตียง เดินตุปัดตุ้เป๋ไปยังบานประตูที่มีแรงสั่นสะเทือนจากการเคาะเป็นระยะ

     

    ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง !

     

                “บ้านแม่งไม่มีประตูให้เคาะรึไงวะ” เสียงทุ้มต่ำพึมพำในลำคอของตัวเองในขณะที่พยายามปลดโซ่กลอนประตูห้องออก อ้าปากหาวออกมากว้าง ๆ เพื่อหวังให้ขับไล่ความง่วงงุนที่เข้าปกคลุมร่างกายให้หายไปแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นอกจากทำให้เขาต้องอ้าปากหาวออกมาอีกครั้ง เจ้าของห้องสูทขนาดใหญ่จึงจำใจผลักบานประตูออกโดยไม่สนใจมองช่องตาแมวก่อนด้วยซ้ำ

     

                “เคาะหาพ่อหามะ... อ่าว...เชี่ยคิบอม...”

     

                “ซีวอน ! กูมีเรื่องขอให้มึงช่วยหน่อย คืองี้นะ...”

     

                “เข้ามา...” ขยับหลบให้อีกคนได้แทรกกายเข้ามา แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสภาพกระหืดกระหอบก็ไม่คิดขยับตัว แถมยังส่ายหัวปฏิเสธอีกต่างหาก

     

                “ไม่เข้า ไม่ไปไหน ไม่อะไรทั้งสิ้น ตอนนี้กูรีบมาก... กูฝากน้องกูหน่อย ! เอ้า คยูฮยอน.... มานี่สิ... นี่นะ มึงช่วยดูน้องให้กูหน่อย คือกูมีเรื่องสำคัญมากในชีวิต ทงเฮหนีกูไปมิซิสซิปปี้ ดังนั้นกูต้องตามไป... กูฝากน้องไว้กับมึงหน่อยนะ น้องกูชื่อคยูฮยอน เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ว่าง่าย สุภาพเรียบร้อย...โอเคนะ กูขอบคุณมึงมาก ตอนนี้กูต้องรีบไปขึ้นเครื่องแล้ว กูจะดูแลตัวเองดีที่สุดไม่ต้องห่วงกู แต่มึงต้องดูน้องกูให้ดีที่สุด... โอ้ย ซีวอน กูซึ้งใจมึงมาก แล้วกูจะรีบกลับมา ไปนะ....” เมื่อแร็พจบเจ้าของคำพูดยาวเหยียดเหล่านั้นก็ดันร่างผอมที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังขึ้นมาปะทะกับอกของเขาแล้ววิ่งออกไปด้วยความเร็วติดจรวด... เร็วมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเหมือนตดจนชเวซีวอนได้แต่ยืนนิ่งเพื่อทบทวนเรื่องราวเมื่อสามสี่วินาทีก่อนอีกครั้ง

     

    ไอ้เหี้ยคิบอมพูดเองเออเองหมดทุกประโยค
    แม่งไม่สนใจด้วยซ้ำว่าขาตอบตกลงหรือเปล่า...

     

                “=___=

     

                “เอ่อ... คือ...”

     

                “...เข้ามาก่อน” ในเมื่อตัวเองหมดสิทธิ์จะปฏิเสธ (อันที่จริงไม่ได้รับสิทธิ์นั้นด้วยซ้ำ) ซีวอนจึงต้องจำยอมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม ร่างสูงเดินห่างออกมาจากบานประตูเพื่อเปิดทางให้คนตรงหน้าได้เข้ามาด้านในห้องเสียก่อน และถ้าสังเกตดูดี ๆ แล้วเจ้าเด็กตัวผอมนั่นก็ดูตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรจากเขาเท่าไหร่

     

                “คือ...ผม...”

     

                “...” ซีวอนยืนนิ่ง จ้องใบหน้าขาวผ่องของคนที่เข้ามายืนอยู่ในห้องของเขาด้วยสีหน้างงงวย ไอ้เด็กที่ชื่อว่าอะไรฮยอน ๆ นั่นเกาหัวแกรก ๆ พร้อมกับกลอกตากลม ๆ ของมันไปมาเหมือนกำลังหาคำพูดเพื่ออธิบายอะไรสักอย่างให้เขาฟัง เขาก็เลยตัดสินใจที่จะยืนเงียบเพื่อรอฟังคำอธิบายของคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ แน่นอน... ชเวซีวอนเองก็ต้องการรู้เรื่องอะไรมากกว่าคำว่า “ไปตามทงเฮที่อเมริกา” ของคิบอมเหมือนกัน

     

                “...คือ...”

     

                “...”

     

                “..ผม...”

     

                “...”

     

                “.... ผม เอ่อ...ผม.... ผม..ชื่อคยูฮยอนนะครับ โจวคยูฮยอน...”

     

    โอเค... ไม่มีอะไรทำให้เขากระจ่างใจเลยสักนิด -__-

     

    ในทางกลับกัน คนที่กำลังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกได้แต่ช้อนดวงตากลมใสของตัวเองขึ้นมองคนที่มีความสูงทิ้งห่างไปเกือบข้อศอก ครั้นเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่ยังปรือปรอยเพราะความง่วงนอน คยูฮยอนก็เผลอก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจเพราะเขารู้สึกว่าใบหน้าของพี่ชายตรงหน้าได้ถ่ายทอดความไม่พอใจอะไรบางอย่างออกมาอย่างชัดเจนและเขาก็รับสายตาดุร้ายนั่นเข้าไปเต็ม ๆ

     

                “...อืม...พี่...”

     

                “ครับ..พี่...”

     

                “พี่ชื่อซีวอน ชเวซีวอน” เห็นว่าอีกฝ่ายแนะนำชื่อของตัวเองจึงถือโอกาสแนะนำบ้างและปัดความใคร่รู้ของตัวเองออกไป ทั้งที่ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันควรจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่การรู้จักชื่อคนที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสักพักก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเท่าไหร่

     

                “ครับ...พี่ซีวอน..เอ่อ...ผม”

     

                “โอเค นายต้องอยู่ที่นี่...สักพัก และพี่หวังว่ามันจะไม่ใช่พักใหญ่”

     

                “อ่า...”

     

                “กินอะไรมาหรือยัง ?” ร่างสูงตัดสินใจเปลี่ยนประเด็นสนทนาของตัวเองกระทันหันเมื่อเห็นว่าเด็กตรงหน้าเริ่มจะมีท่าทีอึดอัดเมื่อพูดถึงเรื่องของการย้ายเคหสถาน เจ้าของห้องเดินนำไปยังโซฟาสีน้ำตาลที่กลางห้องแล้วกวักมือเรียกให้อีกคนมานั่งลงเสียก่อน ซึ่งเด็กน้อยที่เมื่อสักครู่เขาได้ยินคิบอมบอกว่า ว่าง่าย ก็ค่อย ๆ ย่องตามมาหย่อนตัวลงบนโซฟาโดยมีเขายืนค้ำหัวอยู่

     

                “...”

     

                “เอ่อ..”

     

                “...นั่งไปก่อนแล้วกัน พี่จะไปนอนต่อ...”

     

                “แล้วผม...”

     

                “ทำอะไรก็ทำไป เดี๋ยวตื่นมา... ค่อยว่ากัน” ซีวอนหาวออกมาหวอดใหญ่ก่อนจะก้าวขาตรงไปยังประตูห้องนอนของตัวเองที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว เขายกมือขึ้นขยี้หัวสองสามครั้งเพื่อหวังว่าไอ้เรื่องวุ่นวายจะคลายออกไปจากสมองก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป ร่างสูงทิ้งกายยาวเหยียดลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ตัวเองเพิ่งจะลุกขึ้นมา ไถหัวลงไปกับหมอนนุ่มสีขาวที่ยังมีรอยยุบทิ้งไว้ให้เห็นแล้วหลับตาลง

     

                เฮ... แล้วทำไมลูกตากลม ๆ ไอ้เด็กฮยอนมันต้องมาติดตาอะไรตอนนี้วะ !

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                คยูฮยอนได้แต่นั่งมองซ้ายมองขวาอยู่บนโซฟาตัวนิ่ม ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ขมับซึ่งมันหยาดไหลลงมาตอนที่เงยหน้าขึ้นไปมองพี่ซีวอนซึ่งหน้าตาโหดร้ายเหลือเกิน ถึงพี่คิบอมจะย้ำกับเขาหนักหนาว่าพี่ซีวอนเป็นเพื่อนที่ใจดีและน่ารักมากแต่พอมาเจอคนตัวใหญ่เจ้าของชื่อซีวอนที่แอบเห็นว่ามีรอยสักโผล่พ้นคอเสื้อกล้ามขึ้นมาด้วย เขากลับรู้สึกว่าพี่ซีวอนเป็นคนที่น่ากลัวมาต่างหาก

     

                โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มที่ขนาดมันปรือปรอยเพราะเพิ่งตื่นนั่นยังดูน่ากลัว.. ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าต้องสบดวงตาคู่นั้นตอนที่มันไม่ปรือเขาจะชิงตายไปก่อนหรือเปล่านะ

     

                “โอย... ทำยังไงดีนะ” คยูฮยอนเอนแผ่นหลังที่เกร็งอยู่ตลอดเวลาของตัวเองลงกับพนักพิงแล้วพยายามมองซ้ายมองขวาสำรวจห้องสูทหรูหราที่เขาไม่คุ้นเคย ส่วนหนึ่งเพราะพื้นเพเดิมเป็นคนจังหวัดแดกู ซึ่งไม่ใช่เมืองที่เจริญอะไรมากมายนัก การย้ายเข้ามาอยู่ในโซลก็เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวยกใหญ่อยู่แล้ว ถึงแม้จะย้ายมาอยู่ในโซลกับพี่คิบอมได้เกือบสามปี แต่โจวคยูฮยอนก็ไม่ยักคุ้นเคยกับห้องใหญ่โตบนตึกสูงเกือบสามสิบชั้น ลำพังห้องพี่คิบอมก็ว่าหรูหราอลังกาลมากแล้วพอมาเจอห้องของพี่ซีวอนที่กว้างกว่าแถมมีออพชั่นเสริมเยอะกว่าคยูฮยอนยิ่งรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ หนักเข้าไปใหญ่

     

                ทั้งทีวีจอแบนฝังผนังเอย... ลำโพงที่ตั้งเรียงอย่างกับตุ๊กตาศาลเจ้าเอย

                โอย.. อยู่แดกู ทรานซิสเตอร์เครื่องเดียวเขาว่ามันก็ล้ำจะแย่แล้วนะ

     

                อย่างไรก็ตาม พี่คิบอมได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะไปไม่นานมาก ซึ่งก็ไม่น่าจะนานเกินเดือนแน่ ๆ ดังนั้นก็โล่งใจไว้เลยว่าตัวเองคงไม่อยู่รบกวนพี่ซีวอน พักใหญ่ นัก

     

                มองไปมองมาดวงตากลมก็ไปสะดุดเข้ากับกีต้าร์ที่วางพาดอยู่ตรงโซฟาแล้วพอมองเลยไปก็เห็นห้องกระจกใสที่ด้านในจะเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีหลากชนิด ดูเหมือนว่าพี่ซีวอนจะชอบเล่นดนตรีมากไม่ใช่น้อยถึงได้มีทั้งกลองชุด เบส กีต้าร์ แล้วก็ไมค์โครโฟนวางพร้อมขนาดนั้น แถมตรงที่เขานั่งอยู่ยังมีเปียโนหลังใหญ่สีดำมันขลับตั้งอยู่ด้วยอีกต่างหาก

     

                คยูฮยอนหันกลับไปมองยังบานประตูห้องที่เขาเดาว่าเป็นห้องนอนของพี่ซีวอนเพราะเขาได้ยินว่าเมื่อกี้พี่ซีวอนบอกจะไปนอนแล้วก็เข้าห้องนั้นไป ที่หน้าบานประตูก็มีกระดาษโน้ตแปะเอาไว้จำนวนมากเหมือนจะเป็นโน๊ตเพลงอะไรสักอย่าง บนโต๊ะกระจกข้างหน้าเขาเองก็มีหนังสือเพลงเล่มใหญ่อยู่ด้วย... โอเค อย่างแรกเลย ในช่วงเวลาว่าง ๆ นี้เขาควรจะทำความรู้สึกพี่ซีวอนผ่านการเดินสำรวจห้องหับอันโอ่โถงอลังกาลแห่งนี้เสียก่อน

     

                คิดดังนั้นแล้วก็ฉุดตัวเองขึ้นมาจากโซฟาแล้วเริ่มเดินไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของห้องโดยเริ่มจากชั้นวางหนังสือที่อยู่ถัดไปทางด้านหลังของโซฟา หนังสือส่วนมากบนนั้นเป็นหนังสือเพลงตามสมัยที่มีให้เห็นตั้งแต่เพลงรุ่นเก่าแบบที่เขาเคยเห็นพ่อกับแม่ฟัง เพลงทางฝั่งตะวันตกแบบคันทรี่ ไล่มาจนถึงเพลงสมัยใหม่ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

     

                นอกจากหนังสือเพลงแล้ว ดูเหมือนพี่ซีวอนจะใช้ชั้นวางหนังสือเป็นพื้นที่เก็บรูปอีกด้วย มีรูปถ่ายของพี่ซีวอนเมื่อสมัยมัธยมปลาย (ดูจากชุดนักเรียนเอา) ซึ่งเขาสามารถหาพี่ซีวอนเจอได้ทันทีเพียงแค่มองปราดเดียว... หูย... หน้าดุมาตั้งแต่เด็กเลยนี่หว่า -3-

     

                คยูฮยอนสไลด์เท้าถัดต่อไปจากชั้นวางหนังสือซึ่งเป็นชั้นวางของติดผนังสองสามชั้น บนนั้นมีประกาศนียบัตรมากมายที่พออ่านแล้วถึงได้รู้ว่ามาจากงานประกวดดนตรีทั้งนั้น แถมยังมีรูปของพี่ซีวอนคู่กับกลองชุดและกีต้าร์อีกด้วย และใบที่ช่วยไขขอข้องใจของคยูฮยอนมากที่สุดก็คือประกาศนียบัตรที่ได้มาจากการประกวดดนตรีของมหาวิทยาลัยคยองฮีซึ่งทำให้คยูฮยอนรู้ว่า พี่ชเวซีวอนที่ตอนนี้กำลังฝันหวานเฝ้าพระอินทร์อยู่เป็นนักศึกษาคณะดุริยางคศิลป์ เอกดนตรีสมัยนิยม ของมหาวิทยาลัยคยองฮี

     

                “เรียนดนตรีนี่เอง... เรียนดนตรีต้องไม่ดุสิ... คนอะไรนะ” ก็ได้แต่บ่นงุบงิบอยู่กับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง จะเปิดทีวีดูเด็กบ้านนอกอย่างเขาก็เปิดไม่เป็นอีก จอใหญ่ฝังผนังกับลำโพงร่วมร้อยตัวตรงหน้านั่นหน่ะมันดูยุ่งยากวุ่นวาย เกิดกดอะไรผิดพลาดขึ้นเดี๋ยวจะพาลระเบิดเอาทั้งดุ้น คยูฮยอนไม่เสี่ยงดีกว่า...

     

                ร่างบางซึ่งไม่เหลืออะไรจะทำแล้วึงตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนเหยียดบนโซฟาตัวยาวและคิดว่าจะนอนหลับสักงีบสั้น ๆ แล้วตื่นขึ้นมาเข้าครัวทำอะไรให้เจ้าบ้านกิน แม่สอนว่าเวลาไปอยู่บ้านใครเราต้องดูแลแล้วก็ตอบแทนเขาบ้าง ง่ายที่สุดก็คือการใช้สกิลการทำอาหารที่ติดตัวมานั่นแหละ (บ้านของเขาเปิดร้านอาหารหน่ะ คยูฮยอนทำได้หลายเมนูเชียวนะ)

     

                แต่พอทิ้งตัวลงไปนอนเอาหัวหนุนหมอนอิงใบเล็กก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเหมือนจะทับอะไรอยู่สักอย่างจนมันมีเสียงกรอบแกรบดังออกมา คยูฮยอนก็เลยลุกขึ้นนั่งแล้วลองขยับหมอนอิงออกดู แล้วเขาก็พบว่าเบื้องล่างมีแผ่นซีดีนอนหงายท้องแอ้งแม้งอยู่สามสี่แผ่น

     

                คงจะเป็นแผ่นเพลงสินะ...

     

                เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาพลิกดูด้วยความหวังดีว่าจะจัดการเอามันไปเก็บให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย เพราะเมื่อตะกี้ก็พอเห็นอยู่ว่าบนชั้นวางหนังสือมีกล่องใส่ซีดีขนาดใหญ่วางอยู่ด้วย แต่พอพลิกขึ้นมาดูรูปบนหน้าปกเท่านั้นแหละ...

     

                Japanese Uncencered….
                พร้อมด้วยรูปผู้หญิงกำลังแหกขานั่งอ้าซ่า

     

    อีกแผ่นก็... สวิงกิ้งเร้าใจ สามดุ้นสามหนุ่ม...
    หน้าปกเป็นรูปผู้ชายสามคนกำลังอมกำลังแทง

     

                ส่วนอีกแผ่นนี่ไม่ต้องสงสัย............ ก็ประเภทเดียวกันนั่นแหละครับ

     

                “ไม่นะ....”
              *มือสั่น*

     

                คยูฮยอนผู้ซึ่งไม่มีประสบการณ์โชกโชนกับเรื่องอะไรแบบนี้วางแผ่นซีดีกลับลงไปที่เดิม จับหมอนอิงเมื่อครู่ลงมาปิดเอาไว้ให้เหมือนสภาพเดิมของมันมากที่สุด ก่อนจะอพยพตัวเองไปที่โซฟาอีกตัวซึ่งสั้นกว่า เขาทิ้งตัวลงนอนขดตรงนั้นที่แม้จะลำบากหน่อยแต่ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนโซฟาตัวยาวด้านข้าง

     

    แกร่บ...แกร่บ...

     

                ทันทีที่ขดตัวได้เหมาะเจาะ เสียงกรอบแกรบบางอย่างก็ดังมาจากด้านหลัง ใบหน้าขาวเริ่มซีดเผือดเพราะเกรงว่ามันจะเป็นเหมือนเมื่อครู่ แต่ก็พยายามปลอบใจว่าเสียงกรอบแกรบนั่นมันให้ความรู้สึกเหมือนหนังสือมากกว่า เด็กน้อยคยูฮยอนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม ปราศจากอบายมุกใด ๆ จึงค่อย ๆ พลิกกายตะแคงไปด้านหลังเพื่อดูว่าเขากำลังนอนทับสิ่งใดอยู่กันแน่

     

    ..... เฮือก.....

     

    PLAYBOY MAGAZINE

    นี่มันเคหสถานของคนบ้ากามชัด ๆ !!
    T____________________T

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                ซีวอนพยายามซุกหัวของตัวเองเข้าไปในหมอนเพื่อฝืนหลับลงไปอีกสักตื่น แต่เสียงข้าวของกระทบกันด้านนอกนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราได้สำเร็จ ดวงตาคมเข้มจึงจำใจต้องลืมขึ้นมาแล้วเหยียดตัวยาวเพื่อบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย

     

                นาฬิกาบนฝาผนังห้องบอกเวลาเกือบบ่ายโมง จึงไม่น่าประหลาดใจนักที่เขาจะเริ่มรู้สึกหิว ซีวอนสะบัดหัวสองสามครั้งเมื่อได้ยินเสียงโช้งเช้งมาจากด้านนอกประตูห้อง ชะงักความคิดของตัวเองลงไปสักพักแล้วเริ่มทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนตัวเองจะนอนหลับลงไป

     

                เมื่อคืนเขาพยายามเขียนเพลง... แล้วก็นอนหลับ...เมื่อเช้าคิบอมมาที่ห้อง เคาะประตูเหมือนโลกจะแตก...เอาน้องชายที่ชื่อคยูฮยอนมาฝากไว้...แล้วเขาก็เข้ามานอน

     

                เสียงข้างนอก... คงเป็นเสียงของคยูฮยอนสินะ...

     

                เรื่องราวถูกจับต้นชนปลายเรียบร้อยแล้วซีวอนก็ยืดตัวไล่ความขี้เกียจอีกครั้ง ร่างสูงก้าวลงมาจากเตียงแล้วถอดเสื้อกล้ามสีขาวที่ตัวเองสวมอยู่โยนใส่ลงไปในตระกร้าตรงมุมห้องซึ่งภายในนั้นมีผ้าหลายชิ้นอัดแน่นอยู่ด้านใน ภาพความโสโครกที่ตัวเองหมั่นบ่มเพาะมันขึ้นมาทำให้เขาต้องพรูลมหายใจเมื่อคิดว่าจะต้องแบกมันลงไปที่ร้านซักรีดด้านล่างอีกแล้ว

     

                เจ้าของห้องเดินออกมาในสภาพเปลือยอกและมีกางเกงบอลผ้าร่มสวมอยู่บนร่างกายเพียงชิ้นเดียว ขายาวสาวตามเสียงโช้งเช้งเข้าไปในห้องครัวแล้วเขาก็พบกับตัวปัญหา (?) ที่กำลังก่อสงครามกระทะตะหลิวอยู่หน้าเตา กลิ่นหอมของข้าวผัดทำให้หน้าท้องที่มีมัดกล้ามซิกส์แพ็คส่งเสียงร้องออกมาและมันก็ไปสะกิดคนที่ยืนวุ่นวายอยู่หน้าเตาให้หันกลับมา

     

                “พี่....เอ่อะ...” ชเวซีวอนในสภาพตื่นนอนกับการเปลือยท่อนบนทำให้คนที่เพิ่งจะเจอของดีในบ้านใหม่ชั่วคราวต้องกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก คือถ้าเขาไม่เจอหนังสือกับซีดีเมื่อตะกี้นี้ การมองพี่ซีวอนเปลือยท่อนบนอาจไม่ให้ความรู้สึกหวั่นใจเท่านี้ก็เป็นได้... คยูฮยอนพยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงพิรุธอะไรออกไปแต่ฝ่ามือที่ถือตะหลิวอยู่ก็ดันสั่นงก ๆ ไปสะดุดตาร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหลังพอดี

     

                “...หืม ไม่ผัดต่อหล่ะ ?” ซีวอนก้าวเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นอีกจนแผ่นอกเปล่าเกือบจะกระแทกหน้าคนที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่เบื้องหน้า เส้นคิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างเดียวอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของอีกฝ่ายมีเม็ดเหงื่อตกลงมาเหมือนว่ากำลังเผชิญภัยร้ายอะไรบางอย่าง หากแต่ร่างสูงก็ต้องเบนความสนใจออกมาเมื่อกลิ่นไหม้จากกระทะลอยเตะจมูกของเขาพอดี

     

                “O [ ] O

     

                “เอ้า ไหม้แล้วนั่น...” ร่างสูงว่าแล้วรีบคว้าเอาตะหลิวในมือของคยูฮยอนมาถือไว้แทนแล้วปรี่เข้าไปที่หน้าเตา แต่คนที่กำลังช็อคค้างอยู่ตรงนั้นกลับไม่หลีกทางให้ แผ่นอกเปล่าจึงเบียดเอาร่างผอมเข้าไปจนติดเตา ชเวซีวอนก็เลยได้ผัดข้าวโดยสอดแขนอ้อมคนที่ยืนตัวเกร็งตาโตอยู่ตรงนั้น

     

                คยูฮยอนพยายามพลิกกายเบนหนีออกมาจากแผงอกเปลือยเปล่า แต่เพราะอ้อมแขนของอีกคนมันขังเขาเอาไว้อยู่ก็เลยขยับไปไหนไม่ค่อยได้ ระยะห่างที่ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากซอกคอของอีกฝ่ายทำให้ภาพนิตยสารเพลย์บอนกับแผ่นซีดีสามสี่แผ่นใต้หมอนอิงลอยเข้ามา หัวใจของคยูฮยอนเร่าเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัวในขณะที่ดวงตากลมก็มองตะหลิวที่แซะผัดข้าวในกระทะไปเรื่อย ๆ จนเครื่องมันเข้ากันดีไม่วางตา

     

                “คราวหลังจะทำกับข้าวก็อย่าปล่อยให้ไหม้สิ..” เสียงตำหนิของคนเบื้องหลังทำให้เขาได้สติขึ้นมา กระนั้นก็เป็นสติที่ไม่ค่อยครบสมบูรณ์สักเท่าไหร่เพราะเจ้าของเสียงดันยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ชิดใบหูของเขาในแบบที่รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนจากเจ้าของร่างเปลือยท่อนบนที่ตอนนี้เอื้อมแขนไปดับแก๊สเรียบร้อยแล้ว

     

                ชเวซีวอนก้มหน้าลงมองคนที่ถูกกักอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง ขณะที่เจ้าของใบหน้าหวานนั้นก้อนหน้าขึ้นมามองเขากลับเช่นกัน ดวงตาคมปรายมองใบหน้าหวานขาวผ่องของน้องชายเพื่อนสนิทที่หวานเสียจนทำให้รู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ ไหนจะกลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็กที่ลอยมาติดอยู่ตรงปลายจมูกของเขาซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ไอ้เด็กฮยอนดูน่ารักน่าชังหนักเข้าไปใหญ่

     

                จะด้วยอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ ปลายจมูกโด่งก็ตัดสินใจกดลงไปบนข้างขมับชื้นเม็ดเหงื่อของคนตรงหน้านั่นครั้งหนึ่งก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปากให้อีกฝ่ายเห็นเต็มตาแล้วปลีกตัวออกมาหยิบจานเพื่อนำไปใส่ข้าวผัดในกระทะให้เรียบร้อย โดยไม่รู้เลยว่าโจวคยูฮยอนกำลังอยู่ในอาการช็อคอย่างถึงขีดสุด....

                คุณพระ ! ยิ้มพี่ซีวอนเมื่อครู่นี้มันสะพรึงมากและทำให้ขนตูดเขาลุกพรึ่บ !

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    มาตอนแรกอีคุณโจวคนซึนเดเระก็เจอหนักเข้าไปเลยคร่า ดิฉันหล่ะอิจฉานางจริงจริ๊งงง ! ให้ตายสิ นางจะรู้ไหมว่ามีคนใฝ่ฝันอยากเข้าไปนอนในห้องนั้นแทนนางอยู่เป็นร้อยนะย๊ะ ! ช่วงแรก ๆ เรื่องมันก็จะเรทเบบี๋เบาะแบะแบบนี้นี่แหละ แต่ดูเหมือนพี่ซีวอนจะเริ่มเจ้าเล่ห์เลยขร่า

    คาแรคเตอร์พี่ชเวเรื่องนี้เป็นหนุ่มในฝันของเรามาก ๆ นี่บอกเลย แบบออกแนวเถื่อน ๆ นิ่ง ๆ ดิบ ๆ แต่มีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบ เจ้าเล่ห์ชิพหายวายป่วง โอ้ยยยย เขิน... 

    ปล. ขอบคุณ 
    yayah-p มาก ๆ เลยนะคะที่ช่วยแนะนำเรื่องการสะกดคำ / ใครเห็นว่าจีนพิมพ์ผิดตรงไหนบอกได้เลยนะคะ จีนเองก็สะกดผิด ๆ ถูก ๆ ไป ไม่ค่อยได้เช็ค 55555555555555555555555

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×