ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { wonkyu storage }

    ลำดับตอนที่ #2 : Unconditionally

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 58


    { UNCONDITIONALLY }

    Super Junior / Siwon x Kyuhyun / G / 16170 WORDS
     

    NOTE SONG : UNCONDITIONALLY / KATY PERRY
    https://www.youtube.com/watch?v=XjwZAa2EjKA
     


     


    I will love you unconditionally. 

    บนโลกที่ไม่มีเงื่อนไขกางกั้น

     บนโลกที่มีเพียงฉันและเธอ

     

    ส่วนมากเขาตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้าหรือเสียงกระสุน หลังจากนั้นก็ต้องวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อความอยู่รอดและจุดจบของมันก็คือการตื่นขึ้นอีกครั้งแล้วพบเพดานสีขาวของโรงพยาบาลเดิมกับนายแพทย์คนเดิมที่เดินเข้ามาส่งยิ้ม เอาสเต็ตโตสโคปนาบลงกับแผ่นอกที่มีบาดแผลเจ็บร้าวไปถึงกระดูกสันหลังก่อนจะจับสายน้ำเกลือแล้วบอกว่าอีกสามวันก็กลับบ้านได้แล้ว...ถ้าแผลไม่อักเสบนะ

     

    ทุกอย่างเกือบจะเหมือนเดิม เพียงแต่เช้าวันนี้เขาตื่นขึ้นเพราะกลิ่นหอมของนมที่ถูกเคี่ยวจนร้อน ลอยมาพร้อมกับเสียงนกและแสงแดดที่แยงทะลุผ้าม่านสีนวลผืนบางตรงหน้าต่างของห้องเพดานสีเทาที่เขาไม่คุ้นตา หัวหนักอึ้งเหมือนโดนอะไรทุบมาหันรีหันขวางซ้ายขวาสำรวจว่ามีโซ่ตรวนคล้องอยู่หรือไม่แต่สิ่งที่พบกลับเป็นแมวตัวอ้วนกลมขนปุยนอนนิ่งสนิทอยู่ในนิทราของมัน

     


    มันผิดไปเสียหน่อยแต่ก็นับว่าปลอดภัย

     


    ฝ่าเท้ายาวเบอร์สี่สิบสามถีบผ้าห่มสำลีออกจากตัว กลิ่นของมันไม่หอมแต่ก็ไม่ได้เรียกว่าเหม็น และเมื่อเทียบกับรังเก่าของเขามันดีกว่ามาก เสียงไม้เอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นเมื่อฝ่าเท้าเปลือยเหยียบลงซึ่งมันทำให้คนที่ไม่ชินกับเสียงต้องชะงัก... ก่อนจะมองไปรอบกายและพบว่าวันนี้คงจะเป็นข้อยกเว้น

     


    ดวงตาคมคายที่ยังเปิดปรือไม่สุดมองผ่านผ้าม่านผืนบางซึ่งโดนลมพัดตีรวนจนพองออกไป เบื้องหน้าของเขาคือทุ่งทานตะวันขนาดใหญ่ กว้างสุดรุกหูรุกตา หาจุดจบไม่พบ กลิ่นอายของแดดเวลาแปดโมงเช้าทำให้ร่างกายท่อนบนที่เปล่าเปลือยเพราะมีบาดแผลมากมายสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น

     


    มันเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่ดวงตาของเขาสามารถปิดลงอย่างไร้ข้อกังขาเพื่อรับรู้ถึงการมีอยู่ของวัตถุที่ไม่ใช่กระสุนปืนหรือไม้หน้าสาม

     


    กระนั้นไม่ห่างออกไปนักมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบากำลังย่างเหยียบใกล้เข้ามา สัญชาติญาณของความเป็นนักฆ่าสั่งให้ร่างสูงเร้นกายเข้ากับสักที่และจุดที่เหมาะสมก็คงเป็นชั้นวางหนังสือคร่ำครึตรงมุมห้อง ร่างโปร่งไปหยุดอยู่ตรงนั้นในจังหวะที่ประตูผลักเปิดออกมาพอดี

     


    ไปไหนของเขานะ...” เสียงบ่นพึมพัมคุ้นหูทำให้คนตัวสูงเบาใจลงไปได้ว่าเจ้าของฝ่าเท้านั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นบุคคลที่เขารู้จักดี เท้าเปลือยเปล่าตัดสินใจก้าวพาตัวเองให้พ้นมาจากที่ซ่อนเร้น ตรงหน้าเขาคือรอยยิ้มหวานที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งก็ไม่สามารถเข้าถึงคำว่าเบื่อได้

     


    ลมพัดโชยมาอีกครั้ง หอบเอากลิ่นวนิลาจากผิวกายขาวนวลมาแตะที่ปลายจมูก

     


    คุณหนู...”

     


    อ่า ซีวอน... นึกว่านายหายไปไหนซะอีก" รอยยิ้มหวานยังคงหยิบยื่นมาให้เขา ชเวซีวอนอยากจะยกมือขึ้นตบหัวตัวเองแรงๆสักครั้งเพื่อบอกให้ตื่นจากฝัน แต่กลิ่นวนิลาและแสงแดดยามแปดโมงเช้ามันชัดเจนเกินกว่าที่เขาจะได้ทันจินตนาการว่าตัวเองกำลังหลับใหลอยู่

     


    - - -
     


    เขายังจำรสชาติของกิมจิชิเกได้ว่ามันชวนแขยงลิ้นแค่ไหน กับการเป็นเด็กชายที่ถูกเลี้ยงมาด้วยอาหารแบบตะวันตกมาตลอดชีวิตยิ่งทำให้รสเผ็ดอมเปรี้ยวปนเค็มน่าแขยงหนักยิ่งกว่าเดิมและกว่าจะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมอาหารเกาหลีได้ ตอนนั้นซีวอนก็พบว่าตัวเองเริ่มรู้จักการทำกิมจิแบบครบขั้นตอนเสียแล้ว

     


    ที่ว่าโตมากับอาหารตะวันตกมันก็ไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่าตนเองไม่ได้มีสัญชาติเกาหลี เขาอยู่ที่นั้นด้วยพาสปอร์ตเถื่อน ผนวกกับการเป็นอาชีพักฆ่า ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาอยู่ในเกาหลีใต้ด้วยพาสปอร์ตทั้งหมดสิบเจ็ดเล่ม และนั่นหมายความว่ามีคนหน้าพิมพ์เดียวกับเขาทั้งหมดสิบเจ็ดชื่อเช่นกัน ดังนั้นการมีตัวตนของเขาค่อนข้างผิดกฎหมาย

     


    แต่ในเวลานี้... ความรู้สึกแบบนี้

     

     

    ซุปฟักทองกลิ่นนี้

     

     

    เพิ่งจะรู้ว่าการเป็นบอร์ดิการ์ดมีช่วงที่ได้พักร้อนกลับบ้านก็คราวนี้แหละ

     

    แม้ว่าจะมีเจ้านายตามกลับมาด้วยก็เอาเถอะ

     

     


    ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า?”

     


    “...”

     


    ซีวอนอ่า...”

     


    คุณหนูไม่ควรตามมาที่นี่" เจ้าของร่างสูงถอนหายใจออกมายาวเหยียดหลังพูดประโยคนั้นออกไป เป็นอีกครั้งที่โจวคยูฮยอน คุณหนูตัวขาว ผิวบาง และทำอาหารเก่งจ้องมองมาด้วยแววตาตัดพ้อ ริมฝีปากบางสีชมพูเหมือนกุหลาบแรกแย้มบิดคว่ำลงได้อย่างน่ารัก

     

     

    พับผ่าสิ! พระเจ้าก็ไม่เคยช่วยให้เขาขึ้นมาจากหลุมรักนี่ได้เลยสักครั้งหล่ะ


    “...”

     


    ที่นี่ผมจะทำอะไรคุณหนูก็ได้"

     


    “...”

     


    ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ"

     


    งั้นก็เลิกเรียกว่าคุณหนูสิ"

     


    “...”

     


    ก็ในเมื่อที่นี่คือที่ของนาย ก็เลิกเรียกผมว่าคุณหนูสิ...” ซีวอนถอนหายใจออกมายาวเหยียด วางช้อนลงในชามกระเบื้องสีขาวซึ่งยังมีซุปอีกครึ่งหนึ่งลอยตัวเท้งเต้งอยู่ในนั้น

     


    ดื้อรั้นไม่มีที่สิ้นสุด... นี่แหละ โจวคยูฮยอน

     


    มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลง"

     


    ไม่! ที่นี่ไม่มีข้อตกลง"

     


    “...” การที่คยูฮยอนโพล่งออกมาแบบนั้นมันทำให้หัวใจที่เต้นไม่ค่อยถูกจังหวะอยู่แล้วกระตุกวูบ ถูกต้อง... ที่นี่ไม่มีข้อตกลงเพราะมันคือบ้านของเขาเอง มันอยู่นอกเหนือเขตสัญญาตามที่ได้เซ็นเอาไว้ ซีวอนมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตคยูฮยอนเฉพาะในเกาหลีใต้ ฮ่องกง และจีน นอกเหนือจากนั้นก็แค่ปล่อยเลยตามเลย

     


    แต่ที่นี่คือบัลแกเรีย คือบ้านเกิดของผม คือแผ่นดินที่ผมมีหมายเลขประจำตัวประชาชนถูกต้องตามกฎหมาย

     


    อย่าไล่ผมเลยนะซีวอน...”

     


    “...”

     


    “...นอกจากคุณผมไม่เหลือใครแล้ว ผมไม่เหลือแล้วสักคนเดียว" เสียงหวานผะแผ่วเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมเงียบไปครู่ใหญ่ แววตากลมโตที่ใครต่อใครต่างเฝ้าทะนุถนอมราวกับเพชรที่มีอยู่เพียงเม็ดเดียวบนโลกหลุบต่ำลงมองโต๊ะไม้ขรุขระ หลบซ่อนความอ่อนแอทั้งหมดเอาไว้ภายในนั้น ผมนั่งนิ่งมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาด ควรดีใจที่ถูกร้องขอแต่เปล่าเลยตอนนี้มันไม่มีอะไรสักอย่างที่ระบุได้ว่ากำลังดีใจ

     


    เจ็บ..เจ็บในอก

     


    เจ็บมากกว่าแผลที่โดนยิงเมื่อสามวันก่อนเสียอีก

     


    เฮ้อ... คุณกำลังทำให้ตัวเองลำบาก"

     


    “...”

     


    ผมมีสิทธิ์จะทำอะไรคุณก็ได้ แม้กระทั่งขืนใจแล้วขังคุณไว้ในห้องอย่างที่ใครต่อใครอยากจะทำ"

     


    ผมโอเค...”

     


    “...” เป็นอีกครั้งที่ผมผงะเพราะคำตอบของเขา ดวงตากลมสุกคู่นั้นช้อนขึ้นมา มันเปรอะน้ำตาอยู่หน่อยๆซึ่งนั้นก็ทำให้ผมหัวเสียอยู่พอตัว ยิ่งทบกับคำตอบที่ดูเย็นชาของเขาแล้ว... ทุกอย่างยิ่งทำให้อารมณ์ของผมพุ่งสูงคล้ายปรอทจนแตะจุดเดือด

     


    มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้

     


    ซึ่งผมเกลียดการไม่รู้อะไรก็ตามเกี่ยวกับโจวคยูฮยอน

     


    ถ้านายพอใจจะทำแบบนั้น...”

     


    บ้าสิ!!!” ร่างสูงลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ของตัวเอง ตะโกนเสียงดังกึกก้องคล้ายท้องฟ้ากัมปนาทในฤดูฝนหรือไม่ก็พายุหิมะในฤดูหนาว ความเจ็บที่ริ้วขึ้นมาตามตัวทำให้ซีวอนขมวดคิ้วแต่เขาก็ไม่แยแสมัน ช่วงขายาวก้าวฉับอ้อมโต๊ะไม้ที่หั่นเกลาอย่างไม่ตั้งใจไปอีกฝั่งซึ่งคุณหนูตัวผอมของเขานั่งก้มหน้าตัวสั่นเป็นลูกนกอยู่ตรงนั้นแล้วยกแขนขึ้นสวมกอด รวบเรือนกายผอมบางเข้ามากระแทกกับอก ชนกับแนวแผลที่ยังอักเสบอยู่ของเขา

     


    มันทำอะไรคุณหรือเปล่า... พวกนั้นทำให้คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เสียงทุ้มพร่าละล่ำละลักถามด้วยความกลัวที่อัดซ้อนกันจนเป็นก้อนอยู่ในอก หัวใจของซีวอนตกลงไปถึงจุดต่ำสุดเมื่อร่างผอมที่อยู่ภายใต้อ้อมแขนของเขาพยักหน้ารัวพร้อมกับความเปียกชื้นจากขอบตา แขนเรียวไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นกอดตอบ สอดเข้าไปที่ข้างเอวซึ่งมีมัดกล้ามประดับเป็นริ้วสวย ซุกใบหน้าของตัวเองเข้ากับไหปลาร้าที่มีกลิ่นเหงื่ออ่อนๆอย่างไม่นึกรังเกียจ

     


    ฮึก..พะ พวก...ฮึก...พวกมัน...”

     


    “...”

     


    พวกนั้น...ฮึก...มัน...จับผมไป..ฮึก"

     


    “...”

     


    มันมัดผม...ฮึก..มัดผม...ฮือ...มัดผมไว้...แล้วเข้ามา...ฮึก...เข้ามา...จนสุด..ฮึก...”

     


    พอแล้ว...คยูฮยอน...พอ...พอแล้ว...” ซีวอนกดหัวกลมนั่นซุกเข้ามากับอกกว้างของตัวเอง ปล่อยให้น้ำตาเปียกชื้นไหลอาบลงไปบนผ้าก๊อซของเขาโดยไม่สนใจว่านั่นอาจจะทำให้แผลที่เป็นอยู่อักเสบเพิ่มขึ้นแบบที่เขานึกเกลียด แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆในเมื่อเวลานี้เขาพบว่าคนในอ้อมแขนกำลังเจ็บปวด..

     


    ซีวอน...ฮึก...อย่าทิ้งผม...ฮึก...อย่าทะ...ทิ้ง...ฮือ...ผม...ไม่มีใคร...ฮึก...ผมไม่เหลือใครแล้ว...”

     


    “...”

     


    อย่าไล่ผมเลยนะ...ฮึก...อย่าไล่ผม...” ปลายเล็บของคยูฮยอนจิกแน่นลงมาบนแผ่นหลังกว้างเสมือนต้องการตอกย้ำว่านี่คือที่พักพิงสุดท้าย ความเจ็บกระจายตัวไปเรื่อยแต่มันไม่อาจเทียบเท่าได้กับความเจ็บปวดที่เจ้าตัวได้รับมา ฝ่ามือใหญ่ลูบลงบนแผ่นหลังที่สั่นสะท้าน กดสันจมูกของตัวเองลงกับขมับนุ่มของอีกฝ่ายซ้ำๆแล้วโยกไกวประหนึ่งว่าเรือนกายกำยำคือเปลสานที่คอยกล่อมให้ใครต่อใครหลับใหล

     


    เด็กโง่...ที่นี่ไม่มีเงื่อนไข...”

     


    “...”

     


    แต่ต่อให้ไม่มีมัน ฉันก็จะดูแลนายเอง...เด็กโง่...”

     


    - - -

     


    ตั้งแต่ถูกหมายเรียกให้ไปใช้ชีวิตในโซล เขาก็ลืมไปแล้วว่าดอกทานตะวันมีกี่กลีบ เก้าอี้โยกหน้าบ้านในเย็นวันจันทร์จึงทำให้ซีวอนได้ลองนับมันอีกครั้งจากที่ไกลๆ ในขณะที่ร่างกายเอนไหวไปตามแรงเหวี่ยงของมันอย่างเชื่องช้า เสียงกริ่งและลมที่พัดมาก็ชวนให้เขานึกคิดไปต่างๆนานาถึงชีวิตที่หลุดลอยไปไกลเกินกว่าแบบแผนของตน

     


    ซีวอนจำได้ว่าเขาถูกส่งไปโรงเรียนประจำ ร้องไห้งอแงจนตัวสั่นตัวโยน แต่พอผ่านไปสองเดือนเขาก็ไม่ค่อยกลับบ้าน... กลับมาอีกครั้งมันก็ร้างไปเสียแล้ว พ่อแม่ของเขาหนีไปในสักแห่งที่ไกลแสนไกล ทิ้งไว้แต่กระท่อมหลังเล็กกลางเนินทานตะวันกับจดหมายสองฉบับซึ่งเก่าจนฝุ่นเกาะที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้อ่านมัน เพียงแต่พกติดตัวกลับไปและเผลอทำหายตอนย้ายออกจากโรงเรียนประจำก็เท่านั้น

     


    หลังโควตาเรียนฟรีหมดลง ซีวอนได้เปลี่ยนไปเรียนในโรงเรียนซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปไกลจากทุ่งทานตะวัน ที่นั่นเขาเจอกับเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะคบกันได้จนถึงเมื่อเดือนก่อน ซีวอนรู้ว่าตัวเองไม่เคยมีเพื่อนที่คบได้นาน ส่วนมากคนพวกนั้นทนความสันโดษของเขาไม่ไหวและจำต้องบอกลาไปหาใครสักคนที่พร้อมเข้าสังคมมากกว่า ซึ่งสุดท้ายมันก็เป็นเพราะความสันโดดของเขานี่แหละที่ทำให้ยอมตาม คาเร็ท เพื่อนตาฟ้าตัวสูงมาที่เกาหลี

     


    เธอแนะนำให้เขารู้จักกับครอบครัวตระกูลโจว พวกเขาใจดีกันทั้งบ้านเพียงแต่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าเธอรู้จักพวกเขาได้อย่างไรแต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับที่เธอบอกว่ามีงานให้ผมทำ... บททดสอบของผมคือการฆ่าแมวขนปุยสีขาวของบ้านหลังใหญ่ในซอยแปดของถนนแดฮุน แน่นอนว่ามันไม่ยาก ผมก็แค่หาปืนดีๆสักกระบอกไปเป่าหัวมันแล้ววิ่งหนีออกมาเหมือนกับว่าตัวเองไปยิงตุ๊กตาให้ล้มลง

     


    ตระกูลโจวรับผมเข้าทำงานพร้อมกับเงื่อนไขหนึ่งหน้ากระดาษในการดูแล โจวคยูฮยอน เด็กผู้ชายที่อายุห่างจากผมประมาณสิบปี

     


    หลังจากดูแลเขาได้สักพักผมเพิ่งรู้ว่าในคติความเชื่อคนพุทธ การฆ่าแมวถือเป็นการฆ่าเณร

     


    และยิ่งไปกว่านั้น โจวคยูฮยอน เป็นคนรักแมวแต่โดนแมวข่วนจนได้แผลนับไม่ถ้วนบนแผ่นหลัง

     


    เขาทำแบบนั้นเพื่อมั่นใจว่าผมจะปกป้องโจวคยูฮยอนจากสิ่งที่เขารักได้ พร้อมที่จะทำร้ายทุกอย่างที่เข้ามาทำลายเขาแม้ว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่คยูฮยอนรักมากก็ตาม

     


    มาถึงตรงนี้ผมนับกลีบดอกทานตะวันได้สามสิบเอ็ดกลีบและเผลอหัวเราะจากนั้นก็ต้องเริ่มนับใหม่อีกครั้งเมื่อพบว่าผมหลงลืมจำนวนของมันไปแล้วอย่างง่ายดายเพียงเพราะนึกถึงใบหน้าของคยูฮยอนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับพวกลูกแมวขนนุ่ม

     


    ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม... โจวคยูฮยอนยังคงเป็นคนที่ทำให้ซีวอนยอมทิ้งทุกเรื่องเพื่อหันกลับมาสนใจได้

     


    อยากออกไปไหนหรือเปล่า?” เรื่องทั้งหมดในสมองของซีวอนตัดฉับลงเมื่อเสียงหวานถามขึ้นขณะยกแก้วน้ำอุ่นออกมาวางให้บนโต๊ะ ขาเรียวคู่นั้นหยุดลงข้างม้านั่งของเขาเพื่อรอคำตอบ

     


    ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองตามไอควันสีขาวหม่นที่ลอยคลุ้งสูงขึ้น ใบหน้าหวานดวงนั้นเป็นเหมือนพระจันทร์ในคืนเดือนมืดหรือไม่ก็กองไฟท่ามกลางลมหนาวและเขาชอบที่จะจ้องมองมันไม่ว่าจากมุมไหนก็ตาม นั่นเป็นความจริงที่เขาหลีกเลี่ยงที่จะไม่ยอมรับไม่ได้เลย คยูฮยอนยังคงเป็นเหมือนเกล็ดหิมะที่สวยที่สุดซึ่งหากสัมผัสเพียงแผ่วเบาก็พร้อมจะสูญสลายไปในพริบตา

     


    คุณอยากออกไปไหนหรือเปล่าหล่ะ...” มันกลายเป็นคำถามส่งย้อนกลับไปให้กับคนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ แขนแกร่งเอื้อมไปข้างกาย ตวัดรวบให้อีกคนขยับมายืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะยกแขนอีกข้างสอดประคองไว้ที่เอวคอดกิ่ว ดวงตาคมจ้องมองไปยังเกล็ดหิมะตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มจางๆออกมาเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนกำลังครุ่นคิด

     


    หิมะไม่ตกแล้ว...”

     


    ใช่... มันไม่ตกแล้ว" ซีวอนแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มีแสงแดดอ่อนส่องผ่านเมฆออกมา ต้นเดือนมีนาคมเป็นช่วงเวลาที่วิเศษสำหรับเขา ปราศจากหิมะที่ให้ความรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกแต่มีลมเย็นเอื่อยพัดหอบเอากลิ่นดินกลิ่นหญ้ามาปะทะที่ระเบียงหน้าบ้าน มันประกอบเข้าได้ดีกับแสงแดดอ่อนเหล่านี้เหลือเกิน

     


    ถ้าคุณอยากไปทุ่งทานตะวัน...”

     


    ฉันอยากไปทุ่งทานตะวัน" ซีวอนพูดแทรกขึ้นมาเพราะเขารู้ดีว่าคยูฮยอนไม่ยอมพูดออกมาตรงๆแน่ว่าตัวเองอยากจะไปที่ไหน มันเป็นนิสัยที่คยูฮยอนไม่เคยคิดแก้และถ้าหากแก้ก็คงแก้ไม่หาย บางทีคุณหนูของเขาควรจะพูดความต้องการของตัวเองออกมาซะบ้าง ไม่ใช่อมพะนำเอาไว้จนหลงลืมไปในวันหนึ่งอย่างที่กำลังเป็นอยู่

     


    งั้นพรุ่งนี้... เราจะไปทุ่งทานตะวันกันนะครับ"

     


    - - -
     


    พ่อบอกว่าเขาไม่ปลอดภัย... วันต่อมาพ่อบอกว่าบ้านของเราไม่ปลอดภัย และในอีกสองสามวันถัดมา... เขาก็ได้รับผลของความไม่ปลอดภัยนั้น

     


    ซีวอนเป็นบอร์ดิการ์ดคนที่สองหลังจากคนแรกของเขาเสียชีวิตไปเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยคมมีดของใครสักคนระหว่างดูแลเขาที่ฮ่องกงในย่านการค้า วันนั้นเป็นเพราะเขางี่เง่าเลยรั้นจะออกไปดูขบวนพาเหรดและสุดท้าย พาเหรดนั้นจบลงพร้อมกับชีวิตของคนที่พร้อมพลีเพื่อเขา

     


    หลังจากนั้นคยูฮยอนไม่เคยอยากไปไหน..

     


    ไม่มีมนุษย์คนไหนชอบความตาย ทั้งไม่อยากตายและไม่อยากเห็นใครตาย เขาเองก็เช่นกัน ก็ในเมื่อไม่มีอะไรปลอดภัย เขาจึงขออยู่แต่ในที่ที่ปลอดภัย อยู่ในบ้านหลังโตที่อารักขาด้วยหน่วยคุ้มกัน ใช้ชีวิตน่าเบื่อบนเตียงคิงไซส์กับหนังสือนิยายที่ใครบางคนซื้อมาฝาก

     


    น่าเสียดายที่นั่นก็ยังคงไม่ปลอดภัยอีกอยู่ดี

     


    การพบซีวอนครั้งแรกไม่ใช่เรื่องที่เขาประทับใจ... มันไม่สนุกหากต้องเดินไปไหนมาไหนโดยมีใครสักคนตามหลังเสมอ และมันก็เหมือนภาพหลอนที่คยูฮยอนถูกครอบงำว่าสักวันหนึ่งเขาจะทำให้ชเวซีวอนตาย

     


    แววตาของเขาจำต้องสงบนิ่งเมื่อนึกอยากออกไปร้านหนังสือ

     


    เขาจำต้องตอบไปว่าไม่อยากไปไหนทั้งที่ใจลอยไปไกลถึงห้างสรรพสินค้าหรือสวนสาธารณะที่เคยไปวิ่งเล่นสมัยเด็ก

     


    และที่สำคัญเขาจำเป็นต้องทำตัวเหมือนคนที่ไม่พร้อมเปิดรับใครทั้งที่ใจจริงอยากจะรู้จักชเวซีวอนให้มากกว่าชื่อและหน้าที่

     

     


    กระทั่งวันหนึ่งในยามบ่ายของฤดูหนาว ขณะที่มื้อน้ำชาของเขาจบลง ชเวซีวอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับโอเวอร์โค้ทสีดำที่ต่อจากนั้นมันปลิวมาโปะอยู่บนหน้าตักของเขา แววตาที่มักซ่อนอยู่ใต้แว่นดำจ้องเขม็งมาทางเขาก่อนที่คำสั่งสั้นๆพร้อมคำอธิบายจะหลุดออกมาจากเรียวปากหยักได้รูป

     


    ใส่ครับคุณหนู เราต้องออกไปข้างนอก"

     


    ระหว่างการเดินทางเขาเอาแต่เกาะขอบกระจกรถ มองบ้านเมืองที่ประดับไว้ด้วยโคมไฟหลากสีและฝูงชนพลุกพล่านเดินข้ามถนนยามสัญญาณไฟอนุญาต คยูฮยอนไม่แน่ใจว่าจุดหมายปลายทางของตัวเองคือที่ไหนแตาเขาก็ไม่คิดเอ่ยถามเพราะชเวซีวอนใช้คำว่าต้องนั่นหมายความว่าต่อให้อยากหรือไม่อยาก เขาต้องไป

     


    ซึ่งภาพตรงหน้าค่อนข้างชวนให้งุนงงเล็กน้อย

     


    ร้านหนังสือ... ร้านหนังสือหน่ะเหรอคือที่ที่เขาต้องมา?

     


    หมายความว่ายังไง?”

     


    วันนี้วันเกิดคุณหนู" คยูฮยอนไม่คิดว่านั่นคือคำตอบที่เขาอยากได้ ร่างบางขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสามที่กำลังกวาดมองไปรอบกายและยกฮู้ดของโอเว่อร์โค้ทขึ้นมาคลุมหัวเขา

     


    “...”

     


    ผมคิดว่านี่คือของขวัญที่ผมพอจะให้ได้"

     


    “...”

     


    คุณควรออกมาข้างนอกบ้าง ไม่ต้องโกหกก็ได้ว่าไม่อยากมา" มันเหมือนประโยคจับผิด... คยูฮยอนไม่รู้เลยว่าบอร์ดการ์ดมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนี้กับเจ้านายได้กระทั่งซีวอนทำมัน ซีวอนไม่ได้เพียงแค่กำลังสั่งสอนเขาแต่ซีวอนกำลังอ่านใจของเขา ยิ่งเมื่อฝ่ามืออุ่นนั่นออกแรงผลักให้ขาเรียวขยับก้าวเข้าไปด้านในร้านคยูฮยอนยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ต่อความพยายามตลอดชีวิตของตัวเอง

     


    ทุกกำแพงที่เขาสร้าง พังทลายเพียงเพราะสัมผัสอุ่นๆที่วางลงบนไหล่ของเขา

     


    และประโยคที่ทำให้อุ่นได้ยิ่งกว่าเสื้อกันหนาวตัวโคร่ง

     


    ผมจะไม่มีวันปล่อยให้อะไรมาทำร้ายคุณ แม้แต่ยุงสักตัวก็จะไม่มีทาง"

     


    - - -

     

    บนโลกที่ไม่มีเงื่อนไขกางกั้น

     


    อากาศหนาวไม่เป็นผลต่อคำสัญญาในช่วงเย็นเมื่อวาน คยูฮยอนง่วนอยู่กับการเลือกเสื้อโค้ทนานกว่าที่ซีวอนคิดเอาไว้ แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพียงเพราะร่างผอมไม่ต้องการให้แผลของเขาปะทะลมเย็นแล้วแห้งแตกจนอักเสบอีกครั้ง นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้ร่างกายที่มักจะเปล่าเปลือยถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อยืดผ้าสำลีกับโค้มขนเป็ดอีกชั้น

     


    ซีวอนไม่ชอบที่มันอึดอัดแต่กลิ่นวนิลาตรงปกเสื้อก็ทำให้เขาถอดมันออกไม่ลงจึงทำเพียงแค่แอบปลดซิปที่ถูกดันไปจนชิดปลายคางให้ร่วงลงมาอยู่ในระดับกลางอกในขณะที่คยูฮยอนกำลังกางแขนทั้งสองข้างรับลมเย็นท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีทองอร่ามสุดลุกหูรุกตา

     


    ตรงนี้นอนได้หรือเปล่า?”

     


    นายนอนได้ทุกที่ถ้าไม่กลัวแมลง" จบคำตอบร่างผอมก็เอนลงไปกับกองหญ้าแสนนุ่ม แผ่นหลังแคบแนบลงไปกับทุกอณูของพื้นหญ้า คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นสู้แดดอ่อนจัดพลางกวาดยิ้มออกกว้างราวกับว่านั่นจะช่วยให้เจ้าตัวสามารถสังเคราะห์แสงได้

     


    คนเจ็บย่อตัวลงอย่างระมัดระวังไม่ให้บาดแผลต้องฟกช้ำไปมากกว่านี้ ซึ่งหลังสะโพกของซีวอนหย่อนลงบนพื้นหญ้า มืออุ่นทั้งสองข้างก็เลื่อนไปประคองศีรษะของอีกคนมาไว้บนหน้าตักของตัวเองแล้วใช้ปลายนิ้วสากกร้านสางไปตามเส้นผมนุ่มราวกับกำลังสางเส้นด้ายให้คลายปมออก

     


    ลมพัดโฉบใบหน้าและร่างกายของพวกเขาไปนับสิบครั้ง มันไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ต่างสัมผัสได้ถึงไออุ่นบางอย่างซึ่งมองไม่เห็น ไอนั้นเกิดขึ้นเมื่อคยูฮยอนเงยหน้ามองท้องฟ้าและพบว่าแม้แต่พระอาทิตย์ก็ยังไม่มีโอกาสได้โลมเลียผิวหน้าของเขาเพราะมีเงาของชเวซีวอนกำบังเอาไว้ ใบหน้าคมคายกับบาดแผลแนวนอนตรงสันกรามก้มลงมาจ้องเขาตอบ พวกเราปล่อยสายตาให้ประสานกันอยู่ท่ามกลางความเงียบก่อนที่ริมฝีปากจะแตะกันนั่นหมายถึงระยะห่างของพวกเขาไม่มีเหลือเล็ดให้ลมลอดผ่าน

     


    คยูฮยอนเอื้อมมือขึ้นไล้จากขมับลงมาที่ปลายคางเรียวยาว ตอกย้ำว่าโครงหน้าของบอร์ดิการ์ดคนเก่งช่างงดงามราวกับประติมากรรมปั้น จำได้ว่าครั้งหนึ่งขณะนั่งอ่านหนังสือเรื่องรหัสลับดาวินชี่เขาแอบคิดว่าบางที ถ้าวันหนึ่งมีช่างภาพสักคนบังเอิญถ่ายรูปชเวซีวอนไปจัดแสดง บางทีภาพๆนั้นอาจจะได้เข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูว์ฟเพราะใบหน้าของชเวซีวอนนั้นเหมือนถูกสร้างโดยเทียบเคียงมาจากสัดส่วนทองก็ไม่ปาน

     


    ดังนั้นคยูฮยอนจึงแอบถ่ายภาพของซีวอนเอาไว้มากมายด้วยความหวังว่าจะมีคนจากพิพิธภัณฑ์ลูว์ฟมาเอามันไป

     


    อะไรทำให้นายกังวลใจอยู่เหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามขณะไล้มือลงไปที่ปลายคางสากเพราะไรหนวดของคนบนตักที่ขมวดคิ้วจนเป็นเส้นปม

     


    ...” ไม่มีคำตอบจากคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเขามาตลอดหลายปี ซีวอนเพียงช้อนดวงตาขึ้นมองเสียวใบหน้าหวานที่บดบังดวงอาทิตย์ไปกว่าครึ่งแล้วจดจ้องอยู่อย่างนั้นราวกับต้องการมั่นใจว่าคยูฮยอนจะไม่ละลายหายไปไหนหรือไม่ถูกสายลมพัดไปเหมือนดังกลีบดอกทานตะวัน

     


    ไม่มีอะไรรบกวนใจของเขา...

     


    ตักของคยูฮยอนนุ่มเกินกว่าสมองจะประมวลผลอะไรได้ต่อจากนี้ ซีวอนยิ้มออกมาบางๆแล้วปล่อยให้สายลมพัดโฉบร่างของเขาไปอีกครั้ง หากแต่ครานี้มือหนาเลื่อนขึ้นไปจิ้มเบาๆที่ปลายจมูกรั้นสวย กดลงเบาๆให้ความเย็นจากฝ่ามือแผ่ไปถึงผิวเนื้อสีขาวนวล

     


    นายอยากรู้อะไรไหมหล่ะ...”

     


    แล้วคุณอยากรู้อะไรไหมครับ?”

     


    กลิ่นวนิลาจากผิวกายของคยูฮยอนทำให้ซีวอนตัดสินใจส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาจับมือที่ซุกอยู่กับพื้นหญ้าขึ้นมาแนบที่ข้างแก้ม ใช้ริมฝีปากจูบเบาๆลงไปตามข้อนิ้วทั้งห้าอย่างทะนุถนอมก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปประสานกุมเอาไว้เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งพ่อเคยทำแบบนี้กับแม่ขณะที่เราทั้งสามเดินไปตามช่องว่างของทุ่งทานตะวันแสนกว้างโดยปราศจากคำถามหรือคำพูดใดๆแต่บรรยากาศนั้นอัดแน่นไปด้วยความสุข

     


    ผมถูกฝึกให้เป็นนักฆ่า"

     


    ...”

     


    ผมฆ่าทุกอย่าง ยกเว้นคุณ... ต่อให้มันมีเงื่อนไข่หรือไม่คุณจะเป็นเพียงข้อยกเว้นเดียวของผม" ซีวอนจูบลงไปที่นิ้วนางของมือข้างซ้าย ไซร้ปลายจมูกลงกับข้อนิ้วเรียว คลอเคลียไม่ไปไหน

     


    ...”

     


    เพราะคุณคือดวงอาทิตย์ที่ดอกทานตะวัยอย่างผมต้องมองหาอยู่ตลอดเวลา... พระอาทิตย์ที่มีเพียงดวงเดียว"

     


    นายกำลังทำให้ผมอยากร้องไห้"

     


    ...แย่จริง... ฝนตกตอนแดดออกหน่ะเหรอ ฮะๆ"

     


    ...” คยูฮยอนอมยิ้มขำเมื่อซีวอนเปิดเปลือกตาขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างล้อเลียน ดวงตากลมหลุบมองนิ้วนางข้างซ้ายที่ยังคงแนบอยู่กับริมฝีปากหยักของชเวซีวอนก่อนจะโน้มตัวลงมากดจูบลงที่อีกด้านหนึ่งของนิ้ว ทิ้งค้างเอาไว้เนิ่นนานก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่าดึงนิ้วนั้นออกไปเพื่อปล่อยให้ริมฝีปากทั้งสองแนบประกบกันอย่างไร้ข้อกังขา

     


    สัมผัสนุ่มนั้นไม่ลุกล้ำกับไปมากกว่าที่เป็น กลีบปากแตะค้างเอาไว้เนิ่นนานกระทั่งลมหายใจที่กลั้นไว้ได้หมดลงพวกเขาจึงปละออกจากกันท่ามกลางรอยยิ้มที่ประดับบนมุมปาก ฃ

     


    ทานตะวันยังจะแหงนหน้าขึ้นตามหาพระอาทิตย์อีกไหม... ถ้าเกิดว่าดวงอาทิตย์ไม่ได้สว่างมากเท่าเดิมอีกแล้ว" นิ้วเรียวบรรจงเกลี่ยไปตามเส้นไรผมที่ร่วงลงมาปรกอยู่งบนหน้าผากสวยระหว่างรอคำตอบ

     


    ...”

     


    ผมไม่ใช่คุณหนูที่บริสุทธิ์อีกแล้ว...”

     


    เด็กโง่" ทานตะวันหนุ่มรูปงามต่อว่าก่อนจะลงโทษด้วยการกัดที่ปลายจมูกรั้นของอีกคน ซีวอนรู้ดีว่าคยูฮยอนหมายถึงอะไร... ซึ่งอะไรที่ว่านั้นเกิดจากความบกพร่องของเขาเอง

     


    เขาไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาที่มองคยูฮยอนเปลี่ยนไปมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับวันแรกที่เข้ามารับงานและเหมือนว่าผู้ใหญ่ในตระกูลโจวจะสัมผัสได้ เขาจึงถูกเรียกตัวเข้าไปพบอย่างกระทันหัน หากแต่เมื่อขึ้นรถของคนที่อ้างตัวว่าเป็นคนจากตระกูลโจวแล้วชเวซีวอนถึงได้สัมผัสได้ว่าคนที่นั่งขับอยู่ไม่ใช่คนของโจว... นั่นหมายความว่าเขาถูกหลอก

     


    กว่าจะพาตัวเองออกมาจากยานพาหนะที่แล่นห่างไกลมาหลายกิโลเมตรก็เล่นเอาสภาพของเขาสะบักสะบอมพอตัว ซีวอนแทบจะคลานกลับไปเมื่อแผลที่แผ่นหลังมันทำให้เขาสูญเสียเลือดมากกว่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามร่างสูงยังคงกัดฟันอดทนเพื่อพาตัวเองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ให้ได้

     


    และสิ่งที่เขาเห็น... มันค่อนข้างเลวร้าย

     

    ไม่สิ มันเลวร้าย มันหยาบทราม มันทรมานหัวใจของเขาเหลือเกิน

     


    คยูฮยอนถูกคนพวกนั้นจับมัดไว้กับไม้อะไรสักอย่างและกำลังโดนเปลื้องผ้าออกทีละชิ้น ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ซีวอนทรุดลงหลังจัดการกับคนเลวพวกนั้นจนเหลือเพียงหัวหน้าของมันที่จับขอบกางเกงของคยูฮยอน บาดแผลตามตัวทำให้เขากลายเป็นชายหนุ่มสิ้นฤทธิ์ที่ทิ้งตัวท่ามกลางกองเลือดและกองน้ำตา

     


    ขาเรียวที่ชีวิตนี้ไม่เคยได้สัมผัสปรากฎแก่สายตาของเขา ซีวอนอยากปิดเปลือกตาลงแต่เขาต้องการมั่นใจว่าโจวคยูฮยอนจะไม่โดนทำร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ดวงตาทั้งสองข้างจึงพยายามเปิดค้างเอาไว้เช่นนั้นแม้ภาพทั้งหมดจะกลายเป็นสีดำ

     


    เสียงครางคล้ายคนจะขาดใจทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด... เจ็บมากเกินกว่าจะนอนนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ

     


    กระสุนลูกสุดท้ายจึงถูกยิงทิ้งไป เขาได้แต่ภาวนาว่าประสาทการได้ยินที่มีจะแม่นยำพอในการส่งลูกกระสุนไปปักหัวสวะมนุษย์คนนั้นที่ทำร้ายคุณหนูของเขา...

     


    อย่างไรก็ตามสติที่มีอยู่ดับวูบลงไปก่อนจะรู้ผลของการกระทำนั้น

     


    ทานตะวันไม่เคยมองอย่างอื่นนอกจากพระอาทิตย์"

     


    ...”

     


    แม้ในยามค่ำคืน มันก็ยังคงมองหาเพียงแต่ดวงอาทิตย์และนับรอเวลาเช้าเพื่อจะได้พบกัน"

     


    ...”

     


    ผมยังยืนยันว่าคุณคือดวงอาทิตย์เพียงหนึ่งเดียวของผม เป็นดวงอาทิตย์ที่ต่อให้หมดแสงผมก็จะมองเพียงแค่คุณ" มืออันหยาบกร้านพยายามอย่างมากที่จะโอบประคองใบหน้าขาวเอาไว้อย่างทะนุถนอม น้ำตาของคยูฮยอนหยดแหมะลงมาที่กลางหน้าผากของเขาก่อนที่เสียงสะอื้นจะดังตามมา ซีวอนเจ็บไปหมดทั้งหัวใจไม่ใช่เพราะบาดแผลที่กำลังปริแต่มันเป็นเพราะเสียงสะอื้นของโจวคยูฮยอนที่เขาสบถสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด

     


    กลิ่นวนิลาจากผิวกายของคยูฮยอนยังคงโดดเด่นท่ามกลางแสงแดด ซีวอนไม่อาจละสายตาออกไปจากดวงหน้าหวานได้แม้สักวินาทีเขาจึงปล่อยให้สายตาได้ทำในสิ่งที่ต้องการคือจ้องใบหน้าขาวเรื่อยไปราวกับเด็กน้อยที่กำลังละเลียมเนื้อไอศครีมอย่างเสียดายว่ามันจะหมด เขาเองก็เช่นกัน... เขาเองก็กลัวว่าสักวันคยูฮยอนจะหายไปไกลเกินกว่าอ้อมแขนจะคว้าไว้ได้เหมือนเช่นวันนั้น

     


    และถ้ามันเกิดขึ้นอีกทั้งเขาและพระเจ้าก็จะไม่มีวันให้อภัยชเวซีวอนอีกเป็นอันขาด

     


    คุณชอบทำให้หัวใจผมเต้นแรงเพราะความหวัง" นิ้วเรียวแตะลงฃบนกลีบปากของซีวอนแล้วกดลงเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดพูด "สิ่งเดียวที่ผมกลัวคือเสียคุณไป...ไม่ว่าจะใครก็ตาม จะดีหรือแย่กว่าผม... ผมไม่ต้องการเสียคุณไปให้ใครสักคน"

     


    ...เด็กโง่ขี้หวง"

     


    ไม่มีสักวินาทีเลย... ที่ผมหยุดรักคุณได้" นิ้วโป้งไล้ปาดไปที่ข้างแก้มของซีวอนซึ่งมีลักยิ้มปรากฎขึ้นมา ดวงตาคมคายปิดลงท่ามกลางลมเย็นที่พัดผ่านร่าวกายไป ซีวอนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอุ่นของวนิลลาและปลายนิ้วเรียวของโจวคยูฮยอนที่มักจะปาดไป่ไปตามข้างแก้มของเขา

     


    วินาทีนี้ไม่มีกระสุนปืน...

     


    ไม่มีคำว่าอันตราย

     


    ไม่มีคำว่าบ่าวเจ้านาย

     

     


    สายลมพัดผ่านอีกครั้งแต่ไม่อาจแทรกผ่านรอยจูบที่ประสานกันได้


    - - -

     

     

    บนโลกที่มีเพียงฉันและเธอ



     

    ฟูกนอนบนเตียงกว้างยับลงตามน้ำหนักของผู้มาเยือนที่ทิ้งกายลงมา คยูฮยอนละสายตาออกจากหนังสือและตัดสินใจวางมันลงเมื่อเห็นว่าชเวซีวอนกำลังเอื้อมมือมาตรงหน้าเพื่อเกลี่ยบนกลุ่มผมของเขา

     

     

    ทำไมยังไม่นอนอีก"

     

     

    รอซีวอนอยู่" คุณหนูตัวขาวตอบคำถามด้วยน้ำเสียงผะแผ่วพลางใช้ดวงตากลมโตใสแจ๋วจ้องมองบอร์ดการ์ดของตนเองที่คลี่ยิ้มอ่อนโยนออกมา... ยิ้มที่มีสิทธิ์ได้ครอบครองไว้เพียงแค่เวลาก่อนนอนเท่านั้น

     

     

    เหรอ...”

     

     

    ซีวอนค้างเรื่องทุ่งทานตะวันเอาไว้นี่... ซีวอนบอกจะเล่าให้จบคืนนี้"

     

     

    ฮะๆ เด็กน้อย... ทุ่งทานตะวันมันไม่มีตอนจบหรอก" ฝ่ามือนุ่มของคยูฮยอนถูกยกขึ้นมาใกล้ริมฝีปากหยัก ซีวอนกดจูบลงไปบนปลายนิ้วทั้งห้า กลิ่นวนิลลาติดตรึงที่ปลายจมูกของเขาเหมือนกับว่าตลอดชีวิตนี้เขาก็จะสูดดมได้เพียงกล่ินหอมนี้เท่านั้น

     

     

    คิ้วเรียวของคยูฮยอนขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ร่างสูงจึงส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบาออกมาแล้วโน้มหน้าลงกดจูบที่ปลายจมูกเรียว

     

     

    สักวันนะครับ"

     

     

    ...”

     

     

    เราจะไปค้นหาตอนจบในนั้น"

     

     

    คุณหนูยิ้มกว้างแล้วเอามือทั้งสองข้างแนบข้างแก้มสากไรหนวด หัวเราะเบาๆออกมาอย่างคนที่มีความสุขก่อนจะปล่อยให้ริมฝีปากของซีวอนแทะเล็มลงมาบนผิวแก้มของเขา

     

     

    เราจะไปหาตอนจบในทุ่งทานตะวัน... แค่คุณหนูกับผม"

     

    - - -

     

    คนที่อ่านฟิคเราบ่อยๆจะรู้ว่าเราชอบจบด้วยอดีต

    แม้ว่ามันจะเข้าใจยากมากก็ตามที

     

    55555555555555555555555

     

    อย่าลืมไปทำบุญนะคะวันนี้ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×