คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Wandering IV
{ Wandering }
Forth Step
เราไม่ได้พูดเรื่องจูบตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่ผละออกมาจากอ้อมแขนยาวนั้น โอเซฮุนก็ตลบผ้าขึ้นคลุมโปง ในขณะที่ช่างภาพหนุ่มเองก็กลิ้งตัวทิ้งไปยังพื้นที่ด้านข้าง ข่มตาหลับไปท่ามกลางความมืดของห้อง ไม่มีโปรแกรมแชท ไม่มีหนังสือแคลคูลัสพื้นฐาน มีเพียงเสียงลมหายใจนิ่งๆผ่อนขึ้นผ่อนลงเป็นจังหวะ และเมื่อแสงแดดเริ่มฉายส่องในยามเช้า เราก็ทำเหมือนลืมเรื่องนั้นไปกันทั้งคู่
กระเป๋าสัมภาระใบโตถูกจัดให้เป็นระเบียบอีกครั้ง ทั้งสองตกลงแล้วว่าจะย้ายเข้าโรงแรมที่ซาปาและคงจะอยู่ที่นั่นอีกสามวัน แล้วนั่งรถลงมาขึ้นเครื่องกลับโซลเลย... เซฮุนไม่ได้ใจหาย แต่เมื่อได้ยินคำว่ากลับโซล หูของเขาก็อื้ออึงไปหมด
เราเลือกเดินทางในช่วงกลางคืนโดยรถไฟแบบตู้นอนไปเมืองลาวไก ซึ่งน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดเพราะถ้าหากเป็นรถยนต์ มีหลายคนบอกว่ามันจะกระโดกกระเดกน่าดู
รถไฟออกตอนสี่ทุ่ม ตามกำหนดการเราจะไปถึงที่นั่นตีห้า โชคดีที่เราจองได้ตู้นอนแบบ VIP จึงไม่ต้องลำบากมากอย่างที่หลายคนต้องเจอ บรรยากาศภายในตู้นอนทำให้ผมนึกถึงแฮรี่พอตเตอร์ ห้องโดยสารถูกกั้นด้วยไม้และมีเตียงสองเตียงกับโคมไฟเรียบๆตกแต่งอยู่ตรงกลาง
“เสียงดังเนอะ"
“อืม นั่นสิ... จะนอนได้หรือเปล่าเนี่ย" พี่คริสว่ายิ้มๆ เรานั่งมองออกไปนอกหน้าต่างกระทั่งพบว่าไม่สามารถมองเห็นอะไรจึงเริ่มเปลี่ยนมานั่งมองหน้ากันเองแทน
“พี่ไม่ไปนั่งเตียงพี่อ่ะ" ผมตัดสินใจถามออกไปเมื่อเห็นเขาเอนหลังเข้ากับกำแพงคล้ายจะปักหลักอยู่เตียงของผม ดวงตาคมกริบตะแคงมอง เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับทิ้งหัวลงมาบนตักของผมที่กำลังนั่งนั่งขัดสมาธิฟังเพลงอยู่
“ไม่ได้นอนหรอก เชื่อสิ"
“แล้วพี่จะไม่ง่วงเหรอ?”
“ก็คง... ง่วงแหละ"
“ไปนอนสิ นอนนนนนน" อาจเป็นเพราะเริ่มสนิทสนมกันกระมังผมจึงเลื่อนมือไปทุบที่ไหล่ของเขาเบาๆได้ พี่คริสเงยหน้าขึ้นส่งสายตาคาดโทษมา นิ้วเรียวของเขาเอื้อมมาบีบปลายจมูกเย็นชื้นของผมก่อนจะปิดเปลือกตาลง
“นอนแบบนี้"
“ขาผมชานะ"
“แต่พี่ชอบแบบนี้"
“...”
“สบายจะตาย" เขาว่ายิ้มๆและยังคงทำเป็นไม่สนใจผมจึงยอมขยับขาให้เข้าที่เข้าทางเผื่อว่าเขาจะนอนแบบนี้ไปจนถึงตีห้าจริงๆ บทสนทนาถูกยุติลงเพียงเท่านั้น ภายในห้องโดยสารเหลือแค่เสียงฉึกฉักของรถไฟและเสียงปะทะกับรางเหล็ก
เพราะความเงียบนั่นแหละทำให้ผมเผอลนึกไปถึงวันเมื่อคืนก่อนในโรงแรม มันเป็นเรื่องคิดไม่ตก ผมไม่เคยจูบกับผู้ชาย... ไม่สิ อาจจะเคย... กับจงอินตอนแพ้เกมส์อะไรสักอย่าง แต่เมื่อเทียบกันมันก็ไม่ใช่อารมณ์แบบนี้ หัวใจผมไม่ได้เต้นหนักในตอนนั้น มันก็เป็นแค่จูบธรรมดาของคนสองคนที่แพ้เกมส์ แต่เมื่อวันก่อนมันเป็นจูบของคนสองคนที่แพ้ใจตัวเอง
เซฮุนไม่รู้ตัวเองว่าระหว่างที่เขาเอาแต่ขบคิดเรื่องนั้น ปลายนิ้วเรียวได้เลื่อนแต่ไปที่ปลายคางของคริสแล้วลากขึ้นมาอยู่ตรงริมฝีปาก ร่างสูงไม่ได้ลืมตาขึ้นมองเพราะเขารู้ว่าเซฮุนคงจะเผลอทำมันอย่างไม่ได้ตั้งใจ กระนั้นการที่นิ้วนั้นเอาแต่แตะย้ำลงมาเรื่อยๆก็ทำให้คริสรู้สึกประหลาดใจมากเกินกว่าจะนั่งนิ่งอยู่เฉยๆ
“อยากจูบหรือไง?” เสียงทุ้มว่าเล่นๆ ข้อมือเล็กของเซฮุนถูกสั่งให้หยุดโดยฝ่ามือหนาอุ่นที่รวบเข้ามาเกาะเอาไว้ คริสแหงนหน้าขึ้นสบดวงตาเรียวที่ทอดมองต่ำลงมาด้วยข้อความมากมายโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันมากมายขนาดไหน
“ผมทำได้เหรอครับ?” กลายเป็นคำถามย้อนกลับมา...
คริสไม่รู้ เขาหาคำตอบไม่เจอ
หรือไม่ก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
“...”
“...”
“...ฉันก็ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาตลอดนะ"
“งั้น...” เซฮุนทิ้งคำพูดที่ตระเตรียมไว้ออกไป เอาก้มลงใช้ปลายจมูกของตัวเองแตะลงบนดั้งของอีกคน ไม่เข้าใจเลยจริงๆ... ทั้งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดสองวันแต่สุดท้ายเขากลับแพ้ตัวเองเหมือนเดิม สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าริมฝีปากของคริสคือสิ่งที่เขาโปรดปราน
เป็นผิวเนื้อนุ่มที่เขาอยากกดแนบลงไปทุกครั้งที่มีโอกาส
กลีบปากของทั้งสองแตะกันเบาๆในครั้งแรกก่อนที่มันจะแนบสนิทลงไปเมื่อถูกแตะด้วยลิ้นชื้น เซฮุนเอียงคอรับองศากับคนที่คว้าลำคอเขายึดเอาไว้ ส่งลิ้นเข้าไปกวาดอยู่ในโพรงปากอุ่นของคริส ปิดดวงตาลงให้ความรู้สึกทั้งหมดส่งผ่านไปบนริมฝีปาก
ใบหน้าของแฟนเก่าลอยเข้ามาในสมองของเขา แต่มันเป็นเพียงชั่ววูบเดียวที่ดวงตากลม หน้าอกคัพซี และท่อนขาเรียวยาวของเธอมีผลต่อโอเซฮุน เพราะภาพถัดมาในดวงตาก็คือใบหน้าคมสันใจระยะใกล้ที่แสนดูดี เขาผละจูบออกมาแล้ว แต่ไม่อาจประกอบสติของตัวเองต่อจากนั้นได้
ลมหายใจอุ่นเป่ารดกันอยู่พักใหญ่ในช่องว่างที่มีขนาดจำกัด เซฮุนถูกดันให้เอนตัวราบลงสู่ช่องว่างเล็กๆ คริสไม่ได้ใช้แรงมากมาย หากแต่มันเป็นไปได้เพราะเซฮุนคล้อยตาม จูบที่สองเริ่มขึ้นเมื่อร่างสูงกลายเป็นฝ่ายคร่อมร่างบางเอาไว้ ลิ้นชื้นแตะสลับกันไปมาก่อนที่จะโดนเกี่ยวกลับเข้าไปในพื้นที่อุ่นอีกครั้ง มือของคริสลากลงมาสอดใต้เสื้อ เขาไล้ไปบนหน้าท้องแบนราบอย่างเผลอไผล...
ทุกอย่างดูหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเซฮุนเผยอริมฝีปากหาอากาศ กลีบปากล่างถูกกัดเบาๆด้วยความเอ็นดู เสียงครางหวิวลอดหลุดเมื่อผัสสะอุ่นตรงหน้าท้องไล้ต่ำลงหาขอบกางเกง
“อือ...”
“เซฮุน"
“ค ครับ"
“เป็นแบบนี้...จนกว่าจะกลับโซลได้ไหม?” ดวงตาเรียวจ้องมองใบหน้าของอีกคนที่อยู่ใกล้เกินกว่าที่ดวงตาของเขาจะโฟกัสได้ คริสผละมือออกจากขอบกางเกง เปลี่ยนเป็นคล้องรอบเอวบางเอาไว้แล้วแนบจูบลงบนหน้าผากมน เสียงกระทบของรางเหล็กดังต่อเนื่อง ดังนั้นเขาจึงต้องขยับเบียดเข้าใกล้คนตัวผอมเพื่อรอฟังคำตอบ
“...”
“ฉันชอบจูบของนายเกินกว่าจะให้หยุดอยู่แค่นี้"
“...”
“ฉันชอบนายมากเกินกว่าจะอยู่เฉยๆแล้วหล่ะ"
“ผม....” ดวงตากลอกมองไปมา
“...สามวันเอง"
“...”
“เราเหลืออีกแค่สามวันเองนะ" คำพูดของคริสยุติบทสนทนาทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ดวงตาของเซฮุนเต็มไปด้วยควาลังเล เขายังคงจ้องใบหน้าของช่างภาพตัวสูงที่ไล่มองเสี้ยวหน้าของเขาอย่างเก็บรายละเอียด ความเงียบกลายเป็นบรรยากาศที่พวกเขาเสพย์... รถไฟเคลื่อนตัวเร็วขึ้นและโอเซฮุนรู้สึกได้ว่าเขาไม่ต้องการให้เวลาเดินเร็วขนาดนั้น
ไม่ต้องการสักนิดเลยจริงๆ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“แค่ลาวไกก็หนาวแล้วอ่า...” เซฮุนบ่นพึมพัมทันทีที่ลงมาจากยานพาหนะล้อราง กระเป๋าใบโตถูกกรชับเข้ากับบ่าพร้อมกันกับเสื้อกันหนาวขนเป็ดของตัวเองซึ่งทำหน้าที่ให้ความอบอุ่น คริสหมกมุ่นอยู่กับกล้องถ่ายภาพของตัวเอง อากาศเย็นไม่เป็นผลดีต่อเลนส์ราคาแพงเขาจึงต้องเอาผ้าผืนหนาห่อมันไว้
“นั่นสิ"
“ถึงซาปา กระดูกผมคงเป็นน้ำแข็งพอดี" ใบหน้าขาวมองซ้ายมองขวาแล้วขมวดคิ้วให้กับความเย็น คริสอมยิ้มหัวเราะด้วยตลกท่าทางเหมือนเด็กน้อยนั่นก่อนจะขยับใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้ ริมฝีปากสีสดกดแนบลงที่ข้างแก้มนุ่มซึ่งซ่อนอยู่ภายในฮู้ดขนเป็ดตัวหนา โอเซฮุนทำหน้าตาเลิกลักปิดไม่มิดออกมา
“อุ่นไหม?”
“...”
“อุ่นแล้วมั้ง แก้มแดงเชียว" คนตัวสูงถือวิสาสะหยิกเบาๆบนแก้มขาว เซฮุนอ้าปากพะงาบคล้ายว่าต้องการจะต่อว่าหรือตะโกนด่าอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ทันได้ทำแบบนั้นเพราะคริสดันปลีกตัวออกไปเสียก่อน ทิ้งเขายืนบ้าบ่นงึมงัมอยู่คนเดียวท่ามกลางฝูงมวลชนขวักไขว่
สุดท้ายคริสก็กลับมาพร้อมกับข้อมูลใหม่ ได้ความว่าต่อจากที่ลาวไกเราต้องนั่งรถเพื่อขึ้นเขาไปยังซาปา ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เซฮุนฟังร่างสูงอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาลืมเรื่องแก้มที่โดนรุกรานไปเสียสนิทเมื่อคนตัวสูงบอกว่าจะพาไปกินร้านอาหารของคนรู้จักก่อน
เซฮุนถูกจับพาให้เข้ามาน่ั่งรออยู่ก่อนระหว่างที่คริสพยายามติดต่อคนรู้จักของตัวเอง ร่างสูงวางสายหลังสนทนาเป็นภาษาจีนเข้าใจยากแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเด็กหนุ่มที่กำลังถูมือไปมาเพื่อขับไล่ความหนาวเหน็บ ดวงตาคมหลุบมองอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของโอเซฮุน
“เดี๋ยวเพื่อนฉันจะให้คนมารับเราไปที่ร้าน"
“อาฮะ"
“เราคงต้องค้างที่นี่ก่อนวันนึง เพื่อนฉันจะหาตั๋วรถให้"
“อ่า ดีจัง... เพื่อนฮยองนี่คนจีนเหรอครับ?”
“อืม... มันแต่งงานแล้วก็ย้ายตามเมียมานี่ เปิดร้านอาหารเกาหลีอยู่ มันเรียนเชฟมาหน่ะ" เซฮุนพยักหน้าหงึกหงักตามคำบอกของคนตัวสูงกว่า แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อก็มีมอร์เตอร์ไซค์พ่วงคันใหญ่ขับเข้ามาจอด คนขับส่งยิ้มให้คริสก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปคุยกันสองสามประโยคด้วยภาษาจีน แล้วเซฮุนก็โดนลากขึ้นนั่งบนรถ
ร้านอาหารที่่ว่าเป็นร้านขนาดย่อมเล็กๆ ชั้นบนอีกสามชั้นเปิดเป็นเกสท์เฮาส์ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาแวะพักเมืองลาวไก ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดกับประเทศจีน ที่นี่อากาศหนาวจัดในหน้าหนาว เป็นเหมือนจุดเชื่อมขึ้นไปซาปาเพราะคนที่ต้องการไปซาปาต้องมานั่งรถจากที่นี่ พวกเขาเองก็จัดอยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน
ทันทีที่เข้ามาในร้าน ผู้ชายผิวขาวคนหนึ่งก็กระโจนออกมาจากห้องครัวแล้วโผเข้ากอดพี่คริสอย่างเต็มแรง มีคำทักทายเป็นภาษาจีนที่เซฮุนฟังไม่ออกเมื่อทั้งสองผละออกมา เซฮุนจึงอนุมานจากท่าทางเหล่านั้นเอาว่านี่คงเป็นเพื่อนที่พี่คริสพูดถึง
“แล้วนั่นใครหน่ะ?”
“อ้อ นี่เซฮุน"
“เซฮุน คนเกาหลีเหรอ?” ผู้ชายผิวขาวคนนั้นหันมามองหน้าเขาด้วยแววตาเป็นประกายก่อนจะยิงคำถามเป็นภาษาเกาหลีสำเนียงแปร่งออกมา
“อืม"
“แฟนเหรอ?” เจ้าของร้านหันไปถามพี่ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกาย เซฮุนไม่รู้ว่าหน้าตาจองตัวเองเป็นอย่างไรแต่มันก็คงจะเหรอหราน่าดูเพราะเขาเห็นคริสแอบลอบยิ้มขำ คนถูกพาดพิงถึงได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ขมวดคิิ้วไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี(ก็มันหนาวนี่หว่า!)
“เปล่าหรอก...” สุดท้ายก็เป็นคริสที่ให้คำตอบออกไป แต่คำตอบที่ว่ากลับไม่ได้ทำให้เซฮุนรู้สึกงุ่นง่านน้อยลงไปสักเท่าไหร่เลย
“...”
“กำลังจีบอยู่ ยังไม่รู้จะติดหรือเปล่า"
ก็แล้วทำไมต้องพูดเป็นภาษาเกาหลีให้เขาฟังออกด้วยเล่า!!
หลังจากการทักทายที่ทำให้ผมขายหน้าระดับสิบแล้ว เจ้าของสถานที่ที่มีชื่อจีนว่าอี้ชิงก็พาเราขึ้นไปบนห้องพัก ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว และด้วยความใจดีของเขาก็เลยทำให้เราไม่ต้องเสียค่าห้องพักเลยสักโด่งเดียว แน่นอนว่านั้นทำให้ทั้งผมและพี่คริสสามารถยิ้มหน้าบานกันได้อยู่หลายนาที ยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ตอนเขาบอกว่าให้เราลงไปกินอาหารเช้าฟรีฝีมือเขาด้วย
นั่นเป็นเหตุผลที่เรามานั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องรับแขกของพี่อี้ชิง ที่ตอนนี้กำลังยกอาหารเกาหลีตำหรับดั้งเดิมมาเสิร์ฟอย่างตั้งใจ
“จะไปซาปาเหรอ?”
“อืม" พี่คริสตอบสั้นๆตอนที่กำลังจกกิมจิเข้าปาก
“เห็นมีแต่คนบ่นหนาวทั้งนั้น เอาเสื้อไปให้พอหล่ะ" พี่อี้ชิงเอ่ยเตือน เขาดันชามข้าวมาให้ผมก่อนที่พวกเราจะเริ่มมื้ออาหารเช้ากันอย่างสนุกสนานภายในห้องพักนั่น ทักษะภาษาเกาหลีของพี่อี้ชิงไม่ได้ดีเท่าพี่คริสแต่ก็สามารถสื่อสารให้เข้าใจได้ และผมก็ได้รู้ว่าพี่เขาเองก็รู้จักและสนิทกับแฟนเก่าของพี่คริสเช่นกัน
บทสนทนาที่ถูกยกมาส่วนมากเกี่ยวกับชีวิตปัจจุบันของทั้งสองคนมากกว่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ เป็นยังไงบ้าง ผมพอจับใจความได้ว่าทั้งสองคนได้เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อสองปีก่อนที่งานแต่งงานของพี่อี้ชิงแล้วก็แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง มีแค่พี่คริสกับพี่ลู่หานเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นพี่อ้ชิงก็คอยติดต่อหาเพื่อนทั้งสองคนอยู่เสมอ เพิ่งจะขาดหายไปอย่างจริงจังก็หลังจากที่ย้ายมาลาวไกเมื่อปีที่แล้วเพื่อเปิดร้านอาหาร
พี่อี้ชิงเป็นคนใจดีมาก ผมชอบมองเวลาพี่เขายิ้มแล้วที่ข้างแก้มจะมีรอยยุบเป็นลักยิ้มเล็กๆบุ๋มลงไป... นั่นน่ารักมากทีเดียว...
“เซฮุนไปพักเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเองดีกว่า"
“ไม่เป็นไรครับ...อ่า...แค่นี้ก็รบกวนพี่เยอะแล้ว"
“ถ้าไอ้คริสแม่งคิดแบบนี้ได้ คงดี" บุ้ยใบ้ไปแซะคนที่หนีไปยืนตากอากาศตรงระเบียงพร้อมกับกล้องคู่ใจ ผมมองตามนิ้วของพี่อี้ิชิงพลางอมยิ้มขำเพราะท่าทางอันแสนสุนทรีย์ของพี่คริสนั่นแหละ
“ฮ่าๆ...” ผมเลือกไม่แสดงความคิดเห็นอะไร เดินเบี่ยงตัวเอาจานเข้าไปวางไว้ในห้องครัวที่ถูกกั้นเป็นมุมเล็กๆอยู่ตรงหลังห้องนั่งเล่น สักพักพี่อี้ิงก็ยกแก้วน้ำตามมาแล้วคอยช่วยเอาจานเลอะฟองน้ำยาไปล้างน้ำเปล่า
“นายรู้จักลู่หานใช่ไหมเซฮุน?”
“ครับ?” ผมย้อนเสียงสูงกลับไปเมื่ออยู่ดีๆพี่อี้ชิงก็เปิดประเด็นสนทนาเกี่ยวกับพี่ลู่หานขึ้นมา เมื่อได้สติมาหน่อยผมจึงส่ายหัวไปมาแทนคำตอบของตัวเอง... ผมรู้จักเขาเสียที่ไหนกัน แค่เคยได้ยินชื่อหลุดออกมาจากปากพี่คริสตอนพี่เขาเมาเท่านั้นแหละ
“อ่า..ไม่เหรอ" สีหน้าของพี่เขาเปลี่ยนไป ในทางดีหรือร้ายผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ "ลู่หานหน่ะเป็นคนน่ารักมากเลยนะ ใครๆก็รักทั้งนั้นแหละ หมอนั่นป็อบที่สุดในกลุ่มเราเลยหล่ะ"
“...” ผมเงียบและตัดสินใจฟังพี่อี้ชิงพูดต่อไปเรื่อยๆ พยายามยืดเวลาด้วยการถูจานให้ช้าลง
“ไม่แปลกหรอกที่คริสมันจะรักมาก... ตั้งแต่เลิกกับลู่หาน พี่ไม่เคยเห็นมันจริงจังกับใครได้เลยสักคน" เสียงของพี่อี้ชิงเต็มไปด้วยความกังวล ผมสัมผัสได้ว่าพี่เขาคงกำลังชั่งใจว่าควรพูดหรือไม่พูดดีไหม.. วินาทีนั้นผมแอบคิดว่ามันใช่เรื่องที่ผมควรรับรู้หรือไงนะ แต่อีกใจผมก็เลือกที่จะหยุดฟังด้วยความรู้สึกที่มากกว่าอยากรู้
“...”
“เราคงเป็นคนที่พิเศษมากเลยนะเซฮุน... ขนาดกับลู่หานหน่ะ คริสมันยังไม่เคยรุกขนาดนี้มาก่อนเลย"
“...”
“คนหยิ่งๆอย่างหมอนั่นไม่ค่อยบอกหรอกว่าจีบใครหรือชอบใครอยู่นอกจากมันจะชอบจริงๆ"
“...”
“รับมันพิจารณาด้วยแล้วกันนะเซฮุนนา~”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
หลังอาหารเช้าจบลงและภารกิจล้างจานของผมเสร็จสิ้น พี่คริสก็ลากผมออกมาด้านนอกด้วยจักรยานของพี่อี้ชิง คำพูดจากปากเจ้าของจักรยานวนเวียนอยู่ในหัวของผมไม่ยอมหายไปไหน แม้จะพยายามสลัดมันออกไปด้วยการมองวิวสองข้างทางแล้วแต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่อยู่ดี
“เหม่ออะไรเนี่ย?” เราหยุดกันที่จุดพักชมวิวร้างคนแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากตลาดออกมาเพียงไม่กี่กิโล พี่คริสจอดจักรยานพัก เราพากันเข้าไปนั่งในศาลาและแน่นอนว่าผมก็เผลอเหม่อจนเขาต้องเอ่ยทัก
“เปล่าครับ...”
“คิดมากอะไรของนาย... คิดถึงแฟนเก่าหรือไง?” น้ำเสียงที่ไม่จริงจังนักของพี่คริสทำให้ผมแหงนหน้าเหลือบมองเขาที่ยกกล้องขึ้นแนบมอง มีเสียงชัตเตอร์รัวตามมาหลายครั้งก่อนที่เขาจะขยับตัวลุกไปถ่ายภาพอะไรสักอย่างบนต้นไม้ ไม่ได้สนใจคำถามก่อนหน้าของตัวเองเลยสักนิด
ผมมองแผ่นหลังกว้างของพี่เขาขยับขึ้นลงไปมา หามุมที่เหมาะสมแก่การกดถ่ายภาพ คำพูดของพี่อี้ชิงวกกลับเข้ามาในหัวของผมอีกครั้งหนึ่งแต่มันมาพร้อมกับความรู้สึกที่ผมไม่สามารถจัดการได้ วินาทีนั้นผมแอบคิดว่าถ้าผมมีความสำคัญกับพี่คริสมากขนาดนั้นจริงมันคงเป็นเรื่องที่ทำให้ยิ้มหน้าบานได้ไปอีกหลายวัน
สุดท้ายเซฮุนก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรจนกระทั่งแขนเล็กนั้นสอดเข้าไปกับเอวกว้าง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คริสใช้เป็นประจำซุกอยู่ที่ปลายจมูกอย่างห้ามไม่ได้ เจ้าของแผ่นหลังสะดุ้งเล็กน้อย ผีเสื้อที่กำลังถูกแอบถ่ายกระพือปีกบินจากไปเพราะความตกใจของมันแต่แทนที่คริสจะนึกโกรธ ร่างสูงกลับยกยิ้มขึ้นมาตรงมุมริมฝีปาก
เขาพลิกตัวกลับมา ปล่อยกล้องคล้องไว้กับลำคอแล้วใช้มือเย็นๆทั้งสองข้างประคองใบหน้าของเซฮุนขึ้นมา คริสนึกไม่ออกว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาจูบโอเซฮุน รู้เพียงว่าเขาจูบเพราะอยากจูบและถ้าทำได้บางทีริมฝีปากอาจต้องประทับค้างอยู่แบบนี้ทั้งวัน
“มีอะไรงั้นเหรอ?” คำถามสั้นๆเอ่ยออกมาจากปากหยักที่เพิ่มมอบผัสสะนุ่มละมุนให้กับเขา เซฮุนไม่ได้เบือนหน้าหนีแม้จะรู้สึกเขินอายมากมายกับการกระทำของตัวเอง เขาเพียงแค่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของคริสที่สบมองเพียงแต่เขาเท่านั้น
“คือ...”
“...”
“คือผม...”
“...”
“ผมไม่รู้เหมือนกัน" เซฮุนสูดหายใจเข้าปอด เขาพยายามทำให้สิ่งที่อัดแน่นอยู่ชัดเจนมากที่สุดแต่มันก็ยังคงคลุมเคลืออยู่ดี เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกเผลอไผลหรือเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ มันเปราะบางหรือหนักแน่น
“...”
“ผมแค่อยากกอดคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง...ครับ" เขาเลือกพูดไปตามความรู้สึกที่ปรากฎ ความรู้สึกที่เขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แม้จะคล้ายความรักแต่เขาก็ไม่อยากใช้คำนั้นอธิบายเพื่อทำให้คนที่ตั้งความหวังเอาไว้มีหวังเพราะถ้าหากมันไม่ใช่ ก็คงไม่มีคำปลอบโยนใดที่ดีพอ
“ฉันเองก็อยากทำแบบนั้นตลอดไปเหมือนกันเซฮุน~”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
❀ Supercell
ความคิดเห็น