ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] KRISHUN STORAGE'

    ลำดับตอนที่ #10 : Wandering II

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 58


    { Wandering }

    Second Step


     

    นับจากลั่นวาจานั้นไป แพลนการท่องเที่ยวของผมก็มีอันต้องสลับสับเปลี่ยนไปมาก จากที่คิดว่าจะลองไปเดินดุ่มๆในเมืองนี้ตัวคนเดียวกลับต้องกลายมาเป็นเด็กหิ้วของให้กับตากล้องตัวสูงอย่างพี่คริสด้วยเหตุผลง่ายๆสั้นๆว่า ผมเริ่มไม่เป็น.... นี่เป็นครั้งแรกที่ผมออกนอกประเทศ มาเที่ยวคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนฝูง แม้แต่คู่มือเกี่ยวกับประเทศของเขายังไม่มีพกติดตัวมาเลยจึงไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายหรอกครับ... ห้อยตามพี่คริสไปถ่ายรูปน่าจะง่ายที่สุด


     

    มุมนี้... นี่เซฮุน ไปยืนเป็นแบบให้หน่อย" พี่เขาหันมาหาผมที่ยืนจับสายกระเป๋ามองซ้ายมองขวาไปมา ผมเลิกตาถามย้ำพี่เขาอีกครั้งนึงว่าเมื่อสักครู่ตัวเองไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม และคำตอบก็ปรากฎเป็นการพยักหน้าขึ้นลงของตากล้องที่กำลังถอดแว่นกันแดดมาเหน็บไว้กับปกเสื้อแล้วยกกล้องโปรตัวใหญ่ขึ้นมาในระดับใบหน้า


     

    ขาเรียวยาวก้าวเดินไปยืนตรงตำแหน่งที่ร่างสูงชี้ให้ดูอีกครั้ง คริสมองผ่านช่องตาแมวออกไป เขากดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งในขณะที่มืออีกข้างก็หมุนปรับโฟกัส เน้นส่วนที่ตัวเองต้องการจะเน้นก่อนจะแอบชิงกดชัตเตอร์ไปครั้งหนึ่งตอนที่โอเซฮุนขมวดคิ้วจนหน้าย่นเพราะแสงอาทิตย์ แล้วค่อยส่งเสียงนับลั่นออกไปพร้อมรอยยิ้ม


     

    หนึ่ง สอง...” เสียงลั่นชัตเตอร์ดังขึ้นก่อนฝ่ามือใหญ่จะจับกล้องลดลงมาจากระดับสายตา โอเซฮุนเดินออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นอย่างเชื่องช้าเผื่อร่างสูงอยากจะแก้มือ แต่สำหรับตากล้องมืออาชีพขนาดนั้น นอกจากจะไม่แก้มือแล้ว คริสยังหันหน้าออกไปอีกทางเพื่อจับภาพของเขาขณะที่กำลังก้มหน้าเดินกลับมาอีกด้วย


     

    แอบถ่ายแบบนั้น ผมน่าเกลียดแย่"


     

    เชื่อมือเถอะหน่า" ร่างสูงว่าแล้วหมุนจอภาพให้คนที่เพิ่งจะเข้ามาประชิดตัวเขาดู เซฮุนอ้าปากเหวอไปนิดนึงเมื่อภาพที่เขาคิดว่ามันคงจะทุเรศน่าดูกลับสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งแสงอาทิตย์ที่สาดเขามาจากทางด้านขวาปะทะกับเขาที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายของรูปและตรงกลางก็เป็นอาคารไม้เกาๆ มีเวาสะท้อนสีเทาอยู่ตรงพื้นถนน... ทุกอย่างเข้ากันได้ดีจนใบหน้าเรียวต้องหันกลับไปมองอีกทีว่าเบื้องหลังของเขาเป็นเช่นนั้นจริงหรือ


     

    แต่อย่างว่าแหละนะ... เซฮุนไม่ได้มีสายตาศิลปินขนาดนั้นสักหน่อย

    เขาเรียนวิทยาศาสตร์ และถ้าจะเห็นก็คงเป็นอะตอมหรือโมเลกุลอะไรสักอย่างมากกว่า...


     

    พี่ถ่ายไปลงนิตยาสารเหรอครับ?”

     

    อืม... ปล่อยขายด้วย"


     

    งั้นพี่ต้องถ่ายมานานแล้วใช่ไหมครับ?”


     

    ครึ่งชีวิต... ประมาณนั้นหน่ะ" ให้คำตอบกับเด็กที่ตอนนี้ดูจะสนอกสนใจกับชีวิตของเขาขึ้นมาเป็นพิเศษเพราะเซฮุนเล่นขยับมาเดินข้างกันจากที่เมื่อครู่เอาแต่เดินตามหลังเงียบๆ และอุปนิสัยรักสันโดดอย่างเขาก็คงไม่เป็นคนเปิดบทสนทนากับใครก่อนอยู่แล้วหล่ะ


     

    นานจังครับ... อะไรที่ทำให้ฮยองอยู่กับกล้องได้นานขนาดนั้นนะ"


     

    ความรัก...มั้ง"


     

    “...” เด็กนั่นหันมาขมวดคิ้วใส่เขาที่ยังคงก้าวเดินอย่างเชื่องช้าเพื่อใช้สายตาจับความเคลื่อนไหวรอบกายให้ได้มากที่สุดเผื่อจะได้มุมดีหรือช็อตเด็ดอะไรจากท้องถนนวันนี้ก็เป็นได้


     

    ฉันเลิกกับแฟนเพราะกล้องนะ... แล้วก็พบสัจธรรมว่าความรักต้องอาศัยความเข้าใจ...”


     

    อ่า...”


     

    ฉันกับกล้องเข้ากันได้ดีกว่าฉันกับแฟนเสียอีก...” คริสไปตามความจริงและเขาคิดว่ามันก็เป็นเรื่องตลกร้ายอย่างหนึ่งเท่าที่ชีวิตของเขาจะพบเจอได้... แฟนที่ว่าก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหน เสี่ยวลู่หานนั่นแหละบอกเลิกเขาเพราะระแวงเจ้าก้อนวัตถุสีดำตัวใหญ่่ในมือนี่ และมันก็ตลกดีที่เขาได้เสี่ยวลู่หานคืนมาเพราะกล้องในมือเช่นกัน


     

    แต่ได้กลับมาในฐานะรูมเมท เพื่อนสนิท....


     

    แล้วมันก็ทำให้รู้ได้ว่า คนที่จะรักเขาก็ควรจะรักกล้องของเขาด้วยหน่ะ


     

    ฮะๆ...”


     

    ที่จริง...ผมก็เพิ่งเลิกกับแฟนมาแหละครับ"


     

    งั้นเหรอ?”


     

    ครับ... เขาบอกว่าผมรักห้องแล็บมากกว่าเขา" โอเซฮุนพยายามจะสร้างมุกตลกให้กับตัวเองโดยการลอกเลียนโครงสร้างคำพูดจากคนข้างกายบ้างแต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความตลกของมันอย่างที่คิดไว้


     

    อ่า...”


     

    ฮะๆ.. ผมเลยมาที่นี่...”


     

    “...”


     

    “...”


     

    “...เด็กน้อย...” ฝ่ามือใหญ่ละออกมาจากกล้องเพื่อวางลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลของคนที่สลดลงไปหลังพูดความในใจออกมา คริสขยี้เส้นนุ่มในมือของเขาเบาๆเพื่อปลอบโยนเจ้าเด็กขวัญเสียคอตก


     

    อะไรบางอย่างจากโอเซฮุนทำให้เขารู้สึกเอ็นดู


     

    เหอะ... ผมดราม่าเลยเนี่ย... ไม่เอาๆ เปลี่ยนโหมท"


     

    ติงต๊อง...” ฝ่ามือใหญ่ปั้นก้อนกลมแล้วเขกมะเหงกลงกลางหัวกลมๆของคนข้างกาย เซฮุนเปล่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วกระชับกระเป๋าสะพายเข้ากับบ่าของตัวเอง ดวงตาเรียวหยีเล็กเข้ามาจนเป็นเหมือนพระจันทร์เสี้ยวซึ่งมันทำให้คริสที่เห็นภาพนั้นตั้งปฏิญาณกับตัวเองว่าเขาจะต้องจับภาพโอเซฮุนตอนหัวเราะให้ได้...


     

    คนที่หัวเราะได้น่ารักขนาดนี้ไม่ควรหลุดออกจากเฟรมภาพไปไหนจริงๆ

    ใครกันที่กล้าทิ้งรอยยิ้มสวยงามขนาดนี้...


     

    ขาทั้งสองคู่ลากยาวเดินไปตามเส้นทางที่ทอดเหยียดไปเบื้องหน้า ถนน36 สายเป็นถนนยอดฮิตที่ไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องมาเยี่ยมมาเยียนกันสักครั้งเมื่อมาถึงฮานอย ถนนสายนี่ร่มรื่นย์ด้วยต้นไม้ที่ขึ้นประปรายสลับกับร้านรวงที่รวบรวมสินค้าหลากหลายเอาไว้ มีกลุ่มควันลอยคลุ้งออกมาจากหม้อเฝอและบู้นฉา อาหารเลื่องชื่อที่เขาเองก็พอเห็นมาบ้างจากหนังสือเดินทาง แค่ไม่คิดว่าของจริงจะหอมขนาดนี้


     

    นายหิวยัง?”


     

    นิดหน่อย...”


     

    ลองนี่ไหม?” คริสหยุดฝ่าเท้าลงที่หน้าร้านบู้นฉา (Bún Chả) กลิ่นหอมของหมู่ปิ้งทวีความหิวของเขามากขึ้นกว่าเดิม จากที่ตอนแรกคิดว่าจะสามารถต่อเวลาได้อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง กลายเป็นว่าดันตบะแตกตั้งแต่ได้กลิ่นน้ำซุปนั่นเสียแล้ว


     

    อาฮะ" สุดท้ายเราก็เดินเลี้ยวเข้าไปในร้าน ผ่านคุณป้าแก่ๆสองคนที่กำลังง่วนอยู่กับการประกอบอาหาร มีพนักงานเด็กสาวพาเราเดินขึ้นปยังชั้นสอง บ้านเรือนที่นี่สูงเรียวแต่ไม่กว้าง เลยต้องเดินบันไดกันชันหน่อยและสำหรับเด็กน้อยที่ไม่เคยใช้ชีวิตลำบากลำบนอย่างโอเซฮุนก็เลยต้องพึ่งผู้ชายตัวโตโดยการจับยึดชายเสื้อของช่างภาพหนุ่มเอาไว้ในขณะที่ขาก้าวไต่บันไดขึ้นไป


     

    ทั้งสองหย่อนตัวนั่งลงที่ชั้นสามของร้าน เป็นพื้นที่ติดหน้าต่างที่มองออกไปแล้วเห็นวิวของถนนได้ชัดเจน ร้านนี้ไม่ได้ขายอะไรอย่างอื่นนอกจากบู้นฉา ทันทีที่นั่งลงก็มีน้ำชามาเสิร์ฟพร้อมกับจานขนมจีนกองใหญ่และผักอีกร้อยแปดชนิด เรานั่งรอกันเงียบๆอีกสักพักหมูปิ้งในน้ำซุปก็ถูกยกมาวางบนโต๊ะให้เสร็จสรรพ


     

    น่ากินอ่ะ..เดี๋ยวนะ... ถ้ายรูปก่อนๆ" เจ้าเด็กโอเซฮุนหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่ของตัวเองขึ้นมาแล้วกดถ่ายภาพอาหารในจานอย่างตั้งใจจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มขำออกมา หมอนั้นช้อนลูกตาเรียวๆมึนๆของมันขึ้นมองหน้าผมคล้ายต้องการถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ซึ่งผมก็เลือกที่จะตัดปัญหาการอธิบายยืดเยื้อด้วยการจิ้มตะเกียบลงจับเนื้อหมู่กลิ่นหอมขึ้นมาลองชิมดู


     

    อร่อยป่ะ?”


     

    ก็ดีนะ... อ่า ต้องใส่พริกด้วยมั้ง" คริสหยิบจานที่มีพริกอยู่ในนั้นขึ้นมาแล้วใช้ตะเกียบพุ้ยอย่างคล่องแคล่ว เซฮุนเห็นดังนั้นจึงทำตามแต่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าเขาหน่ะไม่ทานทนต่อรสเผ็ดเอาซะเลย จึงเลือกพุ้ยมันลงมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น


     

    เส้นขนมจีนที่ตัดไว้เป็นคำถูกคับใส่ลงไปในจาน น้ำซุปรสชาติหวานอมเปรี้ยวทำให้อาหารที่จานนี้เป็นที่ถูกปากของทั้งคู่อย่างมาก แม้ว่าพริกเม็ดเล็กสีแดงสับละเอียดจะทำให้ริมฝีปากของเซฮุนต้องบวมเจ่อ แต่เขาก็ไม่อาจหยุดตักหมูชิ้นโตเข้าปากไม่ได้


     

    ซี๊ดดดดด! โอ่ยเผ็ด...” เด็กน้อยพึมพัมเมื่อโซ้ยหมู่ปิ้งจนหมดจาน ฝ่ามือเรียวยาวคว้าหมับจับแก้วน้ำเย็นขึ้นมาดูดพลางซี๊ดปากไปเรื่อง มือเรียวอีกข้างพัดโบกให้เกิดลมอ่อนๆราวกับว่านั่นจะช่วยทำให้อาการเผ็ดจี๊ดจ๊าดหายไปได้ และผู้ชายลิ้นจรเข้อย่างคริสที่ผ่านอาหารมาครบ 6 ทวีปบนโลกนี้ก็ได้แต่นั่งมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ขบขัน


     

    อันที่จริงก็ไม่ขันเท่าไหร่... เพราะเขารู้สึกว่าปากของโซฮุน


     

    น่าจูบ


     

    จัดการเรื่องราคาอาหารเสร็จแล้วเราก็เดินลงมายังท้องถนนอีกครั้งโดยตกลงกันว่าจะแวะที่ร้านหนังสือ หลังเดินสำรวจกันได้สักระยะ ทั้งคริสและเซฮุนก็เข้าใจแล้วว่าถนน 36 สายนั้นแบ่งหมวดหมู่ตามสินค้าที่ขาย หากเจอซอยรองเท้า ทั้งซอยนั้นก็จะเต็มไปด้วยรอยเท้าเรียงรายเต็มไปหมด และถ้าหากเป็นร้านกาแฟ ก็แน่นอนว่ามันจะเป็นกาแฟตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยเช่นกัน


     

    ฮยองชอบอ่านหนังสือแนวไหนเหรอ?”

    ฉันเหรอ? ที่จริงไม่ค่อยอ่านหน่ะ จะซื้อไปฝากรูมเมท" คริสตอบไปตามความจริง เขาไม่ชอบอ่านหนังสือเพราะอ่านภาษาจีนไม่เก่ง และภาษาเกาหลีก็ไม่แข็ง ที่พออ่านได้ก็เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม...มันก็ไม่ใช่งานอดิเรกของเขาอยู่ดี ลู่หานต่างหากหล่ะที่ชอบอ่าน หมอนั่นอ่านได้เป็นวันละร้อยเล่ม หนังสือในตู้ล้วนแล้วแต่เป็นของเสี่ยวลู่หานทั้งหมด


     

    อ่อ...”


     

    นายหล่ะ?”


     

    ผมชอบอ่านนิยาย...”


     

    “...”


     

    อย่ามองแบบนั้นดิ! ทำไมต้องมองเหมือนผมเป็นตัวประหลาดด้วยเล่า!!”


     

    ผู้ชายที่ไหนชอบอ่านนิยาย" คริสเลิกคิ้วถาม และเขาอาจจะลืมนึกไปว่าเสี่ยวลู่หานก็เป็นผู้ชายที่แต่งนิยายนั่นแหละ


     

    ผมว่ามันน่ารักดีออก"


     

    “...”


     

    บางทีเราก็ต้องการอะไรที่มันประโลมโลกบ้างจริงไหมเล่า... โลกที่ไม่มีจินตนาการ คงพิลึกน่าดู"


     

    นายนี่มันแก่แดดจริงๆ พูดจาเหมือนคุณลุงวัยหกสิบผู้กร้านโลก" คริสสอดแขนตัวเองคล้องไปรอบลำคอของรุ่นน้องที่เตี้ยกว่าเขาไม่ถึงสิบเซ็นดี ปลายจมูกโด่งของเขาปัดผ่านปรางแก้มขาวใสไปเพียงเล็กน้อยและร่างสูงก็ไม่ได้สนใจมันเช่นกันกับเจ้าของแก้มที่ไม่ได้คิดอะไรจึงโอบเอวของพี่ชายโดยบังเอิญไว้หลวมๆ


     

    ผมไม่เแก่แดดซะหน่อย"


     

    แก่... เชื่อสิ.... เด็กแก่โอเซฮุน"


     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


     

    เรากลับมาโรงแรมในตอนเย็น ตัดสินใจว่าจะอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อนจะออกไปต่อรอบดึกตามที่พี่คริสเจอว่าเบียร์ที่นี่ราคาถูกมาก ถูกจนเหมือนน้ำเปล่า...


     

    ผมกดอัพรูปอาหารและภาพถ่ายเล็กๆน้อยๆของวันนี้ลงในสตาแกรม มีคิมจงอินมากดไลค์เป็นคนแรกตามด้วยคอมเมนต์กวนตีนฉบับมันที่ทำให้ผมยิ้มออก สุดท้ายก็เปิดเข้าไปในโปรแกรมแชทแล้วคุยกับไอ้ดำอย่างเต็มรูปแบบผ่านการโทร เสียงของมันดูดี๊ด๊าจนผมอิจฉา แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปอย่างเร็วไวเมื่อพบว่าวันนี้ผมเองก็มีอะไรที่สนุกสุดกู่ไม่แพ้กัน


     

    (แล้วนี่มึงดีขึ้นบ้างไหม?)


     

    ก็ดี... หนุกดี"


     

    (อาฮะ รีบกลับมาเหอะหว่ะ คิดถึงแล้วเนี่ย)


     

    กูยังไม่คิดถึงมึงเลย"


     

    (แต่กูคิดไง...)


     

    จะรีบแล้วกัน" เซฮุนบอกปัด เพราะเจ้าตัวขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกับเพื่อนผิวเข้ม ทั้งสองฝั่งเงียบกันไปสักพักด้วยหมดเรื่องจะเล่าแล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่คริสผลักประตูห้องน้ำออกมาพอดี


     

    (...)


     

    เฮ้ยจงอิน กูวางละ ไว้คุยกัน"


     

    (เออ ดูแลตัวเอง)


     

    เออ มึงด้วย" หลังจบคำอวยพร สัญญาณก็ถูกตัดขาดไป เซฮุนเหลือบมองพี่ชายที่ออกมาในชุดสบายๆตามแบบฉบับของเจ้าตัว กางเกงผ้าไหมกับเสื้อยืดสีพื้นธรรมดา แต่คริสก็ยังคงดูดีอยู่เรื่อยเหมือนเช่นทุกวัน


     

    ไปกันเลยไหม?”


     

    อาฮะ" เซฮุนดีดตัวเองขึ้นมาจากผืนเตียงแล้วเดินไปหน้ากระจก เขาเอื้อมแขนออกไปหมายจะคว้าหมวกแก๊ป แต่ก่อนจะได้ทำอย่างนั้นฝ่ามือใหญ่ของคนที่ซ้อนตัวอยู่ด้านหลังก็เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาเสียก่อน


     

    ฮะ...”


     

    “...” ความเงียบก่อตัวขึ้นมาเมื่อคริสคลี่ยิ้มจางๆแต้มเอาไว้บนริมฝีปากแล้วกดหมวกสีดำขลับลงไปบนหัวของเซฮุน ดวงตาเรียวเหลือบมองรุ่นพี่ที่เลื่อนนิ้วลงมาจับปอยผมของเขาทัดขึ้นไปอย่างเก็บรายละเอียด เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้สีหน้าเป็นอย่างไร มันจะงง จะมึน หรือแก้มจะแดงหรือไม่...


     

    แต่ที่เซฮุนรู้แน่ชัดคือคริสทำให้เขาไม่อยากกลับเกาหลี

    พี่ชายคนนี้ทำให้เขากลัวการรู้จักและจากลา


     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

    Supercell
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×