คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ท้าทาย..กำแพงหัวใจ
เสียงเด็กน้อยที่ลอดออกมาจากสายโทรศัพท์ ทำให้เอลี่น้ำตาซึม มือของหญิงสาวประเภทสองจิกที่ต้นขาแรง
ในขณะที่อดิสรคุยโทรศัพท์ กับหลานชายใบหน้ายิ้มแย้ม เอลี่ลอบมองใบหน้าอดีตคนรัก ใจปวดหนึบ พลาง
คิดในใจ
เค้าคงคุยกับลูกๆ เค้าสินะ เอลี่นะเอลี่เผลอไปร่วมมือกับเขาทั้งๆ ที่เขามีเจ้าของแล้ว สาวประเภทสองแอบปาดน้ำตา แล้วขยับตัวเปิดประตูอย่างเบามือ
อดิสรหันมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ชายหนุ่มตะโกนจะเรียกหญิงสาว แต่คิดว่าหญิงสาวคงไม่ได้ยิน เพราะหญิงสาวไม่ได้หันมาอีกเลย ชายหนุ่มหันไปบอกหลานชายตัวน้อยว่าจะไปตามนัดหมาย อดิสรถอนหายใจ แล้วลูบริมฝีปากที่ยังอุ่นร้อนด้วยแรงบดสัมผัสอย่างรุนแรงเมื่อครู่ แล้วใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกชายหนุ่มหลับตา แล้วความรู้สึกเดิมๆ มันผ่านมาในสมอง เมื่อรู้ตัวอีกครั้งชายหนุ่มก็เปิดประตู แล้ววิ่งตามหญิงสาว ที่เจอกันเพียงสองครั้ง
เอลี่น้ำตาไหลแล้วต้องรีบปาดทิ้ง หญิงสาวเกือบจะเดินผ่านไปขึ้นลิฟท์ สายตาเหลือบไปเห็นร่างเจ้านายฝรั่งที่นั่งรอ อยู่ที่ค๊อฟฟี่ช๊อปชั้นล่าง เจ้านายหนุ่มยังคงอ่านนิตยสารธุรกิจเพลิดเพลิน จนไม่สังเกตเห็นเธอ หญิงสาวยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้เบาๆ
“มารอมี่ เหรอคะบอส” เสียงสาวประเภทสองเอ่ยขึ้นเบาๆ
เจ้านายหนุ่มเลิกคิ้ว แล้วยิ้มน้อยๆ “เยส ผมมาดักเจอคุณที่นี่ พอดีมาประชุมที่โรงแรมใกล้ๆ นี่ มีเรื่องงานจะคุยด้วยนิดหน่อย ภาพสนิทสนมเจ้านายหนุ่มและหญิงสาว ทำให้อดิสรชะงักเท้า แล้วเหลียวหลังกลับ รู้สึกหงุดหงิดกับภาพที่เห็นชายหนุ่มหันหลังกลับทันทีแล้วออกจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็ว ภาพความสนิทสนมของบอสหนุ่มและหญิงสาว ทำให้อดิสรรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก.....
บ้านวิภาคกรณ์
อดิศวรมองผู้เป็นพี่ชาย ที่กำลังเล่นเกมส์กับลูกชายฝาแฝด แต่ดูเหมือนไม่มีสมาธิกับเกมส์ตรงหน้า ด้วยความสงสัย สักพักก็ได้ยินเสียงลูกชายฝาแฝดกระโดดตัวลอย พร้อมส่งเสียงดีใจที่สามารถเอาชนะลุงได้ อดิศวร
เดินไปหยุดที่ริมหน้าต่าง ดวงตามองเหม่อในใจคิดถึงภาพมัณฑนากรสาว ตั้งแต่พบหน้า จนกระทั่งภาพตนเองจูบหญิงสาวแปลกหน้าอย่างดูดดื่ม มือของอดิสรลูบไล้ที่ริมฝีปาก ที่ยังรู้สึกถึงสัมผัสที่ช่างคุ้นเคยอย่างประหลาดรสจูบแสนหวานแบบนี้ช่างรู้สึกแปลกประหลาดจนอดิสรรู้สึกเบาโหวงๆ ที่ช่องท้อง มือของชายหนุ่มลูบไล้ที่ริมฝีปาก ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อนึกถึงภาพสนิทสนมระหว่างหญิงสาวกับบอสหนุ่ม มือที่จับที่ริมหน้าต่างเกร็งแน่น
อดิศวรแอบสังเกตุปฏิกริยาของแฝดผู้พี่ แล้วขมวดคิ้ว ชายหนุ่มส่งลูกสาวตัวน้อยให้ภรรยาสาว ก่อนจะเดินไปแอบยืนมองพี่ชายฝาแฝด เงียบๆ
“สร มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ท่าทางแปลกๆ” อดิศวร ตบที่บ่าพี่ชายฝาแฝดเบาๆ
อดิสรถอนหายใจ แบนสายตามาที่น้องชาย ก่อนจะหันหน้า มามองน้องชายฝาแฝด แบบชั่งใจ
“ศวร นายเคยจูบใคร แบบไม่ตั้งใจหรือเปล่า”
อดิศวร จ้องมองพี่ชายฝาแฝดเขม็ง “เห้ย นายไปจูบใคร สร”
“ตอบมาก่อนสิ” อดิสรแน่นน้ำเสียงเข้ม
“ไม่เคย...”
“นายว่าคนเราจะจูบใครสักคน แบบไม่ตั้งใจได้ไหม แล้วพอจูบแล้วรู้สึกเหมือน ...เหมือน” อดิสรอึกอัก
“เหมือนอะไร...”
“เหมือนสัมผัสคุ้นเคย...” อดิสรพูดราวกับละเมอ
“ใครล่ะ...”อดิศวรถามย้ำ
“ช่างเหอะ ไว้แน่ใจจะเล่าให้ฟัง กลับล่ะดึกแล้ว” อดิสร เดินออกจากบ้านอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของอดิศวรที่มองอย่างครุ่นคิด
คอนโด riverside
“อะไรนะ จะไม่ทำโปรเจ็คของ “กรณ์วิภาค” ต่อ นี่ไอ ได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า มี่”
“บอสค่ะ มี่มีเหตุผล บอสจะให้มี่ทำอะไร มี่ทำทุกอย่าง พลีส.....” น้ำเสียงเอมิกาออดอ้อน
“จะดีเหรอ..ยูไปรับงานเขามาแล้ว”
“มี่คุยกับพี่เอกได้ค่ะ บอส รับรองพี่เอกไม่มีปัญหา แล้วพี่เอกเก่งกว่ามี่ตั้งเยอะ นะคะบอส รับรองทางโน้นเขาไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ดีเสียอีก ผู้ชายกับผู้ชายอาจพูดกันง่าย ส่วนโปรเจ็คของพี่เอก มี่รับมาทำเอง นะคะบอส” น้ำเสียงเอมิกาออดอ้อน ก่อนส่งสายตาอ้อนวอนนายจ้างหนุ่มสุดชีวิต
“โอเค แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะไรคะบอส มี่ยอมทุกอย่าง” เอลี่หรือเอมิกา ตอบเสียงใส นัยน์ตาเหมือนเด็กได้ของถูกใจ
“ดินเน่อร์กับผมสองคน” หนุ่มต่างชาติส่งสายตาหวาน กับหญิงสาวที่ตนเองแอบหลงรักตั้งแต่ไปดูงานที่ต่างประเทศเมื่อหลายปีก่อน
เอมิกาหรือเอลี่ ถอนหายใจก่อนยิ้มแหย “โอเค..มี่ตกลงค่ะ” เอมิกาอึดอัดเธอจะบอกหนุ่มต่างชาติ ต่างวัย อย่างไรว่าภาพหญิงสาวสวยภายนอกคือภาพลวงตา จริงๆ แล้ว สิ่งที่เจ้านายหนุ่มคาดหวังอยากมีครอบครัวอบอุ่น มีลูก มันเป็นไปไม่ได้เธอไม่มีสิ่งที่เขาต้องการ เอมิกาเคยอ่านสัมภาษณ์เจ้านายหนุ่มในนิตยสารธุรกิจหลายต่อหลายฉบับ เอมิกามองเจ้านายหนุ่มอย่างอึดอัดใจ แต่มิอาจจะพูดอะไรออกมาได้ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มคิดอะไรพิเศษๆ กับเธอ ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกทั้ง แววตา และท่าทาง ตลอดจนคำพูด เอมิกาขยับตัว ก่อนพูดน้ำเสียงแผ่ว
“มี่ ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะบอส”
“โอเค พรุ่งนี้เจอกันที่อ๊อฟฟิศ คนสวย”
“ค่ะ บอส” เอมี่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฟิลิปมองตามลูกน้องสาวที่ตนเองแอบหลงรัก นัยน์ตาชื่นชม ก่อนจะกลับบ้านด้วยหัวใจที่ชุ่มชื้น
เอมิกาหรือเอลี่ เดินตรงเข้าห้อง ในใจอ่อนล้า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองพบกับอดีตคนรัก อีกครั้ง
สักพักน้ำตาของเอลี่ไหลพราก..
“อย่าร้องไห้สิเอลี่ แกต้องไม่ร้องไห้ให้เขาอีก อย่าไปเสียน้ำตาให้คนแบบนั้นอีก” เอลี่ปาดน้ำตาทิ้ง
แววตามุ่งมั่น
“ต่อไปเราต้องเข้มแข็งกว่านี้ จะไม่หวั่นไหวอีก เราต้องไม่พบเขาอีก อย่าอ่อนแอสิเอลี่” เอลี่กัดริมฝีปาก
แน่นก่อนน้ำตายังคลออยู่ในนัยน์ตาคู่สวย
..........................
วันรุ่งขึ้น บริษัทกรณ์วิภาค
“ว่าไงนะ คุณภัค”
“เออ ดิฉันจะมาเรียนคุณสรว่า คุณเอมิกาไม่ได้มาทำงานค่ะ แต่มีคนอื่นมาทำงานแทนค่ะ”
“ใคร คนอื่น” น้ำเสียงอดิสรเข้ม
“เออ คุณเอกภพค่ะ”
“คุณออกไปได้ ผมจะไปคุยกับเขาเอง” น้ำเสียงอดิสรหงุดหงิด ก่อนนึกถึงหญิงสาวที่ตนเองนอนคิดถึงตลอดทั้งคืนอย่างว้าวุ่นใจ อย่างนึกโมโห
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูเสียงดัง ทำให้เอกภพเงยหน้าจากกองเอกสาร ที่รุ่นน้องที่บริษัทจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยเอ่ยอนุญาติ ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่ม อดิสรในชุดสูท สีดำเสื้อเชิร์ตสีฟ้าเรียบหรูบ่งบอกฐานะผู้บริหาร ทำให้เอกภพลุกขึ้นยืน ก่อนยกมือไหว้ ทำไมเขาจะไม่รู้จักนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงทั้งด้านการงาน และความเนื้อหอม ที่สาวๆน้อยใหญ่ หมายปองอยากได้เป็นคู่ครอง
“สวัสดีครับ ผมเอกภพจากบริษัท อิมมี่ ดิไซด์ มารับหน้าที่แทนเอมี่ครับ” เอกภพ พูดน้ำเสียงนอบน้อม
อดิสรนิ่งเงียบ ก่อนส่งสายตาดุดัน “นี่ใครอนุญาติ ให้คุณมาเดินเพ่นพ่านในบริษัทผม นี่พวกคุณเห็นบริษัทผมเป็นสนามเด็กเล่นหรือไง เชิญคุณกลับไปได้ถ้าคนเก่าเขาไม่สามารถจะมาทำงานบริษัทนี้ได้ ผมจะหาบริษัทอื่นที่มีความสามารถและความรับผิดชอบมาทำ” น้ำเสียงแข็งกร้าวของอีกฝ่ายทำให้เอกภพถึงกับตัวชา ด้วยความตกใจในมาดนักธุรกิจ เอกภพเคยได้ยินชื่อเสียงต่างๆ ของ ฝาแฝดตระกูล วิภาคกรณ์มาบ้าง แต่ไม่นึกว่าในชีวิตจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
“เออ ผมได้รับมอบหมายให้มารับงานนี้..คือ..” มัณฑนากรหนุ่มวัยกลางคนเริ่มจะเรียบเรียงคำพูดไม่ออก
“เชิญคุณกลับไปได้” อดิสรชี้ไปที่ประตู ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์มือถือ พูดภาษาอังกฤษน้ำเสียงดุดัน
ฟังจากสนทนาคงคุยกับบอสชาวต่างชาติของตนเอง ทั้งน้ำเสียงและท่าทางทำให้เอกภพรีบเก็บของมือสั่น
เคยได้ยินชื่อเสียงด้านการทำงานที่เอาจริงเอาจัง แต่เมื่อมาเจอกับตัวจริงก็ทำเอาเอกภพ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
แล้วนึกไปถึง รุ่นน้องร่วมอาชีพแล้วนึกสงสารเจ้าตัวอย่างจับใจ
คอนโด ริเว่อร์ไซด์
เอลี่ ทำความสะอาดห้อง และเพิ่งมีแม่บ้านของคอนโดฯ มารับเสื้อไปซัก เนื่องจากเธอย้ายมาอยู่ใหม่ จึงยังไม่ได้มีเครื่องซักผ้าเป็นของตนเอง แม่บ้านเพิ่งออกไป และตนเองยังมีผ้าอีกกองใหญ่ ที่แม่บ้านจะขึ้นมารับรอบสอง สาวประเภทสองลาหยุดหนึ่งวันเพื่อมาสะสางงานเก่าและรับงานใหม่ ก่อนจะลงมือทำงานอย่างจริงจัง
หญิงสาวขอเวลาทำความสะอาดคอนโดฯ สักพัก การทำความสะอาดบ้านทำให้คลายความเครียด เรื่องของอดีตคนรักก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองของตนเอง ทั้งคืนจนเอลี่ต้องหาอะไรทำเพื่อลืม หญิงสาวหันมาก็ต้องตกใจ เมื่อร่างของอดีตคนรัก มายืน อยู่ด้านหลัง ใบหน้าตึงเครียด ตอนแรกเอลี่นึกว่าภาพลวงตา แต่เมื่อแอบจิกต้นขาของตนเองก็รู้ว่า นั่นคือของจริง
“นี่คุณ...เข้ามาได้ยังไง รู้ได้ไง ว่าฉันอยู่ห้องนี้” เอลี่พูดด้วยเสียงแปลกใจและตกใจระคนกัน
“ทำไมถึงไม่ไปทำงาน”น้ำเสียงและแววตา ของอดิสรแข็งกร้าว
ท่วงท่าการยืน น้ำเสียงและแววตา ทำให้สาวประเภทสอง ถึงกับลอบกลืนน้ำลาย ก่อนปรับตัวเองเพื่อรับอารมณ์กร้าวร้าว ทำไมเอลี่จะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอดีตคนรัก ว่าตอนนี้อยู่ในอารมณ์แบบไหน
“ทางบริษัทส่งคนไปทำงานบริษัทคุณแล้วไงค่ะ พี่เอกไม่ได้บอกคุณหรือไง” เอลี่ ตอบกลับท่าทางเยือกเย็นขึ้น หลังจากปรับอารมณ์ให้รับกับอารมณ์ของอีกฝ่าย
“พวกคุณคิดว่า บริษัทผมเป็นสนามเด็กเล่นให้พวกคุณ เดินเข้า เดินออกตามใจชอบหรือยังไง บอกไว้นะคุณเอมิกา..ก่อนหน้านี้คุณจะทำงานยังไง ผมไม่รู้ แต่เมื่อคุณรับงานนี้ไปทำแล้วก็ควรจะทำให้ได้ ตามที่คุณตกลงกับทางเราไว้ ถ้าทำไม่ได้ผมจะไปหาบริษัทที่เขามีความรับผิดชอบมาทำ” อดิสรเน้นเสียงคำว่า “ความรับผิดชอบเน้นๆ น้ำเสียงและท่าทางของอดิสรแข็งกร้าว จนเอลี่ต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว เมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้ๆ
“พี่เอกภพ เป็นมือหนึ่งของบริษัทเรา ดิฉันเชื่อว่าเขาจะทำได้ดีกว่าดิฉัน”
“งานของผม ผมตัดสินใจเลือกคนมาทำ ไม่ได้ขอความคิดเห็นให้คุณมาเลือก” อดิสรตะเบ็งเสียงดังเมื่อรู้สึกเริ่มหงุดหงิด เมื่อเห็นกิริยา ท่าทางของอีกฝ่าย
“ถ้าฉันไม่กลับไปทำ” เอลี่หรือเอมิกาพูดพร้อมเชิดหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างอวดอำนาจและใช้น้ำเสียงค่อนข้างแข็งกร้าวจนหน้าไหม้ไส้
“ผมก็แค่ฟ้องบริษัทคุณแค่นั้น ว่าผิดสัญญา มันก็แค่ไม่กี่สิบล้านกับคนที่ไม่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง”
เอมิกาเม้มริมฝีปาก เมื่อถูกด่าทั้ง ท่าทาง แววตา และคำพูด “ฉันรู้สึกไม่สะดวกใจ และรู้สึกไม่ปลอดภัย
ในการรับงานนี้...จาก”
“เรื่องเมื่อวานงั้นหรือ ที่ผมจูบคุณ” อดิสรพูดต่อคำพูดให้หญิงสาวเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้ำอึ้งและหยุดพูดเหมือนไม่แน่ใจ
เอลี่ตวัดสายตา ก่อนจะพึมพำเบาๆ “อีตาบ้า”
“ใช่..ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย และรู้สึกอึดอัดใจในการทำงาน”
“ผมก็เห็นคุณร่วมมือดีนี่ ข้างหลังผมยังมีรอยเล็บของคุณ และเมื่อวานคุณก็กอดผมแน่น” อดิสรก้าวเข้ามาใกล้ จนเอลี่ต้องก้าวหนี ไปชนโซฟา
“คนบ้า ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด”
“ผมก็ห่ามๆ แบบนี้แหละ นี่คุณไอ้เหตุการณ์เมื่อวาน เราพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายนะคุณ”
“หยุด...พูดฉันไม่อยากฟัง” เอลี่ยกมือขึ้นปิดหู
“โอเค กลับมาเรื่องงาน คุณต้องกลับไปทำงานที่ตกลงกันไว้ ไม่งั้นผมฟ้องบริษัทคุณแน่ๆ ผมไม่พูดเล่นนะครับคุณเอมิกาเลือกเอาว่า จะกลับไปทำตามที่ตกลงกันไว้หรือจะทำให้คนที่บริษัทคุณเดือดร้อน”
เอลี่ นิ่งสักพักก่อนคิด นี่สินะอดิสรที่เธอเคยรู้จัก นักธุรกิจจเต็มตัว ที่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์ของตนเอง
ตรงไปตรงมา ดุดัน และกร้าวร้าว
“ฉันไปทำก็ได้ แต่คุณต้องรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวานอีก” พูดจบ เอลี่ก็ใบหน้าร้อนผ่าว กับแววตาของอีกฝ่าย ที่จ้องมาที่ริมฝีปาก และรูปร่าง ของเธอ สายตาของชายหนุ่มที่กวาดมอง ทั้งริมฝีปาก
ลำคอ และ หน้าอกจนไปถึงช่วงขาเรียวสวย ที่เธอภาคภูมิใจ แต่สายตาของชายหนุ่ม ทำให้เอลี่ร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกคุณ” อดิสรพูด พลางมองแววตาอีกฝ่ายเขม็ง ก่อนจะรู้สึกคุ้นเคยกับแววตาแบบนี้อย่างประหลาด
“คุณถอยออกไปหน่อยสิ...ยืนใกล้แบบนี้ฉันคิดอะไรไม่ออก” เอลี่ กลบเกลื่อนเมื่ออีกฝ่าย ยืนใกล้ จน
ได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
อดิสร ยิ้มที่มุมปาก ก่อนเดินถอยออกไป
“ว่าไง...”
“โอเค ฉันทำก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปทำ”
“คุณต้องไปวันนี้ และเดี๋ยวนี้ ผมให้เวลาคุณสิบห้านาที เราไปพร้อมกัน”
“คุณอดิสรกี่ปีๆ คุณก็ไม่เคยเปลี่ยน เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนอื่น” เอลี่อัดอั้น หลุดคำพูดก่อนจะตกใจ เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย
“ตกลงคุณเคยรู้จักผมมาก่อนงั้นสินะ” อดิสรก้าว เข้าไปใกล้ๆ หญิงสาวอีกครั้ง
เอลี่ตกใจ ในคำพูดของตัวเอง ก่อนจะกลบเกลือน “ฉันเคยอ่านประวัติคุณในนิตยสาร” พูดจบหญิงสาว
ก็เบี่ยงตัวเอง หนีจากสภาพที่แสนอึดอัด
“ผมว่าเราต้องรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ” อดิสร จะก้าวเดินตามอีกฝ่าย แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยิน เสียงโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่าย
“ค่ะ บอส” เอลี่รีบพูดโทรศัพท์แล้วเดินหนีไปสองก้าว ในใจเต้นโครมครามนึกอยากเข็กศีรษะตัวเองที่โมโหจนหลุดคำพูดจนเกือบจะมัดตัวเอง
อดิสรจ้องมองแผ่นหลังของหญิงสาว แววตาครุ่นคิด แววตาที่คุ้นเคย น้ำเสียงที่คุ้นหู กริยาท่าทางที่ดูจะชินตา แล้วความรู้สึกแปลกๆที่ ได้อยู่ใกล้ๆ หญิงสาวคนนี้ทำให้ชายหนุ่มมีความรู้สึกแปลกประหลาด
“รู้แล้วค่ะ..มี่จะกลับไปทำค่ะ มี่ไม่อยากให้บอสเดือดร้อน” น้ำเสียงของหญิงสาวอ่อนนุ่มอย่างสำนึกว่าตนเองทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายกับเพื่อนร่วมงานจนไปถึงบอสหนุ่มชาวต่างชาติ
อดิสรรู้สึกหงุดหงิด โดยตัวเองก็ไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมเมื่อเห็นอีกฝ่าย พูดโทรศัพท์กับบอสหนุ่มชาวต่างชาติน้ำเสียงอ่อนหวานแล้วรู้สึกไม่พอใจและรู้สึกหงุดหงิด จนพูดเสียงดังแทรกการสนทนาว่า “นี่คุณ ผมมีงานต้องทำอีกนะ รีบๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ”
เอลี่ค้อนชายหนุ่มเบาๆ เม้มริมฝีปาก ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนหายไป ไม่ถึงสิบนาที สาวประเภทสองในร่างของหญิงสาวสวยก็เดินออกมาในชุดทำงานเรียบหรู อดิสรลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องใบหน้ายังตึงเครียด บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท เอลี่หรือเอมิกา นั่งจนชิดประตู หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าต่อจากนี้ เธอจะไม่พยายามเข้าใกล้อดีตคนรักเพราะรู้สึกบางครั้งก็ห้ามหัวใจส่วนลึกที่ยังรักอีกฝ่ายอยู่มากแทบไม่ได้
“นี่ขยับมานั่งดีๆ ผมไม่กัดคุณหรอก” น้ำเสียงของอดิสรขุ่นมัวและหงุดหงิด
“ช่างฉัน ขับรถของคุณไปเถอะ” เอลี่พูดเสียงเรียบ และเยือกเย็น
อดิสรยักไหล่ แล้วขับรถเร็วเหมือนต้องการแกล้งอีกฝ่าย แต่เมื่อหันกลับมา ก็เห็นปฏิกริยาที่เรียบเฉยทำให้หงุดหงิด ปกติผู้หญิงทั่วไปจะไม่ชอบความเร็ว อดิสรหวังให้อีกฝ่ายแสดงท่าทางหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาตรงข้าม ทำให้รู้สึกหงุดหงิด
ป.ล กลับมาปฎิบัติการแล้วนะคะ ขออภัยผู้อ่านอย่างสูงที่ห่างหาย ไป มีปัญหาครอบครัวนิดหน่อย ประกอบกับงานประจำยุ่งมากก สัญญาว่าจะพยายามมาอัพบ่อยๆ ค่ะ...ขอบคุณผู้อ่านที่ยังติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่นบางคนคงถอดใจไปแล้ว อิอิ ไว้รออ่านรวบเดียวหลายๆ ตอนก็ได้ค่ะ คริคริ ขออภัยที่ทำให้รอ และหงุดหงิดนะคะ แต่พอดีธุระครอบครัวที่ต้องไปจัดการสำคัญจริงๆ ค่ะ..ขอบคุณสำหรับความเข้าใจค่ะ..
ความคิดเห็น