NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกมส์ล่าท้าหัวใจรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : กลับมายืนที่เดิม

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 59


                สี่ปี ผ่านไป

    ท่านอากาศยานสุวรรณภูมิ

                เอมิกา โทมัสหรืออดีตช่างแต่งหน้า เอลี่เข็นรถที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบ ตามองหาเพื่อนรัก ก่อนจะโบกมือเมื่อเห็น

    สองสาวและหนึ่งหนุ่มน้อยยืนรอใบหน้ายิ้มแย้ม

                “เฮ้...เอลี่ ทางนี้” กอหญ้าตะโกนพร้อมโบกมืออย่างดีใจ พัชรารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาว พลางตามองเด็กชาย กาย

    พิพัฒนพงค์ บุตรชายคนโตของกอหญ้าและกริชชัย ที่ตอนนี้อายุสามขวบแล้ว

                “ญ่าระวังหน่อยสิ เอลี่มันเปลี่ยนชื่อแล้วนะแก”

                “โถ ตรงนี้มีใครที่ไหน” กอหญ้าแก้ตัว มือยังโบกไปมาอย่างดีใจ สี่ปีที่จากกัน มีเพียงการพูดคุยผ่านวีดีโอคอลพอรู้ว่าเพื่อนสาวจะกลับมาเมืองไทยถาวร กอหญ้าก็ดีใจมากเป็นพิเศษ

                “แต่ถ้าน้องกาย เผลอไปพูดกับใคร แผนการที่เอลี่มันจะกลับมา มันจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มนะแก”

                “เออ นั่นสิ ขอโทษทีคิดไม่ถึง”

                “กายครับ นั่นป้าเอมี่ สวัสดีป้าสิครับ” เด็กชายกายยกมือไหว้ เสร็จแล้วก็ก้มเล่นของเล่นต่อ

                เอมิกาหรือเอลี่  ยิ้มก่อนใช้มือจับแก้มเด็กชายกาย ลูกชายคนโตของเพื่อนสาวคนสนิท “ตาย เหมือนพ่อมากเลย หล่อเป็นบ้าเลย”

                “น้อยๆ หน่อย” พัชราแซวเพื่อนสาว ก่อนที่สามสาว หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

     

                “นี่แกไปพักที่ไหนเอลี่ เออ เอมี่” กอหญ้าถามพลางช่วยเพื่อนสาวประเภทสองเข็นรถไปที่ลานจอดรถ

                “พักคอนโดฯ บอสหาไว้ให้ไง”

                “ที่แกเคยเล่าให้ฟัง มิสเตอร์ฟิลิปเหรอ”

                “คอนโดฯ อยู่ใกล้ที่ทำงาน แค่หนึ่งบีทีเอส แค่สองป้ายสะดวกดี”

                “ทำไมแกไม่ไปพักบ้านฉันก่อน” กอหญ้าถามด้วยความสงสัย

                “ฉันมารายงานตัว เย็นนี้ฉันก็กะว่าจะไปภูเก็ต ไปชาร์ตแบ็ตก่อน ก่อนจะมาเริ่มทำงานวันจันทร์ไงแก รู้ไหม

    งานแรกที่ฉันต้องทำงานอะไร”

                “อะไร” พัชราและกอหญ้าพูดพร้อมๆกัน

                “งานของบริษัทกรณ์วิภาค”

                “หา......” เพื่อนสาวทั้งสองร้องเสียงดัง

                “ฉันก็ว่า ยิ่งหนีเหมือนยิ่งต้องเจอ ขอเวลาไปทำใจสักสองวัน ดีนะเนี่ยคนที่ต้องทำงานด้วย ไม่ใช่พี่สร แต่เป็นคุณศวร”

    เอมิกาหรือเอลี่เล่าให้เพื่อนทั้งสอง

                “แต่เอลี่เปลี่ยนไปมาก นี่ถ้าเราไม่คุยกันมาแล้วเห็นพัฒนาการมาเรื่อยๆ ไม่มีวันจำได้” พัชราโอบเอวเพื่อนสาวประเภทสอง ที่ตอนนี้มองภายนอกก็ดูเหมือนผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์

                “ยังไงก็คงต้องโทรไปนัดกับคุณศวรก่อนว่าวันจันทร์จะเข้าไปพบ..”

                “เอลี่ไม่อยากรู้เหรอ ว่าคุณสรเป็นไงบ้าง แน่ใจเหรอว่าจะไม่รับรู้อะไรเลย” พัชราเอ๋ยถามอย่างสงสัย ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาไม่ว่ากับเธอหรือ กอหญ้าจะพยายามเล่าแต่ว่าสาวประเภทสองปิดกั้นไม่ยอมรับรู้อะไรเลย...

     

     

                ภูเก็ต

                เอลี่หรือชื่อใหม่ว่า เอมิกา รู้สึกแปลกใจ เมื่อเธอเช็คอินที่โรงแรม ที่ครั้งหนึ่งเธอและอดีตคนรักเคยมาพักอยู่ด้วยกันแต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากห้องดังกล่าวถูกเช่าโดยลูกค้าประจำที่จะมาแทบทุกปี 

                “เขาเช่าไว้ตลอดปีเลยหรือค่ะ” เอมิกาสอบถามกับพนักงานต้อนรับ

                “ค่ะ เจ้าของห้องจะมาปีละ สองถึงสามครั้งค่ะ แต่ห้องนั้นไม่ได้เปิดให้คนเข้าพัก เกือบสี่ปีแล้วค่ะ” พนักงานสาวตอบด้วยท่าทางสุภาพ


     

                “คุณช่วยติดต่อเจ้าของห้องได้ไหม ขอดิฉันเข้าไปดูแค่สิบนาที คือ..คือว่าห้องนี้ มันเป็นความจำดีๆ

    ของดิฉันค่ะ ถ้ายังไงติดต่อดิฉันที่เบอร์นี้นะคะ” เอลี่ หรือเอวิกายกมือขึ้นขอร้องพนักงานต้อนรับอย่างสุภาพ

                “ค่ะ ดิฉันจะลองพยายามนะคะ แล้วจะติดต่อไปค่ะ”

     

                บ้านกรณ์วิภาค

                บรรยากาศคึกคื้นเพราะวันนี้ อดิศวร ยาริกาพาลูกๆ ทั้งสาม มาเยี่ยมคุณปู่คุณย่า แม้ว่าบ้านจะอยู่บริเวณเดียวกัน แต่นานนับวันได้ที่จะได้พบปะสังสรรค์กันครบครอบครัว อดิศวรพาลูกชายแฝดสองคน อายุสามขวบ

    และลูกสาว น้องแพรอายุหนึ่งขวบครึ่ง และยาริกากำลังตั้งครรภ์แฝด ซึ่งตอนนี้ก็ท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว อดิศวรและยาริกามีครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้คุณหญิงแพรวและท่านนายพลสวัสดิ์ มีความสุขในการเลี้ยงหลานทั้งสาม

    อดิสรมักจะหาเวลาแทบทุกสองอาทิตย์มาเยี่ยมหลานๆ ที่บ้านแฝดผู้น้อง

                “มานี่สิ อ้นมาให้ลุงอุ้ม ไหนมาถ่ายรูปกันหน่อยสิ สามขวบนี่ยังไม่มีรูปถ่ายด้วยกันเลยนะ” อดิสรอุ้มหลานชายขึ้นมาอุ้ม พร้อมอีกมือก็อุ้มแฝดอีกคน

                “ศวรถ่ายรูปให้หน่อยสิ”

               

                เอลี่ ก้มมองรูปอินสตาร์แกรม น้ำตาไหล อดีตชายคนรักในมืออุ้มเด็กชายแฝดหน้าตาน่ารัก หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้ง นี่เธอคงบ้าที่ตามเข้าไปแอบดูเฟสบุ๊คและอินสตาร์แกรมอีกฝ่าย โดยผ่านบัญชีเพื่อนรักที่เป็นเพื่อนของอีกฝ่าย

                “พี่สรคงมีความสุขมากกับครอบครัวของพี่ เอลี่กลับมาแล้วนะ”

     

                อดิสรรับโทรศัพท์ แล้วขมวดคิ้ว “ว่าไงนะ ใครจะขอดูห้อง คุณได้ถามชื่อไว้หรือเปล่า” อดิสรเดินปลีกตัวออกจากกลุ่มครอบครัว หัวใจเต้นแรง

                “ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ”

                “ผู้หญิงค่ะ มิสซีสโทมัสเธอยืนยันว่าเธอจะขอดูแค่สิบนาที แล้วจะไม่ทำให้ห้องเสียหายค่ะ”

                “ถ้าคุณรับรอง ทางผมก็โอเคไม่มีปัญหา” อดิสรถอนหายใจอย่างรู้สึกผิดหวัง

     

                “สร วันจันทร์นายช่วยพบกับมัณฑนากรของบริษัท immee design แทนได้ไหม แยมมีนัดตรวจหมอด่วน ช่วงนี้เห็นบ่นปวดหลัง ปวดเอว นี่ท้องนี้ดูเหมือนแยมไม่ค่อยแข็งแรงเลย คิดว่าท้องนี้ก็ว่าจะทำหมันเลยดีกว่า สงสารแยม”

                “ห้าคน ก็พอแล้วเดี๋ยวนี้เห็นไหมคุณย่าไม่บ่นขอให้เรามีแฟนอีกเลย”

                “ว่าไง ไปแทนเราด้วยนะ สาวคนนี้เก่งมากได้เกียรตินิยมจากยูดัง แถมได้ทำงานอยู่เมืองนอกหลายปี ประสบการณ์เพียบ สวยอีกต่างหาก”

                “ไม่ต้องมาบิ้ว เราไม่ชอบผู้หญิงบอกแล้วไงว่าผู้หญิงน่าเบื่อ บอกแล้วไงไม่ชอบคนพูดมาก มีผู้หญิงที่ไหนไม่พูดมากมีไหม”

                “อยากดูรูปไหม เผื่อเจอวันจันทร์จะได้ไม่อึ้งในความสวยไง”

                “ไม่...”

                “ไป น้องแพรไปเล่นกับลุงดีกว่า” อดิสรอุ้มเด็กหญิงแพร ซึ่งตอนนี้กำลังหัดเดิน

     

     

                “จริงเหรอค่ะ เจ้าของห้องให้เข้าไปดูห้องได้เหรอค่ะ ขอบคุณค่ะ” เอลี่ดีใจ

                เอลี่เดินเข้าไปในห้องที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นห้องที่เธอและอดีตคนรัก ใช้เป็นที่พักอยู่ระหว่างที่ชายหนุ่มทำงานที่นี่ อดีตความรัก ความสุขตัดผ่านเข้ามาในความคิด เอลี่นั่งลงที่เตียงที่เคยใช้เป็นที่นอน มือเรียวยาวลูบไล้ไปมา

               

                เสียงโทรศัพท์ ทำให้เอลี่รีบเช็ดน้ำตา  “ว่าไงค่ะ บอส”

                “เอมี่ค่ะ รู้แล้วค่ะบอสไว้เอมี่จะโทรไปคอนเฟริ์มกับคุณศวรค่ะ ไม่น่ามีปัญหานะคะ โอเคค่ะ” เอลี่ใช้ชื่อใหม่กับที่ทำงานเพื่อปกปิดอดีตของตนเอง

               

    บ้านกรณ์วิภาค

                เสียงโทรศัพท์มือถือของอดิศวรดังติดๆกัน หลายครั้ง ชายหนุ่มกำลังอุ้มลูกสาว อีกมือหนึ่งก็กุมมือภรรยาสาว ที่กำลังดูละครโปรดอย่างเอาใจ ไม่น่าเชื่อว่าอดิศวรจะกลายเป็นแฟมมาลี่แมน ในขณะที่หลานชายอีกสองคน กำลังเล่นง่วนกับพี่เลี้ยง อดิสรมองภาพความสุขของครอบครัวน้องชายอย่างนึกอิจฉา เสียงโทรศัพท์มือถือยังดังติดๆกัน

                “สร รับโทรศัพท์ให้หน่อยสิ รับเรื่องไว้ด้วยนะ”

                “อื้ม” อดิสรหยิบโทรศัพท์ของน้องชายฝาแฝด

     

                “ฮัลโหล”

                “สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรมาจาก อิมมี่ ดิไซด์อยากมาคอนเฟริ์มกับคุณอดิศวรเรื่องนัดเราวันพรุ่งนี้ ตกลงเก้าโมงเช้าโอเคหรือเปล่าค่ะ พอดีตอนเย็นดิฉันมีนัดลูกค้าอีกคน”

                “คุณชื่ออะไร” น้ำเสียงของอดิสรเคร่งขรึม เมื่อเสียงหวานทางปลายสาย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ยังไม่ฟังอะไรอีกฝ่าย ก็ร่ายยาว

                “คุณไม่ใช่คุณอดิศวรนี่ งั้นดิฉันขอโทษไว้ดิฉันค่อยโทรไปใหม่ค่ะ นี่ถ้าคุณไม่ใช่คุณอดิศวรก็ไม่ควรปล่อยให้ดิฉันพูดพล่ามออกมาตั้งเยอะแยะ” เอลี่หรือเอมี่ เดาออกทันทีว่าใครอยู่ปลายสาย หญิงสาวรีบกดวางราวกับของร้อน เสียงหัวใจเต้นแรง เมื่อรู้ว่าปลายสายคืออดีตคนรัก

                “นี่คุณ...คุณ”

                “อะไรว่ะ ไม่มีมารยาท แล้วงี้จะทำงานกันได้เหรอ ยังคุยอะไรกันไม่รู้เรื่องเลย” เสียงอดิสรโวยวายทำให้อดิศวรชะเง้อมอง

                “ศวร ตกลงพรุ่งนี้เราตกลงไปทำงานแทนนายนะ แล้วงานนี้นายยกเรื่องมาให้เรา แล้วหยุดดูแลคุณแยมไปเลย ทางบริษัทเดี๋ยวเราจะจัดการให้”

                “เห้ย เกิดไรขึ้นว่ะ เมื่อกี้ยังอิดออดอยู่”

                “หมั่นไส้คน..กลับล่ะ ต้องรีบนอน พรุ่งนี้เผื่อจะได้ลับฝีปากกับคน ชักสนุกล่ะไม่รู้สึกแบบนี้มาตั้งนานล่ะ”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×